“ - ตรงเส้นขอบฟ้า - ”

อัลมิตรา

นานมาแล้ว ที่มีคนไกวชิงช้าให้นั่ง
ใช่สิ .. นานมากเหลือเกิน ..
ภาพวัยเยาว์ของฉันในขณะนั้น เป็นเพียงเด็กหญิงที่ไว้ผมยาว
ผมเปียที่ถักไว้ ปลายสะบัดตามแรงเหวี่ยงของชิงช้า
เอาอีก แกว่งสูง ๆ ไปเลย สูงอีก สูงอีก แรง ๆ หน่อย 
จับดี ๆ ละกัน ตกลงมาห้ามฟ้องพ่อนะ คราวก่อนก็ทีนึงแล้ว ซนจนปากแตก 
 โห ก็ตอนนั้นเล่นแรงนี่นา เจ็บนะ ก็ต้องฟ้องพ่อสิ 
เสียงใส ๆที่ ต่อปากต่อคำกับพี่ชาย ไม่ใช่เสียงของใครอื่น 
นั่นคือฉันเอง ลูกสาวคนเล็กของครอบครัวที่เอาแต่ใจตัวเอง จนใครต่างขยาด
ฉันนึกถึงภาพในตอนนั้น อดอมยิ้มไม่ได้ 
วีรกรรมของฉันในตอนเด็กมีมากมาย แต่ละเรื่องล้วนแต่ทำให้คนรอบข้างปั่นป่วน
 เย้ ! .. สนุกจังเลย แกว่งเรื่อย ๆ สิ  ร้องเพลงด้วยน๊า พี่ต้น  
เสียงหัวเราะของฉัน สลับกับเสียงเพลงที่คนไกว ร้องล้อ
ใต้ต้นจามจุรีหลังบ้าน ถัดไปก็เป็นคลองเล็ก ๆ ซึ่งยังอยู่ในบริเวณรั้วบ้าน
คลองแห่งนี้ ..ทำให้เพื่อนของฉันประสบชะตากรรม 
ฉัน .. ไม่สามารถให้คำตอบกับใครได้ว่า เหตุใดจึงไม่ใช่ฉัน ที่จมน้ำ
ฉัน .. พยายามลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เรื่องร้ายที่หลอนอยู่ในความทรงจำ
..ความสูญเสียที่ไม่อาจยื้อคืน 
..ความเศร้าฝังลึก..ที่อยากลบเลือน
...ความปวดร้าว ที่ฉันอยากจะลืม ทว่าไร้ความสามารถที่จะทำ  				
ฉันก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่า 
ฉัน..จมดิ่งไปกับเรื่องราวเก่าๆได้อย่างไร
สิ่งใดหนอ ..ที่ทำให้ฉันเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
    
ใต้ร่มต้นไม้ ฉันนั่งลำพังบนชิงช้า ริมหาดบนเกาะ สถานที่ฉันเพิ่งมีโอกาสมาเยือน
ตั้งแต่ก้าวแรกที่ฉันเเหยียบลงผืนเกาะ
ฉันก็รู้สึกปลอดโปร่ง รู้สึกเป็นอิสระจากพันธะใด ๆ

สีของน้ำ สีของฟ้า ..เท่าที่เห็น ก็เป็นสีฟ้า 
แต่สีฟ้าก็ยังมีความแตกต่างในตัวของสีฟ้าเอง

สีฟ้าที่มีจุดตัดเป็นเส้นขอบฟ้า ฉันไม่รู้ว่า..นั่นเป็นภาพลวงหรือเปล่า
บางที ฉันก็เคยคิดที่จะไปให้ถึงเส้นขอบฟ้า
ทั้งที่รู้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ฉันเดินทาง ฉันก็ไม่มีวันไปถึงเส้นขอบฟ้านั้น

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ ฉันจมอยู่ในภวังค์ 
ฉันไม่ทันได้สังเกตุว่า ตอนนี้เขามายืนอยู่ข้าง ๆ ชิงช้าที่ฉันนั่งอยู่
ท่าทางสุภาพของเขา และยิ้มเก้อ ๆ ที่เหมือนกับว่า 
เขารู้สึกเขินเล็กน้อย ที่ฉันจับได้ว่า เขาแอบยืนมองฉันอยู่

 ผมเห็นคุณอยู่คนเดียวตรงนี้ สักพักแล้ว
ไม่ทราบว่าจะรังเกียจ ที่จะให้ผมอยู่เป็นเพื่อนไหมครับ..  
ฉันยิ้มรับแทนคำตอบ
 อากาศดีนะครับ ถึงแดดเปรี้ยงแต่ก็มีลมเย็นสบาย..ตรงนี้มุมดี ถ้าคุณเอากล้องมาก็จะได้ภาพสวย  
 ไม่ได้เอามาค่ะ .. จริงอย่างที่คุณว่า มองจากตรงนี้ภาพข้างหน้าสวยมากค่ะ

เขานั่งลงบนขอนไม้ใกล้ ๆ พลางชวนคุยไปเรื่อย โดยเริ่มจากบรรยากาศรอบข้าง
จนกระทั่งเขาเอ่ยว่า ..

 คุณครับ ..ผมไกวชิงช้าให้คุณนะครับ  
 หืมม..!    ฉันประหลาดใจ

 เขาลุกขึ้นมายืนที่ด้านหลังและไกวชิงช้าให้ 
 คุณหนูครับ นั่งดี ๆ นะครับ
ฉันหันควับไปมองทันที คำว่าคุณหนูนี้ หลายคนแอบตั้งสมญานามไว้ให้ อาจจะเป็นเพราะว่า
ฉันมักจะทำอะไรไม่ค่อยเป็น และต้องให้คนอื่นช่วยเหลืออยู่เสมอ
 ล้อเล่นนะครับ อย่าเพิ่งทำหน้างอเลย ผมหยอกน่ะครับ .. ผมขอโทษนะครับ  
 ไม่เป็นไรค่ะ ..ทราบค่ะว่าหยอก
ผมจะร้องเพลงให้คุณฟังนะ คุณยิ้มหน่อยสิครับ ผมจะได้สบายใจ 

..ฉันยิ้มให้กับอารมณ์ดีของเขา .. ฉันยิ้มให้กับมิตรภาพที่เกิดขึ้น..

				
ฉันรู้สึกเขินเล็กน้อย จนไม่กล้ามองหน้าเขา
ฉันเฉไฉมองไปทางชายหาด มองไปทั้งที่รู้ว่า
ท่ามกลางแดดระอุ สุดสายตา ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ ...นอกเสียจาก ..
ฟ้า - น้ำ - เส้นขอบฟ้า
คงเพราะมีเพียงพ่อและบรรดาพี่ชายของฉัน 
ที่เคยไกวชิงช้าให้ฉันเล่น และดูแลฉันในยามเด็ก
คนอื่น ๆ .. ไม่เคยมี
เขาร้องเพลงคลอเบา ๆ..  ฉันจำเพลงนี้ได้
เพราะก่อนที่เขาจะร้องเพลงนี้.. ฉันเองมองไปที่นั่น และก็นึกถึงเพลงนี้เช่นกัน
และถึงแม้ว่าเมื่อคืนก่อน..
เขาจะเป่าหีบเพลงให้ฉันฟังเพลงนี้แล้ว
แต่ฉันก็ยังรู้สึกดี .. ที่ได้ยินเพลงนี้ด้วยเสียงของเขา..อีกครั้ง  

...ม อ ง ไ ก ล สุ ด ส า ย ต า 
...สิ่ ง ที่ เ ห็ น คื อ ข อ บ ฟ้ า ที่ จ ร ด ผื น น้ำ อั น ก ว้ า ง ใ ห ญ่
...เ งี ย บ เ ชี ย บ   ไ ร้ ส ร ร พ เ สี ย ง ใ ด
...แ ต่ ท ว่ า   หั ว ใ จ . . ไ ห ว ร ะ รั ว

...ม อ ง ไ ก ล เ ห็ น ฟ้ า จ ร ด น้ำ 
...ดื่ ม ด่ำ กั บ ค ว า ม สุ ข ถ้ ว น ทั่ ว
...บ อ ก กั บ ต น เ อ ง   แ ม้ ไ ก ล สั ก เ พี ย ง ใ ด   จ ะ ไ ม่ ก ลั ว
...แ ม้ ท า ง ข้ า ง ห น้ า จ ะ ส ลั ว ..
...ก็ จ ะ ฝ่ า ไ ป

...จ ร ด ฟ้ า จ ร ด น้ำ 
...ดั่ง ฉั น แ ล ะ เ ธ อ
...จ ร ด น้ำ จ ร ด ฟ้ า
...ดุ จ เ ธ อ แ ล ะ ฉั น

...รำ ลึ ก ถึ ง วั น ..ที่ เ ร า เ คี ย ง กั น   ช ม ฟ้ า จ ร ด น้ำ  ..				
 
...ตรงเส้นขอบฟ้า..รุ่งเรือง เมืองที่เราใฝ่ฝัน
...เก็บความสั่งสม นมนาน  เป็นสายธารสดใส
...จะไปให้ถึง...คนงาม  ถามว่าเป็นสุขไหม
...แบกความสับสน....วุ่นวาย บรรทุกความทรงจำ
...ทั้งๆที่รู้...ร่างกาย  มากมายแผลใจเจ็บช้ำ
...ไม่โทษไม่ถาม...ใครทำ  จะไม่ซ้ำในรอยแผลเก่า
...เพื่อวันที่หวัง  ยังรอ...ต่อไป   ด้วยใจมั่นคง
...หลงคอยแลแม้คืนวันไกลห่าง ไม่จืดจางร้างลา  
...แม้เวลาล่วงเลย.... อยู่เป็นนิรันดร์
...ทั้งๆที่รู้...ว่าไกล  จะไปแม้ไกลกว่านั้น
...กี่เดือนกี่ปี...กี่วัน  คืบคลานทนทานเพื่อเธอ 				
ถ้อยอักษรในเนื้อเพลง ฉันไม่แน่ใจว่า 
เขาตั้งใจหรือเปล่าที่จะเน้นบางประโยคให้ฉันฟังหรือเปล่า
เหมือนครั้งหนึ่ง ที่เขาถามฉัน ..ฤๅไร้ใจ ?
ในยามที่ฉันเพิกเฉยต่อเรื่องราวใด ๅ ที่มากระทบรอบข้าง

 ฉันจำได้ว่า ..คืนวันวาน
ด้วยความอ่อนเพลียที่ต้องเดินทางตลอดวัน ฉันจึงอาศัยเต้นท์ที่เขากางไว้ให้
ซ่อนตัวจากกลุ่ม และฉันก็ไม่รู้ว่า ฉันหลับไปนานแค่ไหน
 คุณครับ หลับหรือยังครับ ..  
 หืมม  ! ง่วงนอน ..  
 คุณครับ คุณ ผมมาชวนไปตกปลา ..  
ฉันนึกถึงตอนกลางวัน ที่ฉันเดินตามเขา
ปีนป่ายลัดเลาะไปตามเขาอันตะปุ่มตะป่ำอย่างระวังทุกฝีก้าว
บางช่วง คุณต้องคอยดูแลไม่ให้พลัดตกจากผา จูงมือก้าวกระโดด
และคอยรับตัว ตอนที่ต้องไต่ลงจากผา จนเท้าระบม ...เพื่อไปตกปลา
แต่ฉันกลับตกปลาไม่ได้สักตัว กลายเป็นว่า ..ฉันเอาอาหารไปเลี้ยงปลาทะเลแท้ ๆ
 หืมม ! .. มันมืดแล้วนะคะ..  
 ไม่ไกลครับ ตรงหน้าหาดนี่เอง ตอนนี้น้ำขึ้น ไปด้วยกันกับผมนะครับ ..  
ฉันตกลงตอบรับคำชวนของเขา และค่อย ๆ เดินตามหลัง พร้อมกับรีบสลัดความง่วงที่ครอบงำ
ลมทะเลที่สดชื่น แม้ว่าจะเหนียวตัวสักหน่อย แต่ก็รู้สึกดี ที่คืนนั้นเป็นคืนที่ฉันใกล้ชิดทะเลมากที่สุด				
       
 คุณคะ.. ดูนั่นสิ น้ำทะเลสะท้อนแสงจันทร์ เห็นมั๊ย เป็นริ้วคลื่นเลยนะคะ สวยจังค่ะ ..  
ฉันชี้ไปที่ทะเลและบอกให้เขาดูน้ำที่กระเพื่อมล้อแสงจันทร์
ฉันฮัมเพลงเบาๆ.. 
..เอาใจและร่างออกมาวางเดิมพัน ...
..เดินทางไกลอยู่ใต้แสงจันทร์ ...
..คิดถึงทุกวันคิดถึงทุกคืน ...
..คิดถึงคนรัก ชุบชูใจให้ตื่นฟื้น...
..โอ้ฝันอยู่ทุกค่ำคืน...ในคืนที่มีแสงจันทร์ ...
..อ่อนหวาน ...
ถึงแม้ว่าฉันจะร้องเพลงนี้เพียงบางท่อน แต่ฉันก็ยังอยากจะร้องให้เขาฟัง
จำได้ว่า เขาเคยบอก.. นี่เป็นอีกหนึ่งเพลงโปรดของเขาเช่นกัน				
คุณครับ เดี๋ยวผมมา คุณช่วยถือเบ็ดให้ผมหน่อยนะครับ 
อย่าลืมนะครับ ถ้าสายเบ็ดตุ๊บๆก็วัดขึ้นมาได้เลยนะครับ.. 
 อื้อ เข้าใจ อย่าไปนานนะคะ..  
คล้อยหลังเขาไปเล็กน้อย ฉันก็รู้สึกว่าปลาน่าจะมากินเหยื่อแล้ว  
คำของเขาที่บอกไว้ก่อนเดินออกไป ฉันจำได้ แต่ฉันไม่กล้าวัดเบ็ดขึ้นมา
อาจจะเพราะว่า ฉันกลัวจะทำเบ็ดของเขาเสียหาย ฉันจึงได้แต่ถือไว้อย่างระมัดระวัง
ผ่อนสาย และ เย่อกับปลา ประวิงเวลาไว้รอเขามาจัดการต่อ

ไม่นานนัก เขาก็เดินกลับมาพร้อมกับเก้าอี้ผ้าใบอีกสองตัว
 คือว่า สายเบ็ดมันหนัก ๆ ไม่รู้ว่าเกี่ยวถูกหินหรือเปล่านะคะ คุณช่วยที..  
 ครับ ผมจะดูให้..  อ้าว ! คุณตกได้ปลานะครับ ปลากระบางตัวใหญ่เสียด้วย ท่าจะมากกว่าสามกิโล 
 ดีจัง จริงหรือคะ ..  
ฉันตื่นเต้นมาก นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ตกปลาได้ ฉันไม่กล้าแตะต้องนัก
และเขาก็บอกว่า
  ระวังนะครับ เงี่ยงที่หาง อันตรายมาก หากยักถูกเข้า จับไข้เชียวครับ ..  
ถึงอย่างไรฉันก็ดีใจนะ  ฉันซ่อนอารมณ์ตื่นเต้นดีใจไว้ไม่มิด
ฉันอยากบอกเขาว่า ฉันไม่เคยตกปลามาก่อน 
เพียงแต่สุขใจที่ได้อยู่ข้างๆเขา ไม่ว่าเขาจะทำอะไร
ฉันพอใจเช่นนั้น ..

 พรุ่งนี้เช้า ผมจะทำอาหารเช้าให้คุณทานนะ ..  
 ปลากระบางหรือคะ ..  
 ครับผม ..  
ฉันมองปลากระบางที่เขาถือส่วนหางไว้  ฉันสังเกตุจากปากของมันยังเขยิบพะงาบ
 สงสารมันจัง..  
 ไม่เอาน่า อย่าคิดมาก เราตกปลามาเป็นอาหารไม่ได้ตกมาเล่นๆนะครับ 
เหมือนเขาจะจับความรู้สึกของฉันได้
 ค่ะ  ..   ฉันยิ้มรับและตอบคำสั้น ๆ

ยิ่งดึก คลื่นลมยิ่งแรง .. เขากางเก้าอี้ให้ฉันและสำหรับเขา นั่งไม่ห่างจากส่วนที่น้ำทะเลมาถึง
ทั้งที่ไม่ไกลนัก เพื่อน ๆ ยังคงจับกลุ่มนอนดูดาวกันอยู่ 
แต่ดูราวว่าตรงนี้มีเพียงฉันและเขาสองคนเท่านั้น
เขาพกหีบเพลงมาด้วย และเขาก็เป่าบางเพลงที่ฉันคุ้น
ฉันแอบร้องคลอเบา ๆ 

สัมผัสบางอย่างบอกฉันว่า..
ฉันถูกแอบมองบ่อยครั้ง
แต่ฉันไม่กล้าหันหน้าไปทางที่เขานั่ง
คืนแรมแปดค่ำ แลเห็นเสี้ยวจันทร์ และดาวระยับฟ้า
ฉันเหม่อมอง และคิดอะไรบางอย่างไปเรื่อยเปื่อย

บางครั้งฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนเขาชวนคุย แต่..
ท่ามกลางเสียงคลื่นที่ซัดทราย ทำฉันให้จำเป็นที่ต้องเอียงหน้าไปทางเขา
เพื่อจับความในสิ่งที่เขาพูด เขาเองก็เช่นกันโน้มมาทางฉัน
ใบหน้าของเราห่างกันเพียงคืบ 
ฉันหลบสายตา ในขณะที่เขาจ้องหน้า..				

...มหัศจรรย์แห่งรัก อ่อนหวานละมุนดังแสงจันทร์...
...มหัศจรรย์แห่งรัก   สร้างสรรค์พลังอันยิ่งใหญ่
...ต่างคนอยู่ไกลแสนไกล กลับมาอยู่เคียงชิดใกล้..
...ให้ใจฉันและเธอข้ามผ่านคืนวันอันสวยงาม... 

กระทั่งตอนนี้ ฉันก็ยังไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาตรง ๆ
เสียงของเขาถูกกลบด้วยเสียงของคลื่นลม ฉันฟังได้ความบ้างเล็กน้อย
และฉันก็ไม่กล้าที่จะเขยิบตัวไปมากกว่านั้น ..
ราวกับว่า มือของฉันเป็นที่น่าจับตามองเสียเต็มประดา
ฉันสนทนากับเขา แต่สายตาของฉันกลบเกลื่อนด้วยการมองมือของตนเอง
 ผมได้กลิ่นหอม กลิ่นหอมจากตัวของคุณ หอมเหมือนแป้งเด็ก คุณใช้แป้งเด็กหรือครับ..  
ฉันรู้สึกอายมาก ที่คุณถาม 
ถึงแม้จะเป็นคำถามแสนจะธรรมดาสำหรับคุณ
แต่นั่นก็ทำให้ฉันคิดว่า เราใกล้ชิดกันขนาดนั้นเชียวหรือ คุณถึงได้กลิ่นหอมแป้งจากตัวฉัน
ไม่กระมัง อาจจะเป็นเพราะฉันอยู่ต้นลม เขาจึงได้กลิ่นหอม เขาม
 ค่ะ แป้งเด็ก ..   ฉันตอบสั้น ๆ และ แสร้งหันไปมองฟ้ามองดาว..

ตรงเส้นขอบฟ้า ใครต่อใครทอดสายตาไปที่นั่น
ตรงเส้นขอบหัวใจฉัน มีเธออยู่ตรงนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง
 
...มาเถิดมาประดาที่ไม่มีรัก...
...จงประจักษ์น้ำใจว่าใหญ่หลวง...
...อยู่นี่แล้วทะเลรักเชิญตักตวง...
...ไม่ต้องห่วงว่าจะแห้ง..พอแบ่งกัน....				
ยิ่งดึกยิ่งหนาว ..หนึ่งหนาวนั้นย่อมเนิ่นนาน .. กว่าใคร
ฉันแหงนมองฟ้า ดาวที่ตะกี้เห็นกระจ่างใส ตอนนี้ถูกบังด้วยเมฆครึ้มฝน
หากมีพายุฝน จะเป็นเช่นไร กลางดึกเช่นนี้ จะหาที่หลบหลีกตรงไหน
เขาจะพาฉันหลบฝนหรือเปล่า ฉันแค่คิดในใจ ไม่กล้าที่จะถามเขา
เพียงแต่รอเท่านั้น แต่ทว่า ...เสิ้ยววินาที บางทีก็นานเกินรอ.. 


 ตามสบายนะครับ นอนหลับฝันดี ผมจะอยู่ใกล้ ๆ ตรงนี้ มีอะไร หรือจะไปไหนเรียกผมได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ..  
 ค่ะ ถ้าเผื่อฝนตกล่ะคะ ..  
 เต้นท์นี้กันฝนได้ครับ คุณไม่ต้องกังวลหรอก..  
 แล้วคุณจะอยู่ที่ไหน..   ที่ถาม เพราะฉันไม่รู้ว่า เมื่อฝนตก ฉันที่ปลอดภัยในเต้นท์ เขาล่ะจะอยู่ไหน
 ฝนคงยังไม่ตกหรอกครับ ลมตะวันออกแรง คงพัดเมฆไป นอนเถอะครับ ผมห่วงคุณมากกว่า ..  
 ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ..  

เขาก้าวมาใกล้เต้นท์และบอกเชิงกระซิบเบา ๆ ว่า
 ฝันดีนะครับ คนดีของผม ..  
ฉันนอนอุ่นกายด้วยถุงนอนที่เขาบรรจงปูเป็นพื้นอีกชั้น ละถุงนอนอีกชุดที่เขาควรจะใช้นอน
เขาบอกให้ฉันเอาไว้ห่ม เผื่อว่าอากาศช่วงใกล้รุ่งจะหนาว
ส่วนตัวของเขาเองนั้น เขาลากเก้าอี้ผ้าใบมานอนข้าง ๆ เต้นท์
ฉันมองเห็นเขาจากช่องหน้าต่างของเต้นท์
ฉันหลับไปตอนไหนไม่รู้ และตื่นขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงเขาปลุกเบาๆ จากช่องหน้าต่างนั้น

 คุณครับ คุณ ตื่นเถอะครับ เช้าแล้ว ผมอยากให้คุณเห็นภาพสวย ๆ ..  
 หือ กี่โมงแล้วค่ะ ..  
 ตีห้ากว่าแล้วครับ  ผมอยากให้คุณเห็นพระอาทิตย์ขึ้นอีกฟากของเกาะ ไปกับผมนะครับ..  
 ค่ะ ไป รอสักครู่นะคะ ขอหยิบของก่อนค่ะ  ..  
บนเกาะที่ขาดแคลนน้ำจืด เป็นครั้งแรกของฉันที่ต้องล้างหน้า ,แปรงฟันโดยที่ใช้น้ำแบ่งปันกับเขา
น้ำเพียงขันเดียวสำหรับเรา ฉันให้เขาแปรงฟันก่อน หลังจากนั้น..เขาส่งขันน้ำให้ฉัน

ฉันรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องนั่งยองแปรงฟันพร้อม ๆ กับเขา  
ซึ่งเขาเองอาจไม่ได้สังเกตุนัก
ฉันจัดการล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย และเหลือน้ำไม่มาก 
เขาค่อยรินใช้น้ำที่เหลือลูบหน้าเขาบ้าง
ไม่นะ .. ฉันรังเกียจเขาแต่อย่างใด แต่ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ
ฉันไม่รู้ว่า .. เขาจะจับความรู้สึกฉันได้หรือเปล่า
ฉันอายที่จะบอกตรง ๆ ว่า ฉันไม่รู้ว่ามุมไหน ที่เขาจรดริมฝีปากที่ขันน้ำ 

เพราะฉันก็ไม่รู้ว่า รอยริมฝีปากที่ฉันจรดที่ขันน้ำนั้น จะโดนซ้ำรอยหรือไม่..

เมื่อเขาจัดการล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย เขาหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ฉัน .. 
ฉันยื่นผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ปันกับเขาใช้ เขาเอื้อมมือมารับและยิ้มให้ก่อนที่จะเช็ดหน้า				
เขาลงเล่นน้ำทะเล ในขณะที่ฉันเดินเล่นอยู่บนเกาะ
ความจริง ฉันเองก็อยากสัมผัสกับน้ำทะเลมากกว่ายืนดูอยู่เช่นนี้
ดูสิ ! เขาสนุกสนานราวกับเด็กเริงร่า
เขาน่าตีนักเชียว .. ที่ลงไปดำน้ำ จับเอาปลิงทะเล เอาผ้าห่อและหลอกให้ฉันเปิดดู
ในขณะที่ฉันร้องกรี๊ด ๆ เขากลับหัวเราะชอบใจ .. 
ฉันแอบเคืองเล็กน้อย และก็หายไปในไม่ช้า
เขาช่างเอาใจ ช่างง้อ ในขณะที่ฉันขี้งอน
เขาเขยกขึ้นฝั่ง พร้อมกับเนื้อตัวที่เปรอะทราย ดูไม่ได้เลยทั้งหัวหู เปรอะไปหมด


   คุณคะ  ทรายเต็มหน้าเลยค่ะ  ..  
 ครับ  ..   เขาปัดทรายออกจากตัว แต่เขาคงไม่รู้ว่า ที่ใบหน้าของเขายังคงเปรอะอยู่
 นี่ค่ะ ผ้าเช็ดหน้า เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนสิคะ  ..   
ฉันยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขา .. 
ดูเอาเถอะ เขาก็ยังมอมแมมเช่นเดิม ยิ่งเช็ดก็ดูเหมือนจะยิ่งเลอะ เพราะมือของเขามีแต่ทราย
 คุณ..ฉันจะเช็ดให้นะคะ หลับตานะคะ..   
ฉันบรรจงเช็ดที่เปลือกตาของเขา แก้ม และทั่วใบหน้าของเขาที่มีทรายติดอยู่
เขาคงไม่คาดคิดว่าฉันจะเช็ดหน้าให้เขา ..เขายืนนิ่งอย่างเรียบร้อย 
และบังเอิญ ฉันแอบเห็นรอยยิ้มที่กรุ้มกริ่มของเขา .. 
 อย่าเพิ่งลืมตานะคะ ทรายเต็มเลย ที่เปลือกตา .. เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ ลืมตาได้แล้ว 
เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา พร้อมกับจ้องฉัน ..น่าหยิกนักเชียว ไม่รู้ยิ้มซ่อนนัยอะไรไว้
นี่ถ้าไม่ติดว่า มือไม้ของเขามีแต่ทราย 
ฉันก็ไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไร ที่จะไม่ช่วยเช็ดหน้าให้เขา
เขาก็เหมือนเด็กซนคนหนึ่ง มอมแมมจัง ไม่ค่อยสนใจตัวเองสักเท่าไหร่
แต่ก็พอจะรู้ว่าเขามีความสุข..
เมื่อเห็นเขามีความสุข ฉันเอง..ก็พลอยสุขใจไปด้วย

 ยิ้มอยู่นั้น จะยิ้มอีกนานไหมคะคุณ..   ฉันกระซิบบอกเขา แก้เก้อ
 ครับ  กำลังฝันหวาน.. สะอาดแน่นะครับ คุณช่วยเช็คดีๆนะครับ เช็ดอีกรอบก็ได้นะครับ  
 ค่ะ สะอาดพอประมาณค่ะ  ..   ฉันไม่อยากบอกเขาว่า ลูกไม้เก่าจัง
 คุณหิวมั๊ย  ปลากระบางที่คุณตกได้เมื่อคืน ตอนนี้พร้อมเสริฟแล้วครับ ผมจะตักข้าวให้นะครับ ..  
 แล้วคุณล่ะคะ ..  
 ผมทานกาแฟเรียบร้อยแล้ว คุณไม่รับกาแฟ คงหิวแล้ว..  

ดูเขาห่วงใยฉันมากเหลือเกิน กระทั่งเรื่องอาหารการกินของฉัน 
เขาเป็นธุระให้ทั้งสิ้น
จริงสินะ .. ขนาดเมื่อวาน ช่วงที่ลงเรือเดินลุยน้ำทะเลมายังเกาะ 
เท้าของฉันเป็นผื่นแดง ดูเขากังวลกับอาการแพ้น้ำทะเลของฉันเหลือเกิน
แรกเริ่ม ฉันคิดว่าอาการคัน ๆ แสบ ๆ ที่เท้าอาจจะเป็นเพราะมดกัด
ฉันตัดสินใจบอกเขา เมื่ออาการแสบคันนั้น เริ่มลามมากขึ้น

  คุณคะ ที่หลังเท้าของ.. เป็นผื่นแดง ไม่ทราบว่าโดนอะไรมา ..  
 ไหนครับ ขอผมดูเท้าของคุณหน่อย  คันมั๊ย ..   
 ค่ะ แสบ ๆ คัน ๆ ตอนแรกเป็นนิดเดียวค่ะ ตอนนี้ดูเหมือนขยายเต็มหลังเท้า ..  
 คงแพ้อะไรสักอย่างครับ ตอนที่ลงเรือ อาจจะโดนสาหร่ายหรือบางอย่างที่ทำให้แพ้ ..   
เขาจับเท้าของฉัน ในขณะที่คุณมองหน้าฉัน พร้อมกับคำที่เขาปลอบว่า
 ไม่เป็นไรมากหรอกครับ อย่ากลัวไปเลยนะครับ  
ผมเตรียมยาแก้แพ้มาด้วย คุณทายานี่ก่อน เดี๋ยวผมจะหยิบยาแก้แพ้มาให้นะครับ ..   

อีกแล้วสินะ .. ที่ฉันมักจะย้อนเวลากลับไปทบทวนความทรงจำที่ดี
ก็คงเหมือนกับวันนี้ ที่ฉันมองไปไกลจนถึงเส้นขอบฟ้า 
และภาพเก่า ๆ ที่น่าประทับใจ ก็ทยอยปรากฏเด่นชัดในใจอีกครั้ง


ขอบฟ้าที่ฉันเหม่อมองอยู่บนตึกสูงของกรุงเทพ ฯ ณ ตอนนี้ 
ก็ฟ้าเดียวกันกับคราวนั้น ที่ฉันเคยยืนมองจากจุดที่เรียกว่า ชายหาด
   
ไม่รู้สินะ .. 
บางที ฉันอาจจะมีคำตอบให้ใหม่ ยามที่เขาถามว่า ฤๅ ไร้ใจ ..				
     
...สุดสายปลายฟ้า...
...ใต้แสงจันทราสาดส่อง...
...เกลียวคลื่นสายผสมเป็นทำนอง...
...รับซึ้งถึงความความคล้องจองกู่ก้องในใจ...
...สายลมแผ่วผ่านสะท้านห้วงคำนึง...
...ยังความคิดถึงที่มิอาจห้ามได้
...จึงรำพึงรำพันถึงผู้ที่อยู่แสนไกล
...รู้บ้างไหม..ว่าใจคิดถึงเธอ
...สุดสายปลายฟ้า..
...ไม่เคยมองหาสิ่งใด...
...มากความห่วงใยมอบให้เสมอ
...แม้เธอไม่เคยรับรู้...
...แต่หัวใจยังกู่ก้องเพรียกพร่ำร่ำละเมอ...
...ใช่เพียงคารมที่เพ้อ...เสนอทุกวันวารอย่างมั่นคง
...สุดสายปลายฟ้า...
...ฉันยังหาสิ่งใด...
...ยังตอบไม่ได้...ดั่งใจลุ่มหลง
...เสียงลม...สายคลื่น...ในค่ำคืนที่มืดลง
...โอ้ฉัน...ยังคง...เหม่อมองไกลสุดปลายฟ้า.				

..๏ เหม่อมองไกลไปสุดปลายฟ้า
พบเพียงว่าสุดสุขหัวใจ
ปล่อยความฝันอันแสนยิ่งใหญ่
ล่องลอยไกลปลิวไปโดยพลัน

เสี้ยวแห่งจิตยังคิดอยู่ว่า
แรงลมจักพาเยื่อใยฉัน
ไปมัดรัดตรึงซึ่งสัมพันธ์
ผูกยึดมั่นไม่หลุดเลือนราง 

เพื่อมอบไมตรีที่บริสุทธิ์
แม้ลึกสุดใจยังอ้างว้าง
เนื้อความนัยไม่บังอำพราง
แท้ทุกอย่างคือความสัตย์จริง

ด้วยความรักอันมากจนล้น
แต่กังวลสับสนบางสิ่ง
วอนลมรักโปรดทักท้วงติง
ว่าเธออย่านิ่งและเมินเฉย 

ขอให้รู้ว่ายังห่วงใย
นี้คือความนัยที่อยากเอ่ย
แม้คืนวันพ้นผ่านล่วงเลย
ฉันยังไม่เคยหลงลืมเลือน

ขอทวงถามในนิยามหนึ่ง
ว่าเธอซาบซึ้งหรือฝาดเฝื่อน
หวังว่ารักยังไม่บิดเบือน
หากเสมือนตัวเราห่างไกล 

ป ล ดป ล่ อ ย ค ว า ม รั ก ล่ อ ง ล อ ย ค ว้ า ง
ก้ า ว สู่ เ ส้ น ท า ง ที่ ฝั น ใ ฝ่
ที่ ป ล า ย ฟ้ า ห า ก ว่ า มี ใ ค ร
ค อ ย รั บ ไ ว้ . . จั ก สุ ข เ ห ลื อ เ กิ น

				
.				
comments powered by Disqus
  • ทัฟ

    19 เมษายน 2548 06:39 น. - comment id 84233

    เขียนใด้น่ารักดีครับ ปกติไม่ชอบอ่านอะไรที่เป็นเรื่องรักหวานแหว๋ แต่บังเอิญไม่มีไรทำก็เลยอ่านดู  ติดตามผลงานของคุณและหลายๆๆๆๆท่านในเว็บนี้ครับ ผ่อนคลายดี  ฝีมือเยี่ยมกันทั้งนั้น  เคยได้อ่านบทกลอนของคุณเรไร หรือว่าคุณบินเดี่ยวหมื่นหลี้นี่ล่ะ เกี่ยวกัน ฤๅ ไร้ใจ .. ไม่ทราบว่าคุณอัลมิตราซ่อนความหมายในเรื่องสั้นเรื่องนี้ไปฝากใครหรือเปล่า  ชื่นชมครับผม
  • อัลมิตรา

    19 เมษายน 2548 11:22 น. - comment id 84244

    ทิวาสวัสดิ์ค่ะ คุณทัฟ ..
    
    พล๊อตเรื่อง มาจากเรื่องราวที่ประสบบ้างแต่งเติมบ้างค่ะ คุณคงติดตามอ่านมาพอสมควรจึงพอจะทราบเรื่องราวความเป็นมาและพยายามผูกเรื่อง .. 
    
    เรื่องราวที่เห็น อาจจะจริง หรืออาจจะไม่จริง ตัวอักษรที่เห็นอาจจะเล่นกล ให้หลายคน คิดว่าเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะ บางคนที่อยู่ในความรู้สึกเดียวกัน หรือสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้ ..
    
    ที่มาและที่ไป อยู่ในใจของอัลมิตรา ..  ซึ่งหลากหลายมุมที่จะซ่อนงำ ..
    
    เรื่องสั้นชุดนี้ เป็นเรื่องแรกที่เขียนทำนองนี้เช่นกัน อัลมิตราก็ไม่รู้จะคว้าโลเกชั่นไหน มาสร้างบรรยากาศดี บังเอิญที่ว่า ได้มีโอกาสไปท่องเที่ยว จึงเก็บซีนมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ..เพียงเท่านั้นที่พอจะเป็นคำตอบของคำถามคุณได้ไหมคะ 
    
    
    
    
  • บินเดี่ยวหมื่นลี้

    19 เมษายน 2548 12:04 น. - comment id 84245

    อิจฉา..อยากเป็นพระเอกในเรื่องจังอ่ะ....
  • ทัฟ

    19 เมษายน 2548 12:16 น. - comment id 84246

    แวะมาติดตามงานของคุณ สุชาดาครับ เลยเข้ามานี่ด้วย ผมไม่ค่อยเข้าใจคำตอบที่คุณให้มาอ่ะ คุณชอบทำให้คนคิดหรือครับ บังเอิญผมเรียนน้อยเลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไร งงๆกับคำตอบของคุณมากเลยเนี่ย ตกลงคุณมีแฟนเป็นตัวเป็นตนหรือยังครับ ที่ถามนี่ไม่ใช่เพราะอยากเป็นแฟนคุณนะ ผมมีแฟนแล้วน่ารักนิสัยดีสวยมากกกกก ด้วย แต่อยากรู้จักคุณดีกว่านี้หน่อย เพราะชื่นชมผลงานคุณครับ นี่คุณน่าจะเขียนประวัติตัวเองมาให้แฟนคลับคุณอ่านบ้างนะ เพราะว่านักเขียนสวนมากที่ผมอ่านผลงาน ผมจะอ่านประวัติเค้าด้วยล่ะ มันทำให้เข้าใจผลงานเค้ามากขึ้นครับ ผม สวัสดีครับ
  • อัลมิตรา

    19 เมษายน 2548 13:53 น. - comment id 84248

    คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ .. :) ในจินตนาการ ทุกๆ สามารถเป็นได้หมดทุกตัวละครค่ะ
    
    คุณทัฟ.. รู้สึกยินดีที่คุณให้เกียรติ์อีกครั้ง ...
    ในแง่ของตัวอักษร บางทีพลิ้วไหวไปตามแต่งอารมณ์ของผู้ประพันธ์จะคิดค้นได้
    หรือก็ขึ้นอยู่กับกระแสการรับสื่อของผู้อ่าน 
    
    ก่อนที่อัลมิตราจะเขียน ...อัลมิตราต้องใช้ความคิด  
    ดังนั้น ผู้เขียนอย่างอัลมิตราย่อมอยากศึกษาความคิดของผู้อื่น
    ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับงานเขียนของอัลมิตรา
    บางที การโยนหินถามทาง หรือ ขุดบ่อล่อปลา .. ก็ยังกลที่ใช้ได้อยู่เสมอ
    แต่ไม่ใช่ว่า อัลมิตราชอบเล่นกลอักษร 
    ทว่า .. อัลมิตราชอบเล่นกับความคิดของคน 
    เพราะความคิดของคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรานั้น
    เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า... มีเงื่อนงำบางอย่างแอบแฝงอยู่หรือเปล่า 
    
    ภาพยนตร์บางเรื่องมีบทจบที่ชัดเจน แต่ก็มีบางเรื่องที่ปล่อยให้ผู้ชมคิดเรื่องกันต่อไป
    ซึ่งอาจจะมีหลากหลายความคิด ตรงหรือขัด กันบ้างจากเจตนารมย์ของผู้สร้าง
    งานเขียนของอัลมิตราก็เป็นเช่นนั้น บางทีหาบทจบไม่ลง บางทีเปิดโอกาสให้ผู้อ่านคิดบทจบเอาเอง
     
    สิ่งที่คุณถาม ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ยากเย็นอะไรเลยที่อัลมิตราจะตอบ
    แต่ทว่า .. อัลมิตรา เป็นเพียงนามแฝง และอัลมิตรามิใช่นักเขียนผู้ต้องการสร้างชื่อประการใด
    ดังนั้น อัลมิตราย่อมมีเปลือก .. และมีแนวขอบกั้นที่เว้นระยะไว้อย่างเหมาะสม
    การที่ใครสักคน จะก้าวเข้ามาอยู่ในระยะที่คุ้นเคย นั่นต่างหากที่จะเห็นความเป็นตัวตนที่แท้จริงของอัลมิตรา
    
    ขอให้ความเป็นอัลมิตรา ซึ่งใคร ๆก็ต่างวาดภาพกันไปต่าง ๆนา ๆ  
    เป็นเพียงรูปเงาที่ไร้ตัวตน ... 
    เพราะ อัลมิตราสามารถเป็นได้หลายรูปแบบ...ไร้ขอบเขตของจินตนาการ
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
    
  • อามส์

    19 เมษายน 2548 13:56 น. - comment id 84249

    ยาวจังเลย
  • ...ทอฝัน...

    19 เมษายน 2548 15:02 น. - comment id 84254

    ใช่เลยค่ะ  อ่านเรื่องของคุณอัลมิตราแล้วคิดเองว่า เกิดความรู้สึกเดียวกัน สัมผัสได้กับความรู้สึกนั้น......
    
    ...วันวาร หวนย้อนกลับมา ......ปูเสื่อนอนริมชายหาดชี้ชวนกันดูดาวพูดคุยกะคนรู้ใจจนดึกดื่น.....ถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้ามาดูเคอยที่ชาวประมงช้อนมาทำกะปิ......ตื่นเต้นกับหอยเม่น ปลิงทะเลที่มีคนช้อนขึ้นมาให้ดู.......เลือดกระฉูดที่เท้าเพราะถูกเปลือกหอยบาด....นั่งอิงกันหันหลังให้กับทะเลปล่อยให้คลื่นสาดซัดมาตีแผ่นหลังแล้วหัวเราะชอบใจ....เดินเคียงกันไปตามชายหาดคุยด้วยใจโดยไม่ต้องใช้น้ำเสียง...ดำน้ำดูปะการัง.นั่งเรือชมเกาะแก่ง ..สารพัดความรู้สึกที่ดีๆ เกี่ยวกับทะเล    แต่ทอฝันไม่โรมานติกมีคนไกวชิงช้าให้นะคะในบางอารมณ์จะนั่งเหงาๆ ใจหายอยู่ลึกๆ เมื่อนั่งเท้าคางดูเรือแล่นออกไปกลางทะเลที่ให้ความรู้สึกว่าไกลแสนไกล ..
    
    ธรรมชาติให้อะไรต่อมิอะไรกับเรามากมายนะคะ  คุณอัลมิตราเก่งค่ะที่สามารถนำเรื่องราวที่ประสบมาผูกเรื่องเรียงร้อยกับความรู้สึกได้งดงามยิ่งนัก.......ชื่นชมค่ะ
    
    รักที่นี่เพราะอ่านงานในนี้แล้วทำให้มีความรู้สึกว่าอยู่ในอีกโลกนึงที่อบอุ่น หลากอารมณ์ค่ะ ฝากคำขอบคุณถึงคุณปีกฟ้าเจ้าของเว็บด้วยนะคะ
    :)
    .................แวะเวียนมาคุยด้วยค่ะ..................
    
  • อัลมิตรา

    19 เมษายน 2548 18:26 น. - comment id 84256

    ลุงอามส์คะ ..  :) อย่าฟ้องคุณพ่อน๊า .. อัลมิตราหัดเขียนเรื่องสั้นค่ะ เผื่อว่าแม่ค้าขายกล้วยแขกจะเหมาไปพับถุง ... 
    
    คุณทอฝัน .. ขอบคุณค่ะ คุณทอฝัน ที่ช่วยเติมคำบรรยายให้ความรู้สึกในช่วงนั้น มีคุณค่าควรแก่ความทรงจำ ..
    
    วันนั้น .. เราทั้งคู่ เดินลัดเลาะตามโขดหิน บางทีความเงียบนั้น ไม่จำเป็นที่ต้องอาศัยน้ำเสียง ไม่จำเป็นต้องเดินเกี่ยวก้อย .. น่าแปลกใจ .. ทั้งคู่ต่างก็ต่างเฉไฉหันไปชมทัศนียภาพคนละทิศคนละทาง แต่ทว่า.. ในใจกลับคิดถึงคนที่ห่างไม่เกินก้าว ค่ะ ..
    
    :) และจะบอกปีกฟ้าให้นะคะ 
    
    
  • ทัฟ

    19 เมษายน 2548 22:50 น. - comment id 84265

    แล้วทำไงคับผมถึงจะได้รู้จักกับคุณอัลมิตรามากขึ้นกว่านี้ แน่นอนผมต้องได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะจากคุณแน่ๆ เรามาเปิดอกเป็นเพื่อนกันเถอะ มีอีเมล์ติดต่อก็จะดีไม่น้อยนะครับ ถ้าไม่รังเกียจ
  • อัลมิตรา

    20 เมษายน 2548 09:29 น. - comment id 84272

    อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณทัฟ ..
    
    ขอให้ความเป็นอัลมิตรา 
    ซึ่งใคร ๆก็ต่างวาดภาพกันไปต่าง ๆนา ๆ  
    เป็นเพียงรูปเงาที่ไร้ตัวตน ... 
    เพราะ อัลมิตราสามารถเป็นได้หลายรูปแบบ...
    ไร้ขอบเขตของจินตนาการ... 
    
    ..ความเป็นตัวตนของอัลมิตรา 
    ..ก็คือสิ่งที่อัลมิตราเขียนในข้างต้น
    ..ถ้าหากคุณอยากรู้จักอัลมิตรามากกว่านี้ 
    ..คุณสามารถพบปะกับอัลมิตราผ่านเวปบอร์ดได้เสมอ
    ..อัลมิตราเป็นเพียงบุคคลที่นำเสนอผลงานคนหนึ่ง
    ..ซึ่งอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบนัก ตามที่ควรจะเป็น
    ..และต้องใช้เวลาอีกมากในการฝึกฝนงานด้านนี้
    ..อย่างไรก็ตาม 
    ..อัลมิตราก็ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนในสิ่งที่รู้ ให้กับคุณที่สนใจ
    
    ...มิตรภาพมิได้มีขอบกั้นโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ต่อหน้าเท่านั้น
    ...หากแต่มิตรภาพจะมีให้แด่ทุก ๆ ผู้ที่มีจิตปรารถนาดีต่อกัน 
    
    
    มาเราะอัยตุ อินลาญะมีลา  
    ..ฉันมิแลเห็นสิ่งใด เว้นแต่ความวิจิตรงดงาม..
    
    
  • ทัฟ

    20 เมษายน 2548 10:05 น. - comment id 84273

    คือว่าเหนื่อยๆกลับมาจากทำงาน และก็มาอ่านอะไรที่สลับซับซ้อนของคุณ ก็ยิ่งเหนื่อยไปใหญ่เลย คืองี้ ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้อยากรู้จักคุณแบบหนุ่มๆอยากรู้จักสาวๆนะ คือผมเลื่อมใสผลงานคุณ บางครั้งผมอยากถามอะไรที่ไม่ให้คนอื่นต้องรู้ถึงความโง่ของผมเองคับ แต่ก็นั่นล่ะนะ ผมพยายามแล้ว ขอบคูณสำหรับมิตรภาพที่ให้ผ่านทางเว็บแล้วกันครับ
  • อัลมิตรา

    20 เมษายน 2548 10:53 น. - comment id 84274

    คุณทัฟ .. 
    
    อัลมิตรารู้สึกผิด .. 
    ที่ทำให้คุณต้องเหนื่อยใจทั้งที่เหน็ดเหนื่อยมาจากที่ทำงาน
    และต้องมาเหนื่อยกับการอ่านงานเขียนของอัลมิตราอีก
    คุณสามารถถามอัลมิตราได้ 
    อัลมิตราจะตอบในสิ่งที่อัลมิตรารู้และประเมินแล้วว่า ควรตอบ..
    
    คุณทัฟคะ .. บนโลกนี้ไม่มีคนที่ฉลาดที่สุด และก็ไม่มีคนที่โง่ที่สุดเช่นกัน
    บางเรื่องที่คุณคิดว่าอัลมิตรา..รู้ 
    อัลมิตราอาจเป็นเพียง ..พอรู้บ้างเล็กน้อย
    ยังมีอีกมากมายที่อัลมิตราไม่รู้ 
    บางสิ่งบางอย่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่อัลมิตราเพิ่งค้นพบ
    ทั้งที่เป็นเรื่องแสนธรรมดา คนอื่นรู้กันทั่วถ้วนกันแล้ว
    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เกณฑ์วัดของคนเราจึงแตกต่างกันไป
    
    ไม่ว่าจะเป็นคำเขียนปรัชญางาม ๆ จากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีดีกรีหลากหลาย
    หรือคำขับปากเปล่าจากปากวณิพก ที่เปล่งลำนำกินใจ ..
    อัลมิตราคิดว่า ..
    คุณค่านั้นอยู่ที่ ..คำของผู้ใด ที่ทำให้เราสัมผัสถึงใจ มากกว่าค่ะ
    
    ยิ้มหน่อยนะคะ หากคุณล้าจากที่ทำงาน อัลมิตรายินดีเป็นเพื่อนสนทนา ค่ะ
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
    
  • แอลแมนโซ

    20 เมษายน 2548 17:19 น. - comment id 84289

    ชอบจังเลย
    อ่านไปก็นึกภาพตามไปด้วย
    เกินคำบรรยาย
    อ่านแลดวได้กลับมาคิดอะไรในแง่ดีๆตั้งเยอะ
  • คนผ่านมา

    21 เมษายน 2548 08:26 น. - comment id 84303

    ผมใช้เวลาสามวันค่อยอ่านค่อยคิดตาม และก็ย้อนไปอ่านงานเก่าของคุณ ครั้งนี้คุณเขียนอย่างที่เคยเขียน ส่วนบอกว่าหัดเขียน ต้องขอปรบมือให้ครับ ป่านนี้หลายคนใจละลายเรียบร้อย แค่ผมสมมุติตัวผมเป็นพระเอก ผมก็ยิ้มไม่หุบแล้วล่ะครับ
  • อัลมิตรา

    21 เมษายน 2548 10:45 น. - comment id 84306

    ทิวาสวัสดิ์ค่ะ 
    
    คุณแอลแมนโซ .. ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้กำลังใจอัลมิตรา 
    เขียนเรื่องสั้นแบบนี้ ยังเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับอัลมิตรา
    
    คุณคนผ่านมา ..  คุณเป็นใคร ? อัลมิตราก็ไม่รู้นะ  
    อาจจะเป็นเพื่อนสมาชิกที่นี่ 
    หรืออาจจะเป็นสหายเก่าของอัลมิตรา
    หรืออาจจะเป็นเพียงคนผ่านมา 
    อย่างนิยามชื่อของคุณ ที่โลดแล่นในเวปบอร์ดต่างๆ 
    มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคุณ คือ .. 
    คุณคือผู้คุ้นเคย  สำหรับอัลมิตรา ขอบคุณอีกครั้งสำหรับไมตรี
    อัลมิตรามีบางอย่างที่อยู่ในใจ 
    แต่อัลมิตราเองก็ไม่รู้ว่าเริ่มต้นอธิบายได้อย่างไร
    
     เรื่องสั้นนี้ มีที่มา .. แต่อาจไม่มีที่ไป  
    คงไม่ง่ายเลย สำหรับอัลมิตราที่ไม่เคยเขียนเรื่องสั้นมาก่อน 
    ที่จะต้องคิดพล๊อตเรื่อง คิดถึงอารมณ์ซ่อนลึกของตัวละครในเรื่อง
    ยากนะ .. เท่าที่อัลมิตราเขียน .. ยังไม่เป็นที่พอใจนักค่ะ
    
    โดยปกติ..อัลมิตราถนัดที่จะเขียนเรื่องเล่ามากกว่า
    เล่าว่าไปที่นั่น เล่าว่าไปทำอะไรมาบ้าง และพบเห็นอะไรบ้าง 
    รู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ประสบ ก็เล่าสู่ถ่ายทอดกันไป..
    แต่ครั้งนี้ .. อัลมิตราปรับเปลี่ยนสิ่งที่เคยทำ มาลองเรื่องสั้นชุดหนึ่ง
    ซึ่งถือได้ว่า ถูกหลายคนจับตาดูอย่างเกินความเป็นธรรมดา 
    
    มีหลายกระแส สะท้อนกลับมา .. 
    เกิดอะไรขึ้นกับอัลมิตรา ..?
    เรื่องจริงที่มีมูลเหตุ หรือเรื่องสมมุติตามจินตนาการ ..?
    เพราะเหตุใดอัลมิตราจึงเขียน และเขียนเพื่อใคร ..?
     
    อัลมิตราไม่แปลกใจเลย ที่ว่า .. 
    มีคนช่วยตอบแทนอัลมิตรามีเยอะ
    และก็ตอบแทนอัลมิตราไปตามสิ่งที่พวกเขาคิด
    แต่คำตอบนั้นอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่อัลมิตราคิดก็เป็นไปได้ 
    
    ความคิดของคนเป็นอะไรที่ ควบคุมได้ยาก .. 
    แม้แต่ความคิดของเราเองก็ตาม
    ประสาอะไร
    กับ...การกั้นกรอบ มิให้การคาดเดากันไปต่าง ๆ นา ๆ กระจาย
    สำหรับคุณ..
    ที่บอกว่า ติดตามงานเขียนของอัลมิตรามาพอสมควรนั้น
    ค่ะ อย่างที่คุณบอก .. อัลมิตราเขียนอย่างที่เคยเขียน ( ถ้าตีความไม่ผิด )
    ตอนที่เขียน อัลมิตราก็เขียนไปเรื่อย นึกอะไรได้ก็เขียนไป 
    อยากให้เป็นอย่างไรก็เขียนลงไป
    โลเกชั่นมีจริง ..  
    แต่เนื้อเรื่องมีการเสริมแต่งขึ้นมาให้เข้ากับเรื่องสั้นแนวโรแมนติค
    ตรงนี้สำคัญมากนะคะ หลายคนอาจเข้าใจผิด
    แต่อัลมิตราอยากให้คุณเข้าใจถูก ( สักคนที่เข้าใจก็ยังดี )
    
    ...ล้านคำอธิบาย..บางที ..
    ...อาจจะไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์บางอย่างได้.. 
    ...แต่เพียงหนึ่งคนเข้าใจ ..
    ...แม้มิได้เอ่ยคำใด ..
    ... ก็สามารถรับรู้และสัมผัสกันได้ด้วยหัวใจ เท่านี้..ที่ต้องการ.. 
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
  • ตัวละครใน ++ตรงเส้นขอบฟ้า.. ++ของคุณ

    21 เมษายน 2548 12:59 น. - comment id 84317

    บางสิ่งยังอยู่ในความทรงจำ  บางสิ่งติดตรึงอยู่ในใจ
    คิดถึง  กลิ่นหอมของแป้งเด็กอ่นๆ อยู่เสมอครับ  
  • ตัวละครใน ++ตรงเส้นขอบฟ้า.. ++ของคุณ

    21 เมษายน 2548 13:01 น. - comment id 84318

    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
  • The withering cactus

    21 เมษายน 2548 17:07 น. - comment id 84328

    ไม่ว่าในจินตนาการนั้นจะมีความจริงปนอยู่มากน้อยเพียงใด
    ก็ยังคงยินดีที่เห็นคุณมีความสุข
    
  • The withering cactus

    21 เมษายน 2548 17:07 น. - comment id 84329

    ไม่ว่าในจินตนาการนั้นจะมีความจริงปนอยู่มากน้อยเพียงใด
    ก็ยังคงยินดีที่เห็นคุณมีความสุข
    
  • อัลมิตรา

    22 เมษายน 2548 10:07 น. - comment id 84375

    คุณตัวละครใน ++ตรงเส้นขอบฟ้า.. ++ของอัลมิตรา ( ต้องเดา..)
    Dont you worry
    Sometimes youve just gotta let it ride
    The world is changing
    Right before your eyes
    
    คุณตะบองเพชร .. 
    อัลมิตรามีความสุขนะคะ ที่ได้เขียน 
    แม้ว่าผลกระทบจากการเขียน มีหลากหลาย
    หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องจริง 100 % แต่นั่นอัลมิตราถือว่า ..
    เป็นเพียงผลงานนำเสนอในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม 
    ความสุขของอัลมิตราอยู่ที่การเขียนที่อิสระในด้านความคิด 
    ความสุขเช่นนี้ 
    อัลมิตราก็อยากให้เพื่อนทุก ๆ คนมีความสุขเช่นกัน
    
    ยิ้มนะคะ .. อยากให้คุณยิ้ม แล้วโลกนี้จะสดใสยิ่งนักค่ะ
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า.
    
  • นายพระจันทร์...

    22 เมษายน 2548 11:42 น. - comment id 84381

    คุณครับ...  หลังจากที่ผมไปหยิบยาแก้แพ้มาให้  แต่กลับไม่พบหน้าคุณอีกเลย  ทำไมครับ... ฤาไร้ใจ
    เป็นวลีที่ติดอยู่ในใจผม   .....  เพียงแค่ผมไปหยิบยาแก้แพ้ที่แม่ฮ่องสอน  ....  
    ...เพื่อมาให้คุณทาน แต่ความหวังดีของผมคุณกลับไม่อยู่รอรับ....
    โธ่... ทำไม ..ผมเฝ้าถามตัวเองเสมอโดยไม่ต้องการคำตอบครับ...อิ อิ อิ
    
    ...สุดสายปลายฟ้า...
    ...ยังคิดถึงวันเวลาครานั้นเสมอ
    ...ใต้แสงจันทราสาดส่อง...พร้อมมองหน้าเธอ
    ...เกลียวคลื่นยังเสนอ...เจ๋อหน้ามาแย่งมอง...
    
    \"คุณอัลมิตรา\" .... พูดได้ถูกต้องครับ  ว่าไม่มีใครฉลาดที่สุด  และ ไม่มีใครโง่ที่สุด  จริงๆ ครับ
    ผมรู้จักอยู่คนนึงครับ..... เป็นคนฉลาดมาก   แต่เธอเพิ่งจะรู้ว่า  ควายกับวัว  ไม่ใช่สัตว์พันธ์เดียวกันครับ
    เธอคิดอยู่เสมอว่า  ควายคือสัตว์ตัวผู้  แล้ว  วัวคือสัตว์ตัวเมีย   อิ อิ อิ  555
  • นายพระจันทร์...

    22 เมษายน 2548 11:52 น. - comment id 84382

    อ้อ....ลืมบอกไปว่า นายพระจันทร์...มั่วนิ่ม...555
  • อัลมิตรา

    22 เมษายน 2548 21:45 น. - comment id 84394

    นายพระจันทร์ .. ยี้ ! มาล้ออัลมิตรา ตอนนั้นยังเด็กอยู่นิ ..ความลับโดนเผาเสียแล้ว จะว่าไปนะ ตอนนี้ ระหว่างควายตัวเมีย(ที่ไม่มีเขา) และวัว . อัลมิตรา ก็ยังไม่แน่ใจว่า จะแยกประเภทถูกนะ .. มันคล้ายกันมากเลยค่ะ
    
    (ฟ้องพี่สาว .. มาล้อ..)
    
  • เรไร

    24 เมษายน 2548 22:34 น. - comment id 84461

    ตรงเส้นขอบฟ้า...
    ถึงรู้ว่ามันไม่มีจริงก็ตาม
    อย่างที่ใครหลายๆ คนบอกไว้ว่าเป็นเพียงภาพมายา
    แต่มันก็ยังเป็นไปได้ที่เราได้เห็นมัน ฟ้าจรดน้ำก็ที่นั่น 
    
  • อัลมิตรา

    24 เมษายน 2548 22:51 น. - comment id 84479

    คุณเรไร .. 
    
    หลายคนก็หลายข้อมูลที่จะอ้างกล่าว 
    ปากต่อปากเรื่องราวก็ลุกลาม 
    ความเป็นจริง เพียงหนึ่งเดียว ที่รอการค้นหา ..
    ฟ้าจรดน้ำ เป็นสิ่งที่เห็นแน่ชัด ว่า .. คือความจริง
    แต่ก็ไม่มีผู้ใดเลย ..
    ที่จะมุมานะ ไปถึง ณ เส้นขอบฟ้านั้น
    
    ใครจะคิดใครจะเห็นในสิ่งที่เป็นไป
    แต่ทว่าหัวใจเรารับรู้ ก็เท่านั้น
    ใครจะเข่นใครจะปรามหยามเย้ยหยัน
    ก็จะฝันอยู่อย่างนี้.. ที่ ฟ้าจรดน้ำ
    
    
    
  • แก้วประเสริฐ รหัส 6104

    26 เมษายน 2548 15:42 น. - comment id 84550

    ความใฝ่อันอันตระการสู่ช่วงห้วงแห่งความหรรษาพาจิตโน้มดิ่งเข้าสู่อดีตยามแลมองเส้นขอบที่พาดจากฟากฟ้า  คำนึง รำพึง ระลึกถึง โน้มนำด่ำดื่มรสแห่งอารมณ์ในอดีตกาลผ่านเข้าห่วงแห่งความรำลึก  ใช่แม้นสิ่งนั้นจะผ่านนานแสนนานแต่ช่วงอันแสนดื่มด่ำนั้นยังคงแฝงไว้ภายในใต้แห่งห้วงดวงใจฉันเสมอ จึงได้เพ้อรำพึงคนึงหายามแลสายตาสู่เส้นขอบฟ้าอันยาวไกล   จึงได้ระบายความในใจออกมาได้อย่างสุนทรียภาพตราบชั่วดินฟ้า
    
                         แก้วประเสริฐ
  • อัลมิตรา

    26 เมษายน 2548 16:56 น. - comment id 84553

    คือความเป็นไป คือความในใจ คืออารมณ์ ค่ะ คุณแก้วประเสริฐ ..
    
    
  • %54%

    1 มิถุนายน 2548 14:08 น. - comment id 85078

    ...และทั่วใบหน้าของเขาที่มีทรายติดอยู่
    แล้วที่ใจของเขามีทรายติดอยู่หรือเปล่า
    54.gif
  • จอมอสูร

    6 มิถุนายน 2548 10:56 น. - comment id 85147

    ทำไมหวานมากมาย
    ขนาดนั้น
    
    ไม่ค่อยเห็นภาคหวานแหวว
    ของคุณอัลฯ สักเท่าไหร่
    
    
    ดีจัง
    ชอบไกวชิงช้า
    ชอบสายลม
    และที่สำคัญ
    
    มหัศจรรย์แห่งรัก
    
    เพลงนี้มีความหมาย......สำหรับใครๆ
    
    ...??
  • อัลมิตรา

    6 มิถุนายน 2548 09:01 น. - comment id 85150

    สำหรับคำถาม
    
    ...และทั่วใบหน้าของเขาที่มีทรายติดอยู่
    แล้วที่ใจของเขามีทรายติดอยู่หรือเปล่า
    
    ไม่ทราบเหมือนกันว่า คำถามนี้ประสงค์ให้ผู้ใดตอบ เธอ .. หรือ เขา..
    
    เนื่องจากเขาเพิ่งขึ้นมาจากทะเล เขายืนอยู่ตรงหน้าด้วยกายที่เปียกชุ่ม ผมที่ปรกหน้าผากมีทราย  ใบหน้าของเขาก็เปรอะทราย รวมถึงเปลือกตาและปลายขนตา .. บนเกาะที่ซึ่งไม่มีน้ำจืดให้ชำระล้างร่างกาย เขาจะเป็นเช่นไร หากผงทรายเช้าตา นั่นคือสิ่งที่อยู่ในความคิดของเธอคนนั้น ด้วยความเป็นมิตรจึงห่วงและอาทรด้วยการนำผ้าเช็ดหน้ามาบรรจงเช็ดให้ ..เป็นความทรงจำที่ดี ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับสิ่งที่จะเกิดต่อไป ซึ่งก็คงมีเพียงแต่ เธอและเขา .. เท่านั้นที่รู้ .. เพราะนั่นคือ  ..พันธะแห่งใจ..
     
    ..ความเป็นมาจุดเริ่มต้นของหัวใจ
    ..อดีตรอยร้าวลึกภายในที่ซุกซ่อนไว้ของใจเขา.. 
    ..รักเท่านั้น ..จะรักษาบาดแผลให้บางเบา..
    ..ขอเพียงแต่เรา เข้าใจซึ่งกันและกัน..
    ..ไม่ใช่ภาระ หรือหน้าที่..
    ..แต่เป็นความปรารถนาดี ที่เขามีต่อฉัน..
    ..คือพันธะแห่งใจ  คือความผูกพัน..
    ..ใจสองดวงร้อยเกลียวมั่น..
    ..พร้อมจะฝ่าฟัน และก้าวไป ยังตรงเส้นขอบฟ้า..
     
    
     :)
  • อัลมิตรา

    6 มิถุนายน 2548 12:17 น. - comment id 85153

    จอมอสูร ..
    
    คือสิ่งมหัศจรรย์ ที่ทำให้บรรยายตัวอักษรได้เช่นนั้น
    
    คือแผ่นภาพ ที่มีแต่ความงดงาม ระบายเต็มไปหมด
    
    คือความทรงจำ .. คือมิตรภาพ ..
    
    คือความหมาย..ของบางใคร และ บางใคร ...
  • jinnies

    25 กุมภาพันธ์ 2550 09:51 น. - comment id 95108

    น่ารักจังเลยค่ะ
  • ผู้ผ่านมา

    20 เมษายน 2550 20:09 น. - comment id 95732

    สนุกจังเลยค่ะ เขียนได้หวานมากๆเลย ชอบมากเลยค่ะ เขียนได้โดนสุดๆ12.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน