หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ จัดสิ่งของที่จะนำกลับบ้านเสร็จสรรพก็ปาเข้าไป ตีสองเกือบครึ่งแล้ว ผมรีบออกห้องตรงไปยังประตูด้านหลังของหอพักอยากจะออกประตูหน้าเหมือนกัน แต่กฎของหอพักหอนี้ จะปิดประตูไม่ให้เข้าหอพักตอนเที่ยงคืนแต่ปิดแต่ประตูหน้าเท่านั้นประตูด้านหลังไม่ได้ปิด เปิดเข้าปิดออกได้ตลอดเหมือนประตูของร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่นอีฟเลเวน อย่างไงอย่างงั้ยเลยครับ นี้เป็นเฉพาะหอพักพยัคฆภูมิพิสัยนะครับ หออื่นไม่อาจทราบข้อมูลได้แน่ชัด ผมรีบรุดเร่งฝีเท้าไปยัง ไอ้แดงทองแท้ พร้อมกับยิ้มทักทายสองสาวที่ยืนรออยู่กับไอ้แดงทองแท้ หลายคนเหมือนเริ่มสงสัยว่าทำไมตั้งชื่อมอเตอร์ไซค์คันนี้ว่า แดงทองแท้ เอาหล่ะผมจะชี้แจงให้เข้าใจ ประการแรกเลย มอเตอร์ไซค์ของผมคันนี้มีสีแดง-ขาว แรกๆเลยเรียกไอ้แดงเฉยๆ พอคิดไปคิดมา เห็นคุณพานทองแท้ก็ดังเป็นลูกนายกรัฐมนตรีของเรา คุณทองแดงก็ดังเป็นสุนัขของในหลวง ก็เลยเพิ่มชื่อให้ทันยุคทันสมัยเป็น แดงทองแท้ ตามนิสัยคนไทยทั่วไปที่เห็นใครดังๆก็เอาชื่อเขามาตั้งชื่อ สัตว์,สิ่งของที่ตนรักอย่างบ้านน้าผมเอาหมามาเลี้ยงตัวหนึ่งช่วงละครช่อง 3 เรื่องบ้านทรายทองกำลังดังมีพระเอกคือ คุณศรราม เทพพิทักษ์ คุณน้าผมคลั่งไคลปลื้มคุณศรรามมากในช่วงนั้น สุนัขที่บ้านเลยได้ชื่อศรรามมาตั้งแต่นั้น นี้ถ้าคุณศรรามตัวจริงมาได้ยินเข้าผมยังนึกภาพไม่ออกเลยว่า เขาจะเสียใจหรือดีใจกับแฟนละครผู้คลั่งไคลอย่างคุณน้าของผม ฮึ ฮึ ผมสตาร์มอเตอร์ไซค์และปล่อยให้มันอุ่นเครื่องซัก 2-3 นาที จึงเรียกสองสาวซ้อนท้ายแล้วขับไอ้แดงทองแท้ไปส่งที่รอรถที่ สามแยกทางไปกาฬสินธุ์ จากระยะทาง มหาวิทยาลัยที่ขามเรียงไปในเมืองราว 13 กิโลเมตรได้ พอถึงที่รอรถประจำทาง โดยรถประจำทางมุ่งไปปลายทางคือสกลนคร เพราะสองสาวเป็นคนจังหวัดนี้นั้นเอง เพื่อนผมบอกว่าถ้ากลับบ้านในช่วงเวลานี้จะไปถึงบ้านที่สกลนครตอนเช้าพอดี ผมดูนาฬิกาเป็นเวลา สองนาฬิกาสี่สิบนาทีได้ รถประจำทางปรับอากาศชั้นสองแล่นผ่านมาจอดให้เพื่อนที่ขอติดรถมาด้วยขึ้น ทราบภายหลังว่าเธอเรียนเอกพยาบาลเพราะยังไม่ได้คุยกันเลย พอจอดรถมอเตอร์ไซค์ รถประจำทางก็วิ่งมาจอดพอดี เธอรีบเร่งขึ้นรถได้ยินเสียงขอบคุณเบาๆหลังจากเธอเข้าผ่านประตูรถไป หลงเหลือผมและเพื่อนรอรถสายที่กลับบ้านอย่างใจจดใจจอต่อไป แท้ที่เพื่อนผมจะกลับเพื่อนคนเมื่อกี้ก็ได้แต่ผมขอร้องให้อยู่รอรถคันต่อไปเพราะจะได้เป็นเพื่อนผมด้วย เวลาล่วงมาถึงสามนาฬิกายี่สิบกว่านาที ผมจึงให้เพื่อนขึ้นรถประจำทางไป ทั้งที่ได้แล่นผ่านไปหลายคัน เพราะสงสารเพื่อนจะกลับถึงบ้านเวลาเช้าแต่ต้องอยู่เป็นเพื่อนผมให้ถึงเวลาสี่นาฬิกา ผมได้ว่างแผนการเดินทางครั้งนี้มาตั้งแต่ต้น เริ่มจากขอให้ไปส่งเพื่อนขึ้นรถในเวลาสองนาฬิกาและผมก็กะเวลาไปผ่านไปถึงสี่นาฬิกา ผมจึงจะเริ่มเดินทางกลับบ้านซึ่งทางกลับบ้านเพื่อนกับผมมันคนละทางกันเลยเพราะจุดหมายปลายทางของผมคืออิสานตอนใต้จังหวัดศรีสะเกษส่วนเพื่อนผมคืออิสานตอนบนจังหวัดสกลนคร หลังจากเพื่อนขึ้นรถมุ่งกลับบ้านโดยมีเพื่อนร่วมทางเต็มคันรถพร้อมที่จะทำให้เธออุ่นใจ จนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากรอคอยที่จะกลับสู่ภูมิลำเนาที่เฝ้าเรียกร้องให้กลับมาเยี่ยมเยียนอยู่เนื่องๆ ผมนั่งลงข้างๆไอ้แดงทองแท้เพื่อนคู่ทางกลับบ้าน นั่งพินิจพิจารณาว่าจะลองกลับบ้านด้วยมอเตอร์ไซค์เวลาสี่นาฬิกาดีหรือเปล่า? ยังอยู่ในภวังค์ของการกรุ่นคิด นึกถึงความอหังกาของตัวเองตอนเดินทางมาคนเดียวด้วยไอ้แดงทองแท้จากศรีสะเกษ-มหาสาคาม ด้วยความอยากลองรถว่าแรงแค่ไหนกัน ผมบิดคันเร่งจนมิด เข็มวัดรอบความไวของลูกสูบขึ้นถึงเลข 8 จะเฉียดเลข 10แต่คงไม่ข้ามขั้นไปถึงเลขสุดท้ายคือ 12 ความเร็วเริ่มเพิ่มขึ้นตามละดับจาก 100 กม/ชม. 120..140..160และ180 กม/ชม.ด้วยจังหวะและลีลาเอื้อต่อการเพิ่มความเร็วจะสามารถเพิ่มเร็วได้ถึง 200 ..220 กม/ชม.กับขนาดของเครื่อง 150 ซี ซี ได้อย่างไม่ยากเย็น ผมเคยยืนดูความเร็วระดับนี้มาแล้วจากการแข่งขันโดยเพื่อนแถวบ้าน การที่จังหวัดศรีสะเกษเองเป็นจังหวัดที่เร่งพัฒนาเพราะด้อยพัฒนาประเมินได้จากรายได้ต่อหัวต่อพื้นที่ที่อยู่ท้ายจากจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ รัฐพัฒนาถนนหนทางก่อนโดยเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้ามาในจังหวัดมากขึ้นถนนต้องดีก่อน ไม่ว่าจะเป็น อบจ. หรือ อบต. ในจังหวัดนี้มีเงินงบประมาณสร้างถนนมากกว่าเงินงบประมาณสร้างฝายกันน้ำหรือส่งเสริมอาชีพเสียอีก ถนนคอนกรีตจึงว่างๆให้ควายเดินและให้วัยรุ่นปัดขี้ดินนอนดูดาวเวลาค่ำคืนฉ่ำอุราเลยทีเดียว เริ่มไปไกลแล้ว ขอวกมาประเด่นความเร็วของรถต่อดีกว่าครับ การแข่งรถที่นั้นแข่งขันกันวัดทางตรงประมาณ 2-3 กิโลเมตร เพื่อพิสูจน์เครื่องรถและลีลาของคนโดยมีรถสองคันวิ่งบนถนนนี้เท่านั้น ผมคิดอยู่เสมอว่าความเร็วระดับ 200 กม/ชม.ขึ้นไป ถ้าเครื่องเกิดขัดข้อง โซ่ตก เครื่องน็อคแล้วรถเสียหลัก ความตายเอาไปแล้ว 50% พิการอีก 40% ปลอดภัยเหลือเพียง 10%เท่านั้น คิดแล้วด่าตัวเองเสมอว่าอย่า โชว์ระบบเกินความจำเป็น แหม่!ไม่ทราบว่าคุ้นกับศัพท์วัยรุ่นนี้หรือเปล่า ขอให้นิยามหน่อยว่า การทำอะไรที่อวดอ้างตนว่าเก่งกล้า ไม่มีใครกล้าทำมีมากในสังคมคนเรียนมหาวิทยาลัยที่มีแต่ระบบ ที่ไม่รู้ว่าระบบเป็นสิ่งใดแน่ ผมสตาร์รถอีกครั้งแล้วมุ่งกลับบ้านคนเดียวในเวลาสี่นาฬิกากับความรู้สึกเหงาๆและหนาวด้วยอากาศเย็นของค่ำคืนนี้ มีเพียงดวงดาวที่ประดับประดาเต็มท้องฟ้าคอยเป็นเพื่อนกับการเดินทางครั้งนี้กับระยะทางประมาณ 270 กิโลเมตรจะถึงบ้านที่ไม่ได้กลับหลายเดือน ผมขี่รถด้วยความเร็ว 80 กม/ชม.และสม่ำเสมอความเร็วนี้ไปตลอด จะได้ประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ทำงานไม่หนักเกินไป เรื่องความปลอดภัยผมใส่หมวกกันน็อคตลอดที่ขับรถอยู่บนท้องถนน ใส่เสื้อกันหนาวกางเกงขายาวให้ทะมัดทะแมง เหมาะกับการเดินทาง เดินทางผ่านร้อยเอ็ดและเวลาอีกชั่วโมงครึ่งก็จะเป็นวันใหม่ของวันที่ 6 ธันวาคม ผมขับรถไปเรื่อยไปพักแวะเดินเที่ยวตลาดเช้าที่ อ.เสลถูมิ ตลาดอยู่ติดทางลาดยาง จึงแวะลงมาหาของกินก่อนเดินทาง พึ่งทราบเดี่ยวนี้เองว่า การตื่นมาดูคนทำงานตั้งแต่เช้ามืด สามารถบีบความรู้สึกของคนที่นอนดึกตื่นเอาเที่ยงใช้ชีวิตแบบวิถีนิยมแบบนิสิตนักศึกษาสมัยนี้ ที่คิดว่าการเรียนมีแค่ในตำราและห้องเรียนเท่านั้น หลังจากรองท้องด้วยข้าวเหนียวกับหมูปิ้งมื้อเช้าเบาๆไปแล้ว การเดินทางยังดำเดินต่อไปกับเส้นทางไป จ.ยโสธร เมืองบั้งไฟ ขับผ่านเส้นทางสายที่มีทางไปพระธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่พอดีว่าจะแวะกราบนมัสการแต่ป้ายบอกทางไปกระชันชิดเหลือเกินขับรถผ่านรวบ 100 เมตร จึงขอโอกาสหน้าจะแวะกราบนมัสการ เวลาเจ็ดโมงเช้า ถึง อ. คำเขื่อนแก้ว พร้อมป้ายบอกทางไป ศรีสะเกษอีกประมาณ 60 กิโลเมตร ทางสายนี้ผมเดินทางกลับบ้านเป็นประจำโดยสารรถบัสสายันต์ทัวร์ อุดรฯ-อุบลฯไปลงที่ บขส.อุบลฯแล้วต่อรถไปสถานีรถไฟ ผมจะกลับถึงศรีสะเกษโดยรถไฟจึงสังเกตและจำไว้กลับตลอดทาง มีทางลัดย่นระยะทางได้มากกว่านี้ แต่ด้วยออกมาดึกและคนเดียวไม่ชินเส้นทาง จึงไปทางที่คุ้นเคยดีกว่าเพราะจะได้อุ่นใจ จากคำเขื่อนแก้วผ่านมหาชนะชัย 2 อำเภอจ.ยโสธรจนมาถึงราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เช้าออกสายๆวันนี้แดดจ้าร้อนแรงเหมือนมาต้อนรับผมกลับบ้านเสียจริง ถนนหนทางสายนี้ช่างคดเคี้ยวมีโค้งหลายโค้งถนน ให้เวียนหัวเวลาขับขี่รถเสียจริง แถมยังมีทางขึ้นเนินเขาเล็กๆพอให้วาดเสี้ยวเล่น 2-3 เนินเขาเล็กๆเลยหล่ะครับ เผลอแป๊บเดี่ยวถึง อ.อุทุมพรพิสัยและ อ.ห้วยทับทัน ที่ตั้งของบ้านผมเหลืออีก 2 กิโลเมตร จะถึงบ้านความรู้สึกตอนนั้นบวกคิดถึงบ้าน ผมแอบยิ้มออกมาเฉยๆโดยไม่มีสาเหตุ มันคงเป็นความอัดอันตันใจ เมื่อกร่ำกรายถนนสายที่นำสู่หมู่บ้านสังคมชุมชนเอื้อเฝื้อเกี้อกูลกัน เสียงไอ้แดงทองแท้ดับลง ผมถึงบ้านแล้ว ผมกวาดสายตามองดูรอบๆบ้าน ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม ยังรกตรงมุมที่เคยรก มองไปเหมือนมันชกใจผมด้วยภาพความหลัง ที่สะเทือนความรู้สึกไปทุกอณูห้องหัวใจ เสียงแว่วมาแต่ข้างหลัง ไม่ได้หาสาวทางโน่นมาช่วยเกี่ยวข้าวบ่ ผมหัวเราะกับวลีสั้นๆหวนๆของยายแต่แฝงด้วยความนัยหลากหลายไปกับวลีนั้นอย่างจงใจ.
20 ธันวาคม 2545 23:47 น. - comment id 67142
อ่านแล้วคิดถึงบ้านง่ะ พี่นิติ
21 ธันวาคม 2545 05:47 น. - comment id 67143
ไปแถบอิสานบ่อยๆ แบบว่า...ไปเยี่ยมคุณยายค่ะ อ่านเรื่องพี่นิติแล้วอยากไปจัง
22 ธันวาคม 2545 19:11 น. - comment id 67149
อ่านแล้วรู้สึกดีจังนะ ก่องข้าวน้อยไปมาแล้วอาจารย์พาทัวร์ บรรยายซะจนซึ้ง พูดถึง อ.เสลภูมิ ยิ่งซึ้งเลย เพราะเหนื่อยมากกับการทำวิจัยที่นี่ ตลอด 2 เดือน นิติเป็นไงบ้าง รับน้องสนุกเปล่า...
2 มกราคม 2546 14:50 น. - comment id 67211
น่าสนุกนะกับการเดินทางกลับบ้านแบบนี้ แต่เหนื่อยนะขับรถแบบมาราธอน บ้านเราเองไม่ห่างจากที่นี่นัก ราวๆ60 กิโล เรายังขี้เกียจที่จะขับกลับเอง แต่เราก็ขับรถคู่ชีพกลับทุกครั้ง เพราะว่าเบื่อกับรถประจำทางที่เอื่อยเฉื่อยและความวุ่นวายของพ่อค้าแม่ค้าบนรถเมลล์ เราเลยขับรถกินลมชมวิวกลับบ้านทุกครั้งไป กลับบ้านปีใหม่คราวนี้อบอุ่นที่สุดแหละ