จนตรอก Next Murder "หนูไม่ได้ตั้งใจจะเป็นหรอกนะไอ้ฆาตกรเนี่ย แต่เพราะเรื่องราวมันยาว มากมายสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกินกว่าจะพรรณนา หนูจึงต้องหวานอมขมกลืนและจนตรอกอยู่อย่างนี้..." เรื่องของเรื่องมันเกิดจากความเมตตากรุณาที่หนูมีจนล้นปริ่มจิตใจ มากเกินปรกตินั่นเอง หนูจึงตกอยู่ในสภาพไม่ปรกติเยี่ยงนี้ ถ้าหนูรู้ตัวว่าหนูจะเฮงซวยได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างนี้ หนูคงจะเป็นคนเห็นแก่ตัวไปตั้งแต่แรกแล้ว หนูจะไม่เป็นคนดีให้ฉิบหายวายวอดอย่างนี้หรอกค่ะ คุณขา เรื่องมันมีอยู่ว่า วันนั้นเป็นวันเสาร์ อุ๊ย เจ้าตัวเล็ก โอ ช่างน่ารักเหลือเกิน หลังจากที่หนูหอบหิ้วของพะรุงพะรังกลับมาจากตลาดนัดสวนจตุจักร ไม่รู้ว่าเทวดา ณ สรวงสวรรค์ชั้นใด บันดาลให้ร่างของเจ้าหมาน้อยสองตัว สีน้ำตาลอ่อนกับสีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องดั่งผ้าขาวและแม่ของมันมาปรากฏกายอยู่ต่อหน้าหนู อาดวงตาช่างเปล่งประกายอ้อนวอนชวนเวทนา ดวงตาของน้าชื่นชม(หรืออีชื่นชมในปัจจุบันนี้)หมาตัวแม่ทอประกายวาววาม เย้ายวนให้นึกเอ็นดู ลูกน้อยทั้งสองตัววิ่งไล่กัน ส่งเสียงใสแจ๋วน่าทะนุถนอม เร่งเร้ากระตุ้นต่อมปรานีของหนูให้หลั่งสารกรุณาออกมาจนล้นห้วงดวงใจ เจ้าตัวน้อย มานี่เร้ว มา มา หนูวางของกระจุกกระจิกที่ซื้อมาจากตลาดนัดสวนจตุจักรลงบนพื้น ทรุดตัวลงนั่งเพื่อให้เจ้าลูกหมาที่น่าสงสารได้เข้าใกล้และรับรู้ถึงกลิ่นอายความเมตตากรุณาที่แผ่รังสีออร่าออกจากร่างของหนู น่ารักจังเลย อุ๊ยตายแล้ว น่ารักกว่าไอ้หงุมหงิมซะอีก รายนั้นนะ ทั้งซื่อทั้งบื้อ ไม่รู้จักประจบเอาใจเจ้าตัวเล็ก ตาแป๋วเชียว อุ๊ย! ขี้เล่นซะด้วย เจ้าหมาน้อยทั้งสองตัววิ่งเข้ามาพันแข้งพันขาทั้งดมทั้งเลีย ถูกใจหนูล่ะซีคะท่านขา สุนัขจรจัดที่หนูสงสารและเก็บมาเลี้ยง ลูกมันสอง รวมกับตัวแม่ของมันด้วย เป็นสาม (มีที่หนูเลี้ยงไว้ก่อนหน้านี้อีกหนึ่งตัว ชื่อหงุมหงิม) ตั้งแต่ได้พวกมันมานะคะ หนูเดือดร้อนไม่เว้นแต่ละวัน หนูเริ่มยิ้มแห้งๆตั้งแต่วันที่สองที่มันมาอยู่ ตอนแรกก็นึกว่ามันยังไม่คุ้นกับสถานที่เลยเด๋อๆด๋าๆ ทำอะไรไม่ถูก แต่หนูก็เข้าใจมันนะคะ ความรักของหนูที่มีให้แก่พวกมันยังล้นปริ่มห้วงดวงใจ มิได้ลดน้อยถอยลงเลย จนกระทั่งวันที่สาม... รอยยิ้มแห้งๆของหนูเริ่มเหือดหายในวันที่สาม หนูชักเอาใจมันไม่ถูก เดาไม่ออกว่ามันต้องการอะไร เวลาไหน มันจะทำอะไร ตอนกลางวันหนูต้องไปเรียน พ่อแม่ต้องไปทำงาน จะขังไว้ในบ้านเหมือนหงุมหงิมก็ไม่ได้ เพราะพวกมันจะทำลายข้าวของในบ้าน หนูรู้ฤทธิ์เดชมันตั้งแต่วันอาทิตย์ตอนเย็น คือหนูกับพ่อกับแม่ต้องออกไปทานข้าวนอกบ้านทุกเย็นวันอาทิตย์ หนูไว้เนื้อเชื่อใจมัน ขังเอาไว้ในบ้านกับหงุมหงิม เพราะรักและทะนุถนอม กลัวยุงไต่ไรตอม ระหว่างที่หนูสุขสำราญบานใจอยู่กับพ่อแม่ที่ร้านอาหาร หนูไม่รู้เลยจริงๆว่าจะต้องตะลึงจนลืมโลกในกาลต่อมา พอกลับมาจากข้างนอก หลังจากทานอาหารมาจากนอกบ้าน พอเปิดประตูเข้ามา ทันใดนั้น พระคุณเจ้า! หนูได้เจอกับสภาพบ้าน บ้านที่มีข้าวของ หนังสือหนังหา ถ้วยชาม กระดาษหนังสือพิมพ์ เศษผ้า เศษไม้ แจกันที่แตกกระจุย ถังขยะที่แตกกระจายราวกับกองขยะเทศบาล หนูต้องรีดผ้า แต่กว่าจะได้รีดก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน เพราะต้องเก็บข้าวของ เช็ดบ้านและคราบน้ำตาของตัวเอง จากนั้นหนูก็ต้องรีดผ้า แต่ก็พบว่าผ้าที่แขวนไว้ที่ราวเพื่อรอรีดนั้น เจ้าหมาตัวไหนไม่รู้ มาฉี่ใส่ เหม็นหึ่งเลย จับของใครดมก็ไม่ได้ แต่รู้ว่าไม่ใช่หงุมหงิมที่หนูจงเกลียดจงชังมาตลอดเวลา เสื้อตัวนั้นหนูต้องใส่พรุ่งนี้เช้า หนูก็เลยเอาไปซักใหม่ ปั่น อบจนเกือบแห้งแล้วก็เอามารีด ลองทายซิ คืนนั้นหนูได้นอนตีไหนเอ่ย ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่และภาระอันหนักหน่วงได้ตกอยู่ที่หนูเพียงคนเดียว ท่านขา พ่อแม่หนูเตือนแล้วด้วยความหวังดี(ที่หนูมองไม่เห็น)ท่านบอกว่าให้คิดให้ดีก่อน นั่นมันหมาไม่มีหัวนอนปลายตีน หนูก็ซื่อใสใจบริสุทธิ์ เป็นแม่พระของปวงชน หลั่งน้ำตาอุทิศแด่ความโหดร้ายใจดำของท่านพ่อกับท่านแม่ ต่อว่าต่อขานว่าท่านทั้งสองไม่มีน้ำใจ ไร้ความเอื้ออาทร ไม่มีเมตตาจิตต่อเพื่อนร่วมโลก จากนั้นท่านก็เลยใจอ่อน ยินยอมให้พาพวกหมาหน้าตาสดใสไร้หัวนอนปลายตีนพวกนั้นมาเลี้ยง ตราบจนวินาทีนี้ หนูยังไม่เห็นวิตามินหรือประโยชน์จากพวกมันสักนิดเลย ตอนกลางคืนหนูต้องคอยออกมาเปิดประตูต้อนรับมัน ให้มันเข้ามา ถ้ามันอยากเข้า เพราะมิฉะนั้นมันจะกระโดดปีนหน้าต่าง แล้วทำเสียงดัง ตะกุยหน้าต่างจนมุ้งลวดแหก ขอบอกค่ะ เป็นอย่างนี้ทุกคืน พอเปิดให้สมใจมันแล้ว มันทั้งสาม คือไอ้แช่มหมาตัวผู้สีน้ำตาล อีช้อยหมาตัวเมียสีขาวที่หนูคิดว่ามันบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาว และอีชื่นชม(หรือน้าชื่นชมในอดีต) อีนี่ตัวดีเลยแหละ เจ้าแม่ประจำบ้านเลยนะเนี่ย ลูกจะเข้าจะออก มันจัดการให้หมด ตามใจลูกจนเคยตัว พออีแม่เป้งตัวฉกาจนั้นพาลูกทีมมาเดินสำรวจความเรียบร้อยในบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนูก็ง่วงแสบตาไปหมด หนูเลยปิดประตู เข้าไปในห้องนอน มุดเข้าไปนอนต่อในผ้าห่ม หนูเพลียจัดทุกคืน อีสุนัขเวรทั้งหลายนี่ เอาแล้ว พอเข้ามาสมใจแล้วก็อยากออก รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกคุมขัง ต้องการการปลดปล่อย เรียกร้องหาอิสระเสรีภาพ ต้องพาลูกออกจากพันธนาการนี้ให้จงได้ ว่าแล้วก็ตะกุยตะกายหาทางออก พอออกไม่ได้ก็มาเคาะห้องหนู ครางหงิงๆร้องขอความเป็นธรรม หนูก็ต้องงัวเงียตื่นอีกครั้งมาเปิดประตูให้มัน พอหนูเปิดแล้วมันก็ไม่ออก ต้องเชิญมันออก พอเชิญมันแล้ว มันก็จะเชิดหน้า พาลูกเดินตามกันต้อยๆออกไปอย่างสง่างาม ส่วนอีนังหงุมหงิมลูกชังของหนูนั้นยังนอนหลับปุ๋ย ไม่ออดอ้อนหรือก่อกวนใคร พออกไปแล้วก็อยากเข้ามาอีก โอ๊ย ทายใจมันไม่ออก ตามมันไม่ทัน ไม่รู้มันลืมของไว้หรือไง พวกมันคงอยากให้หนูเปิดประตูไว้ตลอดคืน เพราะสะดวกดี เข้าง่ายออกง่าย แต่หนูกลัวโขมยขึ้นบ้าน เพราะมันเข้าง่ายออกง่าย พ่อแม่กำชับไว้ตลอด ห้ามเปิดบ้าน กลัวขโมยขโจรจะเข้ามา เลยต้องมาคอยเปิดปิดประตูให้พวกมัน สงสารหนูมั้ยคะ คุณขา พ่อแม่หนู หนูยังไม่เคยตามใจขนาดนี้เลย แล้วนี่มันเป็นใคร? หนูต้องเผชิญกับคืนทรมานหลายสัปดาห์ผ่านไปท่ามกลางมรสุมชีวิต หนูไปโรงเรียนสายทุกวัน การบ้านก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำส่ง คราวนี้หนูไม่ยอมมันแล้ว หนูไม่ให้มันเข้าบ้าน หนูปิดประตูและหน้าต่างไว้สนิทแน่นหนา ร้อนก็ทนๆไปก่อน เปิดพัดลมเอา เดี๋ยวอีกประมาณสองเดือนก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว(หนูไม่เปิดแอร์นอนค่ะ เป็นภูมิแพ้) ตะกุยเลย เอาให้เล็บหักไปเลย ให้ตายก็ไม่เปิดประตูให้หรอก ลองดูซิ มันจะทำยังไงต่อไป มันจะประท้วงอะไร เอ้า ว่ามาเลย แต่ต้องตอนเช้านะ กลางคืนหนูนอน แต่อนิจจามันไม่อดข้าวประท้วงหนูหรอก เพื่อนบ้านของหนูหลายคนโดนพวกมันกระโดดไปตะกุยบนกระโปรงรถ ทิ้งรอยเท้างามๆของหมาสามตัวไว้เป็นอนุสรณ์ที่จะต้องรำลึกนึกถึงไปตราบชั่วนิรันดร์ พ่อหนูต้องไปขอโทษขอโพยและจ่ายค่าซ่อมรถให้เขา หนูมองหน้าพ่อไม่ติดเลยค่ะ แย่เสียยิ่งกว่าแอบมีเซ็กส์กับงูเหลือมตัวผู้แล้วท้องเสียอีก สายตาของพ่อนั้นช่างบ่งบอกถึงความรู้สึกที่ยากแก่การจะเอ่ยคำว่าขอโทษ ไอ้แช่ม อีช้อยกับอีชื่นชมแม่มันยังลอยหน้าลอยตาวิ่งไล่งับขากันอย่างมีความสุขอยู่อีก หนูภาวนาอยากให้มีรถหมาแลกถังน้ำผ่านมาแถวหมู่บ้านจัดสรรของหนูเหลือเกิน หนูจะส่งพวกมันขึ้นรถไปสู่เขียงหมาท่าแล่สกลนครอย่างสวัสดิภาพแล้วเอาถังน้ำสามใบงามๆมาขอขมาท่านพ่อท่านแม่ อีพวกหมาไม่มีวิตามินทั้งหลาย ดูซิมันยังมาทำหน้าป๋อหลอใส่อีก หนูรู้แล้วค่ะ ว่าหน้าตาของผู้ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายมันเป็นยังไง มันเปี่ยมสุขแค่ไหนแง้! มันขี้ใส่รองเท้าคู่ใหม่ของหนู จนวันนี้หนูทนไม่ไหวอีกแล้ว เรื่องราวความเอ็นดูแบบพิศดาร ความน่ารักสารพัดพิษของมันจะจดจารึกไว้ในรอยแค้นของหนูไปตลอดชีวิต ถ้าใครสงสารเวทนาหรือเอ็นดูพวกมัน มีความประสงค์จะรับหมาที่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างไว้ในความอนุเคราะห์ล่ะก็ ติดต่อมาที่หนูนะคะ หนูยินดีที่จะให้ เอาไปเลยฟรีๆไม่มีค่ากำเหน็จ แถมเงินด้วย เพราะหนูไม่อยากเป็นฆาตกร ไม่อยากฆ่าหมาที่ตัวเองเก็บมาเลี้ยงด้วยความเมตตา หนูประสบเคราะห์กรรมมามากพอแล้ว หนูทำอะไรไม่ถูกแล้วจริงๆ หรือในอีกกรณีหนึ่ง กว่าจะมีคนติดต่อขอรับเลี้ยง มันอาจตายโหงก่อนแล้ว ฮือๆๆๆๆ ยังไงหนูก็ต้องขออโหสิกรรมให้พวกมันล่วงหน้าด้วยนะคะ เลี้ยงดีจะตายอยู่แล้ว (หนูจะตายจริงๆนะคะ) ยังมาสร้างความเดือดร้อนให้อีก หนูทนไม่ไหวจริงๆ โธ่ ความเมตตากรุณาที่แสนจะเสียเปรียบของหนู ความทุกข์ของหนู ไม่ได้มาจากการเสแสร้งแกล้งกระทำนะคะพระเดชพระคุณ เพราะพวกมันแท้ๆ อีพวกนิสัยหมาๆ ขอขอบพระคุณ นางสาวใจบุญ สุนทาน หญิงใสซื่อบริสุทธิ์ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เป็นฆาตกรมาก่อน และก็ยังคงเป็นคนจิตใจเมตตาอารีเสมอ (ยกเว้นกับอี 3 ตัวนี่) หึ! อีพวกชิงหมามาเกิด แล้วยังเกิดมาเป็นหมา!
Based On The True Story Written By Whisky Le FongBeer หล่อทุกอิริยาบถ
WhiskY Happiness you can drink
ถ้าเขียนแรงไป ขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะคร้าบ - - - - - -ฮือๆๆๆๆ - - - - - กลัวโดนว่าจัง (แต่ก็ยังเขียน เหลืออีกตั้งเกือบ 30 เรื่องแน่ะ ที่ยังเก็บไว้) วิสกี้ หล่อทุกท่วงท่า
23 เมษายน 2548 16:54 น. - comment id 84415
โอ เขียนเรียกรอยยิ้มได้...เหมือนจริงเลยนะพ่อคุณ ขอรูปไปลงรวมกระทู้รูปชาวเน็ตหน่อยนะคะ ทิกิ http://www.thaipoem.com/web/linkmain.php?url=http://www.thaipoem.com/web/scoopdata.php?id=2885
23 เมษายน 2548 18:20 น. - comment id 84416
อ่า สนุกดีแรงมีฝีปากกล้า น่านับถือแต่เอ๋อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ.... ยังไงกันแน่
23 เมษายน 2548 18:41 น. - comment id 84418
เข้ามาดูหน้าก่อน วิสกี้+เบียร์อะไร ถึงได้หล่อแบบนี้ อิอิ แล้วจะย้อนมาอ่านอีกครา อิอิ
23 เมษายน 2548 20:08 น. - comment id 84422
โอ- - -แรง อุอุ - - อ่านแต่ชื่อค่ะ ยังไม่ได้อ่าน ฮิ้ววว เมนต์ก่อนแล้วจาอ่านนะค๊า
23 เมษายน 2548 22:49 น. - comment id 84427
ก็ไม่รู้ว่าโหดป่าวนะคะพี่วิสกี้.....เพราะว่าไม่ชอบหมาอยู่แล้วอะ....แต่ยังไงก็ไม่เคยคิดจะฆ่ามันนะคะ.......กะลังรอเรื่องใหม่อยู่นะคะ
24 เมษายน 2548 21:50 น. - comment id 84460
หึหึ ชอบง่ะ อุ้ยตาย ว้ายกรี๊ด คนอารายกัง หล่อซะปางนี้ สุดหล่อ หล่อจนสุดเสียแล้วเหรอนี่ เฮ้อๆๆ เอิ๊กๆๆ ได้เห็นหน้าคนแรกแล้ว ไปล่ะน่า ไม่ชอบอ่านอารายที่มันยาวๆ อุจจาระเกียจอ่าน แต่เห็นชื่อเรื่อง กับคนแต่งแล้ว เลยเข้ามาดูเฉยๆ ครับ
25 เมษายน 2548 15:34 น. - comment id 84503
เข้ามาทัก แอลว่าวิสกี้ ไม่น่าปากปีจอเลยนะ แต่เรื่องก็ขำขำ
25 เมษายน 2548 17:47 น. - comment id 84512
สวัสดีครับคุณ- น.นิรัติศัย ขอบคุณครับพี่เดะที่ชม มีการเอ๋อเหรอเล็กน้อยถึงปานกลาง อิอิ
25 เมษายน 2548 17:52 น. - comment id 84513
สวัสดีครับ คุณ คนเมืองลิง พี่อุ๊ อย่าลืมกลับมาอ่านนะครับ อย่าฝากไว้นาน ไม่มีดอกเบี้ยเพิ่มนะครับ มีแต่คอมเมนต์ อิอิ
25 เมษายน 2548 17:55 น. - comment id 84515
สวัสดีคัรบ คุณ- **พาฝัน** อย่าลืมกลับมาอ่านเน้อ ชวนโยมาด้วย จะร้องดูมดูมให้ฟัง อิอิ
25 เมษายน 2548 18:02 น. - comment id 84517
สวัสดีครับ คุณ- ละอองทราย แต่พี่กี้ชอบหมานะครับ โดยเฉพาะนังเอวหวาน ไอ้ฮาร์ดคอร์ ไอ้อีที นังเจสสิก้า หมาจรจัดที่ชอบเข้ามาเรียนReading และ Linguisticsกับเรา ที่อาจารย์ธวัชชัยท่านอุปการะ พี่สงสารมันน่ะ มีข่าวว่าคนในคณะแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาเอาไปฆ่า พี่ล่ะกลุ้ม จะรวมกลุ่มประท้วงให้ได้ ถึงมันจะเข้าเรียนในห้องกะเรา แต่มันก็เงียบนะครับ ไม่ได้มาคุยกันยุกยิกๆ สร้างความรำคาญใจอะไร แต่ในเรื่องนี้ เจ้าตัวเค้ารำคาญหมาน่ะ (เอาเรื่องจริงของชาวบ้านมาแต่งนะเนี่ย) เพราะหมาจรจัด 3 แม่ลูกมันสร้างความเดือดร้อนให้ พี่ไม่คิดฆ่าหมานะ พี่รักหมาจะตาย จูบปากกับหมาด้วย เห็นมั้ยล่ะ ปากติดเชื้อเลย เชื้อปีจอไง อิอิ
25 เมษายน 2548 18:03 น. - comment id 84518
สวัสดีครับ คุณ- BongNothMaRu ขอบคุณน้องน็อตนะครับที่ชม วันไหนเจ้าสำนึกผิดแล้ว เจ้าจงกลับมาอ่านนะลูกยา เหอๆๆๆๆๆ
25 เมษายน 2548 18:05 น. - comment id 84519
สวัสดีครับ คุณ- ไม้จิ้มฟันพิฆาตเซียน จะไม่ให้ปากปีจอได้ไงล่ะแอล ก็จูบปากกะหมาบ่อยๆนี่ แบบว่าชอบหยอกกันกะหมาอะ อิอิ ตัวพี่เกิดปีกุนนะ แต่ปากพี่เกิดก่อนพี่ปีนึง(ปีจอไง)