that's u (ตอนที่5)
ธารินทร์
"ใครบางคน ในบางความคิดถึง"
ความจริงยุ่งเกือบจะลืมใครคนหนึ่งไปแล้ว.. เกือบจะลืมไปแล้วว่าเขายังมีตัวตนอยู่ในใจของยุ่งมาตลอด ก็แน่ล่ะ.. ยุ่งเก็บเขาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของความทรงจำไปตั้งนานแล้ว.. แต่วันนี้ยุ่งจำเป็นต้องนึกถึงใครคนนั้นขึ้นมาอีกจนได้ มันเป็นเพราะจดหมายเก่าๆฉบับหนึ่งที่สอดอยู่ในหนังสือที่ยุ่งหยิบขึ้นมาอ่าน ...
ซองจดหมายสีขาวหม่นเพราะกาลเวลา กระดาษข้างในซองเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตาของคนอ่าน.. น้ำตาของยุ่งเอง.. ยุ่งแกะมันอ่านอีกครั้ง ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะทำให้ยุ่งพบเจอกับความรู้สึกอะไรบ้าง ..
ยุ่งครับ ..
ความจริงเรื่องนี้เราควรจะพูดคุยกันตั้งนานแล้วนะครับ ยุ่งเองก็คงรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร มันเป็นเรื่องที่ "เรา" พยายามปฏิเสธมันมาตลอด ทั้งๆที่ "เรา" ก็รู้อยู่ในใจตลอดเวลาว่าวันหนึ่งเราต้องพบเจอกับช่วงเวลานี้ อย่าพยายามปฏิเสธมันอีกต่อไปเลยครับ เราควรจะยอมรับความจริงว่าเราไม่สามารถจะจับมือกันเดินไปในเส้นทางเดียวกันได้จริงๆ ทั้งๆที่เราต่างก็เคยคิดว่าเราจะไปด้วยกันได้ ซึ่งในความเป็นจริงเราต่างก็ผิด.. เราผิดตั้งแต่เริ่มต้นด้วยกันทั้งคู่แล้ว .. ยุ่งครับ เราไม่ได้มีกันและกันเพราะความรัก ที่เรามีกันเป็นเพราะความเหงาเท่านั้น ในช่วงเวลาที่เรามีกันและกัน เราเพียงแค่ลบล้างความเหงาให้กันและกันได้เท่านั้น แต่เราไม่เคยเติมเต็มความรักให้กันและกันได้เลย
ผมเองก็เฝ้าถามตัวเองมาตลอด ว่าทำไมผมจึงพยายามยื้อเวลาระหว่างเราให้นานที่สุด คำตอบที่ให้กับตัวเองได้ก็คือ ผมไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตตามลำพังอีกแล้ว .. แต่ถ้าทำแบบนั้นมันคงจะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป.. ยุ่งครับ สำหรับตอนนี้ ตอนที่ผมเขียนจดหมายมาหายุ่ง มันเป็นเวลาที่ผมตัดสินใจได้แล้ว ตัดสินใจที่จะยอมรับความจริงที่ว่า "เราไม่ใช่กันและกัน" .. มันคงถึงเวลาแล้วล่ะครับ ที่เราจะปล่อยหัวใจและความรู้สึกของเราทั้งสองคนเป็นอิสระจากการผูกมัดของเส้นใยความเหงาของกันและกันเสียที..
ลำบากใจเหมือนกันนะ ที่จะบอกว่า "เราแยกจากกันเถอะ" แต่ในเมื่อทั้งผมและยุ่งต่างก็ไม่ใช่คนของกันและกัน เราก็ควรจะปลดปล่อยพันธนาการแห่งความรู้สึกของเรา เพื่อให้มันมีโอกาสได้พบเจอกับใครสักคนหนึ่งที่สามารถเข้ามาเติมเต็มความรู้สึก"รัก" ของเราได้ ซึ่งผมคิดว่าวิธีนี้คงเป็นทางเลือกเดียวที่มีอยู่สำหรับเรา..
ยุ่งครับ ผมขอโทษนะครับที่ผมทำให้ยุ่งน้ำตาหล่นอีกแล้ว.. ผมเองก็รู้สึกไม่แตกต่างจากยุ่งหรอก ต่อไปนี้ทั้งผมและยุ่งคงต้องมีชีวิตอยู่เพียงลำพัง จนกว่าจะพบเจอกับใครคนที่เข้ามาเติมความรักของเราให้เต็ม และลบล้างความเหงาให้หมดไปได้..
ต่อจากนี้ไป ผมคงไม่อาจจะตามไปดูแลยุ่งทุกหนแห่งได้อีกแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีนะครับ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆที่ยุ่งทำให้เกิดขึ้นในวันที่มีเรานะครับ.. ขอบคุณจริงๆ
แล้วก็เป็นอย่างที่ยุ่งคิดจริง กระดาษแผ่นนั้นก็เพิ่มรอยเปื้อนของน้ำตาอีกหลายหยด ยุ่งไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง น้ำตาที่มีส่วนผสมของความเหงา ความคิดถึง ความสับสน ความเหว่ว้า และอีกหลายๆความรู้สึก มันคงเป็นความรู้สึกคล้ายๆกับครั้งแรกที่ยุ่งได้อ่านข้อความในจดหมายนี้ล่ะมั้ง..
แต่ถ้าจะถามว่ายุ่งโกรธเขาหรือเปล่า ยุ่งคงตอบว่าไม่โกรธ เพราะในความเป็นจริง เราก็เป็นอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ "เราเพียงแค่ลบล้างความเหงาให้กันและกันได้ แต่เราไม่เคยเติมเต็มความรักให้กันและกันได้เลย" ยุ่งเองก็กล้าที่จะบอกได้ว่า ที่เรารู้จักกัน เราคบกัน เราสนิทกัน เรามีความรู้สึกดีๆให้กัน เกิดความความเหงาเท่านั้น ไม่ใช่"ความรัก" ..
ยุ่งคิดว่า ในเวลาที่เรารู้สึกเหงาเรายังนึกถึงกันบ่อยๆ ก็เพราะเราเป็นคนของความเหงาของกันและกันนี่นะ
ในระหว่างความคิดที่กำลังสับสน ยุ่งก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาทำลายความเงียบของความรู้สึก
"สวัสดีค่ะ พี่รินเหรอ.. "
ที่ปลายสายอีกด้านหนึ่งคงจับน้ำเสียงที่สั่นเครือได้ ..
"ขอโทษนะคะ ยุ่งขอโทษจริงๆ ที่วันนี้ยุ่งนึกถึงใครบางคนที่ไม่ใช่พี่ริน" ..
ยุ่งพูดปนน้ำตา แต่อีกฝั่งของปลายสายหัวเราะ ..
"พี่ริน ยุ่งเจอจดหมายเก่าๆฉบับหนึ่งน่ะ แล้วยุ่งจะเอาไปให้พี่อ่านนะคะ"
..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... .....