เล่าเรื่อง
ประสบการณ์สยอง (ตอนทะเล ( ต้องสาบ ) สงขลา)
สุชาดา โมรา
ทะเลสงขลาใครได้ไปเยือนก็คงต้องติดใจ แต่ที่นี่แหละจะมีคนตายอยู่ทุกปี สาเหตุก็มาจาก ..... สงขลา ดินแดนที่มีหาดทราย ชายทะเลและผู้คนมากมายที่มาเล่นน้ำกันสนุกสนาน แต่ว่าที่ไหนๆ ก็มักจะมีอาถรรพณ์ อันลี้ลับสงขลาที่สวยงามก็ไม่เว้นไปได้ แนวทะเลจากด้านสนามกอล์ฟ นับจากแนวด้านตรงหน้าศาลากลางไปจนจรด ด้านเหนือวิทยาลัยเทคนิคภาคใต้ ทะเลแถบนี้ได้คร่าชีวิตคนที่ไปเล่นน้ำทุกปี บางปีถึงสามสี่ศพก็เคยมีผมชอบเล่นน้ำตั้งแต่เด็ก สามารถเล่น ได้หลายชั่วโมงโดยไม่เบื่อ เมื่อผมรับราชการ และได้เล่นน้ำแถบนั้นเป็นประจำ ก็ได้มีคนหลายคนเล่าให้ฟังแต่ผมก็ยัง ไม่ปักใจเชื่อเท่าไดนักและแล้ว... วันนั้นก็มาถึง วันที่ผมรับรู้ว่าทำไมท้องทะเลแถบนั้นจึงเป็นแดนอาถรรพณ์ที่กลืน ชีวิตคนไปแล้วทุกปี
วันนั้นท้องทะเลราบเรียบอย่างเคยทะเลสีคราม อากาศกำลังอุ่นสบายชายหาดวันนั้นมีผู้คน พอประมาณ ผมก็จอดมอเตอร์ไซค์ตรงแนวสน แล้วเดินลุยทรายลงไปในทะเล น้ำทะเลกำลังอุ่นสบาย เพราะอมความร้อนจากแดดไว้ตลอดวัน ผมเริ่มว่ายออกไปไกลเรื่อยๆ จนไกลพอประมาณ ผมหยุด นิ่งหันหน้ากลับพร้อมจะว่ายเข้าฝั่ง ทันใดนั้นผมขนลุกซู่เย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อสายตามองกราด ไปรอบ ๆ เห็นวัตถุสิ่งหนึ่งลอยนิ่งอยู่ใต้ผิวน้ำเกือบหนึ่งฝ่ามือ ห่างตัวผมกว่าหนึ่งช่วงแขน ผมจ้อง มันอยู่นานมันไม่ใช่ปลาหรือสัตว์น้ำใดๆ แต่มันคือ กระดูกท่อนขาของมนุษย์ ยาวประมาณฟุตกว่า สีขาว ผมนิ่งจ้องมัน หลายอึดใจแล้วก็ดูเหมือนว่ามันกำลังพยายามเข้ามาใกล้ผมในรัศมีช่วงแขนให้ได้แต่ไม่สำเร็จ
มันคือกระดูกแน่ๆ กระดูกที่ไม่น่าจะสามารถลอยในน้ำได้ ตอนนั้นผมอยู่คนเดียวในทะเลอ้างว้าง ว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก เท้าทั้งสองข้างแตะพื้นไม่ถึงเหมือนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในโลกผมยอมรับว่ากลัวมาก แต่แล้วสักครู่มันก็หายไปอย่างน่าประหลาด เมื่อมือไปสัมผัสกับพระที่ห้อยคออยู่ ผมรีบว่ายจากจุดเดิม ประมาณ 20 เมตร ต่อมาก็ลืมเรื่องนี้ไปชั่วคราว แต่ในขณะที่กำลังจะว่ายเข้าฝั่ง ลางสังหรณ์ก็เกิดขึ้น แล้วผมก็มองไปรอบตัวอีก เจอมันเข้าอีกแล้วมันอยู่ห่างตัวผมกว่าช่วงแขนเหมือนเดิม มันตามผมมาได้อย่างไร .....? ผมกำพระที่คอแน่น แล้วรีบว่ายน้ำเข้าฝั่งอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อถึงจุดหมายก็ถึงกับนอนแผ่อยู่ที่ชายหาดอย่างหมดแรง ในที่สุดผมก็รู้ว่าอาถรรพณ์ของที่นี่ก็มันนั่นเอง ผมอาจเสร็จมันไปแล้วถ้าผมตกใจจน หมดสติหรือถ้าปล่อยให้มันเข้ามา จนถึงตัวผมวันนั้นผมกลับบ้านไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนบ้านและญาติฟัง หลายคนเชื่อแต่บางคนก็ไม่เชื่อ คืนนั้น ผมนอนคิดตลอดคืนว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเรื่องผีสางผมไม่เคยเจอเลยสักครั้งเดียว วันรุ่งขึ้นผมตัดสินใจไปพิสูจน์ด้วยกันกับเพื่อน แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปกับผม ผมก็กลัวไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไร แต่ความต้องการพิสูจน์มีมากกว่า ผมจึงว่ายน้ำออกไปอีกโดยห่างจากแนวเดิมประมาณ 20 เมตร วันนี้ผมพกเครื่อง รางของคลังไปเต็มอัตรา .. ผมว่ายออกไปจน ถึงจุดเดิมที่เคยเจอ บัดนั้น..สายตาผมก็จับภาพทางขวามือได้ มันเป็นฟอง พรายพุ่งขึ้นจากน้ำกระดูกผีสิงชิ้นนั้นมันพุ่งขึ้นจากใต้น้ำด้วยความเร็วพอประมาณ เมื่อเห็นแน่ชัดแล้วก็ไม่ต้องสงสัย กันต่อไปจึงว่ายกลับฝั่งด้วยความเร็วที่สุดในการว่ายน้ำทั้งชีวิตของผม เมื่อถึงฝั่งผมก็เล่าให้เด็กหนุ่มที่ชอบมาเล่นน้ำที่นั่น ประจำฟัง เขาก็บอกว่าเคยเจอเหมือนกัน แล้วก็กลัวจนไม่กล้าที่จะออกนอกฝั่งไปไกลๆเลยจนกระทั่งบัดนี้
แล้วคุณล่ะ อยากไปพิสูจน์ด้วยตัวเองบ้างไหม .....??