ไดอารี่เล่มแรกของฉัน.....(คอมเม้นมาเลยนะผมเปิดรับฟังหมด)
Peng
......เราก็เป็นคนเล่นเฟสบุคทุกวันแทบทุกนาทีด้วยซ้ำ ก็เหมือนคนในยุควัยรุ่นในวัยทำงานทั่วไป เพื่อนในเฟสเรามีร่วม 7-8 ร้อยคน แต่ล่ะโพสที่เราโพสจะมีคนกดไลด์ไม่ต่ำกว่าร้อยคนตลอด จนมันเป็นเรื่องปกติตั้งนานล่ะ ตั้งแต่อาทิตย์กว่าๆได้แล้ว มักจะมีการกดไลด์เฟสบุคเราเป็นชุดใหญ่รวดเดียว ตามโพสที่เราโพสในแต่ล่ะวันเป็นยี่สิบสามสิบโพส เวลาตี3ประจำตรงเวลาตลอด ดังทีเป็นชุดรัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มันทำให้ฉันตื่นนอนครึ่งๆกลางๆความฝันทุกที แล้วก็นอนต่อไม่หลับซะด้วยสิ แต่วันนี้ทนไม่ไหว มันดังอีกแล้ว ความอดทนได้หมดลง แต่ก็ยังทักไปด้วยความอดกลั้นว่า
=.....สวัสดีค่ะ .....คุณเป็นใครค่ะ .....ยังไม่นอนอีกหรอ......ทำไมกดไลด์เราช่วงนี้ประจำเลยค่ะ???
.....เขาเปิดอ่านแต่ไม่ตอบอะไร เลยทำให้ฉันต้องกดเข้าไปสืบเสาะหาข้อมูล เขาชื่อว่า"ฉันมันไม่เคยมีตัวตน" รูปโปรไฟล์ก็เป็นรูปสัญลักษณ์แปลกๆดูเขมรๆชอบกล แถมข้างในก็ไม่มีรูปอะไรเลย นอกจากรูปโปรไฟล์ที่บอกไป เขาคนนี้ไม่โพสอะไรเลยตั้งแต่สมัครเล่นเฟสมา แต่แปลกรูปโปรไฟล์มีคนกดไลด์ตั้งหลักล้าน แต่ไม่มีใครเม้นเลย เลยแอดๆคนที่เข้ามากดไลด์รูปไป ซัก2-3คน อยากจะรู้เพราะความสงสัยและไม่นานดูไรเพลินๆฉันก็เผลอหลับไปคาไอโฟน
>>><<<
......ตื่นสายค่ะอีกแล้ว ต้องรีบเด้งตัวลุกจากเตียงด้วยอาการมึนเมาความง่วง เดินลุกลี้ลุกลน หยิบน้ำยาบ้วนปากอมเข้าไปเต็มๆคำ ขณะอมก็แต่งตัวด้วยความรวดเร็วแล้วออกจากบ้านไป เตรียมหน้าชาๆให้บอสทักทายด้วยความสุภาพแต่ใบ้หน้าตรงข้ามสุดขั้ว เราเป็นถึงหัวหน้าแผนก แต่ดันมาสายอีกแล้วสิ มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนะ แต่มันเกิดขึ้นหลังจากไอเสียงกดไลด์เฮงซวยนั่น ที่ดังมากวนฉันให้สะดุ้งทุกคืน กลับถึงบ้านด้วยความเก็บกดมาตลอดตั้งแต่เช้า ไม่มีใครรับแอดฉันเลยค่ะที่แอดไป แต่ดูดีๆแล้วคนที่แอดไปรู้สึกหน้าคุ้นๆมากเลยค่ะแต่นึกไม่ออก แต่ก็นะคนสมัยนี้หน้าโหลเยอะจะตายเพราะเด่วนี้โลกมันกว้างกว่าเดิมมากเลยไม่ได้สนใจอะไร เราก็ลบเฟรนไปซะก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องคุยไม่ต้องสนใจไรแล้ว
......มันดังอีกแล้วค่ะ ตื่นมาก็รีบกดดูด้วยความสงสัย เจ้าเดิมค่ะ ลบเฟรนไปแล้วก็ยังตามมากด แปลกสุดๆเลยค่ะ อยู่ๆก็เกิดนึกสงสัย ลูกน้องที่ทำงานในออฟฟิศคนนึงขึ้นมา เห็นมีท่าทีแปลกๆกับเราตลอดเมื่อเดินผ่านโต๊ะทำงานเรา เหมือนเขิลอายเรา แต่ไม่เคยคุยกันส่วนตัวเลยนอกจากเรื่องงาน ไม่แน่ความแปลกนี้อาจมีไรบางอย่างลิ้งค์กันอยู่ก็เป็นได้
>>><<<
......ตื่นสายเช่นเคยค่ะ แต่วันนี้บอสไม่มองหน้าเลย ไม่ทักทายด้วยสิ ก็ดีไปจะได้ไม่ต้องมากดดันกันด้วยใบหน้าโรยอิฐให้เสียอารมณ์เหมือนผ่านๆมา ลูกน้องคนนั้นเดินผ่านแล้วมีท่าทีเดิมๆอีก ทำให้เรานิมิตขึ้นมาได้กับเรื่องเมื่อวาน พักเที่ยงเลยชวนไปกินข้าวด้วยกันอ้างเรื่องงานไปค่ะ พอได้คุยได้ซอกแซกถามไรไปเรื่อย คำตอบที่ได้ก็มีแต่คำพูดอ้ำๆอึ้งๆอย่างเขิลอาย ไม่ได้วี้แววหรือส่อถึงหรือเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นนอกจากที่กล่าวเมื่อกี้ เราก็เลยบล็อกตัดเชื้อไฟไปเลยค่ะ แล้วก็อ่านข่าว โพสไรไปเรื่อยตามปกติ....
.....อ้าวอีกแล้วค่ะเวลาเดิม ดังอีกแล้ว กดดูด้วยความสงสัยว่าใครวะ คนเดิมเลยค่ะ ชื่อเหมือนกันรูปเหมือนกัน คราวนี้ทั้งกดไลด์ทักแชทมาหาส่งรูปธูปเทียนและภาพพิธีกรรมห่าเหวไรไม่รู้มามากมาย ดูหลอนมากเลยค่ะ บูชายันต์ฆ่าสัตว์ตัดหัวหมาแมว แล้วก็สัญลักษณ์แปลกๆหลอน ที่ดูมีความเกี่ยวข้องกันทั้ง10ภาพที่ส่งมา ฉันเลยตอกกลับไปด้วยลำแข้งว่า
=....มืงเป็นใครวะ.....ต้องการอะไร.....มาพัวพันชีวิตกูอยู่ได้....ข้อร้องเหอะอย่ามาวุ่นวายไรกูเลยนะ.....อย่าสร้างเวรสร้างกรรมกันเลยขอเถอะ.....บาปกรรมเปล่าๆ.....หรือต้องการชีวิตกู?......มันจะพังจะตายอยู่แล้วเพราะมืงอะ
เขาคนนั้นส่งอีโมชั่นรอยยิ้มกลับมา แล้วก็เงียบไปชุดใหญ่ เรารู้สึกอึ้งกับการตอบสนองของเขา มันให้ความรู้สึกแปลกๆยังไม่ไม่รู้ เหมือนไม่ใช่คน..... แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้
>>><<<
.......ก็เหมือนเดิมค่ะ แต่คราวนี้บอสฉัน ส่งซองจดหมายสีขาวมาให้ฉันและไม่ปริปากซักคำ ฉันเปิดดูข้างในจดหมายด้วยปฎิกริยาขาแขนสั่นแถมเหงื่อตกในห้องแอร์ที่เย็นช่ำ ข้างในเขียนว่า .....ภายใน 1เดือนนับจากวันนี้ หากคุนมาสายเพียงครั้งเดียว คุณจะได้รับจดหมายสีขาวของจริง ทำให้บรรยากาศในที่ทำงานวันนั้นสำหรับฉัน เพื่อนร่วมงานเปรียบเสมือนแมลงวันที่บินรบกวนดิฉันให้รำคานตลอด ทั้งที่ปกติฉันจะเฮฮาแล้วบ้าบอที่สุด ก็อารมณ์มันไม่มีอะ.....
.....ระหว่างกลับบ้าน รู้สึกระส่ำระส่าย รู้สึกเหมือนอวัยวะบางอย่างที่สำคันหายไป เพราะฉันหักดิบมันค่ะโดยการล็อคไอโฟนและไอแพตไว้ในเก๊ะ แล้วโยนกุญแจใส่ขยะ เอาออกมาได้วิธีเดียวต้องกระทำประทุสร้ายอย่างรุนแรงเท่านั้น ถึงอยากเก็บเทอไว้ทั้ง2คน แต่ปากท้องสำคันกว่าไหนๆ อาศัยเล่นคอมและดูทีวีแก้ขัดแทนอวัยวะที่หายไป และใช้มือถือที่ไม่มีความสมาทแทน
>>><<<
......ผ่านไปได้ด้วยดีเรื่องงานค่ะ แต่จะลงแดงตายอยู่แล้วค่ะกับวิถีชีวิตที่จริงๆต้องพัวพันมันที่แทรกแทบทุกลมหายใจ เข้าวันที่3 ระหว่างจะเข้าบ้าน ฉันเห็นหนูตายที่ปักด้วยธูปเทียนวางอยู่ข้างในศาลเจ้าหน้าบ้านฉัน ที่พื้นมีสัญลักษณ์แปลกๆ และมีข้อความเขียนด้วยตัวหนังสือสีแดงดูเหมือนจะเป็นเลือดเขียนว่า
=.....ตี3เวลาเดิมเดี๋ยวมารับ.....แต่งตัวรอสวยๆล่ะ....จะพาไปเที่ยวที่โลกของฉัน....จะได้รู้ไงว่าเราเป็นใคร
.....วินาทีที่อ่านจบ ฉันรู้สึกว่าวิทยาศาสตร์คงให้คำตอบกับเรื่องนี้ไม่ได้ซะแล้ว ฉันโทรไปเรียกเพื่อนมานอนเป็นเพื่อนด้วยถึง2คน เป็นกระเทยล้ำๆทั้ง2คน ถึงอุ่นใจขึ้นเยอะจากข้อความเมื่อเย็น แต่ฉันก็อดนอนคิดไม่ได้ตลอดว่า ต่อไปฉันจะอยู่อาศัยที่บ้านนี้คนเดียวอย่างไร บ้านเกิดก็อยู่ตั้งสกล จะเอายังไงดีนะ.... ฉันอัพเรื่องเมื่อเย็นลงเฟสบุคก็มีคนให้ความเห็นมากมาย เม้นคุยกันยาวเป็นชั่วโมง เพื่อนๆและคนรู้จักให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำบุญโรงศพและบังสกุลเป็นบังสกุลตายแทบทั้งนั้น ฉันหาข้อมูลจากเวปเป็นเวลานานจากรายชื่อเฟสบุคนั้นและรูปแปลกๆที่ได้รับมา มีคนถามแบบฉันมากมาย แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลไรทั้งนั้น เพราะแต่ล่ะกระทู้ก็ไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากคำถามเปล่าๆ ทำเอาฉันเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก...
>>><<<
.....เอาแล้วสิ ฉันเจอเข้าให้แล้ว มันเป็นเรื่องน่ากลัวและหลอนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ภาพตรงหน้าคือ......................เวลา 9โมงครึ่ง แต่ะพอมานึกดีๆ ฉันก็กังวลไม่มากมายนักเพราะบอสแกเป็นคนใจดีมาก เพราะแกมักบอกประจำว่า......
=........ผมให้โอกาสทุกคนเสมอ เพราะผมเคยตกอยู่ในสภาวะนั้นมาก่อนโดยที่ไม่ได้รับโอกาสจากใคร
.....ประเด็นหลักๆที่ยังกังวลอยู่ในหัวตลอดเวลาน่าจะเป็นเรื่องเมื่อวานตอนเย็นมากกว่า ว่าฉันจะทำยังไงต่อไปดี หลังทำงานกลับบ้านแล้วจะมีไรเกิดขึ้นอีกไหม เพราะก่อนออกจากบ้านรู้สึกว่าได้กลิ่นอะไรแปลกๆก่อนออกจากบ้านคล้ายกลิ่นธูปเทียน และตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนมีเสียงกระซิลกระซาบข้างๆหู แต่รู้สึกเสียงนั้นเบามากจนจับใจความไม่ออก แต่ก็ไม่ได้สนใจไรเพราะก็แอบคิดว่าเรื่องวุ่นวายมันเยอะซะเหลือเกิน หัวมันคงหมุนไปหมด
......เมื่อถึงที่ทำงานก็จัดการออกตัวสารภาพผิดทันทีก่อนท่าทีของบอสที่เหมือนจะทักอะไรเราบางอย่างด้วยใบหน้าอันคมขรึมอึมครึม
=โอเคครับผมรับฟังคุณนะแล้วเข้าใจด้วย.....เพราะผมเคยตกอยู่ในสภาวะนี้มาก่อนผมเข้าใจดี......แต่ไม่ใช่วันนี้
......ฉันหอบของเดินทางกลับบ้านด้วยหัวใจที่ล่องลอยเหมือนสมองมันลอยๆคิดไรไม่ออกทั้งนั้น เมื่อกลับถึงบ้านที่แอบสังหรใจว่าจะมีไรแปลกๆอีก ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนวันนี้ฉันจะพูดไรไม่ออกนอกจากนั่งเฉยๆเหม่อลอยตาดูทีวีละครชีวิตinlove แต่ภายในสมองคิดแต่ชีวิตที่inlose แต่วันนี้ตอนตี3ไม่มีเสียงอะไรมาก่อกวนทั้งสิ้น มันกลายเป็นความรู้สึกแปลกแทนเพราะไม่มีอะไรทักมาก่อกวน สงสัยมันคงจะปล่อยให้ฉันนอนไม่หลับด้วยตัวเอง ก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้นอะ รู้แค่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่นานคงแย่ เพราะต้องผ่อนนู่นผ่อนนี่มากมาย ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ จะไปทำงานที่ไหนดี พุ่งนี้จะเอายังไง ตอนนี้ต้องทำอะไร ฯลฯ
>>><<<
....สะดุ้งตื่นมา10โมงครึ่ง พร้อมนึกได้ถึงของสำคันที่ลืมไว้ที่ทำงานอย่างนึง จึงแบกหน้าหนาๆจำใจย้อนกลับไปที่สิงค์สถิตเก่า ก็เห็นสาววัยน่าจะพึ่งจบมหาลัยมานั่งแทนที่ดิฉัน เธอคนนี้เหมือนจะเป็นลูกของบอสหนะ...