เพียงเหมือนน้ำตาเทียน
ระเบียงดาว
ทุกวันที่ผ่านไปของความเศร้ามักเชื่องช้าเสมอ วันเวลาที่ผ่านไปดูจะว่างเปล่าไร้ความหมาย เพราะถึงนาฬิกาจะเดินผ่านไปเท่าไร แต่ความเจ็บช้ำก็ยังคงฝังแน่นในใจ มีคนเคยบอกเอาไว้...หากเมื่อใดต้องเจ็บปวด ทรมานใจ ให้ร้องไห้...ร้องซิ...ร้องไปให้ความทุกข์ไหลไปกับน้ำตา และเมื่อความเศร้าได้จางหายไป น้ำตาก็หยุดไหลเช่นกัน ฉันเชื่ออย่างนั้นเสมอมา ไม่ว่าจะมีความทุกข์ใดเข้ามาทำร้ายใจ ฉันก็จะใช้น้ำตาล้างความเศร้าออกไปในทุกครั้ง จนกระทั่งฉันต้องเจอกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจจางไป แม้จะต้องร้องไห้สักกี่วัน...กี่เดือน...กี่ปี แต่ความทรมานก็ยังคงบีบรัดหัวใจฉันไม่ยอมปล่อย ยิ่งนานวันรอยบีบนั้นก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น...แน่นขึ้น จนตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองจะหายใจไม่ออก อาจจะเป็นเพราะการสูญเสียมันยิ่งใหญ่เกินไป หัวใจที่ถูกทอดทิ้งอย่างไร้ค่าจึงไม่อาจทนต่อความช้ำใจที่ได้รับมาได้ ฉันเฝ้ารอ...รอเพียงวันน้ำตาจะหยุดไหล ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ หรือฉันต้องขาดอากาศหายใจ จมกองน้ำตาอยู่ตรงนี้เสียก่อน จึงจะลืมความเจ็บช้ำได้หมดใจ ฉันได้แต่นึกอิจฉาเทียนเล่มน้อยที่สุกสว่าง แม้น้ำตาเทียนจะไหลไม่ขาดสาย แต่ในสักวันก็ยังมีวันที่น้ำตาเทียนต้องสิ้นสุดเหือดแห้งในไม่ช้า ในขณะที่ฉันทำได้เพียงมองน้ำตาที่ไหลนอง ท่ามกลางอากาศที่ดูจะน้อยลงทุกที ฉันได้แต่หวังว่าน้ำตาจะพาความเจ็บปวดออกไปจากหัวใจได้หมดในสักวัน แม้ว่ามันอาจจะไม่มีวันนั้นสำหรับฉันเลยก็ได้ วันที่น้ำตาแห่งความเสียใจได้เหือดแห้งไป มีเพียงน้ำตาแห่งความสุขยินดี ความทรมานที่บีบรัดหัวใจจนแน่นเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นของความรักที่โอบกอดหัวใจอย่างอ่อนโยน วันที่ฉันจะไม่ต้องนับหยดน้ำตาอีกต่อไป
น้ำตาเทียนยังมีวันหยุดไหล แต่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเหือดแห้งไป