แต่งแต้มหัวใจด้วยรัก ตอน Love music
Strawberry
แต่งแต้มหัวใจด้วยรัก
ตอนที่1 Love Music
วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบเข้าโรงเรียนซึ่งอยู่ในชั้นระดับมัธยมปลาย ฉันเดินเข้ามาในโรงเรียนด้วยหัวใจเต้นระทึก หลังจากวันสอบฉันก็ลุ้นอย่างระทึกใจว่าฉันจะสอบติดหรือเปล่า ฉันกังวลมาตลอดว่าอาจจะสอบไม่ติด เพราะข้อสอบยากมาก และโรงเรียนที่ฉันสอบเข้านั้นก็เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง มีเด็กเก่งๆตั้งเป็นพันๆคนมาสอบที่นี่ แม้ว่าอุ้มกับอร เพื่อนสนิทของฉันจะคอยให้กำลังใจฉันอยู่เสมอว่าฉันคงติด เพราะว่าฉันก็เรียนเก่งเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้
ขณะที่ฉันกำลังเดินพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ฉันก็ได้ยินเสียงอันคุ้นหูเรียกชื่อฉัน
แอน
อ้าว อุ้มเองเหรอ
ยินดีด้วยนะจ้ะแอน เธอสอบติดแหละ อุ้มพูดอย่างยิ้มแย้ม
จริงเหรอ
อืมม
แล้วอุ้มกับอรก็คงติดด้วยใช่มั้ยล่ะ
แน่นอนอยู่แล้ว แอนอยู่ไหน ฉันกับยัยอรก็อยู่ที่นั่น คอยปกป้องเจ้าหญิงแสนสวยคนนี้ไง
อุ้มพูดพร้อมกับจับมือฉันไว้เพื่อให้ดูเหมือนเจ้าชายสารภาพรักกับเจ้าหญิง
นี่อุ้ม ฉันโตแล้วมีอะไรให้น่าเป็นห่วง
ก็แอนน่ะสวยและก็เรียบร้อยซะจนเหมือนกับลูกคุณหนู ตามใครเค้าไม่ทัน เดี๋ยวโดนล่อลวงไปทำอะไรมิดีมิร้ายจะทำไงล่ะ ที่นี่เป็นสหด้วย ไม่ใช่หญิงล้วนเหมือนร.ร.เรา
แล้วอรอยู่ไหนล่ะ
มันไปเข้าห้องน้ำ ป่านนี้ทำไมยังไม่เสร็จอีกน๊า สงสัยขี้แตก
บ้า!อุ้มพูดอะไรก็ไม่รู้ น่าเกลียด เดี๋ยวคนอื่นได้ยินแล้วเค้าจะว่าได้ว่าพูดจาไม่สุภาพ
ใครจะเรียบร้อยเหมือนเธอล่ะ
นั่นไง อรมาแล้ว
ฉันพูดพร้อมกับชี้ไปที่อร เพื่อนของฉัน
แอน รู้ผลยัง
รู้แล้วจ้ะอร ดีใจจัง
นี่ยัยอร แกขี้แตก หรือแกตกส้วมกันแน่วะ
อุ้ม ทำไมพูดจาไม่สุภาพเลยล่ะ
อ๋อ!พอดีฉันเจอหนุ่มๆร.ร.นี้อ่ะ เค้าเป็นรุ่นพี่เราปีนึง หล่อเป็นบ้าเลย เค้าขอเบอร์ฉันด้วย ฉันก็เลยให้เค้าไป สงสัยฉันคงจะน่ารักมากเลยเนอะ เค้าถึงมาจีบฉัน คนอะไรหล๊อ หล่อ
นี่หล่อน ยังไม่ทันจะสมัครเข้า ก็แรดไปทั่วแล้ว และนี่ใครก็ไม่รู้ อยู่ดีๆไปให้เบอร์ได้ไง เกิดเค้าหลอกเธอ
ไปข่มขืนหรือถ่ายภาพโป๊ขึ้นมาจะทำยังไง
นี่ยัยอุ้ม เธอเองก็มองโลกในแง่ร้ายเกินไป เค้าหล่อจะตาย คงไม่ทำอย่างนั้นหรอก
ก็ไว้ใจไม่ได้อยู่ดีแหละ
พอแล้วอุ้มกับอร อย่ามาเถียงกันเลย ไหนๆวันนี้เราก็สอบติดกันแล้ว เราไปเลี้ยงฉลองกันดีกว่า ไปร้องคาราโอเกะกัน และก็ไปกินไอติมกัน ดีมั้ย
โอเค
เมื่อเราคุยกันจบ เราก็ไปร้องคาราโอเกะและกินไอติมกันที่สยามซึ่งอยู่ใกล้โรงเรียน วันนี้เป็นวันที่ฉันได้มีเวลาที่ดีกับเพื่อนๆวันหนึ่ง เมื่อจบโปรแกรมตามที่เราวางไว้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน
ฉันเดินออกจากบ้านและมารอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน ขณะที่ฉันยืนรอรถเมล์อยู่นั้น ฉันก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ดูจากแบบฟอร์มนักเรียนแล้วรู้ได้เลยว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนที่ฉันสอบติด เขายืน
อยู่ข้างฉัน ฉันเหลือบมองใบหน้าของเขาครั้งหนึ่ง ทำให้ฉันได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาดีมาก ใบหน้าของเขาเรียว
เป็นรูปไข่ และมีดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มประดับบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ทำให้ฉันซึ่งยืนอยู่ข้างๆเขารู้สึกว่าจิตใจของฉันอ่อนไหว ยวบยาบลง ราวกับขี้ผึ้งลนไฟ ฉันไม่เข้าใจตัวเองจริงๆว่าทำไมฉันถึงมีความรู้สึกเช่นนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนเรียบร้อยเหมือนลูกคุณหนูอย่างที่อุ้มบอก แต่จิตใจของฉันก็ไม่เคยอ่อนไหวเลยสักครั้ง
เมื่อรถเมล์มาถึงฉันก็ขึ้นรถเมล์ โดยมีเขาคนนั้นอยู่ข้างหลังฉัน วันนี้รถเมล์มีคนแน่นมาก ฉันจึงต้องโหน
รถเมล์ และเขาก็ยืนโหนรถเมล์อยู่ข้างหลังฉัน เลยดูเหมือนฉันยืนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ฉันยืนอยู่ใกล้เขามากจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่รดลงบนแผ่นหลังของฉัน กับกลิ่นน้ำหอมที่โชยจากตัวเขามากระทบกับจมูกของฉันพลอยทำให้ฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ถ้าขืนฉันยืนอยู่ตรงนี้นานๆฉันคงจะถลำลึกลงไปยิ่งกว่านี้แน่ ฉันจึงพยายามสลัดความคิดนี้ออกไปจากสมองของฉัน และทำเป็นมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย และเนื่องจากมีคนแน่นมาก เมื่อเวลามีคนจะเดินไปยังประตูรถเมล์จึงเป็นเรื่องยากมากที่ฉันจะหลีกเลี่ยงที่จะเดินไปชนกับคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
ขอโทษค่ะ
ฉันรีบกล่าวคำขอโทษ
ไม่เป็นไรครับ
เขาพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานๆและแววตาที่เป็นประกายระยิบระยับมาให้ฉัน เสียงของเขาหวานมาก จนสามารถทำให้คนฟังเคลิบเคลิ้มได้ บางทีเขาอาจจะเป็นนักร้องของโรงเรียน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาคงจะเสน่ห์แรงที่สุดในโรงเรียนแน่ เพราะเขาหล่อมาก แถมยังหุ่นดีอีกต่างหาก ขนาดฉันตัวสูงแล้ว เขายังสูงกว่าฉันเกือบ 10 ซม.แน่ะ ตัวฉันเลยไหล่เขามานิดเดียวเอง
เมื่อถึงที่หมายของฉัน ฉันก็ลงจากรถเมล์ พร้อมกับเขา บ้านของเขาคงจะอยู่ใกล้บ้านของฉัน น่าแปลกที่ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อน บ้านของฉันอยู่ในซอยลึกเข้าไปไม่มาก ตลอดระหว่างทางกลับบ้าน ฉันกับเขาเดินมาทางเดียวกันตลอด จนกระทั่งเมื่อมาถึงซอยบ้านฉัน แล้วเขาก็เลี้ยวเข้าซอยนี้มาเหมือนกัน ฉันจึงไม่สงสัยแล้วล่ะว่าบ้านฉันกับบ้านเขาต้องอยู่ซอยเดียวกันแน่นอน
นี่อยู่ซอยเดียวกันเหรอครับ
เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงที่หวานมาก
ค่ะ
ฉันตอบอย่างอายๆ
แปลกนะคะ ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งนาน ไม่เคยรู้จักคุณเลย
ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่กี่เดือนเองครับ
เหรอคะ งั้นเราก็คงได้เจอกันอีก
ครับ
อีกหน่อยฉันกับคุณก็คงได้เรียนโรงเรียนเดียวกัน ก็คงได้เจอกันบ่อย
เหรอครับ ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้มีเพื่อนร่วมทาง เวลากลับบ้าน
ใช่ เห็นได้ยินว่าโรงเรียนนี้เรียนหนัก อาจจะต้องกลับบ้านเย็น ฉันเป็นผู้หญิงกลับบ้านตอนเย็นคนเดียวไม่ค่อยปลอดภัย
ผมก็ต้องกลับบ้านเย็นทุกวันเหมือนกัน เพราะผมต้องซ้อมร้องเพลงหลังเลิกเรียน
คุณเป็นนักร้องเหรอคะ
ครับ
เคยออกงาน หรือไปประกวดที่ไหนมาบ้างหรือเปล่าคะ
ก็เคยครับ หลายงานเหมือนกัน
แล้วได้รางวัลอะไรมาบ้าง
ก็มีทั้งชมเชย รองชนะเลิศ และก็ชนะเลิศ
สงสัยคงเป็นนักร้องมือโปรแน่เลย
ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ
ไม่ต้องถ่อมตนหรอกค่ะ ได้มาตั้งหลายรางวัล ไม่เรียกว่ามือโปร แล้วจะให้เรียกว่าอะไรคะ
คุยกันตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อกันเลย ผมชื่อเต้
ฉันชื่อแอนค่ะ คุณคงเป็นรุ่นพี่ฉัน งั้นตั้งแต่วันนี้ฉันขอเรียกคุณว่าพี่เต้แล้วกัน
โอเค
ถึงบ้านหนูแล้วค่ะ พี่เต้
เอ๊ะ!นี่บ้านเราอยู่ตรงข้ามกันเหรอ
ดีจัง งั้นเราก็คงไปมาหาสู่กันได้บ่อยๆ
เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาหานะ
ค่ะ
เมื่อฉันเข้าบ้าน ฉันก็ไปอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว และก็นอนหลับฝันดี ฝันว่าฉันกับพี่เต้เป็นแฟนกัน และนั่งจู๋จี๋กันที่สวนสาธารณะ
*************
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น เลยทำให้ฉันตื่นจากความฝันอันแสนดี นี่ฉันฝันบ้าอะไรเนี่ยะ แค่รู้จักกันวันเดียวก็ปิ๊งเขาแล้วเหรอ ฉันรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อเปิดประตูไปพบกับหน้าแม่ และได้ฟังเรื่องที่แม่บอก ฉันก็ยิ้มหวานออกมา
มีอะไรเหรอแม่
มีเพื่อนมาหาแน่ะ
ยังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟันเลย เดี๋ยวบอกเค้าว่าให้รออีกสัก 20 นาทีแล้วกัน ขออาบน้ำก่อน
ฉันรีบอาบน้ำ แปรงฟัน และแต่งตัว เสร็จแล้วก็รีบลงมาข้างล่าง เมื่อลงมาแล้วฉันก็เห็นพี่เต้กำลังนั่งรอฉันอยู่ที่โซฟา
หวัดดี พี่เต้ ขอโทษนะที่ทำให้รอ พอดีหนูเพิ่งตื่น
เป็นผู้หญิงทำไมตื่นสายจัง นี่ 9 โมงแล้วนะ
9 โมงสำหรับหนูถือว่ายังเช้าอยู่ ทุกทีหนูตื่น 11 โมง
โห!
ฉันหัวเราะอย่างอายๆ
กินข้าวเช้ายัง
ยังเลย พี่ล่ะ
ยังเหมือนกัน
ยังไม่ได้กินข้าวกินปลาเหรอจ้ะหนู
แม่พูดแทรกขึ้นมา
วันนี้ป้าทำโจ้กหมูหม้อใหญ่เบ้อเริ่ม กินที่นี่ก็ได้ หิวแล้วล่ะสิ แอนก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกันนี่
อืมม พี่มากินด้วยกันกับหนูสิ ไหนๆก็มาแล้ว
ไม่เป็นไรหรอกครับ
ไม่ต้องเกรงใจป้าหรอก ถ้าหนูไม่กิน ยังไงมันก็เหลือ กินไม่หมด ต้องไล่แจกชาวบ้านเค้า บ้านป้าเค้ากินกันน้อย ไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไหร่หรอก
ก็ได้ครับ
ฉันกับพี่เต้เลยเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว รอให้แม่เอาโจ๊กหมูมาให้กิน
หนูว่าพี่ต้องร้องเพลงเก่งมากแน่ๆเลย
ทำไมล่ะ
ก็เห็นออกตั้งหลายงาน กวาดรางวัลมาเพียบ หนูแค่ไปประกวดแค่ 2 งานเอง ไม่เคยได้ที่ 1 เลย ได้แต่ที่2 กับที่3
เป็นนักร้องด้วยเหรอ
เปล่าหรอก แค่ชอบร้องเพลงเฉยๆก็เลยไปประกวดเล่นๆ อย่างหนูก็แค่นักร้องมือสมัครเล่นเท่านั้นเอง
แล้วเคยไปเรียนร้องเพลงที่ไหนหรือเปล่า
ไม่เคย
แค่นี้ก็เก่งแล้ว พวกที่เค้าประกวดกันก็เรียนร้องเพลงกันมาทั้งนั้นแหละ
เหรอ หนูอยากเป็นนักร้องจัง
ก็ฝึกร้องเพลงสิ และก็พอเปิดเทอมเค้ามีให้สมัครเข้าชมรม ก็เลือกเข้าชมรมนักร้องสิ พี่ก็เข้าชมรมนั้น
ดีจัง แต่คงมีแต่คนเก่งๆหนูอายเค้าจัง กลัวว่าตัวเองจะเปิ่นกว่าเพื่อน
ไม่หรอก ชมรมนี้ ไม่ใช่เอาสุดยอดนักร้องมารวมตัวกันนะ คนที่อยู่ชมรมนี้เค้าจะมีสอนร้องเพลงให้
ร้องเพลงไม่เป็นเลยก็เข้าได้ และเค้าก็จะดูว่าใครมีแวว และก็จะคัดตัวไปเป็นนักร้องของโรงเรียน
งั้นก็แล้วไป
โจ้กร้อนๆมาแล้วจ้ะ
เสียงของแม่ดังเจื้อยแจ้วมาจากในครัว แม่ยกชามโจ้ก2ชามมาวางบนโต๊ะ หลังจากนั้นเราก็สวาปามโจ้กตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเรากินเสร็จ
พี่ร้องเพลงให้หนูฟังได้มั้ย
ได้สิ เดี๋ยวเราไปร้องเพลงกันที่บ้านพี่มั้ยล่ะ พี่มีกีตาร์
เอาสิ หนูอยากร้องเพลงกับกีตาร์มานานแล้ว แต่พ่อแม่พี่เค้าไม่ว่าเอาเหรอ ไปส่งเสียงดังที่บ้านเค้า
วันนี้เค้าไปทำงานกัน พี่ก็เลยอยู่กับยัยน้องสาวตัวยุ่ง
ทำไมพี่ไปว่าน้องเค้าอย่างนั้นล่ะ
ถ้าแอนไปเห็นนะ จะรู้เลยว่าที่เรียกว่ายัยตัวยุ่งเนี่ยะมันยังน้อยไป
เดี๋ยวหนูขอไปเก็บชามก่อน
เมื่อฉันพูดจบฉันก็เอาชามบนโต๊ะไปเก็บที่ครัวแล้วไปบอกแม่ว่าจะไปบ้านพี่เต้
เมื่อเรามาถึงบ้านพี่เต้
อะไรกันเนี่ยะ กินข้าวก็ไม่เก็บจาน หนังสือหนังหา ข้าวของ วางเกลื่อนบ้านไปหมด ไม่รู้จักเก็บไว้ให้เป็นที่ พี่เต้บ่นอย่างเอือมระอา
ยัยผึ้ง ยัยตัวยุ่ง อยู่ไหน มานี่เดี๋ยวนี้
อะไรพี่เต้ เสียงใสเจื้อยแจ้วของผู้ถูกเรียกถามขึ้น
ลงไปเก็บจานชามและก็เก็บของข้างล่างนี่ให้เรียบร้อยด้วย
พี่ก็เก็บเองสิ
ตัวเองนั่นแหละเก็บเอง รื้อของกระจุยกระจายเชียว
หนูเล่นเน็ตอยู่ พี่เก็บให้หน่อยไม่ได้เหรอ
ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เต้ เดี๋ยวหนูช่วยเก็บ
ไม่ได้หรอก เดี๋ยวมันเคยตัว
แล้วจะมาทะเลาะกันให้ได้อะไร เสียอารมณ์หมด เดี๋ยวร้องเพลงไม่เพราะด้วย เวลาร้องเพลงเค้าต้องบิวท์อารมณ์ด้วยไม่ใช่เหรอ
และฉันกับพี่เต้ก็ลงมือกันเก็บกวาดบ้านให้เป็นระเบียบ หลังจากนั้นพี่เต้ก็จูงมือฉันขึ้นไปบนห้องนอนของเขา
ไม่เป็นไรหรอก ร้องตรงนี้ก็ได้นะ หนูเป็นผู้หญิงอยู่กับพี่ในห้องนอน 2 ต่อ 2มันน่าเกลียด
ในโลกนี้ยังมีผู้หญิงรักนวลสงวนตัวอย่างนี้ด้วยเหรอ
พี่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง
เปล่า ก็เห็นผู้หญิงสมัยนี้เค้าทันสมัย อย่าว่าแต่แค่อยู่กัน 2 ต่อ 2เลยนะ แค่ไปนอนด้วยกันก็ยังสบาย
นี่!พี่พูดอย่างนี้เหมือนดูถูกหนูและก็ผู้หญิงคนอื่นๆเลยนะ มีแค่ไม่กี่คนหรอกนะที่เป็นอย่างที่พี่พูด
ฉันลืมตัวโพล่งออกไปด้วยความโกรธที่พี่เต้พูดจาดูถูกผู้หญิงแบบนี้ ถึงภายนอกฉันจะดูอ่อนโยน แต่ถ้าโกรธใครแล้วก็ไม่ไว้หน้าใครเหมือนกัน
โกรธพี่เหรอ พี่ขอโทษ
หนูไม่อยากร้องเพลงกับพี่แล้วล่ะ หนูจะกลับบ้าน
ยังไม่หายโกรธเหรอ พี่ขอโทษนะ
เขาพูดพร้อมกับเอามือของเขามากุมมือของฉันไว้ ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากมือของเขามาที่มือของฉัน ความอบอุ่นนี้คงแผ่ซ่านมาที่หน้าของฉัน แก้มของฉันจึงกลายเป็นสีแดงระเรื่อ ฉันกับเขาสบตากันเป็นครั้งแรก ดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มของเขาช่างดูเป็นประกายหวานเหลือเกิน หวานจนทำให้หัวใจของฉันละลายได้ ในขณะเดียวกันมันก็ดูเศร้า ดูอาลัยอาวรณ์ ความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทรกแซงผสมปนเปกับความโกรธของฉัน ทำให้อารมณ์ที่ร้อนแรงราวกับภูเขาไฟปะทุเงียบสงบลง ฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับความรู้สึกนี้จนลืมตัว ปล่อยให้เขาจับมือฉันไว้แน่น ตอนนี้โลกคงจะหยุดหมุน และเวลาก็จะคงหยุดเดิน ช่วงเวลานี้เหมือนวิดิโอที่ถูกกดปุ่มpauseให้ค้างไว้ กว่าจะรู้สึกตัวอีกที เวลาก็คงผ่านไปนานแล้ว
ไม่เป็นไรคะ พี่ปล่อยมือหนูเถอะ
แล้วเจอกันวันหลังนะคะ
ฉันหันหลังเดินออกจากบ้านพี่เต้อย่างรวดเร็วด้วยความเขินอายจากความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่เขาส่งมาทางสายตาซึ่งฉันเองก็ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ และรีบเดินเข้าบ้าน ตรงขึ้นไปบนห้องนอนของฉัน ฉันนั่งลงบนเตียงพิงกับหมอน และนั่งอมยิ้มคิดถึงใบหน้าอันหล่อเหลา ดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มที่ดูเป็นประกายระยิบระยับยามที่เราคุยกัน และเป็นประกายหวานปนเศร้าเมื่อตอนที่เขาขอโทษฉัน ฉันคิดทบทวนถึงเรื่องราวเมื่อวานตั้งแต่ตอนที่ฉันกับพี่เต้ขึ้นรถเมล์คันเดียวกันและกลับบ้านทางเดียวกัน คิดถึงบทสนทนาของเรา2คนระหว่างทางกลับบ้าน คิดถึงความฝันของเมื่อคืนนี้ ที่เราเป็นแฟนกัน และนั่งจู๋จี๋กันอยู่ที่สวนสาธารณะ ฉันไม่เคยฝันอะไรแบบนี้มาก่อนเลย คิดถึงตอนที่เรานั่งกินโจ้กหมูด้วยกัน และคิดถึงตอนที่เขาเอามือมากุมมือของฉันไว้พลางเอามือขึ้นมากุมไว้แนบอก ฉันยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี และฉันจะจดจำมันไว้ตราบนานเท่านาน ช่วงเวลานั้นได้ผันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ฉันก็อยู่บ้านของฉัน เขาก็อยู่บ้านของเขา แต่ฉันยังรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือของเขาแผ่ซ่านมาที่มือของฉัน เหมือนกับว่าเขายังกุมมือฉันไว้อยู่ เหมือนกับว่าเขาได้ทาบความรู้สึกพิเศษนั้นไว้ที่มือของฉัน ความรู้สึกที่ฉันคิดว่ามันงดงามที่สุดและบอบบางมาก แค่ใช้มือจับก็อาจจะทำให้มันฉีกขาดหรือสลายตัวไปได้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันคืออะไร แต่จะรักษามันไว้ไม่ให้สูญสลาย ฉันจะเก็บมันไว้ในความทรงจำตลอดไป
**************
ฉันอยู่ในห้องนอนและคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาจนเพลิน เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉันหันหน้าไปมองนาฬิกาปลุกบนโต๊ะข้างเตียง ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว เสียงน้ำย่อยในกระเพาะร้องจ๊อก!จ๊อก! ฉันจึงลงไปหาอะไรกินข้างล่าง เห็นแม่เขียนโน้ตแปะไว้ที่โต๊ะว่า
แม่ออกไปธุระข้างนอก จะกลับบ้านมาตอน 2 ทุ่ม หาอะไรกินเองแล้วกัน และก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย
ฉันจึงต้องออกจากบ้านไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารตรงปากซอย
เมื่อฉันเดินไปที่ปากซอย ฉันก็เดินเข้าไปนั่งและสั่งอาหารในร้านอาหารตามสั่งที่ฉันมาเป็นประจำในเวลาที่แม่ออกไปข้างนอกและฉันต้องมาหาอะไรกินเอง
เอาข้าวผัดหมูที่นึง
ขณะที่ฉันกำลังนั่งรออาหารที่สั่งอยู่นั้น ฉันก็ได้ยินเสียงหวานคุ้นหูเรียกฉัน ฉันหันไปตามเสียงก็เห็นเจ้าของเสียงยืนอยู่ที่หน้าร้านกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งและกำลังเดินเข้ามาที่โต๊ะที่ฉันนั่งอยู่
พี่เต้ มากินข้าวที่นี่เหมือนกันเหรอคะ
อืมม
แหมพี่ นัดกินข้าวกับแฟนก็ไม่บอกจะได้ไม่มาเป็นกขค
เสียงแจ๋นเจื้อยแจ้วของเด็กผู้หญิงเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันรู้สึกเขินอายจนหน้าแดง ฉันจำได้ขึ้นใจเลยล่ะว่าเป็นเสียงของน้องสาวของพี่เต้ เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าตาน่ารัก แต่ไม่ถึงกับสวย ท่าทางดูไร้เดียงสา ออกแนวแก่นๆห้าวๆเล็กน้อย ผมบางสีดำขลับยาวประบ่าของเธอถูกถักเป็น 2 เปียอย่างเรียบร้อย ผิวของเธอขาว หน้าตาหมวยนิดๆตามแบบฉบับของลูกคนจีนทั่วๆไป ซึ่งต่างกับพี่ชายอย่างสิ้นเชิงที่ดูคมเข้ม ผิวสีเหลืองออกคล้ำนิดๆ เธอตัวเล็กไม่ถึงไหล่ของพี่ชายของเธอเลย คำพูดของเธอทำให้ฉันนึกถึงความฝันเมื่อคืนนี้
ยัยผึ้ง พูดอะไรไร้สาระ แอนไม่ต้องสนใจมันหรอก มันบ้าๆบอๆ
พี่เต้รีบพูดแก้ตัว ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย
พูดเรื่องจริงหน่อยทำเป็นอาย เนี่ยะน่ะเหรอแฟนของพี่ที่พี่เก็บตัวไว้ตั้งนานไม่ให้หนูเห็นหน้า สวยดีนี่
เธอพูดออกมาเสียงดังจนคนในร้านหันมามองกันเต็ม ฉันอายจนแก้มแดงเป็นลูกตำลึง ถึงกับพูดไม่ออก สบตาใครไม่ได้เลย
คนนี้ไม่ใช่ แฟนพี่อีกคนนึง
เขากระซิบหูน้องสาวของฉัน แต่นั่นก็ดังพอที่จะทำให้คนหูดีอย่างฉันได้ยิน ฉันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาสะกิดเสี้ยวหนึ้งของหัวใจทำให้รู้สึกเจ็บลึกๆเพียงเล็กน้อย
พี่เต้กับน้องผึ้งยืนคุยอะไรกันตั้งนาน ทำไมไม่นั่งซักทีล่ะ
พี่เต้กับน้องผึ้งจึงนั่งลง ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามฉัน และเริ่มสั่งอาหาร
เอาผัดซีอิ๊ว 2 ที่
เมื่อพี่เต้สั่งอาหารเสร็จ ข้าวผัดร้อนๆหอมกรุ่นก็วางอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันจึงลงมือกินข้าวผัดตรงหน้าด้วยความหิวอย่างเอร็ดอร่อย
แอน
พี่เต้เรียกฉัน
อะไรคะ
ขอเบอร์หน่อย
เขาพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เพื่อเตรียมเมมเบอร์ฉันไว้
มือถือของหนูเหรอ ก็ 01-346xxxx. ของพี่ล่ะ
ฉันหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมเมมเบอร์ของพี่เต้บ้าง
ของพี่นะ 09-882xxxx
เมื่อเราทั้งสองต่างแลกเบอร์ของกันและกันแล้ว ผัดซีอิ๊วทั้ง 2 จานที่พี่เต้สั่ง ก็วางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
เราต่างจัดการอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร เขาคงหิวมาก
เมื่อเรา 2 คนกับน้องผึ้งกินข้าวเสร็จก็เดินกลับบ้านด้วยกัน
พี่เต้
อะไร
หนูขอโทษนะคะ
ขอโทษเรื่องอะไร
ก็เรื่องเมื่อเช้าไงคะ หนูขอโทษจริงๆ หนูก็เป็นคนอย่างนี้ล่ะค่ะ ขี้ใจน้อย โกรธง่าย
พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษแอน พี่ไม่น่าปากเสียเลย
ช่างมันเถอะค่ะ
พี่คะ
อะไร
วันนี้หนูอยู่บ้านคนเดียว พี่มาบ้านหนูได้มั้ย มาร้องคาราโอเกะกัน
ดีเหมือนกัน ของแอนมีเพลงของใครบ้างล่ะ
ของหนูมีแต่เพลงฝรั่งน่ะค่ะ หนูไม่ชอบร้องเพลงไทย พี่คงไม่ชอบหรอก เอาของพี่มาก็ได้
พี่ชอบร้องเพลงร้อค
ไปร้องคาราโอเกะกันเหรอ ขอจอยน์ด้วยคนดิ
น้องผึ้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้
ไม่ต้องเลย ไปเล่นเน็ตเลยไป
ไม่เอา อยากร้องเพลง ถ้าพี่เต้ได้ยินเสียงอันไพเราะของหนูนะ ขี้คร้านจะขอให้หนูร้องให้ฟังนานๆ
ขี้โม้ เสียงอย่างกะควายถูกเชือด ใครจะฟัง
อ้าวพี่ ทำไมไปว่าน้องเค้าอย่างนั้นล่ะ น้องผึ้งมาร้องที่บ้านพี่สิ พี่อยากฟังเสียงน้อง
พี่เต้กับน้องผึ้งจึงเดินไปเอาเพลงที่บ้าน ส่วนฉันเข้ามารอในบ้าน
เมื่อทุกคนมาอยู่ที่บ้านฉันแล้ว ฉันเสียสละให้น้องผึ้งร้องเพลงเป็นคนแรก ตามด้วยพี่เต้ และฉันร้องเป็นคนสุดท้าย เธอร้องเพลง I believe เพลงฮิตติดชาร์ตในเอเชียของทาทา ยัง นักร้องหญิงคนไทยที่โกอินเตอร์
เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของฉันและก็ของน้องผึ้งด้วย เวลาฉันจะประกวดร้องเพลง ฉันก็ร้องเพลงนี้แหละ
I feel the heat around me.
I feel the beat surround me.
Could this be for real,I wonder.
สำเนียงของเธอชัดราวกับเป็นเจ้าของภาษา ทั้งน้ำเสียงและลีลาการเต้นของเธอถอดแบบมาจากนักร้องเจ้าของเพลงนี้มาถูกกระเบียดนิ้ว เพียงแค่ปล่อยผมที่ถักเป็นเปียของเธอให้ดูเซ็กซี่อีกหน่อย เธอก็ดูคล้ายนักร้องเจ้าของเพลง เธอคงชอบนักร้องคนนี้มาก
Set me on fire,yeah
I believe, I believe in love.
And like the stars above.
They shine,let it shine over me.
Set me free, I believe in you.
And that our love is true.
Oh I believe,I believe.
เธอโยกย้ายส่ายเอว ส่ายสะโพกอย่างเซ็กซี่ และนุ่มนวล ไม่ดูแข็งทื่อ ในขณะที่พี่เต้นั่งอมยิ้มดูน้องสาวของเธอร้องเพลงอย่างเมามัน เมื่อเธอร้องเพลงจบฉันก็ปรบมือให้เธอ เธอโค้งคำนับพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณฉันเหมือนกับนักร้องที่ออกคอนเสิร์ต
ทีนี้ก็ถึงตาของพี่เต้ เขาร้องเพลงกล้าพอไหม ของ Potato เขาร้องได้ดีเหมือนกับที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด
กล้ากลับไปหาเขาหรือเปล่า กลับไปย้ำ
กลับไปย้ำคำที่บอก บอกว่าเธอไม่รักเค้า
จบกันแล้ว
ทำให้ฉันหน่อยได้มั้ย
เขาเกิดมาเพื่อเป็นนักร้องจริงๆ น้ำเสียงของเขาหวานและหนักแน่น ฟังแล้วได้อารมณ์จริงๆ ฉันฟังเขาร้องเพลงอย่างเพลิดเพลินจนเขาร้องเพลงเสร็จแล้วฉันยังไม่รู้ตัวเลย
เมื่อถึงตาฉัน ฉันก็ร้องเพลง Dont let me be the last to know ของบริทนีย์ สเปียร์ส
Don't, don't let me be the last to know
Don't hold back, just let it go
I need to hear you say
You need me all the way
Oh, if you love me so
Don't let me be the last to know
ฉันได้ถ่ายทอดอารมณ์โรแมนติกไปพร้อมกับน้ำเสียงอันอ่อนหวานของฉัน เมื่อฉันร้องจบ ทั้งพี่เต้และน้องผึ้งก็ปรบมือให้ฉัน น้องผึ้งเอามือมาวางไว้ที่ไหล่ของฉัน แล้วพูดขึ้นว่า
นี่สิ นักร้องตัวจริง
เมื่อพูดจบเธอก็เอามือตบบ่าฉัน
ร้องเพลงเก่งอย่างนี้ พี่เชื่อว่าแอนต้องได้เป็นนักร้องของโรงเรียนแน่เลย
เหรอคะ ขอบคุณค่ะที่ให้กำลังใจ
น้องมีพรสวรรค์มากนะ อย่าปล่อยให้พรสวรรค์ของแอนต้องหลุดลอยหายไปนะ
เขาพูดให้กำลังใจฉัน เราสบตากันอีกครั้ง แววตาของเขาตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและความจริงจังหนักแน่น คำพูดของเขาวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน คำพูดของเขาฟังดูมีคติดีนะ แต่น้ำเสียงของเขากลับทำให้ฉันรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่เขามอบให้ฉัน ตอนนี้แววตาของเขาเปลี่ยนไปแล้ว เป็นแววตาที่ดูอ่อนหวานเหมือนครั้งนั้น แววตาของเขามองมุมหนึ่งก็ดูงดงามเป็นประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน หรือมองอีกมุมหนึ่งก็เหมือนไฟที่ละลายหัวใจของฉันให้อ่อนยวบยาบราวกับช้อกโกแลตละลาย และด้วยเหตุนี้กระมังทุกครั้งที่เขาส่งสายตาแบบนี้มาที่ฉัน ฉันถึงหน้าแดง
พี่เต้ แหมส่งตาหวานให้คนอื่นได้ไง ไหนบอกว่ามีแฟนแล้วไง
คำพูดที่ไร้เดียงสาของน้องผึ้งทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเศษเสี้ยวของหัวใจของฉันถูกบดขยี้จนเป็นแผลลึกลงไปยากที่ใครจะรู้ เพราะรอยแผลมีขนาดเล็กมากและอยู่ลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ แต่ถ้าฉันถลำลึกลงไปมากกว่านี้ แผลหัวใจนี้คงจะมีขนาดใหญ่ขึ้นจนเห็นชัด และอาจทำให้หัวใจของฉันแหลกสลายได้
ผึ้ง กลับบ้านไปก่อนไป พี่ขอคุยอะไรกับพี่แอนเค้าเป็นการส่วนตัว
ก็ได้
เมื่อน้องผึ้งกลับบ้านไปแล้ว ฉันก็ถามในสิ่งที่ฉันอยากรู้มานานแล้ว
พี่มีแฟนแล้วเหรอคะ
อืมม
แล้วรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไร
เมื่อวานที่โรงเรียน เค้ารุ่นเดียวกับแอน เค้ามาดูผลสอบปรากฏว่าเค้าสอบติด พี่เจอเค้าที่หน้าห้องน้ำเห็นหน้าตาน่ารักดี ก็เลยจีบ
ฉันรู้สึกคุ้นๆ เพราะเรื่องที่อรเล่ามาเมื่อวานก็คล้ายกัน ฉันเริ่มถามคำถามอย่างจริงจังมากขึ้น
แล้วแฟนพี่ชื่ออะไรเหรอคะ
ชื่ออร เมื่อวานตอนเย็นพี่ก็โทรไปหาเค้า นิสัยเค้าขี้อ้อนเล็กน้อยนะ แต่ก็คุยสนุกดี น่าเสียดาย พี่น่าจะ
เจอแอนก่อน จะได้จีบแอน
ฉันรู้สึกเหมือนมีใครเอามือมากดแผลที่หัวใจฉัน คนที่ฉันมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่มีค่ามากมายมหาศาล ขนาดเงินก็ยังซื้อไม่ได้ ความรู้สึกพิเศษที่บอบบางและไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ กลับมีเจ้าของแล้ว และเจ้าของคนนั้นก็คือเพื่อนของฉันเอง ฉันรู้สึกผิดและละอายใจที่แอบหลงรักแฟนเพื่อน รู้สึกเหมือนตัวเองทรยศเพื่อน น้ำตาของฉันเริ่มรื้นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ฉันก็พยายามกลั้นมันไว้
พี่อย่ามาเจ้าชู้น่า พี่มีแฟนแล้วนะ และแฟนพี่ก็คือเพื่อนสนิทที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่ประถมของหนู เราคงคบกันไม่ได้หรอกนะ หนูไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนทรยศเพื่อน
น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลพรั่งพรูออกมาอาบเต็มหน้าของฉัน ฉันรีบวิ่งขึ้นห้องนอนไป แม้จะได้ยินเสียงเรียกของคนข้างหลัง แต่ฉันก็ไม่คิดจะหันกลับมาหรอกนะ ฉันนั่งกอดหมอนร้องไห้บนเตียง ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่าความรู้สึกพิเศษนั้นก็คือความรัก ความรู้สึกที่ฉันรู้สึกไปเอง ความรู้สึกที่หวานราวกับน้ำผึ้งแต่กลับมียาพิษเจือปนอยู่ ฉันมัวแต่เคลิบเคลิ้มกับความรู้สึกนั้น กว่าจะรู้ว่ามันคืออะไรฉันก็ต้องเจ็บปวดเพราะมัน
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ฉันรับโทรศัพท์
ฮัลโหล อรเหรอ
แอน เธอร้องไห้เหรอ
เปล่า ไม่มีอะไรหรอก
อย่ามาโกหก ฉันรู้ เธอร้องไห้ทำไมเหรอ
เหงามั้ง วันนี้แม่ออกไปข้างนอก พ่อก็ออกไปทำงานตั้งแต่ไก่โห่ ตอนนี้ยังไม่มีใครกลับบ้านเลย ฉันอยู่คนเดียวทั้งวันเลย ไม่มีอะไรทำ เหงา เลยมานั่งร้องไห้ฆ่าเวลา
อย่างนี้ก็มีด้วย
ฉันแสร้งหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวด เพื่อไม่ให้อรรู้
เนี่ยะ ทำไมน๊า ทำไมวันนี้แฟนฉันถึงไม่โทรหาฉันเลย เหงาจัง รอมาทั้งวันเลย เหงา เลยโทรมาหาเธอ
ฉันรู้สึกเหมือนมีใครเอามีดกรีดหัวใจ
ยัยอุ้มมันปากเสียจริงๆ แหมมาทำเป็นสั่งสอนฉัน แฟนฉันอ่ะนะ ทั้งหล่อ ทั้งเท่ ร้องเพลงก็เพราะ เป็นนักร้องของโรงเรียนแหละ ตัวนี้สูงปรี๊ด หุ่นดีอย่างกะนายแบบเลย เท่เป็นบ้าเลย เกิดมาฉันไม่เคยเจอใครเพอร์เฟกต์อย่างนี้มาก่อนเลย เวลาฉันคุยกับเขานะ รู้สึกอบอุ่นหัวใจยังไงก็ไม่รู้ สงสัยนี่แหละเค้าเรียกว่าความรัก
เสียงของอรเจื้อยแจ้วไปเรื่อยโดยไม่รู้เลยว่า คำพูดของเธอทำให้ฉันต้องเจ็บปวดมากขึ้นเป็นทวีคูณ อรคงรักเขามาก และถ้าอรรู้ว่าฉันแอบชอบแฟนของเธอ เธอก็คงเจ็บปวดไม่ต่างอะไรกับฉัน ถ้าฉันเลือกได้ ฉันขอรับความเจ็บปวดนั้นไว้ทั้งหมด ดีกว่าให้เพื่อนที่ไม่รู้เรื่องอะไรต้องมาเจ็บปวดแทนฉัน
แค่นี้ก่อนและกันอร
เฮ้อ!เซ็งจัง ก็ได้บายจ้ะ
บาย
เมื่อคุยจบฉันก็ร้องไห้โฮออกมาเหมือนเด็ก ฉันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมฉันถึงต้องร้องไห้ให้กับความรัก ซึ่งไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับการดำรงชีวิตอยู่ของร่างกายฉัน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันมองนาฬิกาปลุกเห็นว่าตอนนี้ 2 ทุ่มแล้ว นี่ฉันร้องไห้มานานขนาดนี้เลยเหรอ
ฉันรีบเช็ดหน้าเช็ดตา ทำหน้าตาให้เบิกบานแจ่มใสที่สุด แล้วเดินไปเปิดประตู
อ้าวแม่ กลับมาแล้วเหรอคะ
ทำไมเปิดประตูทิ้งไว้ล่ะ ถ้ามีขโมยเข้ามาจะทำไง
หนูขอโทษจริงๆ ทำไมหนูลืมไปได้นะ
ก่งก๊งใหญ่แล้วนะเราน่ะ ตกหลุมรักใครเข้าแล้วเหรอ
แม่น่ะบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้
ไม่รู้สิ ตั้งแต่เข้าโรงเรียนใหม่ สงสัยเจอหนุ่มๆก็เลย ฮิ! ฮิ!อย่างว่าอ่ะนะ
แม่ ทีหลังอย่าพูดอย่างนี้นะ หนูไม่ชอบ
คำพูดของแม่ที่พูดทีเล่นทีจริง กลับเป็นเหมือนเหล็กทิ่มแทงหัวใจฉัน
กินอะไรหรือยัง
ข้าวกลางวันน่ะกินแล้ว แต่ข้าวเย็นยังเลย
ตายแล้ว 2 ทุ่มแล้วนะ โธ่!อย่างนี้ไม่หิวโซเลยเหรอ
เออหนูไม่หิวน่ะแม่
ตามใจ ไม่หิวก็ไม่หิว
***************
ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่เคยติดต่อกับพี่เต้อีกเลย เขาโทรมาหาฉันหลายครั้งแต่ฉันก็ไม่เคยรับสาย เพราะฉันจะต้องตัดใจจากเขาให้ได้ เวลาเขามาหาฉันที่บ้าน ฉันก็จะให้แม่บอกเขาว่าฉันไม่อยู่ เราจึงไม่ได้เจอกันอีกเลย
เมื่อถึงวันเปิดเทอม ฉัน อุ้ม และอร ได้เรียนห้องเดียวกันเหมือนเดิม และเราก็นั่งข้างกันเหมือนเดิม อร
มักจะพูดถึงพี่เต้ แฟนของเธอให้ฉันกับอุ้มฟังเสมอ
เนี่ยะ ฉันกับพี่เต้ แฟนฉันอ่ะนะ หวานแหววกันอย่างกะน้ำผึ้งแน่ะ เราโทรคุยกันทุกวันเลยแหละ คนอะไรก็ไม่รู้ ปากหวานชะมัด
เหรอ แล้วใครโทรหาใคร เค้าโทรหาแก หรือแกโทรหาเค้ากันแน่
แหม!มันก็สลับกันบ้างสิยะ
ยินดีด้วยนะอร นิยายรักเรื่องนี้ขอให้จบอย่างแฮ้ปปี้เอ็นดิ้งนะจ๊ะ
ขอบคุณจ้ะ ว่าแต่แอนน่ะ ไม่คิดจะมีแฟนกับเค้าบ้างเหรอ
โอ้ย!ยัยอร นี่หล่อนแรดคนเดียวยังไม่พอ ยังมาชวนเพื่อนฉันแรดอีก
โธ่!ใครจะบ้าอุดมการณ์อย่างแกล่ะยัยอุ้ม หมดสมัยไปแล้ว ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว อ่อนโยน เรียบร้อยนุ่มนิ่ม เป็นกุลสตรีน่ะ
แต่เรายังเด็กอยู่เลย เป็นเด็กมีหน้าที่เรียนหนังสือก็เรียนไป ที่แกไปมีแฟนฉันอุตส่าห์ให้อภัยแก แต่อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกนัดเดทกับพี่ต้ง พี่เต้อะไรของแก
ทำไมล่ะ
เป็นผู้หญิงไปไหนมาไหนกับผู้ชาย2ต่อ2ดูไม่ดี ใครเค้ารู้เข้าจะเอาไปนินทา
โอ้ย!หัวโบราณจริงๆวะ เพื่อนฉัน ไม่คุยกับแกแล้ว คุยกับแอนดีกว่า แอนจ๋า
จ๋า
อรเอามือมาป้องปากฉันเหมือนกระซิบไม่ให้อุ้มได้ยิน
เนี่ยะ แอน พี่เต้เค้าอยู่ชมรมนักร้อง เราไปเข้าชมรมนักร้องกันดีมั้ย จะได้เจอพี่เต้ และเธอก็ต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงสอนฉันร้องเพลง เข้าใจมั้ย
จ้ะ เพื่อนกันก็ต้องช่วยกัน ใช่มั้ยจ้ะ
แอนน่ารักมากเลย
อรพูดพร้อมกับเอามือมาขยี้แก้มฉัน ฉันเห็นอรมีความสุขสมหวังกับความรัก ฉันก็พลอยมีความสุขไปด้วย ในขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ความรักแม้ว่าจะเป็นความรู้สึกที่บอบบางแต่ก็แข็งแรง เมื่อหยั่งรากลึกลงในหัวใจก็ยากที่จะขุดรากถอนโคน
แล้วไม่ชวนอุ้มเหรอ
ยัยอุ้มเนี่ยะนะจะร้องเพลง
อย่างน้อยก็น่าจะชวนเค้านะ
โอ้ย!ไม่ต้องไปชวนมันหรอก เดี๋ยวมันก็ด่าฉันอีก แล้วมันก็บอกฉันมาตั้งนานแล้วว่ามันจะเข้าชมรม
เทควันโด
ตามใจ
งั้นตอนเย็นไปสมัครเข้าชมรมกัน ฉันจะได้ไปหาพี่เต้เค้า
หลังเลิกเรียน ฉันกับอรก็เดินไปที่ห้องดนตรีเพื่อไปสมัครเข้าชมรม เสียงเพลงหวานๆคุ้นหูดังมาจากห้องดนตรี ฉันจำได้ดี แม้จะได้ยินเสียงของเขาเพียงครั้งเดียวตอนที่เราร้องเพลงคาราโอเกะด้วยกัน
นี่เสียงพี่เต้แน่เลย คนอะไรร้องเพลงเพราะเป็นบ้าเลย โอ้ย!ฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้มจังเลย
อย่าให้มันโอเว่อร์มากขนาดนั้น มันน่าเกลียด
เอาอีกแล้ว ยัยอุ้ม2
ที่เตือนนี่หวังดีนะเนี่ยะ
โอเค โอเคเข้าไปข้างในกันเถอะ
เราจูงมือกันเข้าไปในห้องดนตรี
เซอร์ไพรส์ค่ะพี่เต้ ร้องเพลงเพราะจังเลยนะคะ
แอน!
พี่เต้กลับทักฉันก่อน แทนที่จะทักอร อรเลยหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย พี่เต้เดินตรงมาที่ฉันอย่างรวดเร็วแล้วกุมมือฉันไว้พร้อมกับส่งแววตาเป็นประกายหวานมาที่ฉัน
พี่โทรหาแอนตั้งหลายครั้งทำไมแอนไม่รับสาย
เขาพูดอย่างดีใจที่ได้เจอหน้าฉัน แต่ฉันอยู่ต่อหน้าอร ก็เลยต้องวางตัว
เหรอคะ สงสัยปิดเครื่อง หรือไม่ก็ไม่มีคนโทรเข้าน่ะค่ะ
น่าแปลกนะ บ้านเราอยู่ตรงข้ามกันแท้ๆทำไมตลอด 1 เดือนก่อนเปิดเทอม เราถึงไม่เจอกันเลยล่ะ
เหรอ น่าแปลกจัง
นี่!พี่เต้กับแอนรู้จักกันด้วยเหรอคะ ทำไมอรไม่เห็นรู้เรื่องเลย แอนก็เหมือนกันรู้จักกับแฟนฉันมาตั้งนานทำไมไม่บอกฉัน วันนี้ว่าจะเปิดตัวว่าที่แฟนฉันซะหน่อย กะจะให้เธอเซอร์ไพรส์ เลยหมดสนุกเลย
อรพูดพลางไปเกาะแขนพี่เต้
พี่เต้ขา วันนี้อรกับแอนจะมาสมัครเข้าชมรมนักร้องน่ะค่ะ
เหรอ แอนสมัครด้วยเหรอ
อรด้วยนะคะ
จ้ะ จ้ะ เดี๋ยวไปเอาใบสมัครที่วางบนโต๊ะไปกรอกนะ แล้วก็วางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวพี่เอาให้ประธานชมรมให้ วันนี้เค้าไม่อยู่
ฉันกับอรจึงเดินไปกรอกใบสมัคร เสร็จแล้ว
พี่เต้ อรหิวจัง ไปหาอะไรกินกันนะ
วันนี้พี่ไม่ว่างน่ะ ต้องซ้อมร้องเพลง มีงานประกวดเดือนหน้าน่ะ
เหรอ งั้นขอให้พี่ได้ที่1แล้วกัน
แล้วอรก็ตรงเข้าไปหอมแก้มพี่เต้ ช่างเป็นภาพที่บาดตาบาดใจฉันเหลือเกิน แต่ฉันก็ฝืนยิ้มไว้
แอน กลับบ้านกัน
จ้ะ
เดี๋ยวแอน
พี่เต้เรียกฉัน
อะไรคะ
บ้านเราใกล้กัน กลับด้วยกันมั้ยล่ะ
พี่ยังต้องซ้อมร้องเพลงอยู่อีกไม่ใช่เหรอ
พี่ไม่ซ้อมแล้ว กลับบ้านด้วยกันนะ
อืมม แอน กลับกับพี่เต้สิ
ก็ได้
ฉันรับคำอย่างจำใจ ฉันดูก็รู้ว่าลึกๆแล้วอรก็รู้สึกน้อยใจ ฉันรู้สึกเสียใจที่ทำแบบนี้ ฉันรู้สึกเหมือนทรยศเพื่อน ฉันรู้สึกละอายใจที่ฉันเหมือนหักหลังเพื่อน
วันนี้รถเมล์คนไม่ค่อยแน่นเท่าไร ฉันจึงไม่ต้องโหนรถเมล์ เรา2คนนั่งด้วยกัน
ทำไมวันนี้แอนดูเงียบจัง
เหรอคะ
โกรธอะไรพี่หรือเปล่า
เปล่าหรอกคะ ถ้าจะโกรธก็คงโกรธตัวเองที่เอ่อช่างมันเถอะ
มืออันอบอุ่นของเขาเชยคางฉันขึ้นมา เราสบตากัน ดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มพยายามสื่อถึงความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกที่ทำให้เคลิบเคลิ้ม ความรู้สึกที่เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ ความรู้สึกที่ฉันเรียนรู้มันอย่างดี และฉันก็เคยเจ็บปวดเพราะมันมาแล้ว ฉันพยายามจะหลบดวงตาคู่นั้นของเขา แต่ฉันก็ทำไม่ได้
ทำไมล่ะ หรือว่าแอนรังเกียจพี่
เปล่านะคะ แต่พี่มีแฟนแล้ว พี่ไม่สมควรทำแบบนี้
เขาหยิบมือของฉันขึ้นมากุมไว้
แอน พี่ขอโทษ เรื่องเมื่อวันนั้น แอนคงเสียใจมาก
พี่ไม่เห็นต้องขอโทษเลย พี่ไม่ผิดซักหน่อย
พี่ผิด พี่รู้ พี่ทำให้แอนเสียใจ
ปล่อยมือแอนเถอะค่ะ เราอยู่บนรถเมล์นะคะ
พี่เต้จึงปล่อยมือฉัน
จากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลยตลอดทาง จนกระทั่งเมื่อฉันยืนอยู่หน้าบ้าน เขาก็จับมือฉันไว้แน่นเหมือนกับจะไม่ปล่อยฉันให้หลุดลอยไปไหน
แอน พี่รักแอน
เขาบอกรักฉัน พร้อมกับส่งสายตาที่มีประกายหวานจนเคยทำให้หัวใจของฉันละลายไปแล้วครั้งหนึ่ง
พี่เต้!
ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ฉันรู้สึกดีใจกึ่งเสียใจ
พี่พูดจริงๆนะ พี่รู้ว่าพี่ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง แต่พี่ห้ามใจตัวเองไม่ได้
แต่พี่มีแฟนแล้วนะ พี่ต้องตัดใจจากหนูให้ได้ หนูสารภาพก็ได้ว่าหนูก็รักพี่เหมือนกัน รักตั้งแต่แรกพบ
แต่หนูก็ตัดใจจากพี่ได้ เมื่อหนูรู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว
พี่ก็รักแอนตั้งแต่แรกพบเหมือนกัน
และพี่ก็รักอรตั้งแต่แรกพบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ พี่มันคนเจ้าชู้นี่
แต่พี่แค่คิดเล่นๆกับอรเท่านั้นเอง
นี่พี่เห็นเพื่อนหนูเป็นแค่ของเล่นชิ้นนึงเท่านั้นเหรอ เพื่อนหนูมีค่าแค่นั้นใช่มั้ย ใช่สิ พี่แค่เล่นๆกับอร แต่อรเค้าคิดจริงจังกับพี่นะ ถ้าเราคบกัน พี่ไม่คิดเหรอว่าอรเค้าจะเสียใจแค่ไหน พี่จะเอาอรไปไว้ที่ไหน
ฉันร้องไห้ฟูมฟายออกมาพร้อมกับเขย่าตัวเขา
พี่ตอบหนูสิ ตอบหนูมา พี่จะเอาอรไปไว้ที่ไหน พี่ก็เห็นแก่ได้ พี่ไม่คิดหรอกนะ ว่าถ้าเราคบกัน หนูกับอรคงมองหน้ากันไม่ติด ขอร้องเถอะ พี่อย่าทำลายมิตรภาพระหว่างเรา2คนเลยนะ เรารักกันมาก เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถม ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
แต่พี่ไม่ได้รักอรนะ
ไม่ได้ค่ะ พี่ต้องรักอร ไม่งั้นอรจะเสียใจ
แล้วไม่กลัวพี่เสียใจบ้างเหรอ
พี่เต้!
ฉันอึ้งกับคำถามนี้มาก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ในเมื่อทั้งอรและพี่เต้ ต่างก็เป็นคนที่ฉันรัก ฉันไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของทั้ง2คน
พอกันทีเถอะค่ะ เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า หนูขอกลับไปทำใจและก็คิดทบทวนดู แล้วหนูค่อยให้คำตอบพี่ทีหลัง แต่ตอนนี้พี่ต้องดูแลตัวเองและก็ดูแลอรให้ดีด้วยนะคะ อย่าลืมโทรหาอรทุกวันนะคะ อย่าให้เค้ารู้สึกน้อยใจเป็นอันขาด
ฉันขึ้นไปบนห้องนอน อาบน้ำ แต่งตัว และนั่งทำการบ้าน เพื่อให้ลืมเรื่องราวในวันนี้ พยายามทำใจ นึกซะว่ามันเป็นความฝัน พอตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ทุกอย่างก็จะดีเอง
**************
ออด! ออด! ออด!
เสียงออดโรงเรียนดังขึ้นบอกให้รู้ว่าถึงเวลาพักกลางวัน เวลาแห่งการรอคอยของทุกคน ฉัน อุ้ม และอร
เดินไปที่โรงอาหาร เรานั่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันทุกวัน ฉันเหลือบไปเห็นพี่เต้กำลังเดินถือจานอาหารอยู่
พี่เต้!
อรเรียกพี่เต้พร้อมกับโบกมือ พี่เต้จึงเดินมานั่งที่โต๊ะเดียวกับเรา
ไง อร แอน และก็
นี่อุ้มค่ะ อรรีบแนะนำพี่เต้ให้รู้จักกับอุ้ม
ตลอดการรับประทานอาหาร ฉันไม่ได้คุยอะไรเลย จะมีก็แต่อรที่ชวนพี่เต้คุยจ้อ ส่วนอุ้มก็คุยบ้าง บรรยากาศตอนนี้ช่างอึดอัดเหลือเกิน เพราะฉันต้องคอยหลบประกายหวานของพี่เต้ที่คอยส่งมาให้ฉันเสมอ จนอุ้มรู้สึกได้และยิ้มให้ฉันกับพี่เต้อยู่เป็นระยะๆ ฉันรู้สึกเขินอายจนหน้าแดง ในขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกเจ็บปวด
อรไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่ถ้าสักวันหนึ่งเธอรู้เข้า เธอจะเป็นเช่นไร เธอคงเจ็บปวดยิ่งกว่าฉันเป็นพันเท่า เมื่อฉันรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ฉันก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนเพื่อน เพื่อไปเก็บจาน และกะว่าจะขึ้นไปห้องสมุด
อ้าว!แอน จะรีบไปไหน รอฉันด้วยสิ
คงไม่ได้หรอกอร ฉันจะรีบไปหาข้อมูลทำรายงาน
ฉันโกหกอร ความจริงแล้วที่ฉันรีบไปเพราะฉันทนต่อประกายหวานของเขา โดยเฉพาะต่อหน้าอร โดยที่อรไม่ใรู้อิโหน่อิเหน่ไม่ได้
เดี๋ยวแอน รอฉันด้วย
อุ้มรีบลุกขึ้นตามฉันไป
โต๊ะนี้จึงมีแต่พี่เต้กับอรเท่านั้น
เมื่อฉันกับอุ้มมาถึงที่ห้องสมุด และเราก็นั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ต้องคอยตอบคำถามของอุ้มทุกข้อ
นี่!แอน ฉันว่า เธอกับยัยอร และก็พี่เต้ต้องมีลับลมคมนัยกันแน่ๆบอกมาซะดีๆ
หมายความว่าไง ฉันไม่เข้าใจ
แหม ก็แล้วทำไมพี่เต้เค้าถึงส่งสายตาหวานหยดเยิ้มมาที่เธอได้ล่ะแอน
เหรอ ไม่รู้สิ
ฉันพยายามหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามและทำเป็นไม่รู้ เพราะฉันไม่อยากให้อุ้มรู้เรื่อง
อย่ามาโกหก ฉันรู้ว่าเธอรู้ พี่เต้แอบชอบเธอใช่มั้ยล่ะ เรื่องนี้เธอก็ต้องรู้ดี
อุ้มพูดอะไร ถ้าอรรู้เข้า เดี๋ยวเค้าจะเสียใจนะ อุ้มอาจจะคิดไปเองก็ได้
ฉันไม่ได้คิดไปเองแน่ ฉันรู้ แอนก็รู้นี่ ว่าฉันไม่ใช่คนโง่
ฉันรู้สึกว่ามีน้ำตามาคั่งอยู่ที่เบ้าตา และกำลังไหลรินลงมาเป็นสาย
แอน เป็นไร ร้องไห้ทำไม ฉันขอโทษ
ไม่เป็นไรหรอก
ฉันตอบทั้งๆที่ยังร้องไห้อยู่
อุ้มรู้มั้ย การที่เราไม่สามารถรักคนที่เรารักได้ มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ฉันได้เรียนรู้ความรู้สึกนั้นแล้ว มันเจ็บปวดกว่าที่ฉันคิดไว้มาก อุ้มคงไม่เข้าใจหรอก
แอนกำลังพูดอะไร นี่เธอหมายความว่าเธอเอ่อเธอ
ใช่
หลังจากนั้นฉันก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อุ้มฟัง
โธ่!แอน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้นะ เวรกรรมจริงๆ
แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะอุ้ม เธอช่วยฉันหน่อยได้มั้ย
เธอเป็นเพื่อนฉันคนนึง ฉันจะช่วยเธอให้ถึงที่สุดเลย
ขอบใจนะอุ้ม
ไม่เป็นไร ในเมื่อเธอกับพี่เต้ชอบกัน เธอก็น่าจะไปบอกอรให้รู้ แต่ถ้าเธอไม่กล้า ฉันจัดการเอง
ไม่ได้นะ อรเค้าคงเสียใจมากถ้าเราทำแบบนั้น
แต่ถ้าเธอปล่อยไว้แบบนี้ ไม่ใช่เธอคนเดียวเท่านั้นที่เจ็บปวด พี่เต้ก็เจ็บปวดเหมือนกัน เพราะเค้าชอบเธอ เธออยากเห็นคนที่เธอชอบเจ็บปวดหรือไง
ไม่น่ะอุ้ม แต่ถ้าเราทำแบบนั้น อรก็จะเจ็บปวดเหมือนกันนะ
เรื่องรักสามเส้ามันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่จะต้องมีคนใดคนนึงเจ็บปวด เราเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่วิธีของฉันเป็นวิธีที่ดีที่สุด คิดดูดีๆนะแอน
แต่ฉันกลัวว่าฉันกับอรจะต้องบาดหมางกันจนมองหน้ากันไม่ติด ฉันไม่อยากให้มิตรภาพของเราต้องถูกทำลาย
มิตรภาพไม่ได้ถูกทำลายลงง่ายๆเพราะแค่เรื่องผู้ชายคนเดียวหรอกนะ อีกอย่างฉันน่ะรู้จักมันดี ยัยอรอ่ะนะ ถึงแม้ว่ามันจะทำตัวแรด ตะแล้ดแต้ดแต๋เหมือนนางร้าย แต่มันก็ไม่ได้ร้ายเหมือนกับบุคลิกของมันหรอกนะ มันน่ะรักเพื่อน และพร้อมที่จะเสียสละเพื่อเพื่อนทุกอย่าง จำได้มั้ยตอนเด็กๆตอนนั้นฉันกับอรนั่งกินขนมปังกันอยู่ และเธอก็เดินมาเห็นขนมปังของอรน่ากิน อรเลยแบ่งให้กิน ทั้งๆที่มันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย
ฉันขอเวลาหน่อยและกันนะอุ้ม
ได้ เรื่องอย่างนี้มันก็ต้องใช้เวลา แต่อย่านานมากนักและกัน
หลังจากที่เราคุยกัน ฉันก็คิดทบทวนถึงแต่คำพูดของอุ้มและเรื่องราวระหว่างฉันกับเขาที่ผ่านมาจนไม่เป็นอันเรียนเป็นอาทิตย์ ขนาดอรยังทัก
นี่อุ้ม เกิดอะไรขึ้นกับเด็กเรียนอย่างแอนน๊า เดี๋ยวนี้เค้าดูเหม่อลอยยังไงก็ไม่รู้ ตอนเรียนก็เหม่อมองไปนอกหน้าต่างเรื่อย
ช่างเถอะอร คงไม่มีอะไรหรอก
อุ้มพูดเลี่ยงๆไม่ให้อรสงสัย
************
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในตอนเช้าของวันเสาร์ วันแห่งการพักผ่อน ฉันลืมตาแล้วรับโทรศัพท์ข้างหัวเตียงอย่างงัวเงีย
ฮัลโหล
แอน นี่อรเองนะ
มีอะไร โทรมาแต่เช้าเชียว
เช้าบ้านเธอสิ นี่10 โมงแล้วนะยัยคุณนายตื่นสาย
อือ มีอะไรก็ว่ามาสิ
เมื่อวานตอนเย็นฉันเพิ่งรู้มาว่าพรุ่งนี้มีคอนเสิร์ตที่โรงเรียน แล้วพี่เต้เค้าก็ออกคอนเสิร์ตด้วยนะ
พรุ่งนี้มันวันอาทิตย์นี่
ก็เออล่ะสิ นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าพรุ่งนี้เค้ามีงานศิษย์เก่าน่ะ
แล้วอรมาบอกฉันทำไมล่ะ
ก็ฉันจะมาชวนเธอไปงานล่ะสิถามได้
แต่ฉันไม่ได้ซื้อบัตรนี่ จะไปได้ไง
ฉันได้มาแล้ว ได้ฟรี พี่เต้เค้าให้มา 3 ใบ ไม่รู้ยัยอุ้มมันจะไปหรือเปล่า ยังไม่ได้โทรบอกมันเลย
ฉันคงไม่ไปหรอก
อะไรนะแอน เธอไม่ไปไม่ได้นะ ถ้าเธอไม่ไปแล้วฉันจะไปกับใคร
ก็ไปกับอุ้มไง
ยัยอุ้มเนี่ยะนะ ฉันยังไม่รู้เลยว่ามันจะไปหรือเปล่า และฉันก็คิดว่ามันจะไม่ไปด้วย เพราะเธอก็รู้ดีว่ามันเป็นคนยังไง
แล้วเค้าให้ใส่ชุดอะไรเหรอ
ชุดไปรเวต แบบเดิ้ลๆน่ะ
โอย!ถ้างั้นยิ่งไม่อยากไปใหญ่ ขี้เกียจแต่งตัว อยู่บ้านดีกว่า
ฉันรู้หรอกหน่าว่าเธอไม่มีชุดใส่ มีแต่คิกขุ อาโนเนะอ่ะดิ สายด่งสายเดี่ยวคงไม่มีล่ะสิท่า
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วจะมาชวนฉันทำไม
ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวเราออกมาเจอกันหน่อย ฉันจะพาเธอเลือกซื้อเสื้อผ้าสวยๆเอง
ไม่เอา ไม่ไป
หน่านะ ไปเหอะ
ไม่ไป
ไป
ไม่ไป
ไป นะ นะ นะ ไปเหอะ ฉันอยากให้แอนไปด้วย นะ
ก็ได้ เดี๋ยวอีก 2 ชม.เจอกันหน้าโรงเรียน แล้วเธอจะพาฉันไปไหนก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องออกค่ารถให้
และก็เลี้ยงข้าวด้วย โอเค้
จ้ะ
และก็เสื้อผ้า ต้องไม่แพง งบห้ามเกิน 300 วันนี้ฉันจะเอาเงินไปแค่ 400
จ้ะ แม่คนประหยัด
สุดท้ายฉันก็ต้องไปคอนเสิร์ตกับอร ความจริงแล้วฉันไม่อยากไปเลยเพราะฉันกลัวที่จะต้องสบตากับเขา และกลัวว่าความจริงจะเปิดเผย
ฉันรีบอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว และขอแม่ออกไปเจอเพื่อนข้างนอก
เมื่อฉันมาถึงที่หน้าโรงเรียน ฉันก็เห็นอรกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
อือ อือ ตกลงแกจะไปใช่มั้ยยัยอุ้ม น่าแปลก ทุกทีฉันชวนแกไปคอนเสิร์ตแกไม่เคยไป แต่ครั้งนี้ดันไป แล้วแกมีเสื้อผ้าใส่มั้ย ที่บอกว่ามีก็คงจะเป็นเสื้อยืดเก่าๆ ตัวใหญ่เทอะทะนั่นใช่มั้ย แกห้ามใส่เสื้อแบบนั้นมาเด็ดขาดนะ ฉันอายเค้า เอางี้ เดี๋ยวแกมาเจอฉันหน้าโรงเรียน ฉันจะพาแกกับแอนไปเลือกซื้อเสื้อผ้าที่โบ๊เบ๊ เร็วๆนะ
อ้าว!แอน มาแล้วเหรอ
ตกลงอุ้มไปด้วยหรือเปล่า
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่ามันจะไป เดี๋ยวมันจะมาเจอพวกเราที่นี่ รอหน่อยและกันแอน บ้านมันอยู่แถวนี้ แถมมันยังอาบน้ำแต่งตัวเร็วอีก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวมันก็มาแล้ว ไม่รู้มันอาบยังไงไม่ถึง 5 นาทีเสร็จ สงสัยสาดน้ำตู้ม!ตู้ม! 2 ขันเสร็จ ไม่ได้ขัดสีฉวีวรรณเหมือนชาวบ้านเค้า ตอนแต่งตัวก็แต่งลวกๆหยิบได้ตัวนั้นใส่ตัวนั้นไม่ได้ดูกระจกเล้ย ว่ามันออกมาเป็นยังไงไอ้ที่แต่ง สักแต่ว่าใส่ให้มันพอปกปิดร่างกายให้มิดชิดก็เท่านั้น ผมเผ้าก็ไม่หวีแค่รวบให้พอดูได้ ฉันจะบ้าตายกับเพื่อนฉัน ไม่รู้มันเกิดมาเป็นผู้หญิงได้ยังไง
อย่าบ่นนักเลยอร ถึงอุ้มเค้าจะไม่รักสวยรักงาม ก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหนนี่ ฉันว่านะอุ้มเค้าก็ดูน่ารักไปอีกแบบเหมือนกันนะ ว่ามั้ย
ฉันพูดพร้อมกับเอามือมากระทุ้งศอกอร
น่ารักม้ากเลย น่ารักษาล่ะสิไม่ว่า
และก็เป็นจริงอย่างที่อรบอกด้วย เพราะอุ้มมาถึงในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
เห็นมั้ยฉันบอกแอนแล้ว
อรพูดพร้อมส่งสายตาล้อเลียนไปที่อุ้มและเราก็หัวเราะขบขัน
หัวเราะอะไรกัน
อุ้มระเบิดคำถามด้วยเสียงห้าว
เปล่าย่ะ นี่ยัยอุ้ม เธอทำได้ยังไง เธอใช้เวลาแค่ 27 นาที กับ 38 วินาทีเองนะ
นี่ถึงกับจับเวลาไว้เลยเหรอ ใครเค้าจะมัวขัดสีฉวีวรรณ ส่องกระจกเป็นชั่วโมงอย่างเธอล่ะยัยอร
ระหว่างทางฉันก็ต้องคอยอุดหูอยู่ตลอด เพราะรำคาญเสียงทะเลาะตะโกนโหวกเหวกของอุ้มและอร
และเมื่อเรามาถึงโบ๊เบ๊ อรจัดการเลือกเสื้อผ้าให้เรา ตัวฉันเองก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะใส่อะไรก็ได้ แต่คนที่ดูมีปัญหา คงหนีไม่พ้นอุ้ม
นี่ยัยอร ตัวนี้ไม่เอา เธอไม่เห็นเหรอว่ามันแหวกข้างหลังตั้งเยอะ ดูสิมีสายอะไรก็ไม่รู้รุ่งริ่งจะตาย แถมยังรัดรูปอีก ไม่เอาเว้ย สีงี้ฟ้าใสเชียว เอาแบบทึมๆหน่อยไม่ได้หรือไง
นี่ยัยอุ้ม เธออยากสวยมั้ย เดี๋ยวฉันจะแปลงร่างเธอจากเด็กน้อยข้างถนนให้เป็นเจ้าหญิงให้
ภาพพจน์ฉันมันดูน่าเกลียดขนาดนั้นเลยเหรอ
อือ เพิ่งรู้เหรอ
ในที่สุดอุ้มก็ต้องยอมซื้อเสื้อผ้าที่อรซื้อให้ นั่นก็คือ เสื้อสีฟ้าดูสดใส มีริบบิ้นผูกข้างหลัง แหวกข้างหลังเล็กน้อย ดูน่ารักดี กับกางเกงยีนส์รัดรูป
ส่วนของฉันเป็นเสื้อสายเดี่ยวสีชมพูมีโบว์ตรงไหล่ กับกระโปรงสั้นสีชมพูเข้ากันอย่างดี
แอนน่ะต้องใส่เสื้อที่โทนออกชมพูอย่างนี้ น่ารักดี เพราะแอนผิวขาวอมชมพู ส่วนอุ้มผิวมันคล้ำ ควรใส่เสื้อสีฟ้าอ่อนๆ จะได้ช่วยส่องประกายให้ดูขาวขึ้น
อรเป็นคนที่ทันสมัย และรักสวยรักงาม เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เธอถนัด จนอุ้มอดค่อนแคะไม่ได้
จ้ะ สงสัยแม่มันจะเป็นดีไซน์เนอร์ ถึงได้รู้ดี
เมื่อเราเลือกซื้อเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว เราก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวแถวนี้ และก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยก่อนกลับบ้านเราได้นัดแนะกันไว้ว่าจะมาเจอกันที่บ้านอุ้มตอน 8 โมงเช้า และอรจะเป็นคนช่วยแต่งตัวให้ฉันกับอุ้ม
*************
วันนี้ฉันตื่นนอนแต่เช้าตั้งแต่ 6 โมง ฉันรีบอาบน้ำ หยิบชุดที่ฉันไปซื้อเมื่อวานมาใส่ และรีบออกจากบ้าน
เมื่อฉันมาถึงบ้านของอุ้มซึ่งเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ฉันเห็นแม่ของอุ้มกับพี่ชายกำลังช่วยกันจัดร้านอยู่ ฉันจึงตรงเข้าไปหวัดดีแม่ของอุ้ม ซึ่งเรารู้จักกันดี เนื่องจากเคยมาเที่ยวบ้านอุ้มหลายครั้ง
มาหาอุ้มเหรอจ้ะ อุ้มอยู่ข้างบนในห้องนอนกับอรน่ะ
ขอบคุณค่ะ
ฉันจึงขึ้นบันไดที่อยู่ข้างหลังร้านไปที่ห้องนอนของอุ้ม เมื่อฉันมาถึงฉันก็เห็นอรกำลังทำผมให้อุ้มอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เธอใส่เสื้อสีเหลืองที่มีโบว์ผูกข้างหลังและแหวกหลังโชว์แผ่นหลังอันขาวเนียนของเธอ กับกางเกงยีนส์สามส่วนสีขาวรัดรูปสั้นแค่เข่า สวมหมวกแก๊บสีน้ำเงินเข้ม และปล่อยผมสีน้ำตาลเข้มที่ซอยข้างในให้บางเล็กน้อยกับดัดผมให้หยิกเป็นลอนเล็กน้อยดูเซ็กซี่ให้ยาวประบ่า อรกำลังผูกรวบผมซอยสั้นสีดำเข้มของอุ้มให้เป็นจุกด้วยที่รัดผมสีม่วง ทรงผมที่รับกับใบหน้ารูปไข่กับเสื้อสีฟ้าใสที่ช่วยทำให้เธอดูขาวขึ้น ทำให้เธอดูน่ารักเหมือนคนญี่ปุ่น
อ้าว!แอน มาแล้วเหรอ นั่งดิ
ฉันจึงนั่งลงไปที่โซฟาข้างเตียงนอนของอุ้ม ฉันสังเกตเห็นว่ามีถุงกระดาษใส่ของของห้างสรรพสินค้าวางอยู่บนโซฟาข้างๆกับที่ฉันนั่ง ฉันคิดว่าเป็นของอรจึงถือวิสาสะเปิดดู เพราะเราเป็นเพื่อนกัน ฉันถึงกับอึ้ง เพราะข้างในมีรองเท้าส้นสูงสีชมพู 1 คู่ กับรองเท้าส้นสูงสีฟ้า 1 คู่ หมวกแก๊บสีขาว 1 ใบกับกล่องสีดำ ฉันเปิดกล่องนั้นดู ปรากฏว่าข้างในมีเครื่องสำอางครบครัน ทั้งลิปสติก มาสคาร่า อายแชโดว์ แป้งพัพฟ์ และแป้งรองพื้น
นี่อะไรกันอร เราแค่ไปงานศิษย์เก่าทำไมต้องถึงกับเอาเครื่องสำอางและก็ร้องเท้าส้นสูงมาอีก ทำยังกะว่าไปงานแต่งงานงั้นแหละ
เมื่อฉันพูดจบ อุ้มถึงกับร้องออกมา
อะไรนะ นี่ต้องแต่งหน้าด้วยเหรอ แค่ทรงผมสุดมหัศจรรย์พันลึกที่ยัยนี่มันทำให้ฉันก็จะบ้าตายอยู่แล้ว
และนี่ยังต้องแต่งหน้าอีก แถมยังต้องใส่ส้นสูงอีกเหรอ ไม่เอาอ่ะ ฉันใส่ส้นสูงไม่เป็น
นี่ ถ้าพวกเธอไม่แต่งตัวตามที่ฉันบอกนะ เวลาเธอเข้างาน เธอจะต้องอายคนอื่นเค้าแน่ เพราะงานนี้เป็นงานใหญ่เป็นงานพบปะสังสรรค์กันของศิษย์เก่า ดังนั้นทุกคนเค้าจะต้องแต่งตัวแบบวินิสมาหลาสุดๆ ไม่เชื่อคอยดูและกัน
เมื่ออรทำผมให้อุ้มเสร็จแล้ว อรก็ให้อุ้มลุกจากเก้าอี้ และให้ฉันไปนั่งแทน อุ้มเดินไปนั่งที่โซฟาและบ่นงึมงำด้วยความไม่พอใจในทรงผม
อรดึงหนังยางสีดำที่รัดผมฉันออก และหวีผมหนาสีดำขลับยาวตรงถึงครึ่งหลังให้เรียบตรง และเอาผมบางส่วนมาไว้ข้างหน้าทั้ง 2 ข้าง จากนั้นเธอก็ไปหยิบหมวกแก๊บสีขาวในถุงมาสวมให้ฉัน และเปรยออกมาด้วยความพออกพอใจ
แหม เพื่อนฉันนี่สวยจริง เป็นไงจ้ะแอน ดูเงาตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกยังไง น่ารักมั้ยล่ะ
อือ
ฉันก็ตอบเออออไปโดยไม่ได้สนใจกับคำถามมากนัก เพราะมัวแต่ชื่นชมความงามของตัวเองในกระจก
เนี่ยะนะ ยังแค่เริ่มต้น ยังสวยขนาดนี้ และถ้าแต่งหน้าจะสวยขนาดไหน
จากนั้นเธอก็ไปหยิบกล่องใส่เครื่องสำอางมาวางไว้ที่โต๊ะตรงหน้าฉัน และหยิบของทุกอย่างออกมา เธอบรรจงละเลงแป้งรองพื้นลงบนหน้าของฉัน และทาแป้งพัฟฟ์ที่มีให้เลือก 2 โทนคือโทนสีเนื้อ กับโทนสีออกชมพู เธอเลือกทาแป้งโทนสีชมพูที่แก้มทั้ง 2 ข้างของฉันจนดูเป็นสีชมพูระเรื่อ จากนั้นเธอก็ทาอายแชโดว์ที่เปลือกตาของฉันด้วยสีน้ำตาลอ่อน และทามาสคาร่าทำให้ขนตาสีดำเข้มงอนยาวยิ่งดูเข้มงอนยาวยิ่งไปอีก จากนั้นเธอก็ทาลิปสติกสีชมพูอ่อนที่ริมฝีปากบางเฉียบได้รูปของฉัน กว่าจะแต่งหน้าเสร็จก็กินเวลาไปตั้ง 40 นาที อรมองนาฬิกาข้อมือแล้วอุทานออกมา
นี่ 8 โมงแล้วเหรอ จะทันมั้ยวะ งานเริ่ม 9 โมงซะด้วย และไม่รู้ว่าพี่เต้จะออกร้องเพลงกี่โมง สงสัยต้องเร่งมือหน่อยซะแล้ว ฉันยังไม่ได้แต่งหน้าเลย
ทันอยู่แล้วล่ะย่ะ เพราะเมื่อวานฉันไปถามคนอื่นเค้ามา เค้าบอกว่าคอนเสิร์ตเริ่มตอน11โมงก่อนงานบุฟเฟ่ต์จะเปิดซึ้บ!พูดแล้วอยากกินขึ้นมาเชียว เห็นเค้าบอกว่างานเป็นแบบบุฟเฟ่ต์
อย่าตะกละให้มากนักเลยยัยอุ้ม เดี๋ยวพุงป่อง และก็รีบๆเลย จะแต่งหน้าให้เร็วๆ แอนลุกไปใส่รองเท้าส้นสูงสีชมพูไป
ฉันจึงลุกขึ้นไปใส่รองเท้า และนั่งรอที่โซฟา ดูอรกับอุ้มทะเลาะกันอย่างขบขัน
แกจะทารองพื้นนี่ทำไมวะ โคตรเหนอะหนะเลยว่ะ
ถ้าขืนฉันไม่ทาให้แก หน้าแกจะดำเป็นถ่าน ไม่เข้ากับทรงผมของแก
แกอย่าทามาสคาร่าให้ฉันนะ
ไม่ได้ ขนตาแกน่ะแทบจะไม่มีแล้วจะไม่ทามาสคาร่าได้ไง
มันน่ารำคาญ โอ้ย!นี่ฉันคิดยังไงถึงตัดสินใจมาไอ้งานคอนเสิร์ตบ้านี่วะ ถ้าฉันรู้ว่าฉันจะต้องมาลำบากตรากตรำอย่างนี้นะ ฉันคงไม่มาหรอก
แล้วเธอคิดยังไงถึงมาล่ะ
ก็เพราะเรื่องของแอนอุ้บ!เออไม่มีอะไร แกแต่งหน้าต่อไปเถอะ
อุ้มเกือบหลุดปากพูดเรื่องของฉันขึ้นมา ดีนะที่อรไม่สงสัย
กว่าเราจะเสร็จกันได้ก็ปาเข้าไป 9 โมงกว่า โดยฉันต้องมาคอยฟังเสียงทะเลาะโหวกเหวกของอรกับอุ้มตามเคย และก็อดขำท่าเดินที่ดูกะเผลกเหมือนเป็ดของอุ้มไม่ได้
เมื่อเรามาถึงที่โรงเรียนและมาถึงบริเวณที่จัดงานซึ่งจัดที่ห้องประชุมนั่นเอง ฉันจึงเชื่อที่อรพูดอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกคนต่างแต่งตัวกันวินิสมาหราทั้งอาจารย์และนักเรียน ภายในห้องเต็มไปด้วยโต๊ะกลมเป็นร้อยโต๊ะแต่ละโต๊ะนั่งได้ 10 คน ขณะที่เราเดินไปนั่งตามบัตรที่นั่ง ฉันก็รู้สึกได้เลยว่ามีสายตาของคนหลายคนในงานส่งมาที่เรา อรเองนั้นดูเหมือนไม่รู้สึกอะไร เพราะเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง บางทีเธออาจจะชอบให้มีคนมามองเธอเยอะๆก็ได้ ส่วนฉันนั้นรู้สึกเขินอายเล็กน้อยแต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ แต่อุ้มนี่สิกลับไม่เก็บ
อารมณ์ไว้เลย แสดงออกมาโจ่งแจ้งจนคนอื่นรู้หมดว่าเธอกำลังอาย จนอาจารย์บางท่านล้อเข้าให้
โต๊ะของเรานั้นเป็นโต๊ะที่อยู่ติดกับเวที เมื่อเรามาถึงก็เห็นว่ามีรุ่นพี่ผู้หญิง 2 คนกับรุ่นพี่ผู้ชายอีก 1 คนนั่งอยู่ รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อสายเดี่ยวสีเขียวอ่อน ถักเปียเต็มหัว ดูยั้วเยี้ยเหมือนงู ทาลิปสติกสีส้มอ่อนๆ ส่วนอีกคนหนึ่งใส่เสื้อกล้ามสีดำ ทาลิปสติกและอายแชโดว์สีดำ และเขียนขอบตาสีดำดูดุคมเข้ม ผมซอยสั้นคล้ายอุ้มแต่ของเธอสั้นและบางกว่าอุ้มมาก ทั้งยังทาเจลให้ผมตั้งขึ้นมาช่วยเสริมความดุมากขึ้น ฉันรู้สึกว่าเธอช่างดูน่ากลัวจัง เธอกำลังฟังซาวอะเบาวท์กับรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งใส่เสื้อยืดสีฟ้า ดูใหญ่เทอะทะ เรานั่งลงไปบนเก้าอี้
โดยฉันนั่งอยู่ระหว่างอรกับอุ้ม แล้วอรก็ได้แนะนำให้ฉันกับอุ้มและรุ่นพี่ทั้ง 3 คนรู้จักกัน ฉันถึงได้รู้ว่าอรกับรุ่นพี่รู้จักกันอย่างดี เพราะรุ่นพี่พวกนั้นเป็นเพื่อนของพี่เต้ โดยรุ่นพี่ที่ใส่เสื้อสายเดี่ยวสีเขียวอ่อนชื่อพี่เปรี้ยว ซึ่งเข้ากับบุคลิกท่าทางของเธอดี เธอเป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใสและเป็นมิตร เธอมักจะชวนพวกเราในโต๊ะคุยกันเสมอ และดูท่าทางเธอจะสนิทกับอรมาก เพราะนิสัยคล้ายกัน คือรักสวยรักงาม คุยเก่ง และชอบอะไรเหมือนกันหลายอย่าง ด้วยนิสัยแบบนี้ของอร ฉันจึงไม่แปลกใจเลยที่เธอมักจะรู้จักกับคนหลายคนในโรงเรียนนี้ ทั้งอาจารย์ นักเรียนชั้นเดียวกันแต่คนละห้อง และรุ่นพี่ ไม่ว่าเธอจะอยู่โรงเรียนไหนก็ตาม ส่วนฉันกับอุ้มเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดจากับใครจึงไม่ค่อยรู้จักคนมากนัก ส่วนพี่คนที่ฉันคิดว่าดูน่ากลัวนั้น ชื่อพี่ปลา เธอดูเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดจากับใคร แต่ก็ไม่ได้ดูเรียบร้อยเหมือนฉัน แต่กลับดูห้าว ท่าทางเธอคงจะร้ายกาจและก็สู้คนพอดู เธอพูดคุยกันที่โต๊ะน้อยมากจนนับคำได้ ส่วนรุ่นพี่ผู้ชายที่ชื่อพี่วิน เป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจ และก็หล่อ ผิวของเขาขาวเนียนจนผู้หญิงยังอาย พี่วินเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เพราะตลอดในงานมักจะมีทั้งอาจารย์และนักเรียนทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องมาทักทายเสมอ จากการที่พวกเราในโต๊ะคุยกันทำให้ฉันได้รู้ว่าพี่วินเป็นถึงประธานชมรมนักร้อง แต่ฉันไม่เคยเห็นเขา
เพราะช่วงที่ฉันเข้าชมรมฉันไม่เคยเจอพี่เค้าเลย ฉันกับพี่วินคุยกันถูกคอมาก ในขณะที่อรกับพี่เปรี้ยวก็คุยกันสนุกปาก ส่วนอุ้มกับพี่ปลาเงียบ ไม่พูดไม่จากับใครเลย ฉันสังเกตเห็นว่าเวลาที่พี่วินคุยกับฉัน ก็มักเปรยสายตาที่เป็นประกายหวานไปที่อรเป็นระยะๆโดยที่อรไม่รู้ตัวหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็เป็นได้ ทำให้ฉันนึกถึงพี่เต้ขึ้นมา
อุ้มก็คงจะรู้สึกเหมือนฉันเพราะเธอก็เริ่มยิ้มด้วยสายตาเป็นประกายบ่งบอกให้รู้ว่าเธอรู้แล้ว
ในระหว่างที่เราคุยกันก็จะมีพิธีเปิดและการแสดงต่างๆบนเวที ทั้งรำไทย บัลเล่ต์ จินตลีลา หลังจากนั้นก็มีพิธีแจกรางวัลแก่นักเรียน และจากนั้นช่วงเวลาแห่งการรอคอยของฉันและอรก็มาถึง ไม่สิ ของอรคนเดียวต่างหาก ก็คือ คอนเสิร์ต ซึ่งจะมีนักร้องของโรงเรียนมาร้องเพลงบนเวที หลังจากที่นักร้องคนอื่นๆร้องเพลงจบไปแล้ว 5 คน พิธีกรก็ประกาศว่า
ต่อไปนะคะก็จะเป็นนักร้องคนสุดท้าย นักร้องหนุ่มที่ป็อปที่สุดในโรงเรียน เต้ค่ะ
สิ้นเสียงของพิธีกรก็มีเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มไปทั่วงาน โดยเฉพาะเสียงของอรกับพี่เปรี้ยวที่ดูเหมือนจะดังกว่าคนอื่นๆเป็นพิเศษ
พี่เต้เดินขึ้นมายืนบนกลางเวที เขาใส่เสื้อยืดสีดำคลุมด้วยเสื้อแจ้กเก็ตหนัง กับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม
เขาดูดีมากเลย เขาดูไม่ตื่นเต้นเลยสักนิดที่ต้องมาร้องเพลงอยู่บนเวทีแบบนี้ เพราะเขาคงชินแล้ว ถ้าเป็นฉันคงตื่นเต้นมากแน่ๆ ฉันมองไปที่ดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มคู่นั้นของเขาและนึกถึงประกายหวานที่ส่งมาให้ฉันเมื่อวันวาน แต่วันนี้มันกลับดูเศร้าและเหงาเหลือเกิน เขาส่งรอยยิ้มมาให้ฉัน รอยยิ้มที่ฉันจะจดจำไว้ตราบนานเท่านาน ฉันจึงส่งรอยยิ้มกลับไปให้เขา
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะร้องเพลงเพลงนึง ซึ่งผมตั้งใจจะร้องให้กับคนที่ผมรัก แม้ว่าความรักระหว่างเรา 2 คนจะเป็นไปไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าสักวันนึง ฟ้าจะต้องเห็นใจผม
หลังจากคำกล่าวแนะนำที่ซึ้งกินใจฉันและคนอื่นๆในงานมาก ทุกคนในงานก็โห่ร้องส่งเสียงกรี๊ดกันยก
ใหญ่ น่าแปลกที่ฉันไม่ได้ยินเสียงอรกรี๊ดเลย ฉันจึงหันหลังไปมองอร ก็เห็นดวงหน้ารูปไข่คางแหลมซีดเจื่อน ดวงตาสีดำที่มักเป็นประกายระยิบระยับ มีแววขี้เล่น กลับมีแต่แววตาที่แสดงถึงความเศร้าเสียใจและผิดหวัง เธอ
เหมือนเหม่อลอยตกอยู่ในภวังค์ ฉันรีบหันหลังกลับเพื่อไม่ให้เห็นภาพบาดใจ
และเมื่อเขาเริ่มร้องเพลงถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกแห่งความรักคละเคล้าด้วยความเศร้าและความ
เหงาใจ ฉันก็รู้สึกว่าความเหงาใจได้เข้ามาเกาะกุมที่หัวใจของฉัน น้ำตาฉันเริ่มรื้นขึ้นมาแล้ว
คนที่เคยมีกันผูกพันจริงใจ
คนที่เคยห่วงใยไม่เคยเหินห่าง
วันและคืนที่ดีกำลังจืดจางเพราะอะไร
วันนี้เธอต้องการจากไป
เธออาจมีร้อยเหตุผลที่เธอจะไป
แต่ฉันมีเพียงเหตุผลเดียวจะให้เธออยู่
ฟังเสียงหัวใจของฉันแล้วเธออาจจะรู้
เหตุผลเดียวมีอยู่ก็คือรักเธอ
ตลอดที่เขาร้องเพลงเขาก็จะมองมาที่ฉันตลอด ราวกับว่าเขาร้องเพลงให้ฉันฟังคนเดียว น้ำตาของฉันเริ่มไหลออกมาเป็นสาย อรก็เช่นกัน เธอเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาและกุมไว้ที่หน้า ไม่นานเธอก็ลุกออกไป
อ้าว!เฮ้ย!ยัยอร แกจะไปไหนวะ
อุ้มเรียกอร แต่ก็ไม่ทัน เพราะอรลุกไปแล้ว เธอเดินออกนอกห้องประชุม โดยมีพี่วินวิ่งตามหลังอรไป
เมื่อเขาร้องเพลงจบ เขาก็เดินลงมาจากเวทีและตรงมาที่ฉัน ทุกคนในงานจึงมองมาที่ฉันและก็อมยิ้ม
เพราะพวกเขารู้แล้วว่าพี่เต้ร้องเพลงนี้ให้ใคร
แอน พี่ร้องเพลงเก่งมั้ย ร้องไห้ทำไม
ฉันใช้มือซ้ายปาดน้ำตา
พี่เต้ร้องเพลงเพราะมากเลย
ฉันพูดทั้งๆที่ยังร้องไห้ พี่เต้เอามือทั้ง 2 ข้างมาแตะบ่าของฉัน และพูดปลอบฉัน
อย่าร้องไห้นะแอน
เขาพูดพลางเชยคางฉันขึ้นมาและใช้มือขวาปาดน้ำตาของฉัน และเราก็สบตากัน ดวงตาสีน้ำตาลคม
เข้มของเขาเต็มไปด้วยประกายหวานระยิบระยับและความอบอุ่นปนอยู่ ซึ่งต่างจากแววตาเมื่อตอนเขาร้องเพลง
บนเวที มันช่างดูเศร้า เหงา และเยือกเย็นเหลือเกิน ฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับความรู้สึกนี้จนลืมตัวว่าตัวเองอยู่ใน
งาน เหมือนกับว่าฉันและเขาหลุดเข้าไปในห้วงแห่งความรัก และเราจะจับมือท่องไปยังโลกใบนั้นด้วยกัน ฉัน
รู้สึกอย่างนั้น ถึงแม้ว่าสัญญาณที่ส่งมาจากแววตาของเขาจะไม่ได้ถูกเรียบเรียงเป็นคำพูดก็ตาม แต่ฉันก็เข้าใจ
และฉันก็เชื่อว่าเขาก็คงเข้าใจเช่นกัน นี่แหละมั้งที่เรียกว่าภาษาใจ ที่เข้าใจกันได้เฉพาะระหว่างคู่รักเท่านั้น แม้
ว่าเราจะไม่ได้สื่อสารออกมาเป็นคำพูด แต่ก็เข้าใจกันได้ ด้วยสื่อแห่งความรักที่ถ่ายทอดผ่านดวงตาซึ่งเปรียบ
เสมือนประตูของหัวใจ ตอนนี้ฉันไม่สงสัยแล้วล่ะว่าทำไมคนอื่นถึงชอบโหยหาความรักทั้งๆที่มันมักจะสร้างความ
เจ็บปวดในท้ายที่สุดก็ตาม เราคงเพลิดเพลินเคลิบเคลิ้มกับความรู้สึกดีๆที่เราต่างมีให้กันนานมากจนลืมเวลา
จนกระทั่งเสียงกระแอมไอของอุ้มได้ดังขึ้น พี่เต้จึงเอามือออกจากใบหน้าของฉัน
โอย!หวานกันไปหน่อยแล้วนะแอน นี่มันในงานนะ คนอื่นเค้ามองกันเต็มเลย ไม่อายบ้างเหรอ
ฉันจึงมองไปรอบๆก็เห็นทุกคนส่งยิ้มมาให้ฉันกันทั้งงาน ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์และพี่ปลา พวกเขาต่าง
ส่งยิ้มให้ฉันและพี่เต้ ฉันจึงยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าหน้าฉันคงแดงแปร๊ดเหมือนลูก
มะเขือเทศแน่ ส่วนพี่เต้ก็เช่นกัน แก้มของเขาเป็นสีแดงระเรื่อ เขาเสมองไปที่เวที เพราะเป็นที่เดียวที่ไม่มีคนส่งยิ้ม
ให้เขา
แอน อาหารเปิดแล้ว ไปตักอาหารกัน
เมื่อพูดจบพี่เต้ก็จูงมือฉันไปที่โต๊ะวางอาหาร ฉันยืนเข้าแถวเพื่อรอตักอาหาร โดยพี่เต้ยืนอยู่ข้างหลังฉัน
ฉันพยายามมองหาอุ้มแต่ก็ไม่เจอเธอเลย ส่วนอรก็ออกไปไหนก็ไม่รู้ ฉันตักข้าวกับผัดผักลงบนจานของฉัน และ
ตักหูฉลามใส่ถ้วยของฉัน และเดินไปวางอาหารบนโต๊ะ ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครเลย เพราะคนอื่นไปตักอาหารกัน ฉันกับ
พี่เต้นั่งกินอาหารที่ตักมาข้างกัน
แอน
หึ
รู้จักพี่วินยัง
รู้จักแล้ว พี่วินเค้าเป็นประธานชมรมนักร้องใช่มั้ยล่ะ
อือ แล้วเค้าไปไหนแล้วล่ะ
เห็นตอนนั้นเดินตามอรไปไหนก็ไม่รู้ ป่านนี้ยังไม่เห็นเลย ทำไมเหรอคะ
เปล่า ไม่มีอะไร แล้วอุ้มไปไหนล่ะ
ไม่รู้เหมือนกัน พอเราลุกไปตักอาหารก็ไม่เห็นอุ้มแล้ว สงสัยเค้าคงไปตักอาหารอยู่ หรือไม่ก็ไปเข้าห้อง
น้ำ
เมื่อฉันกินอาหารในจานเสร็จ ฉันก็ลุกไปตักขนมและผลไม้
พี่เต้คะ เดี๋ยวหนูขอไปตักขนมกับผลไม้ตรงนั้นนะคะ
พี่เต้กอดอกมองฉันพูดอย่างตั้งอกตั้งใจและอมยิ้มออกมา แต่ฉันไม่สนใจเขาหรอก ฉันเดินไปที่โต๊ะวาง
ขนมและผลไม้ และหนีบสับปะรดกับแคนตาลูปใส่จาน จากนั้นฉันก็หนีบเค้กใส่จาน แต่หนีบเท่าไหร่ก็หนีบไม่ขึ้น
ไม่รู้ทำไม และที่หนีบที่ฉันถืออยู่ก็ถูกยื้อแย่งไปโดยใครบางคน พอหันไปก็เห็นว่าเป็นพี่เต้
มา เดี๋ยวหนีบให้ ไม่เป็นเลย
เขาพูดอย่างอมยิ้มจนแก้มปริและหนีบเค้กใส่จานให้ฉัน 1 ชิ้น
ขอบคุณค่ะ
หลังจากนั้นฉันก็รีบเดินกลับไปที่โต๊ะ เพราะอายรอยยิ้มที่เย้ายวนของเขา
ขณะที่ฉันกำลังเดินไปที่โต๊ะ ฉันก็เดินสวนกับอร
อ้าว!อร ไปไหนมาน่ะ
ไปเข้าห้องน้ำ
ฉันรู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไปจริงๆ เพราะน้ำเสียงของเธอฟังดูเย็นชาเหลือเกิน ไม่ได้ร่าเริงและอบอุ่นเหมือน
ทุกที ตาของเธอบวมเป่ง เธอคงร้องไห้ด้วยเหตุผลที่ฉันก็รู้ว่าเพราะอะไร อรเดินผ่านฉันไปแล้ว เธอคงไปนั่งที่โต๊ะ
ฉันมันเป็นเพื่อนที่แย่จริงๆ เพราะฉันคนเดียว อรถึงต้องมาเจ็บปวด แถมฉันยังเอาปัญหามาใส่หัวอุ้มทำให้อุ้ม
กลุ้มใจ และต้องมางานนี้กับฉัน ทั้งๆที่เธอไม่อยากมา ตอนที่อรเดินออกไปจากงาน แทนที่ฉันจะตามเธอไป ฉัน
กลับนั่งเฉย และมัวแต่จู๋จี๋อยู่กับพี่เต้ ซี่งเป็นคนรักของอรอย่างไม่เกรงใจสายตาใคร ป่านนี้ทุกคนก็คงคิดกันว่าฉัน
กับพี่เต้เป็นแฟนกัน และอรจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ ฉันนี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ ฉันควรเข้าไปหาเธอ และปลอบเธอ
ถามว่าเธอเป็นอะไร และขอโทษเธอ แต่ฉันกลับไม่กล้า ไม่กล้าแม้แต่จะไปหาเพื่อนของฉัน
เฮ้ย!แอน มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ ทำไมไม่ไปนั่งที่โต๊ะ
ฉันหันหลังไปหาคนที่ทักฉัน ปรากฏว่าเป็นอุ้ม
อุ้ม! ไปไหนมาน่ะ หาไม่เจอเลย
เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังทีหลังและกัน
อุ้มก็เป็นอีกคนที่ดูแปลกไป เธอดูไม่ร่าเริงเหมือนทุกที หน้าของเธอดูซีเรียสราวกับไปเผชิญหน้ากับ
ปัญหาหนักอึ้งมา เธอโอบบ่าฉันไว้ และเดินไปที่โต๊ะด้วยกัน เมื่อไปถึงฉันก็เห็นพี่เต้ พี่วิน พี่เปรี้ยว และพี่ปลานั่ง
กินอาหารกันอยู่ แต่ฉันกลับไม่เจออรเลย ในกลุ่มนี้คงมีแต่พี่เปรี้ยวกับพี่เต้คนเดียวมั้งที่ดูร่าเริงกว่าเพื่อน นอกนั้น
ดูเงียบหงอยกันหมด พี่เปรี้ยวพยายามชวนทุกคนในโต๊ะคุย พี่เต้ก็คุยบ้าง แต่ไม่มาก เพราะไม่ใช่คนคุยเก่ง ส่วนพี่
ปลานั้น ตั้งแต่มางานฉันก็ไม่เคยเห็นเธอพูดอะไรเลย เธอนิ่งเงียบตลอด แต่พี่วินนี่สิน่าแปลก หลังจากที่พี่วินตาม
อรไป เขาก็ดูเงียบเหงาไป
อ้าว!อุ้มกับแอนมากันแล้วเหรอ เห็นอรบ้างมั้ย
เมื่อตอนนั้นหนูเดินสวนกับอรค่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าอรอยู่ไหน อรไม่ได้มาที่โต๊ะเหรอคะ
ไม่อ่ะ ยัยอรไม่รู้เป็นอะไร พอฟังเต้ร้องเพลงหน่อย ก็ร้องไห้ออกมา และก็เดินไปไหนก็ไม่รู้ ไอ้วินมันเลย
ตามไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าธุระอะไรของมัน มันถึงต้องตามยัยอรไป พอกลับมาหน้างี้เศร้ายังกะโดนใครด่าแทงใจ
ดำมา หรือว่าโดนยัยอรตบหน้า ว้าย!ก็น่าอยู่หรอกนะ ตื๊อเค้าอยู่ได้ไม่รู้จักเข็ด รู้อยู่ว่าเค้าไม่ชอบแล้วยังจะ
หุบปากไปเลย
ไม่ทันที่พี่เปรี้ยวจะพูดจบ พี่วินก็พูดขวางไว้
อะไรกัน ฉันแค่พูดเล่น ทำไมต้องโกรธ อ๋อ!หรือว่าจริง
ถ้าไม่หุบปาก ฉันจะตบหน้าเธอ
ว้าย!ผู้ชายบ้า ทำร้ายผู้หญิง
หยุดทะเลาะกันได้มั้ย
อุ้มตะโกนออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว
พี่เปรี้ยวก็เหมือนกัน ก็รู้อยู่ว่าพี่วินเค้าไม่ชอบให้ว่าเค้าแบบนี้ พี่เปรี้ยวก็ยังจะไปว่าเค้าอีก ถ้ามีคนอื่น
ว่าพี่เปรี้ยวแบบนี้ พี่เปรี้ยวจะชอบมั้ย
เหตุการณ์ชักจะตึงเครียดไปกันใหญ่ เพราะพี่เปรี้ยวทุบโต๊ะเสียงดัง และลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าฉันกับอุ้ม
แกกล้าดียังไงมาว่าฉัน นังเด็กเมื่อวานซืน ให้มันรู้ซะบ้างสิว่าฉันรุ่นพี่ แกรุ่นน้อง แกก็เหมือนกันนังแอน
แหมทำเป็นจู๋จี๋ กระดี๊กระด๊ากับเต้ ไม่รู้จักอายชาวบ้านเค้าซะบ้าง ทั้งๆที่รู้แล้วว่าเต้มีแฟนแล้ว แถมแฟนเค้าก็คือ
อรเพื่อนสนิทของเธอเอง น่าไม่อายจริงๆ เธอทำแบบนี้ได้ยังไง แย่งแฟนเพื่อนนี่ พอคนอื่นยิ้มให้ก็ทำเป็นม้วนอาย
อยากจะบอกที่ฉันยิ้มให้เธออ่ะนะ ก็เพื่อไม่ให้ดูแตกต่างจากชาวบ้านก็เท่านั้น ที่จริงแล้วฉันหมั่นไส้แกจะตาย รู้ไว้
ซะด้วย ป่านนี้อรมันคงร้องไห้อยู่ในห้องน้ำจนตาบวม และเธอล่ะทำอะไร ไม่เห็นไปปลอบโยนเพื่อนเลย วินนี่ก็
เหมือนกัน หลงรักแฟนเพื่อน อรเค้ามีแฟนแล้ว แกก็รู้อยู่แกใจ แกยังคอยไปวุ่นวายกับเค้าอีก แก 2 คนทุเรศจริงๆ
ผัวะ!
เสียงฝ่ามือของพี่ปลากระทบแก้มของพี่เปรี้ยวจนแก้มเป็นรอยแดงรูปมือ
ยัยเปรี้ยว แกไม่ควรพูดแบบนี้ นี่มันไม่ใช่เรื่องของเรา แกนี่ก็ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ตั้งแต่ฉันรู้จักแกมา แกไม่
เคยเปลี่ยนไปเลย เวลาแกโกรธใคร แกพาลชาวบ้านไปทั่ว แกนั่นแหละทุเรศ ไม่ใช่แอนกับวิน
ความจริงแล้วพี่ปลาเค้าก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไรอย่างที่ฉันคิดหรอก
ฉันรู้หรอกหน่า แกคอยหนุนหลังเต้ ให้ทิ้งอร และเอายัยแอนใช่มั้ย ยัยแอนมันมาทีหลัง เธอยังจะเข้า
ข้างมันอีก
ก็เต้เค้าชอบแอน ไม่ใช่อร เธอจะบังคับให้เค้าชอบคนที่เค้าไม่ชอบได้ยังไง
นี่มันอะไรกัน เรื่องของเรา ที่แท้พวกเพื่อนพี่เต้เค้าก็รู้กัน โดยพี่เปรี้ยวอยู่ฝ่ายอร ส่วนพี่ปลาอยู่ฝ่ายฉัน
และพี่วินก็แอบชอบอร เรื่องมันเป็นแบบนี้เองเหรอ ทำไมฉันถึงต้องเป็นต้นเหตุให้พวกพี่เค้าทะเลาะกันด้วย
เพราะฉันคนเดียว แค่เพียงไม่มีฉันทุกอย่างก็คงราบรื่น
หยุดซักทีได้มั้ย
พี่เต้ตะโกนออกมา พี่เปรี้ยวกับพี่ปลาจึงหยุดทะเลาะกัน ทุกคนในโต๊ะหันไปที่พี่เต้
นี่มันเรื่องของฉัน พวกเธอไม่เกี่ยว เข้าใจมั้ย
ทำไมจะไม่เกี่ยว
พี่เปรี้ยวเถียงขึ้น
ฉันเป็นเพื่อนเธอนะเต้ และฉันก็คิดว่าเธอทำไม่ถูกต้อง เธอคิดว่าผู้หญิงเหมือนกันหมดทั้งโลกหรือไง
ผู้หญิงไม่ได้ใจง่าย แค่ได้มีอะไรกับเธอ และก็จบกันทุกคนหรอกนะ เธอเข้าใจผิดมาตลอด อรรักเธอจริง เค้าจริง
จังกับเธอมากนะ เธอก็รู้ เธอทำแบบนี้ อรเค้าเสียใจนะ
ใช่สิ ฉันผิด ผิดที่รักคนที่ฉันรักใช่มั้ย
ฉันมองไปรอบตัวฉัน ทุกคนต่างจ้องมองพวกเราทะเลาะกัน
นี่เลิกทะเลาะกันได้มั้ย คนมองกันทั้งงานแล้ว ไม่อายบ้างเหรอ
ทุกคนจึงมองไปรอบๆแล้วจึงเริ่มมีสติกันบ้าง
พี่เปรี้ยวคะ ถ้าโลกนี้ไม่มีหนู เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้นใช่มั้ยคะ ใช่สิ หนูมันตัวปัญหา ทำให้พวกพี่ทะเลาะกัน
พวกพี่ทะเลาะกันเพราะเรื่องรักสามเส้าระหว่างหนู อร พี่เต้ และพี่วิน โดยหนูเป็นต้นเหตุ ถ้าตัวต้นเหตุไม่มี เรื่องก็
คงจบด้วยดี ใช่มั้ยคะ
แอน นี่เธอพูดอะไรของเธอน่ะ
อุ้มถามฉัน
หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ
ฉันพูด จากนั้นฉันก็จูงมืออุ้มออกจากงาน และเราก็คุยกันหน้างาน
นี่มันอะไรกันน่ะอุ้ม ฉันว่าความรักระหว่างฉันกับพี่เต้คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้วล่ะ
เธออย่าเพิ่งท้อแท้สิ พออาหารเปิดฉันก็เดินไปหาอรในห้องน้ำ ฉันก็เจออรกำลังคุยอะไรกับพี่วินอยู่ พอ
ฉันเข้าไป พี่วินเค้าก็เลยเดินออกไป ฉันเข้าไปคุยกับอรเรื่องนั้น เธอรู้มั้ยว่าอรมันรู้แล้วว่าเธอกับพี่เต้ชอบกัน รู้ตั้ง
นานแล้วด้วย แต่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะมันทำใจไม่ได้ ฉันก็เลยปลอบมัน มันบอกว่ามันขอทำใจก่อน แล้ว
เดี๋ยวมันค่อยคุยกับเธอทีหลัง ฉันถามมันว่าโกรธแอนหรือเปล่า มันบอกว่ามันไม่ได้โกรธ ดังนั้นแอนไม่ต้องกังวล
หรอกนะ
ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็โล่งอก เรากลับบ้านกันเถอะนะ
พอฉันก้าวขาได้ 2 ก้าว พี่เต้ก็เดินมา
แอน ไปไหนน่ะ
กลับบ้านค่ะ
กลับกับพี่นะ
อย่าเลยค่ะ พี่ก็รู้ว่าทำไม หนูขอทำใจอีกสักหน่อยได้มั้ยคะ
จากนั้นฉัน อุ้ม และพี่เต้ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
พอถึงบ้าน ฉันก็เข้าห้องนอน แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง กอดหมอนไว้แน่น และร้องไห้กับหมอน ทำไม
ความรักของฉันถึงไม่สุขสมหวังเหมือนคนอื่นนะ ทำไม... ฉันร้องไห้จนหลับเข้าสู่นิทรารมณ์
**********
ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่านี่ 5 โมงเย็นแล้ว ป่านนี้งานที่โรงเรียนก็คงเลิกแล้ว และทุกคนก็คงกลับบ้านกัน
แล้ว แล้วพี่เต้กลับถึงบ้านหรือยังน๊า นี่มันเรื่องของฉันซะที่ไหน ทำไมต้องไปคอยเป็นห่วงเป็นใยเขาด้วย แต่สุด
ท้ายฉันก็ทนไม่ไหวที่จะไม่เป็นห่วงเขาอยู่ดี อะไรบางอย่างได้ลากเท้าฉันไปจนไปยืนอยู่หน้าบ้านพี่เต้ และดึงมือ
ฉันให้กดกริ่งหน้าบ้าน หลังจากนั้นไม่นานน้องผึ้งก็วิ่งออกมาเปิดประตูบ้านให้ฉัน
อ้าว!พี่แอน ไม่เจอกันนานเลย มาหาพี่เต้เหรอ พี่เต้ยังไม่กลับเลย เข้ามาในบ้านก่อนมั้ยล่ะ
ขอบคุณจ้ะ
ฉันจึงเข้ามาในบ้านของพี่เต้ ฉันนั่งลงบนโซฟา และน้องผึ้งก็เอาน้ำเย็นๆมาให้ฉัน 1 แก้ว
ขอบคุณจ้ะ
ดูๆไปเธอก็ไม่ใช่ยัยตัวยุ่ง ยัยป่วนอย่างที่พี่เต้ชอบว่าเธอหรอกนะ เธอดูฉลาด มีไหวพริบ และก็น่ารัก
เธอมักจะถักเปีย 2 ข้างเสมอ ฉันดื่มน้ำไปเล็กน้อย
พี่เต้เป็นยังไงบ้างล่ะช่วงนี้ คือเอ่อพี่ไม่ค่อยได้เจอเค้า
เปลี่ยนไปเยอะ
เหรอ
อือ เมื่อก่อนชอบร้องเพลงร้อคแบบสนุกๆดิ้นมันๆแต่เดี๋ยวนี้ร้องแต่เพลงเศร้าๆหนูรู้สึกว่าพี่เค้าดูเศร้า
ยังไงก็ไม่รู้ และก็ไม่ค่อยเจ้าชู้เท่าไหร่ ชอบนั่งซึม เหม่อลอยเรื่อยเลย
พี่เต้เป็นคนเจ้าชู้เหรอ
ใช่แล้ว เมื่อก่อนมีแฟนตั้งหลายคน คบกันไม่ถึงเดือนก็เลิก มีผู้หญิงโทรมาง้อเรื่อย บางคนถึงกับตาม
มาหาที่บ้านเลย หนูก็ไม่กล้าไปถามอะไรพี่เค้ามาก เพราะพี่เต้เค้าไม่ชอบให้มาถามเรื่องแบบนี้ หรือจะให้ไป
คุยกับพวกแฟนพี่ก็ยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ พวกนั้นน่ะดุจะตาย แถมยังแรดอีกต่างหาก แต่งตัวโป๊ชะมัด อย่างกะจะ
ไปยั่วผู้ชายอย่างงั้นแหละ มีอยู่หลายครั้งเลยที่พวกแฟนพี่เค้ามาตบกันที่บ้าน หนูกลัวมากเลย
เหรอ
แต่ตอนนี้พี่เค้าเปลี่ยนไปจริงๆนะ ความจริงแล้วหนูอยากให้พี่เป็นแฟนพี่เต้จัง
ทำไมล่ะ
เพราะพี่ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่พี่เต้คบด้วย พวกนั้นน่ะใจร้าย แถมยังใจง่ายอีกด้วย แต่พี่ใจดี และก็
รักนวลสงวนตัว พี่เป็นคนดี หนูรู้ เสียดายที่พี่เต้ตาไม่ถึง ไปคบกับพี่อร พี่อรน่ะใจดีก็จริง แต่ดูแรดๆยังไงก็ไม่รู้ ไม่
เห็นเรียบร้อยเหมือนพี่แอนเลย หนูไม่ค่อยชอบพี่เค้าเลย ชอบพี่แอนมากกว่า
แต่พี่เต้เค้าไม่ได้ชอบพี่นี่
ใครบอก พี่เต้ชอบพี่แอนนะคะ พี่แอนยังไม่รู้อีกเหรอคะว่าพี่แอนทำให้พี่เต้เปลี่ยนไป และพี่แอนก็รักพี่
เต้ด้วยใช่มั้ยล่ะคะ นี่คงเกิดเรื่องรักสามเส้าขึ้นอีกแน่ๆ หนูล่ะเบื่อ เจอมาบ่อยแล้ว พี่เต้ชอบทำเรื่องให้วุ่นวายเรื่อย
เลย ถ้าเพียงแค่ไม่ไปจีบพี่อรเค้าน่ะ ป่านนี้พี่เต้กับพี่แอนก็คงได้คบกันอย่างมีความสุขแหงๆเพราะพี่เต้คนเดียว
แท้ๆ
ช่างมันเถอะ อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด พี่เชื่อนะว่าถ้าคนเราเป็นเนื้อคู่กัน แม้ว่าจะอยู่ไกลสุดหล้าฟ้า
เขียว ยังไงก็ต้องได้เจอกัน และถ้าพี่กับพี่เต้เป็นเนื้อคู่กันจริงๆ ก็ต้องมีสักวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แล้วหนูจะรอวันนั้นนะจ้ะ
เด็กหนอเด็ก คำพูดของเธอช่างดูไร้เดียงสาเสียจริงๆ น้ำตาของฉันเริ่มรื้นขึ้นมาอีกแล้ว
น้องผึ้ง
คะ
แล้วน้องทราบมั้ยว่าทำไมพี่เต้ถึงจีบพี่อรเค้าล่ะ
พี่อยากรู้ทำไมเหรอ
พี่กับพี่อรเป็นเพื่อนกันจ้ะ
จริงเหรอคะ
จริงจ้ะ
หนูไม่เคยรู้มาก่อนเลย อย่างนี้พี่กับพี่อรก็คงจะโกรธกันจนถึงกับตัดขาดจากการเป็นเพื่อน หนูต้องขอ
โทษแทนพี่เต้ด้วยนะคะ พี่เต้เห็นแก่ตัวที่สุด ชอบทำร้ายคนอื่นเรื่อยเลย
ไม่หรอกจ้ะ พี่กับพี่อรจะไม่โกรธกัน เราจะเสียสละเพื่อกันและกันจ้ะ แม้แต่คนรักเราก็ยอม
พี่ช่างเป็นคนดีเหลือเกิน
แล้วตกลงบอกพี่ได้หรือยังว่า
อ๋อ เรื่องนั้นใช่มั้ย หนูจะบอกให้ ความจริงแล้วพี่เต้ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีอะไรหรอกนะคะ เค้าเจ้าชู้น่ะค่ะ
ประมาณว่าเป็นพวกฟันแล้วทิ้งน่ะค่ะ เค้าไม่เคยเห็นคุณค่าของผู้หญิงเลย พี่เต้เค้าคงเห็นพี่อรน่ารักก็เลยจีบเล่น
ๆและก็ตามเคย ฟันแล้วทิ้ง แต่ไม่รู้ทำไมนะคะว่าทำไมพี่เค้ากลับไม่เคยมีอะไรกับพี่อรเลย แต่ตอนนี้หนูรู้แล้วว่าพี่
กับพี่อรเป็นเพื่อนกัน หนูก็เลยคิดว่าที่พี่ไม่ทำอย่างนั้น เพราะพี่แอนค่ะ
เกี่ยวอะไรกับพี่
เพราะพี่มีความหมายต่อพี่เต้มากค่ะ
ออด! ออด!
เสียงกริ่งประตูหน้าบ้านดังขึ้น น้องผึ้งชะโงกหน้าออกไปดู แล้วก็บอกฉันว่า
พี่เต้มาแล้ว
และเธอก็เดินไปเปิดประตู ฉันคิดว่าฉันคงไม่สามารถสบดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มคู่นั้นได้ แล้วฉันมาที่นี่
ทำไม พี่เต้เดินเข้ามาในบ้าน เมื่อเขาเห็นฉันเขาก็เดินมานั่งข้างๆฉัน
แอน มาหาพี่เหรอ
เอ่อค่ะ
ฉันตอบโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขา ฉันนั่งก้มหน้าตลอดเลย
หิวมั้ย
ไม่ค่ะ ขอบคุณ หนูกลับก่อนนะคะ
เดี๋ยวสิ
เขารั้งมือฉันไว้
บ้านก็อยู่ใกล้กันแท้ๆไม่เห็นต้องรีบกลับเลย
ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่อยากรบกวนพ่อแม่พี่น่ะ
รบกวนที่ไหนกัน พ่อแม่พี่ไม่อยู่ไปต่างจังหวัด กลับมาวันจันทร์หน้า
เหรอคะ
อือ
งั้นเอ่อคือ
ฉันพยายามคิดหาเหตุผลที่จะไม่อยู่ที่บ้านพี่
พี่แอนคะ อยู่เป็นเพื่อนหนูที่นี่เถอะ เรามาเล่นพ่อแม่ลูกกันดีมั้ยคะ ให้พี่เต้เป็นพ่อ พี่แอนเป็นแม่ และ
หนูเป็นลูก
เอ่อพี่
ความคิดดีนี่ยัยผึ้ง พี่เล่นด้วย แอนเล่นกับพี่นะ
เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มหวานเหมือนตอนที่เขาอยู่บนเวที แต่ดูอบอุ่นและมีความสุข ไม่ได้ดูเศร้าและ
เยือกเย็น
นะ พี่แอนนะ
ตกลงก็ได้ค่ะ
ฉันตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้ พี่เต้กับน้องผึ้งถึงกับร้องเย้!พร้อมกัน เราเหมือนย้อนอดีตไปเมื่อตอนยัง
เด็กอยู่ พี่เต้ซึ่งเล่นเป็นพ่อจะนั่งอยู่เฉยๆคอยใช้งานแม่และลูก พ่อใช้ให้แม่ทำอาหารมาให้ แม่กับลูกจึงต้องช่วย
กันทำอาหาร(ความจริงแล้วฉันต้องทำอาหารคนเดียว แต่ที่ต้องให้น้องผึ้งมาช่วยเพราะฉันทำอาหารไม่เป็น) เรา
ทำอาหารหลายอย่าง ทั้งไข่เจียว แกงส้ม และผัดผัก ระหว่างที่เราทำอาหารกันอยู่ในครัว และพ่อนอนสบายอยู่
บนโซฟาในห้องรับแขก แม่กับลูกก็หยอกล้อกันอยู่ในครัวอย่างสนุกสนาน โดยมีพ่อมาร่วมแจมด้วย คอยส่งเสียง
แซวเป็นระยะๆตอนที่แม่ทำอะไรเปิ่นๆ และเราก็หัวเราะคิกคักๆกันอย่างมีความสุข เมื่อทำอาหารเสร็จแม่กับลูกก็
ช่วยกันยกจานอาหารมาวางบนโต๊ะอาหาร และแน่นอน พ่อไม่เคยมีส่วนร่วมอะไรเลย นอนตีพุงบนโซฟาสบาย
อยู่คนเดียว เมื่อแม่กับลูกช่วยกันตักข้าวใส่จานให้พ่อ และก็ตักให้ตัวเองแล้ว เราก็มานั่งกินข้าวกันพร้อมหน้า
พร้อมตา ระหว่างที่เราทานอาหารกัน พ่อก็มักจะวิจารณ์ตำหนิฝีมือทำอาหารของแม่ หาว่าใช้ไม่ได้บ้าง ไม่อร่อย
บ้าง
นี่ ถ้าไม่อร่อยแล้วพ่อกินทำไมล่ะ
ลูกเถียงขึ้นมา พ่อจึงหน้าแดงด้วยความอายเล็กน้อย และพวกเราก็หัวเราะกัน ความจริงจะว่าฝีมือแม่
ไม่ดีก็ไม่ได้นะ เพราะเรากินกันไม่เหลือจนไม่ต้องล้างจาน แค่ใช้ผ้าเช็ดก็พอ อาหารวันนี้อร่อยจัง ฉันเชื่อว่าทุกคน
ต้องอิ่มแน่ อิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งใจไง
แม่ ไปล้างจานซิ
พ่อชี้นิ้วสั่งแม่
จ้ะ ที่รัก
ฉันไม่รู้นึกยังไงพูดประโยคนี้ออกมา ฉันจึงรีบๆเก็บจานรีบๆเอาจานไปล้าง เพราะอายจนหน้าแดง เช่น
เดียวกับพี่เต้ เพราะฉันได้ยินเสียงของน้องผึ้งแซวพี่เต้อย่างนั้น
เมื่อล้างจานในครัวเสร็จแล้ว ฉันก็เดินมาหาทุกคนซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา และกำลังหยอกล้อกันตามประสา
พี่น้อง เอ้ย! ต้องตามประสาพ่อลูกสิ
ทุกคน นี่ก็ได้เวลานอนแล้ว ลูกขึ้นไปนอนได้แล้ว เป็นเด็กต้องนอนแต่หัวค่ำ
แล้วพ่อไม่นอนล่ะ
เดี๋ยวไปนอนแล้ว แม่ไปนอนกัน
ฉันมองนาฬิกาที่ฝาผนัง เห็นว่านี่ 2 ทุ่มแล้ว ฉันควรจะกลับบ้านได้แล้ว
พี่เต้ เดี๋ยวหนูขอกลับบ้านก่อนนะ
พี่เต้จึงเดินมาจับไหล่ของฉันทั้ง 2 ข้าง
อะไรกัน เราอยู่บ้านเดียวกันไม่ใช่เหรอ แล้วจะกลับไปไหน หรือว่าแอบมีชู้ ฮะ แอบมีชู้ใช่มั้ย
เขาเขย่าตัวฉัน แต่เขาไม่ได้โกรธฉันจริงๆหรอก เขาแค่ล้อเล่น
ไม่ใช่ค่ะ คือหนูไม่เล่นพ่อแม่ลูกแล้ว หนูต้องกลับบ้าน
ไม่ได้ พี่ยังอยากเล่นอยู่ โทรบอกแม่ได้มั้ย
ไม่ได้ค่ะ แม่ไม่ให้ค้างกับเพื่อนผู้ชายหรอก
โกหกแม่ไม่ได้เหรอ
พี่คะ แต่หนูไม่เคยโกหกแม่นี่คะ และพรุ่งนี้หนูก็ต้องไปโรงเรียน
ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวโทรบอกแม่ว่าจะค้างบ้านเพื่อนผู้หญิงแถวนี้ แล้วไปเอาเสื้อผ้ามา
ค่ะ
ฉันจึงโทรไปบอกแม่ตามนั้น ซึ่งแม่ก็อนุญาตเพราะเห็นว่าฉันไปค้างบ้านเพื่อนผู้หญิง ถ้าฉันบอกว่าฉัน
ไปค้างบ้านพี่เต้ แม่ต้องไม่ให้แน่เลย
เดี๋ยวค่อยกลับมาตอนวันอาทิตย์ก็ได้ จะได้ไม่ต้องขนของไปๆกลับๆบ่อยๆ
ขอบคุณนะแม่
ฉันจึงตกลงกับพี่เต้ว่าเราจะค้างด้วยกันแล้ววันอาทิตย์ตอนเย็นฉันถึงจะกลับบ้าน จากนั้นฉันก็ไปเอาเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น แล้วจึงกลับมาที่บ้านพี่เต้
ลูก ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพ่อตามไป
เดี๋ยวแม่นอนกับลูกนะ
เฮ้ย!บ้า!พ่อแม่ก็ต้องนอนด้วยกันสิ
ไม่ได้นะพี่ หนูเป็นผู้หญิงนะ
แล้วไง ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกนะ เชื่อฉันเถอะ
ฉันจึงต้องไปนอนกับเขาฉันนี่บ้าจริงๆอยู่ดีๆก็ไปยอมนอนกับผู้ชายง่ายได้ไง ฉันเดินขึ้นบันไดตามหลังพี่
เต้ และเข้าไปในห้องนอนของเขา ฉันเลยนึกขึ้นได้ว่า ฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลย
พี่เต้ เรายังไม่ได้อาบน้ำเลย
เรียกพี่ว่าที่รักซิ
พี่ หนูจะอาบน้ำแล้วนะ
เดี๋ยว
เขารั้งมือฉันไว้
เรียกพี่ว่าที่รักก่อน
ก็ได้ ที่รักเดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนนะ
ฉันจึงไปหยิบเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว สบู่ แปรงสีฟัน และยาสีฟัน และเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เมื่ออาบน้ำ
เสร็จ พี่เต้ก็เข้าไปในห้องน้ำต่อ ส่วนฉันก็นั่งรอเขาบนเตียง เมื่อพี่เต้แต่งตัวเสร็จและปิดไฟในห้องแล้ว ฉันกับพี่เต้
ก็ขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกัน เราสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา ฉันนอนตะแคงหันหลังให้พี่เต้ เพราะกลัวว่าเขา
อาจจะดึงตัวฉันเข้าไปในอ้อมกอดและจูบหน้าผากฉันเหมือนในละคร และอีกอย่างเขาก็เป็นคนเจ้าชู้เคยมีอะไร
กับผู้หญิงมาแล้วหลายคน ฉันจึงไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ว่าเขาจะสามารถรักษาสัญญาที่เขาได้ให้กับฉันไว้ว่า
จะไม่ทำอะไรฉันได้ เขาอาจจะลืมตัวก็ได้ แต่ตราบใดที่ฉันยังอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขา ฉันก็ไม่สามารถหลีกหนี
เขาได้ เขากอดฉันไว้ข้างหลัง ทำให้ฉันนึกถึงวันแรก วันที่ฉันโหนอยู่บนรถเมล์ โดยมีเขาอยู่ข้างหลัง แล้วทำให้ฉัน
คิดว่าฉันอยู่ในอ้อมกอดของเขา ฉันไม่นึกเลยว่า ณ วันนี้ ฉันจะได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาจริงๆ วันนั้นฉันอยู่ใกล้
เขาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รดลงบนแผ่นหลังฉัน กับกลิ่นน้ำหอมที่โชยมากระทบกับจมูกของฉัน ฉันยังจดจำ
ความรู้สึกนั้นได้ดี และตอนนี้ความรู้สึกนั้นก็กลับมาวนเวียนอยู่ในหัวของฉันอีกแล้ว ฉันมีความรู้สึกแบบนั้นอีก
แล้ว เพียงแต่คราวนี้มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม แต่เป็นกลิ่นแป้ง ฉันรู้สึกเกร็งจนจับผ้าห่มไว้แน่นและนอนตัวแข็งทื่อ
กลัวว่าเขาอาจจะทำอะไรเกินเลยมากกว่านี้ ขาของฉันคงเป็นตะคริวเพราะแค่ขยับขาก็รู้สึกชาไปหมดแล้ว ไม่
ต้องบอกก็รู้ว่าหน้าฉันคงแดงแปร๊ดแน่เลย
อะไรกัน ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย ทำไมนอนตัวแข็งเชียว
พี่กอดหนู
ก็แค่กอด ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย
พี่เอ่อไม่มีอะไร
ฉันควรจะบอกว่าฉันไม่ชอบให้พี่มากอดหนูแบบนี้ แต่ฉันก็เงียบ เพราะถึงแม้ว่าอ้อมกอดของเขาจะทำ
ให้ฉันเกร็งไปทั้งตัว และใบหน้าร้อนผ่าว แต่ขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบนี้
กอดแอนแล้วชื่นใจจริงๆ
ริมฝีปากอุ่นๆได้ทาบลงบนแก้มสีแดงระเรื่อของฉัน ดีนะที่ในห้องนอนมืด เพราะไม่ได้เปิดไฟไว้ ไม่งั้น
เขาต้องเห็นแก้มสีแดงเหมือนลูกมะเขือเทศบนหน้าของฉันแน่ๆ ฉันยิ่งจับผ้าห่มไว้แน่นกว่าเดิม เขาจับตัวฉันให้
หันหน้ามาทางเขา และเขาก็เอาตัวฉันไปแนบไว้กับแผ่นอกของเขา เขากอดฉันไว้แน่นมากจนฉันหายใจแทบจะ
ไม่ออก แต่ก็รู้สึกอบอุ่นดีที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบนี้ ฉันอยู่ใกล้เขามากจนได้ยินเสียงจังหวะหัวใจของเขาที่
เต้นถี่รัว เขาเชยคางฉันขึ้นมาเพื่อให้เรา 2 คนสบตากัน ประกายระยิบระยับในดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มของเขา
แม้ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบไปตามอารมณ์หรือความรู้สึก แต่มันก็ยังคงเป็นสีน้ำตาลคมเข้มอยู่วันยังค่ำ ฉันหวัง
เหลือเกินว่าความรักที่พี่เต้มีให้ฉันคงจะมั่นคง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกับดวงตาของเขา
มือของเขาลูบไล้ใบหน้าของฉันอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา ราวกับว่ามันเป็นแก้วที่ตกแล้วแตกได้ ฉันรู้สึกถึง
ริมฝีปากอุ่นๆทาบลงไปบนริมฝีปากของฉันอย่างแผ่วเบา นี่ฉันคงฝันไปแน่ๆ ฉันได้ลิ้มรสชาติริมฝีปากของผู้ชาย
เป็นครั้งแรก มันช่างอบอุ่น ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มเหลือเกิน และฉันก็หลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ตื่นมาอีกทีก็
เมื่อมีเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ฉันกับพี่เต้จึงตื่นขึ้นมา รีบอาบน้ำ แต่งตัว และออกจากบ้านไปโรงเรียนด้วยกัน
พร้อมกับน้องผึ้ง เพราะพี่เต้ต้องไปส่งน้องผึ้งที่โรงเรียน ในระหว่างทางที่เราเดินมาด้วยกัน เราจูงมือกันตลอด แม้
แต่ตอนขึ้นรถเมล์เราก็ยังจับมือกันไว้แน่น ราวกับกลัวว่าต่างฝ่ายต่างจะหนีจากตนไป เมื่อมาถึงโรงเรียนเราก็ยัง
จับมือกันอยู่โดยลืมไปเลยว่า เราอาจจะโดนอาจารย์ฝ่ายปกครองทำโทษก็ได้ โชคดีที่ไม่มีอาจารย์เห็น
***********
เดี๋ยวนี้ฉันดูเป็นเด็กไม่ดีเอาซะเลย ฉันโกหกแม่เพื่อนอนค้างกับผู้ชาย 2 ต่อ 2 แถมยังไม่ตั้งใจเรียน มัว
แต่เหม่อลอยคิดถึงผู้ชาย
ฉันนั่งคิดทบทวนถึงเรื่องเมื่อคืน พลางใช้มือลูบไล้ใบหน้าและริมฝีปาก ไออุ่นจากริมฝีปากของเขายังคง
ทาบอยู่บนแก้มและริมฝีปากของฉันอยู่เลย มันไม่จางหายไปไหน แม้วันเวลาจะผ่านไป แต่มันก็ไม่มีวันจาง
เพราะมันมีความรักเชื่อมต่อระหว่างไออุ่นกับแก้มและริมฝีปากของฉัน ฉันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยหากฉันจะต้องเล่น
พ่อแม่ลูกกับเขาอีก ฉันตื่นเต้นจนอาจารย์สอนอะไรไปก็ไม่เข้าหัวฉันเลย
วันนี้ฉันไม่ได้คุยกับใครเลย แม้แต่อุ้มกับอร เพราะมัวแต่เหม่อลอย แต่อุ้มกับอรก็ดูแปลกๆ พวกเธอดู
เงียบ ไม่ร่าเริงเหมือนทุกที และก็ดูตั้งใจเรียนผิดปกติ คงอาจจะเป็นเพราะว่าใกล้สอบแล้วก็ได้ ตอนกลางวันขณะ
ที่พวกเรากินข้าวกลางวัน เราก็ไม่คุยกัน จนกระทั่งหลังเลิกเรียน
แอน
มีอะไรหรืออร
ขอคุยด้วยได้มั้ยที่ห้องสมุดและกัน
จ้ะ ไปสิ
ฉัน อุ้ม และอรจึงเดินไปที่ห้องสมุด เมื่อถึงห้องสมุด
แอน ฉันขอโทษ
ขอโทษเรื่องอะไรเหรออร
เธอก็รู้ว่าเรื่องอะไร ฉันกับพี่เต้เลิกกันแล้ว
อะไรนะ เลิกกันตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อวานในงานน่ะ หลังจากที่เธอกับอุ้มกลับบ้านไปแล้ว เราก็เลิกกัน ฉันเป็นคนบอกเลิกเขาเองเพื่อตัด
ปัญหา
โธ่!ฉันต่างหากที่ควรจะขอโทษเธอ เพราะฉันแท้ๆเธอถึงต้อง
เธอไม่ผิดหรอกนะ ฉันต่างหากที่ผิด ที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างเธอ 2 คน
เราเถียงกันไปมาว่าใครผิดใครถูกจนอุ้มห้ามไว้ เราจึงหยุดเถียง
ในเมื่อพวกเธอเข้าใจกันแล้วก็ดี ต่อไปจะได้เป็นเพื่อนที่ดีเหมือนเดิมไง
ฉันได้เห็นรอยยิ้มที่แสนสดใสของอุ้มกับอรอีกครั้ง แต่ภายใต้รอยยิ้มสดใสของอร มันกลับซ่อนเร้นด้วย
ความเศร้าและเหงาใจ ฉันรู้ว่าลึกๆแล้วเธอก็ยังคงเจ็บปวด
เอ่ออุ้ม แอน เดี๋ยวฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะ
แล้วอรก็รีบกลับบ้านไป ฉันกับอุ้มเดินออกไปข้างนอกห้องสมุด และเดินออกมาข้างนอกอาคารเรียน
ฉันจึงได้รู้ว่าฝนตกหนักมาก แล้วอรจะกลับบ้านได้ยังไง
ฝนตกหนักแบบนี้แล้วจะกลับบ้านยังไง
นั่นสิ คงต้องรอให้ฝนซาก่อน
วันนี้ฉันจะกลับบ้านกับพี่เต้น่ะ
แหม แอน ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าห้ามไปไหนมาไหนกับผู้ชาย มันไม่ดี
อะไรกันอุ้ม ก็บ้านฉันกับพี่เต้อยู่ตรงข้ามกันเลย ยังไงก็ต้องขึ้นรถเมล์คันเดียวกันอยู่แล้ว
นั่นไง พี่เต้ของเธอมาแล้ว
ฉันหันหลังไปก็เห็นพี่เต้เดินมาทางฉัน ฉันเดินตรงไปที่เขา และใช้กำปั้นทุบเขาที่แขนด้วยความโมโห ที่
เขาเลิกกับอรแล้วไม่บอกฉัน มิน่าล่ะ ถึงนึกคึกอะไรขึ้นมา มาเล่นพ่อแม่ลูกกัน
โอย!เจ็บนะแอน
ทำไมไม่ยอมบอกกันเลยว่าเลิกกับอรแล้ว มิน่าล่ะอยู่ดีๆถึงมาให้หนูเล่นพ่อแม่ลูกกัน และก็ให้หนูมา
นอนค้างบ้านพี่เนี่ยะ
โอ๋!โกรธพี่เหรอ พี่ขอโทษ
เขาพูดพร้อมกับดวงตาที่มีประกายเย้ายวน
อะไรกันแอน นี่ถึงขนาดไปนอนค้างบ้านเดียวกันเลยเหรอ
อุ้มโวยวาย
นอนเตียงเดียวกันด้วย
พี่เต้พูดเสริม ทำให้ฉันอายจนหน้าแดง
นี่แอน ฉันไม่นึกเลยนะว่าเธอจะทำแบบนี้ได้ กลับบ้านเธอเดี๋ยวนี้ เธอคงจะโกหกแม่ด้วยใช่ไหม
ฉันพยักหน้า
กลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องแม่เธอ
ไม่ได้นะครับอุ้ม แอนเป็นของพี่ พี่จะทำอะไรก็ได้
พี่เต้ พี่นี่ทุเรศจริงๆนี่เห็นเป็นรุ่นพี่นะ ถ้ารุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้องล่ะก็ โดนต่อยแน่
น่ากลัวมากเลย
พี่เต้ทำท่าล้อเลียนอุ้ม
พี่เต้!
เอาล่ะ พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำอะไรแอน ใครจะไปทำลง ก็แอนน่ะ น่าทะนุถนอมจะตายไป
แล้วเขาก็เอามือมาหยิกแก้มฉันเล่น
หนูเชื่อใจพี่นะว่าพี่คงจะรักษาสัญญาได้ หนูจะยอมให้แอนไปนอนค้างบ้านพี่ได้
เรายืนคุยกันเรื่อยเปื่อยจนฝนหยุดตก แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พี่เต้จูงมือฉันไปตลอดทาง แต่
ความจริงแล้วเรายังไม่ได้กลับบ้านหรอกนะ เรามานั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารร้านหนึ่งในสยาม ซึ่งจัดบรรยากาศ
ในร้านได้น่ารักมาก มีเสียงเพลงคลาสสิคเปิดคลอในร้านด้วย คนก็ไม่ค่อยหนาตามากนัก ฉันมองดูนาฬิกาที่ข้อ
มือ ตอนนี้ก็ 5 โมงเย็นแล้ว ฉันสั่งสปาเก็ตตี้ ส่วนพี่เต้สั่งข้าวผัดอเมริกัน ระหว่างที่เรานั่งรออาหารอยู่นั้น ทางร้าน
ก็เปลี่ยนเพลงที่เปิดในร้านบังเอิญเป็นเพลงที่พี่เต้ร้องบนเวทีที่งานโรงเรียน พี่เต้อมยิ้มออกมา
พี่ว่า พี่จะสารภาพรักกับแอนซะหน่อย แต่คงไม่ต้องแล้วล่ะ
ทำไมล่ะคะ
ฉันถามด้วยความงุนงง
ก็ไม่ได้ยินเหรอ เสียงเพลงแห่งรักกำลังบรรเลงอยู่ พี่ถือว่ามันเป็นตัวแทนของพี่ในการสารภาพรักที่พี่มี
ให้แอนมาโดยตลอด
จริงสิ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ
แอนรู้มั้ย แอนเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดเท่าที่พี่เคยพบมา ต่อให้เอาอะไรมาแลกพี่ก็ไม่ยอม เพราะพี่รักแอน
พี่ได้เรียนรู้ ได้รู้จักว่ารักแท้มันเป็นยังไงก็ตั้งแต่วันที่พี่ได้พบแอนนั่นแหละ แอนเปรียบเสมือนเสียงจังหวะเพลงที่
คอยทำให้หัวใจของพี่มีจังหวะการเต้นของหัวใจ ทำให้พี่มีชีวิตอยู่ได้ หากพี่ไม่มีแอน พี่ก็คงต้องตาย ตั้งแต่วันที่พี่
ได้พบแอน พี่ขอบคุณสวรรค์ที่ให้แอนเกิดมา เพื่ออยู่ในหัวใจพี่ตลอดไป แอนอยู่ในหัวใจพี่ตลอดตั้งแต่พี่เกิด เพียง
แต่พี่ยังไม่ค้นพบแอนอยู่ในหัวใจก็เท่านั้น เพราะพี่เชื่อว่าแอนเป็นเนื้อคู่ของพี่จริงๆ คนเราถ้าเป็นเนื้อคู่กันย่อมมี
กันและกันอยู่ในหัวใจ เพียงแต่จะค้นเจอคนคนนั้นในหัวใจตัวเองหรือเปล่า และเมื่อถึงวันนั้น วันที่ฟ้ากำหนดว่า
เราต้องมาเจอกัน เราก็รักกันทันทีทันใดที่เจอหน้ากัน เพราะต่างมีเขาหรือเธออยู่ในหัวใจแล้ว แม้จะไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จักกัน แต่ก็บอกได้เลยว่าเขาหรือเธอคนนั้นน่ะใช่ แอน พี่ขอบคุณ
ขอบคุณเรื่องอะไรคะ
ขอบคุณที่เกิดมาเพื่อพี่ไง
พี่เต้เอามือของฉันมากุมไว้
พี่รักแอน
แอนก็รักพี่เต้เหมือนกัน
เขาเชยคางฉันขึ้นมา เราสบตากันอีกแล้ว แต่ก่อนฉันกลัวที่จะสบตาเขา เพราะฉันไม่กล้าเปิดใจให้เขา
แต่ตอนนี้ฉันไม่กลัวแล้ว เพราะฉันยอมรับที่จะเปิดใจให้เขา ฉันจึงไม่กลัว แต่กลับชอบเสียด้วยซ้ำ เพราะมองลึกลงไปในแววตาที่มีประกายหวานระยิบระยับถึงหัวใจ ฉันเห็นตัวฉันอยู่ในหัวใจเขา ขณะเดียวกัน เขาก็คงเห็นตัว
เขาอยู่ในหัวใจฉันเช่นกัน ริมฝีปากอุ่นๆได้ประทับลงบนหน้าผากของฉัน ความรักของฉันแม้ว่าตอนแรกมันจะ
เจ็บปวด แต่สุดท้ายมันก็ช่างหอมหวานราวกับน้ำหวาน ความรักของเราเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ โดยมีเสียงเพลง
แห่งรักเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างเรา 2 คน และความรักของเราจะดำเนินต่อไปพร้อมกับเสียงเพลงแห่งรักที่
บรรเลงอยู่ แม้เวลาจะผ่านไปก็ยังไม่หยุด ยังดำเนินต่อไป เหมือนกับเสียงเพลงแห่งรักไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักแค่
ไหนก็ยังไพเราะเหมือนเดิม
คนที่เคยมีกันผูกพันจริงใจ
คนที่เคยห่วงใยไม่เคยเหินห่าง
วันและคืนที่ดีกำลังจืดจางเพราะอะไร
วันนี้เธอต้องการจากไป
*ต้านทานสุดแรงทำไป
อยากให้เธอนั้นเห็นใจ
ขอร้องฟังฉันสักหน่อย สักครั้งได้มั้ย
**เธออาจมีร้อยเหตุผลที่เธอจะไป
แต่ฉันมีเพียงเหตุผลเดียวจะให้เธออยู่
ฟังเสียงหัวใจของฉันแล้วเธออาจจะรู้
เหตุผลเดียวมีอยู่ก็คือรักเธอ
(เหตุผลเดียวที่ฉันอยู่ก็คือรักเธอ)
สองมืออ่อนและล้าจะดึงรั้งไว้
หัวใจแตกสลายจะวอนขอเธอ
ฆ่ากันเถอะคนดี แต่อย่าเดินหนีฉันไป
ขาดเธอสักคนฉันคงขาดใจ
*,**
**********