กาลครั้งหนึ่ง .. ยังมีเธอ (ตอนที่ 6)

Tawan

ระหว่างทางเข้าเมือง มนสิการอยากจะชวนทอแสงคุย แต่ทอแสงได้แต่นั่งเงียบและมองข้างทางพร้อมกับคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ต้นกล้าดูโกรธและไม่พอใจที่ทอแสงมาที่นี่ บางทีเขาอาจไม่ต้องการเจอใครอย่างที่เพื่อนๆบอกก็ได้ แต่เธอก็หาเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะอะไร
คุณแสงคะ มนสิการเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
คะ ทอแสงตอบรับ เสียงของมนสิการทำให้เธอหลุดออกจากความคิดที่ถาโถมหนักหน่วง
คุณแสงคิดเรื่องครูกล้าอยู่เหรอคะ น้ำเสียงของมนสิการเต็มไปด้วยความกังวลใจ
	
ทอแสงไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร เธอได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบ
	
ครูกล้าคงมีเรื่องไม่สบายใจมั๊งคะ ปกติครูกล้าก็ไม่เคยเป็นแบบนั้น
	
คำพูดของมนสิการยิ่งทำให้ทอแสงไม่สบายใจ ก็จริงอย่างที่มนสิการพูด ต้นกล้าไม่เคยมีอาการโมโหหรือไม่พอใจรุนแรงอย่างนั้นมาก่อน โดยเฉพาะกับเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นมันแปลว่าอะไร ต้นกล้าไม่ต้องการให้เธอวุ่นวายในชีวิตเขาอย่างนั้นหรือ
	
คุณม่อนสนิทกับกล้ามากเหรอคะ ทอแสงโพล่งออกไป เธออยากรู้เหลือเกินว่า เวลานี้ ต้นกล้ามีใครที่สำคัญกับเขาแล้วหรือยัง
	
อ่อก็ไม่หรอกค่ะ สนิทกันตามประสาคนที่ทำงานด้วยกัน เจอกันทุกวันเท่านั้นเองคะ มนสิการตอบด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มแจ่มใส และเธอก็ดูมีความสุขที่ได้พูดถึงความสัมพันธ์นั้น
	
ทอแสงเงียบไป บางที มนสิการอาจจะชอบต้นกล้าและต้นกล้าเองก็อาจจะรู้สึกไม่ต่างกัน ความคิดนี้เหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจ ทำเอาน้ำตาพาลจะไหลออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว
	
คุณแสงสนิทกับครูกล้ามากใช่ไหมค่ะ ครูกล้าเคยเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนสนิทที่มหาลัยและรักกันมาก มนสิการเริ่มชวนทอแสงคุย แต่ทอแสงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะตอบคำถามหรือเล่าเรื่องระหว่างเธอกับต้นกล้า
	
ค่ะกล้าเคยพูดถึงพวกเราด้วยเหรอคะ น้ำเสียงของทอแสงนั้นแฝงไว้ด้วยความน้อยใจและเจ็บปวด เพื่อนที่สนิทและรักกันมากอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมต้นกล้าถึงจากมาที่นี่โดยไม่ร่ำลาสักคำได้ลงคอ และถ้าเป็นอย่างนั้น ต้นกล้าคงจะยินดีที่เห็นเธอมาหาเขาแทนที่จะแสดงความโมโหออกมา
	
บทสนทนายาวนานต่อเนื่องไปจนถึงตลาดในเมือง ทอแสงได้รู้ว่ามนสิการเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เธอใช้ชีวิตในกรุงเทพกับแม่ที่แยกทางกับผู้เป็นพ่อตั้งแต่เธอยังเด็ก จนกระทั่งเรียนจบและทำงานที่กรุงเทพได้หนึ่งปี เธอจึงตัดสินใจย้ายมาอยู่กับพ่อที่นี่ซึ่งถึงวันนี้ก็เกือบจะ 2 ปีแล้ว 
ตลาดในเมืองช่วงบ่ายยังคงคราคร่ำไปด้วยชาวบ้าน ภาพวิถีชีวิตเรียบง่ายที่ได้เห็นทำให้ทอแสงรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง มนสิการซื้อของสดไปมากมาย เธอตั้งใจที่จะต้อนรับเธอและเพื่อนๆของต้นกล้าอย่างเต็มที่ แต่ทอแสงเองกลับกังวลกับการเดินทางมาถึงของปลายฟ้า, กวีและเม่นเพราะเธอไม่แน่ใจแล้วว่าต้นกล้าจะยินดีกับการได้เจอทุกคนหรือไม่
หลังจากกลับจากตลาดสด ทั้งต้นกล้าและวันชาติไม่ได้อยู่ที่บ้านครูใหญ่แล้ว มนสิการชวนทอแสงเข้าครัวเพื่อทำกับข้าว ครูใหญ่ชวนต้นกล้า, วันชาติและทอแสงทานอาหารเย็นที่นี่ ดังนั้น มนสิการจึงลงมือทำอาหารหลายชนิดและไม่ลืมที่จะเตรียมอาหารพิเศษให้ต้นกล้าเช่นทุกครั้งที่เขามาทานข้าวที่บ้าน
เย็นนี้ม่อนว่าจะทำแกงเขียวหวานไก่ให้ครูกล้าด้วย คุณแสงว่าดีไหมคะ มนสิการพูดพลางหั่นเนื้อไก่อย่างอารมณ์ดี
แกงเขียวหวานไก่. ทอแสงทวนคำ เธอรู้สึกว่าหน้าร้อนวาบขึ้นมาทันที ทอแสงนึกถึงภาพของต้นกล้าในวันที่ทุกคนมาออกค่ายที่นี่เมื่อหลายปีก่อน เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ทอแสง, ปลายฟ้าและเพื่อนผู้หญิงอีก 3-4 คนจะช่วยกันทำอาหาร ต้นกล้ามักจะเสนอให้ทำแกงเขียวหวานไก่ของโปรดของเขา แต่ไม่ใครทำให้เพราะค่อนข้างจะยุ่งยาก ทอแสงเคยบอกเขาว่าวันหนึ่งจะทำให้ทานเอง ต้นกล้าฟังแล้วยิ้มให้แทนคำตอบ แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ทอแสงก็ยังไม่มีโอกาสทำให้เขาทานเลย 
คุณม่อน แสงขอทำเองได้ไหมคะ ทอแสงเอ่ยขึ้นหลังจากตกอยู่ในห้วงความคิดและภาพของต้นกล้าในวันเก่าๆ
อ่อได้สิคะ มนสิการรับคำ งั้นม่อนทำอย่างอื่นนะคะ
ทอแสงหัดทำแกงเขียวหวานมาจากแม่ของเธอนับตั้งแต่สัญญากับต้นกล้า เธอจึงอยากจะทำให้เขาตามที่เคยพูดไว้ แม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม ทั้งสองคนใช้เวลาในครัวค่อนข้างนาน แต่ก็ทำอาหารได้หลายชนิด แกงเขียวหวานไก่ของทอแสงนั้นน่าทานจนมนสิการเอ่ยปากชม ทอแสงไม่อยากบอกมนสิการว่านี่เป็นอาหารชนิดเดียวที่เธอทำเป็น
ต้นกล้าและวันชาติมาถึงบ้านก่อนเวลาอาหารเย็น ทั้งสองคนนั่งคุยกับครูใหญ่พักหนึ่งก่อนจะเริ่มทานอาหาร ทอแสงไม่กล้าสบตาต้นกล้าทั้งที่เธอรู้สึกว่าเขาพยายามมองมาหลายครั้ง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปด้วยดี ทุกคนพูดคุยกันในเรื่องต่างๆรวมทั้งเรื่องโรงเรียน มนสิการชวนทุกคนคุยพร้อมๆกับตักอาหารให้ต้นกล้าไม่ได้ขาด วันชาติก็มักมีมุขตลกเสริมให้ได้หัวเราะเสมอ ส่วนต้นกล้าก็พูดคุยตามปกติราวกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นตอนกลางวัน มีแต่ทอแสงเท่านั้นที่รู้สึกแปลกแยกเมื่ออยู่รวมกับทุกคน วันชาติสังเกตเห็นทอแสงเงียบกว่าใคร เขาจึงชวนเธอคุยบ่อยๆซึ่งนั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้  
หลังมื้ออาหารผ่านไป ครูใหญ่ชวนให้ต้นกล้าและวันชาตินั่งคุยต่อ โดยมีมนสิการคอยบริการผลไม้และเครื่องดื่ม ทอแสงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินของที่นี่ เธออยากจะกลับกรุงเทพและไม่อยากรับรู้ต่อว่าต้นกล้ามีชีวิตอย่างไรที่นี่ เพราะสิ่งที่ทอแสงเห็นคือเขามีความสุขกับสิ่งที่เขาเลือก ได้ทำในสิ่งที่รัก และมีเพื่อนร่วมงานที่ดีซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ทอแสงไม่ต้องเป็นห่วงเขาอีก แต่ในวันพรุ่งนี้ทุกคนก็จะมาถึงที่นี่ ทอแสงไม่อยากจะคิดเลยว่าเมื่อเพื่อนๆได้เจอต้นกล้าแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ต้นกล้าจะยินดีกับการมาของทุกคนหรือไม่ และเธอเองควรจะทำตัวอย่างไรในสถานการณ์ที่ดูเหมือนเธอเป็นส่วนเกินเช่นนี้				
comments powered by Disqus
  • somebody

    22 มกราคม 2546 20:17 น. - comment id 67283

    ชอบมากๆเลยค่า มาpost เรื่อยๆนะค่ะจาติดตาม
  • blueplanet

    6 กุมภาพันธ์ 2546 15:09 น. - comment id 67344

    ชอบมากๆ ค่ะ สนุกดี
    
  Tawan

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน