นวนิยาย : ปางอดีต ( ตอนที่ 2 )
สุชาดา โมรา
ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเลย ฉันไม่อยากจะเติบโตเป็นสาวเลยจริง ๆ เพราะฉันจะไม่มีโอกาสได้มาวิ่งเล่นเป็นเด็ก ๆ แบบนี้อีกแล้วน่ะสิ
เจ้าคุณย่ายืนคุยอยู่กับแขกเหลื่อที่มาในงาน น้ำผึ้งแก้วแอบมองทุกคนทางหน้าต่างห้องด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายตามประสาเด็ก
เมื่อถึงเวลาพระสวดน้ำผึ้งแก้วก็นั่งพับเพียบประนมมือรอการตัดจุก สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความทุกข์อันแสนสาหัสจนกระทั่ง
เดี๋ยวขอรับ
เจ้าคุณพ่อ!!!!
น้ำผึ้งแก้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจมาก
ลูกนึกว่าเจ้าคุณพ่อจะไม่มาเสียแล้ว
มาสิลูกพ่อต้องมาให้ทันเจ้าตัดจุกเรื่องสำคัญแบบนี้เป็นอะไรพ่อจะไม่มาเล่า
น้ำผึ้งแก้วกอดเจ้าคุณพ่อไว้แน่น เธอเหลือบไปเห็นคุณมาลีเมียรองของเจ้าคุณพ่อ เธอจึงละแขนออกจากเอวของท่านแล้วก็จ้องหน้าท่านด้วยความรู้สึกที่เจ็บใจ
เจ้าคุณแม่ของลูกไปไหนทำไมเจ้าคุณพ่อถึงทำแบบนี้
น้าเขาอยากจะมาดูลูกน่ะพ่อก็เลย
น้ำผึ้งแก้วไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น หล่อนนั่งนิ่งจนพิธีตัดจุกเป็นอันว่าเสร็จสิ้น หล่อนเดินกลับไปยังห้องของหล่อนจากนั้นก็ไม่ยอมออกมาเลย หล่อนนอฟุบอยู่ที่เตียงแล้วก็ร้องไห้ ไม่มีใครตอบได้ว่าหล่อนเป็นอะไร ไม่ว่าเจ้าคุณพ่อของหล่อนจะถามบ่าวไพร่กี่คนก็ไม่มีใครรู้ว่าหล่อนทำไมถึงไม่ยอมออกมาจากห้อง เจ้าคุณพ่อรู้สึกผิดหวังมากที่ลูกสาวทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย
..
เจ้าคุณย่าเจ้าคะ หลานอยากจะไปอยู่ในวังกับเจ้าคุณแม่เสียวันนี้เลย
ทำไมมารบย่าแต่เจ้าล่ะลูกทุกทีเจ้าบอกเองไม่ใช่รึว่าไม่อยากไปอยู่ในวัง เจ้ากลัวว่าจะไม่มีเพื่อนไม่ใช่รึ
หลานโตแล้วนะเจ้าคะ ไม่ต้องมีเพื่อนก็ได้เพียงแต่หลานไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว หลานอยากจะไปเป็นข้าหลวงของสมเด็จฯ ท่าน เจ้าคุณย่าจะให้หลานไปไหมเจ้าคะ
เอาก็เอา รีบไปเปลี่ยนผ้านุ่งแล้วตามย่ามา
เจ้าคุณย่านั่งกรองดอกไม้ใส่พานพร้อมธูปเทียนแพ เมื่อน้ำผึ้งแก้วแต่งตัวเสร็จ เจ้าคุณย่าก็นำสังวาลเส้นโตมาคล้อง จากนั้นก็ส่งพานให้หล่อนและเดินนำไปยังท่าน้ำเพื่อลงเรือเก๋งที่จอดเทียบท่าอยู่
เจ้าคิดดีแล้วรึ
เจ้าค่ะ
รู้จักโตสักทีถ้าไปถึงก็อย่าร้องโยเยกลับบ้านล่ะ
นี่เป็นครั้งแรกที่น้ำผึ้งแก้วจะได้เข้าวังไปถวายตัวเพื่อเป็นข้ารองบาทสมเด็จฯ ท่าน หล่อนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ชั่วข้ามคืนหลังจากที่หล่อนรู้สึกได้ว่าเหตุใดเจ้าคุณแม่ของหล่อนจึงไม่ยอมกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าคุณพ่ออีก
น้ำผึ้งแก้วลงจากเรือที่ท่าขุนนาง หล่อนเดินตามหลังเจ้าคุณย่าไปติด ๆ พร้อมทั้งนางม้วน นางไลบ่าวรับใช้คอยติดตามเดินถือสัมภาระตามไปด้วย
น้ำผึ้งแก้วเดินเลาะกำแพงวังตามเจ้าคุณย่าไป หล่อนมองซ้ายมองขวาก็เห็นผู้คนเรียงรายจับจ่ายซื้อของกันให้จ้าละหวั่น หล่อนเดินข้ามประตูที่สองมาก็เห็นมีแต่ผู้หญิงร่างใหญ่ยืนเฝ้าประตูดูท่าทางขึงขังหล่อนรู้สึกหวาดหวั่นใจอย่างไรบอกไม่ถูก แต่หล่อนก็ต้องเดินต่อไปเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าคุณแม่ที่กำลังรออยู่ข้างในนั้น
แม่นิ่ม
เสียงเจ้าคุณย่าเรียกผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งหันหลังกรองมาลัยอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ ผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ หันมาแล้วก็ยิ้มละไมจากนั้นก็กราบเจ้าคุณย่าด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม
ทายสิใครมาด้วย
ฉันเดินออกจากข้างหลังของเจ้าคุณย่า เจ้าคุณแม่ถึงกับยิ้มด้วยความดีใจ น้ำผึ้งแก้วจึงเดินเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานเกือบ 2 ปี
เอาละอย่ามัวดีใจอยู่เลยข้าหลวงตัวน้อยกำลังจะเข้าเฝ้าถวายตัวไปน้ำผึ้งแก้วเอาพานนั่นถือตามมาและอย่าลืมทำตามที่ย่าบอกล่ะ
น้ำผึ้งแก้วเดินตามไปยังพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทหล่อนค่อย ๆ หมอบคลานมายังหน้าพระที่นั่งท่ามกลางขุนนางใหญ่น้อยที่มาเข้าเฝ้ายามออกว่าราชการ
นั่นคุณท้าวนางเยาวลักษณ์ใช่หรือไม่
เพคะหม่อมฉันพาข้าหลวงคนใหม่เข้าเฝ้าถวายการรับใช้เพคะ
เด็กนั่นน่ะหรือบะ!!!ยังเด็กอยู่เลยจะใช้การได้รึ
ได้เพคะ หม่อมฉันสั่งสอนมาเป็นอย่างดี
หลานสาวเจ้ารึ
เพคะ
ดีมาใกล้ ๆ ข้า ส่งพานนั่นมา
เสียงสมเด็จฯ พระองค์ทรงสรวญดังลั่น น้ำผึ้งแก้วค่อย ๆ คลานเข่าพร้อมทั้งยกพานขึ้นไว้เหนือหัวใบหน้าก้มมองพื้นตลอดเวลา หล่อนชำเลืองไปเห็นคุณหลวงบดินทร์นฤนาถซึ่งนั่งมองมายังหล่อนพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ให้ หล่อนหันกลับมายังพระที่นั่งและยกพานยื่นให้มหาดเล็กรักษาพระองค์ มหาดเล็กนำพานนั้นทูลเกล้าถวายให้กับสมเด็จฯ ท่าน พระองค์ทรงสรวญดังเข้าไปอีกแล้วก็ตรัสรับสั่งถามต่าง ๆ นานา
มาลัยนี่กรองเองหรือไม่
เจ้าคุณย่าท่านกรองเพคะ
รู้จักพูดเพคะเพขา หัดจากใครเล่าเจ้า
ไม่ได้หัดจากใครเพคะ หม่อมฉันฟังจากเจ้าคุณย่าท่านพูดเจ้าค่า
ทำอะไรเป็นบ้านเล่าเจ้า
ทำเป็นหลายอย่างเพคะ
หลายอย่างน่ะอะไรบ้าง
ก็สุดแล้วแต่จะรับสั่งเพคะ หากทำไม่ได้ก็หัดทำได้เพคะ
อืมหลานเจ้าคนนี้ช่างพูดช่างจาผิดกับแม่ของมัน
เจ้าคุณย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นสมเด็จฯ ท่านทรงพอพระทัยจากนั้นก็คลานหลบไปทางอื่นปล่อยให้หลานสาวนั่งหมอบกราบอยู่ที่หน้าท้องพระโรงจนกว่าสมเด็จฯ ท่านจะตรัสสั่งให้ไป
ชื่ออะไรเล่าเจ้า
น้ำผึ้งแก้วเพคะ
อายุเท่าไรกัน นี่เพิ่งตัดจุกใช่ไหมเจ้า
เพคะ
น้ำผึ้งแก้วข้าหลวงที่อายุน้อยที่สุดของข้า ข้าจะให้เจ้ามีหน้าที่ล้างบาทข้าตามตื่นนอน และก่อนนอนจะได้หรือไม่ ทำเป็นหรือไม่เจ้า
เป็นเพคะ
น้ำผึ้งแก้วรับคำพร้อมทั้งยกปลายมือกระดกขึ้น
เอาอย่างนี้เจ้าตามคุณเท้านางเยาวลักษณ์ไปแล้วไปฝึกซ้อมมา ข้าจะให้เจ้าทำงานวันนี้แหละ หวังว่าเจ้าคงไม่ทำข้าวของเสียหายอย่างนางรื่นข้ารองบาทคนก่อนของข้าหรอกนะ
น้ำผึ้งแก้วค่อย ๆ คลานกลับมาหาเจ้าคุณย่าของหล่อน จากนั้นก็เดินออกจากท้องพระโรงไปท่ามกลางขุนนางใหญ่น้อยที่แอบอมยิ้มอยู่ หล่อนหันกลับมามองคุณหลวงบดินทร์นฤนาถแล้วก็อมยิ้มจากนั้นก็หันกลับไป
ผึ้งผึ้งผึ้งมือขยับแล้ว!!!!
เสียงผู้คนมากมายคุยกันจอกแจกหญิงคนหนึ่งเรียกชื่อของฉัน ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้เหลือเกิน
ฟื้นแล้วค่ะไปตามหมอมาเร็ว!!!!
ฉันรู้สึกสะลึมสะลือ มึนงงไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อกี้ฉันยังอยู่ที่วังกำลังเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่พระที่นั่งจันทรพิศาลอยู่เลยแล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้หรือว่าเราฝันไปกันแน่
เป็นอย่างไรบ้างพวกเราตกใจแทบแย่จู่ ๆ เธอก็ฟุบล้มลงพวกเราคิดว่าเธอเป็นลมแต่ก็เปล่า เธอหลับไปถึงสองวันเชียวนะ
จริงเหรอมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เธอเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมส้ม
ก็ตอนที่เธอกำลังบรรยายเรื่องเขตพระราชฐานในวังให้กับผู้หมวดณรงค์และเพื่อน ๆ ของตำรวจของเขาที่มาจากกรุงเทพฯ ฟัง พอเธอเดินมาที่พระที่นั่งจันทรพิศาล เธอกำลังพูดถึงเรื่องการส่งพระราชสารที่ชาวฝรั่งเศสชื่ออะไรนะ
เชอวาเลียร์ เดอ โชมองค์
เออใช่!!!นั่นแหละเธอหันไปเห็นตาผู้หมวดหล่อ ๆ นั่นแล้วเธอก็หยุดพูดทันที จู่ ๆ เธอก็เดินเข้าไปหาเขา เธอจ้องเขาเหมือนกับคนรู้จักแล้วจู่ ๆ เธอก็เป็นลมฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร นี่พวกเรายังงง ๆ อยู่เลยว่าเธอทำไมถึงได้หลับไปนานถึงสองวัน
เธอเชื่อไหมว่าฉันไปอดีตมา
หมายความว่าไงอย่าบอกนะว่าเธอปิ้งรักกับตาผู้หมวดหล่อนั่นแล้วก็เก็บไปฝันถึงสองวันแบบนี้โธ่เพื่อนเราไม่น่าเลย
บ้าเหรอส้ม!!! ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้าตาผู้หมวดคนนั้นที่ไหนสักแห่ง ฉันก็เลยจ้องมอง แต่ฉันคิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนแล้วจู่ ๆ มันก็วูบไปอย่างนั้นแหละแต่ฉันกลับเห็นจุดที่ฉันยืนอยู่เป็นภาพที่แตกต่างจากปัจจุบันเหลือเกิน ฉันเห็นเขา เห็นครอบครัวของฉันทุกคน เห็นสมเด็จพระนารายณ์มหาราชฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ฝันเพราะมันดูจริงจังเหลือเกิน
ฉันว่าเธอคงเรียนหนักไป เพราะเธอทำปริญญาโทโบราณคดีใช่ไหมเธอถึงได้คลั่งขนาดนี้ฉันว่าเธอน่าจะไปพบจิตแพทย์นะ
นี่ฉันไม่ได้บ้านะ
ฉันก็ไม่ได้ว่าเธอบ้านี่เพียงแต่ฉันคิดว่าเธอเครียดมากไปก็เท่านั้นเอง
น้ำผึ้งนิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรเธอมองจ้องหน้าส้มเพื่อนรักของเธอ แล้วก็มองไปที่ต่าย โอ แป้ง และหนูนา
ฉันเชื่อเธอ
เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น ทุกคนหันไปมองกันหมด ฉันยิ้มทันทีเมื่อเห็นยาหยีเดินมา
จริงเหรอ
จริงเพราะว่าอดีตกับปัจจุบันมันขนานกันอยู่ ฉันก็คนหนึ่งละที่ครั้งหนึ่งไม่เคยเชื่อเรื่องนี้ แต่พอฉันได้ไปอยู่วัดและได้ตัดกรรมในครั้งนั้น มันทำให้ฉันเห็นภาพในอดีตชาติ และฉันก็เชื่อว่านั่นคือเรื่องจริงฉันคิดว่าเธอคงเป็นเหมือนที่ฉันเคยเป็น
ใช่ฉันเห็นภาพเมื่อสองร้อยกว่าปี ฉันเห็นเรื่องราวในอดีตชาติ
อย่าบอกนะว่าที่ยายผึ้งหลับไปสองวันนี่เธอถอดจิตไป
เสียงส้มพูดดังขึ้น น้ำเสียงของเธอพูดเหมือนกับไม่เชื่อว่าเป็นแบบนั้น
ใช่นี่เขาเรียกว่าการถอดดวงจิต บางทีเราก็ถอดดวงจิตไปโดยไม่รู้ตัว เพราะบางทีในขณะที่เรากำลังยืนอยู่ในจุดที่อดีตชาติกำลังดำเนินอยู่นั้น เกิดการทับรอยระหว่างเส้นลิขิต จึงทำให้ดวงจิตในชาตินี้หลุดลอยไปหาอดีต ทำให้เกิดนิมิตภาพเรื่องราวต่าง ๆ และดวงจิตของเรานั้นก็ได้ไปรวมกันมันจึงทำให้ภาพที่เห็นนั้นเป็นจริง
เชื่อเขาเลยว่าทั้งคู่น่าจะไปหาจิตแพทย์
ส้มยิ้มเยาะแล้วก็เดินไปนั่งรวมกับเพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ที่โซฟา
แอ๊ด..
เสียงประตูห้องพยาบาลเปิด ผู้หมวดณรงค์เดินมาพร้อมกับผู้หมวดอีกหลายคนเพื่อมาเยี่ยมน้ำผึ้ง ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใส น้ำผึ้งพยายามมองหาผู้หมวดคนนั้น คนที่เธอเห็น คนที่เธอสงสัยว่าจะเป็นคนในอดีตชาติเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เธอเคยเห็น
มองหาใครอยู่เหรอครับ!!!
ผู้หมวดณรงค์ถามน้ำผึ้งขึ้นมาทันทีด้วยความสงสัย
จะมองหาใครล่ะ ก็มองหาพระเอกคนที่อุ้มเธอมาส่งโรงพยาบาลน่ะสิ
อ๋อผู้หมวดสุเมธน่ะเหรอวันนี้เขาไปหาแฟนน่ะชอบเหรอผมติดต่อให้ได้นะ
นี่ผู้หมวดณรงค์เพื่อนฉันไม่ชอบสามีของชาวบ้านหรอกนะ
ผมก็ไม่ได้ว่าเขามีเมียซะหน่อย แค่แฟนเท่านั้นเองผมติดต่อได้นะ
ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอกค่ะ คือฉันจะขอบคุณเขาเท่านั้นเอง
น้ำผึ้งตอบด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล ครู่หนึ่งแพทย์ก็มาขอตรวจอาการของเธอ
อาการของคุณไม่เป็นอะไรครับ กลับบ้านได้เลย แต่ผมสงสัยอยู่ว่าทำไมคุณถึงหลับไปนานขนาดนั้นถ้าคุณมีอาการไม่ค่อยดีให้โทรติดต่อผมได้เลยนะนี่นามบัตรของผม
ขอบคุณค่ะ
น้ำผึ้งออกจากโรงพยาบาลมาพร้อมเพื่อน ๆ และตำรวจอีกหลายนาย ทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนาน นาจับคู่กับผู้หมวดทิน ส้มคุยกับผู้หมวดณรงค์ ยาหยีคุยกับผู้หมวดเปรม ต่ายคุยกับโอแฟนของเขา ส่วนน้ำผึ้งนั้นไม่ยอมพูดจาอะไร เธอก้มหน้าก้มตาไปตลอดทางจนกระทั่งเธอเดินออกมาพ้นประตูโรงพยาบาลไปแล้ว เธอได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยที่สุด เธอรู้สึกว่าน้ำหอมกลิ่นนี้เหมือนกับกลิ่นของคุณหลวงบดินทร์นฤนาถ เธอจึงหยุดเดินและหันกลับมาหากลิ่นน้ำหอมกลิ่นนั้น เธอเดินเข้าไปจับแขนผู้ชายคนนั้นทันที
คุณ.
อ้าว!!! ผมกำลังจะไปเยี่ยมคุณอยู่พอดีเลย จะกลับบ้านเหรอครับ
ค่ะ
น้ำผึ้งแก้วยิ้มแล้วก็ยืนคุยกับผู้หมวดหนุ่มคนนี้ด้วยสีหน้าที่สดชื่นราวกับได้คุยกับแฟนเพื่อน ๆ และผู้หมวดหลายคนจึงหันกลับมามองแล้วก็ยิ้ม
คุณรู้ได้อย่างไรว่าเป็นผม
ฉันได้กลิ่นน้ำหอมค่ะ
จำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ!!!!
..2..