คิดจะรัก...ต้องพักรบ ( ตอนที่ 20 )
สุชาดา โมรา
คนผีทะเลนี่ที่บ้านฉันนะ
แหมผมล้อเล่นน่าเอาอย่างนี้ละกันค่าเสียเวลา ผมขอร้องคุณนะ ไปเที่ยวกับผมเถอะ
ไปไหนคะฉันมีงานที่ต้องทำอีกเยอะแยะ
ห่วงงานมากกว่าสุขภาพของตัวเองเหรอเดี๋ยวผมจะช่วยคุณเองนะ เรื่องงานน่ะไม่ต้องเป็นห่วง คุณก็มีเลขาที่ดีถึง 2 คน จะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ
กลัวสิคะ ฉันกลัวคุณวจีและ สส.ธนิต
ทำไม!!!! เขามายุ่งกับคุณเหรอ
ไม่ต้องทำตาโตขนาดนั้นก็ได้ค่ะ คือฉันเพิ่งทราบมาว่า สส.ธนิตเขาเป็นพี่ชายของฉัน เป็นลูกของภรรยาเก่าซึ่งฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฉันมีพี่ชายกับเขาด้วย ตอนนี้เขามีสิทธิในบริษัทเท่า ๆ กับฉันถึงแม้ว่ากำหนดการเปิดพินัยกรรมมันยังไม่ถึงเวลาก็ตาม
กำหนดเหรอคุณพ่อคุณกำหนดไว้เมื่อไร
หลังจากท่านเสียได้ 5 ปีเราจึงจะมีสิทธิในการเปิดพินัยกรรมคุณพ่อคงอยากใจให้เราพี่น้องได้เข้ามาบริหารบริษัทด้วยกัน แต่มันผิดพลาดตรงที่ สส.ธนิตเขาพยายามยักยอกทรัพย์และผลผลิตของบริษัทตอนนี้เขาถ่ายเทเงินในบริษัทหายไปถึง 5 ปีแล้ว ก่อนที่ฉันจะเข้ามาบริหารบริษัทเสียอีก ฉันนะกลุ้มใจมากเลย พรุ่งนี้ก็ต้องสอบพนักงานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตอีกหลายคน ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะเริ่มต้นอย่างไร
เอาอย่างนี้ละกัน ในฐานนะที่ผมเป็นคนหนึ่งในวงการนักข่าว ผมขอทำตัวเอ็นนักข่าวหัวเห็ดเหมือนคุณหนูนา ผมขอไปสืบเรื่องของ สส.ธนิต พร้อมเรื่องราวของในบริษัทของคุณด้วย ดีไหมคุณจะได้หาหลักฐานได้มากขึ้นในการจัดการกับพนักงาน เจ้าหน้าที่ในบริษัทและพี่ชายของคุณ
กัญญายิ้มด้วยท่าทางสบายใจในขณะที่คุณแม่ของเธอนั้นยืนแอบฟังอยู่ห่าง ๆ ด้วยท่าทางที่ตกใจหานี่ยายกัญญารู้แล้วเหรอว่านายธนิตเป็นพี่ชาย เราอุตส่าห์ปิดบังมานับสิบ ๆ ปีในที่สุดความลับมันก็ไม่มีในโลกจริง ๆแม่ของเธอนึก
คุณภูริพากัญญาและคุณแม่ของเธอออกไปทานอาหารค่ำข้างนอก เขาตักอาหารให้คุณแม่ของเธอ แต่วันนี้คุณแม่แสดงสีหน้าใจลอยราวกับไม่ได้พกวิญญาณมาด้วยทำให้กัญญาต้องสะกิดคุณแม่อยู่หลายครั้ง
คุณแม่คะคุณภูริตักอาหารให้ค่ะ
อุ๊ย!!!! คุณแม่สะดุ้งสุดตัวทันทีพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับคุณภูริ ขอบใจจ่ะ
วันนี้คุณแม่ดูแปลก ๆ นะ เหมือนกับว่าท่านกำลังมีเรื่องกลุ้มใจอะไรสักอย่างเลย
คุณคิดอย่างนั้นเหรอ
อืม
กัญญาและคุณภูริกระซิบกระซาบกันอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งคู่มองดูคุณแม่ด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป คุณภูริมาส่งกัญญาและคุณแม่ที่บ้าน เขาขอกับเธอที่หน้าบ้านตามลำพังจนกระทั่งเขาเหลือบไปเห็นนักข่าวของบริษัทคู่แข่งแอบมาถ่ายภาพของตัวเองเขาจึงวิ่งกวดนัข่าวกลุ่มนั้นและจับมาได้คนหนึ่ง
นี่นายมีจุดประสงอะไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันดุดัน
เปล่าครับผมแค่อยากจะทำข่าวคู่รักเท่านั้นเอง
คุณภูริถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเป็นคนละคนทีเดียว เขาจูงมือให้นักข่าวคนนั้นเดินเข้ามาในบ้านของกัญญาแต่นักข่าวคนนั้นไม่ยอมเดินตามเขาไป ทำให้คุณภูริต้องยื้อยุดฉุดกระชากนักข่าวคนนั้นอยู่นานจนเหนื่อย
ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณหรอก แต่ผมจะให้คุณเข้าไปสัมภาษณ์ผมแบบเป็นกันเองในบ้านของเธอ ผมจะได้ขอความรักจากเธอไปพร้อม ๆ กับของที่ผมจะเซอร์ไพร์ทเธอเลย ผมยินดีให้คุณสัมภาษณ์จริง ๆ นะ มากับผมเถอะ
จริง ๆ นะครับ
ผมเป็นใครล่ะผมถึงจะต้องมาโกหกคุณ ผมโกหกคุณแล้วจะได้โล่ห์พระราชทานเหรอ
คุณนี่อารมณ์ขันดีเหมือนกันนะแต่เดี๋ยวก่อนนะครับผมขอเดินไปที่มุมถนนก่อน
เดินไปทำไมกัน
ก็ไปตามนักข่าวคนอื่น ๆ ให้มาสัมภาษณ์คุณไงครับ
ไม่ต้องหรอก ถ้าอยากดังต้องหัดบินเดี่ยวเข้าใจไหม!!! ผมรู้นะว่าคุณเป็นแค่นักข่าวฝึกหัด
คุณรู้ได้ไงอ่ะ
ก็ป้ายชื่อของคุณมันบ่งบอกนี่นาว่าคุณเป็นนักข่าวฝึกหัด ใช่ไหมคุณเกริกไกร
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม ๆ เขาเดินโอบไหล่นักข่าวคนนั้นเข้าไปในบ้านของกัญญาในขณะที่เธอกำลังยืนชะเง้อคอรอเขาอยู่ด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายนักข่าวเนื่องจากท่าทางที่เขาวิ่งพรวดออกไปนั้นราวกับนักเลงหัวไม้ที่เตรียมพร้อมที่จะออกไปต่อยตีกับใครต่อใคร
ใครคะ
นักข่าวฝึกหัดน่ะ ผมอยากให้เขามาหัดสัมภาษณ์เรา
เด็กในสังกัดของคุณเหรอ
เปล่าหรอก
อ้าวแล้วคุณไปช่วยเขาทำไมล่ะ
ผมชอบนักข่าวที่กล้าพูดแบบเขา อีกอย่างเขาดูซื่อ ๆ ดีผมอยากให้เขามาลองทดสอบสัมภาษณ์เราเผื่อผมจะพิจารณาให้เขามาเป็นนักข่าวในสังกัดของผม
จริงเหรอครับ!!!
เกริกไกรพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดีใจที่สุด เขาถึงกับกระโดดกอดคอคุณภูริทันทีทำให้คุณภูริแสดงทีหน้าที่ไม่พอใจจนเขาต้องละมือออกจากคอของเขา จู่ ๆ คุณภูริก็หัวเราะดังขึ้น
ผมแหย่เล่นน่าไป ไปสัมภาษณ์กันที่ห้องรับแขกในบ้านกันเถอะ
แปลกคนนะคุณ นึกจะขำก็ขำขึ้นมาดื้อ ๆ
กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับเดินจูงมือคุณภูริเข้าบ้านไป
เกริกไกรสัมภาษณ์ทั้งคู่อยู่นานถึงเรื่องความรักของเธอและเขารวมทั้งเรื่องการงานจนกระทั่งกัญญาพาเกริกไกรและคุณภูริเดินสัมรวจบ้านจนเดินมาถึงมุมโปรดของเธอซึ่งเป็นเรือนกล้วยไม้ในบ้านซึ่มมีแสงสปอตไลท์ส่องสลัว ๆ สีชา มีน้ำตกจำลองเล็ก ๆ ในบ้านซึ่งฝั่งตรงข้ามกับเรือนกล้วยไม้นั้นเป็นห้องหนังสือซึ่งเวลาอ่านหนังสือจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติไปในคราวเดียวกัน คุณภูริจึงจับมือเธอเอาไว้และคุกเข่าลง เขายิ้มและหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขึ้นมา
อะไรกันคะ อยากบอกนะว่าเป็นนาฬิกาเหมือนเมื่อคราวที่แล้ว
โธ่อย่าพูดดักคอสิ เดี๋ยวมันไม่โรแมนติก
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับเปิดกล่องกำมะหยี่ออกมาและค่อย ๆ ดึงแหวนวงเล็ก ๆซึ่งน้ำหนักของการัตนั้น ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
อะอะไรคะ
ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เจอกับคุณที่งานแต่งงานของคุณกิ๊ก สบตาแรกที่ผมได้มองคุณผมรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่เป็นคนที่ผมค้นหามานานแสนนาน ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนนิสัยแย่ ๆ ไปหน่อย กวนอารมณ์คุณตลอดเวลา แต่ผมก็จริงใจกับคุณนะ ผมอยากให้คุณมาเป็นคนที่สำคัญที่สุดของผมคนหนึ่งรองจากคุณแม่ของผมคุณพร้อมไหมที่จะก้าวเข้ามาร่วมใช้ชีวิตกับผมตลอดไปผมรักคุณนะกัญญา แหวนวงนี้ตกทอดมาหลายชั่วคนตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษของผม ผมอยากให้คุณรับแหวนวงนี้ไว้พิจารณา
จะพิจารณาทำไมคะ กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ พราวเสน่ห์ของเธอ สำหรับฉันแล้วคุณเป็นคนที่สำคัญเสมอ ฉันก็คิดกับคุณแบบที่คุณคิดกับฉันเหมือนกัน นับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วด้วยซ้ำ
คุณภูริถึงกับยิ้มหน้าบานทีเดียวและรีบสวมแหวนให้เธอทันที เขาอุ้มเธอจนตัวลอยและหมุนไปรอบ ๆ อยู่หลายครั้งในขณะที่เกริกไกรได้ถ่ายภาพทุกภาพของทั้งคู่เอาไว้พร้อมทั้งตั้งกล้องวีดีโอสำหรับถ่ายเอาไว้ด้วย รวมทั้งอัดเทปเพิ่มเพื่อจะนำไปถอดเทปเพื่อเขียนหัวข้อข่าวต่อไป
จะแต่งกันเมื่อไรครับ
ยังไม่มีกำหนดครับ ผมกะว่าจะให้เรื่องที่คาราคาซังอยู่นั้นเรียบร้อยไปก่อน จากนั้นจึงจะคิดเรื่องแต่งงาน
ผมขอบคุณคุณทั้งสองคนมากนะครับที่ให้ความร่วมมือ ผมจะนำเรื่องของคุณไปลงนิตยสารและพาดหัวข่าวในวันพรุ่งนี้อย่าลืมอ่านนะครับ
เอ่อเดี๋ยวครับ คุณภูริเรียกเกริกไกรไว้ ผมอยากให้คุณไปร่วมงานที่ N.TV ถ้าคุณไม่รังเกียจผมขอเชิญคุณมาร่วมงานเลยละกัน ผมรู้สึกถูกชะตากับคุณมากเลย
จริงเหรอครับงั้นผมเสร็จจากฝึกงานที่ Pu.TV insine แล้วผมจะเข้าไปทำงานกับคุณนะครับ แล้วผมจะติดต่อกับคุณอย่างไรครับ
เกริกไกรพูดด้วยท่าทางดีอกดีใจ คุณภูริจึงหยิบนามบัตรให้เขาก่อนที่จะเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบ้านของเธอ
ไปนะครับ
คุณภูริและกัญญายิ้ม ทั้งคู่โบกมือให้กับเกริกไกรคุณภูริกอดกัญญาไว้แน่นแล้วก็หอมแก้มอยู่หลายทีจนกัญญารู้สึกเขิน
อายคุณแม่บ้างสินี่บ้านฉันนะไปกลับบ้านได้แล้วคุณน่ะ นี่จะเที่ยงคืนแล้วนะ
ว้ากลับบ้านไม่ถูกเลยน่ะ ขอนอนที่บ้านคุณได้ไหมอ่ะ
อย่าทำเป็นยียวนกวนประสาทนะ เดี๋ยวตีก้นลายเลยไป ไปได้แล้ว กลับบ้านนอนได้แล้ว
กัญญาผลักคุณภูริให้เดินไปที่รถของตัวเอง เขาค่อย ๆ เปิดประตูรถออกแล้วก็ทิ้งตัวลงไปนั่งในรถ เขาจับมือเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ห่างไปไหนแล้วค่อย ๆ จูบมือเธอเบา ๆ ก่อนที่จะสตาร์ทรถ
ราตรีสวัสดิ์นะครับแล้วผมจะฝันถึงคุณ
คุณภูริยิ้มแล้วก็ขับรถออกไปกัญญายืนมองรถของเขาจนลับสายตาไปแล้วก่อนที่กลับเข้าไปในบ้านในขณะที่คุณแม่ของเธอแอบยืนอมยิ้มอยู่ข้างหน้าต่างห้องนอนบนชั้นที่สองของตัวบ้านก่อนที่จะดับไฟนอน
.20
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ