ครั้งหนึ่งของชีวิต

น้ำแข็ง


          ... และแล้วเราก็มาถึงเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งที่อากาศค่อนข้างเย็นสบาย โชคดีจังที่เรามาถึงที่นี่ โดยยังไม่มืด แต่เมื่อก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ  ก็รู้สึกแปลกใจมาก ฮ้าา! นี่เกือบสองทุ่มแล้วเหรอเนี่ย .. พระอาทิตย์ยังส่องหน้าอยู่เลย  ราวกับว่าแค่สี่หรือห้าโมงเย็นเอง  "หน้าร้อนที่นี่ ตะวันจะตกดินประมาณ ยี่สิบ หรือ ยี่สิบเอ็ดนาฬิกา" (แหะ.. เพิ่งนึกได้)
เมื่อฉันมาถึงที่ห้องพักเล็กๆ ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีผู้คนมากมาย  เดินขวักไขว่ดีจัง (หึ..ฉันนึกในใจ..แหม๋.. เหมือนบ้านเราเลยแฮะ คนเยอะดี! ) แม้ว่าผู้คนเหล่านั้นจะไม่สนใจซึ่งกันและกัน ต่างคนก็ต่างเข็นกระเป๋าของตัวเองขึ้นไปบนห้องพัก ที่ถูกจัดไว้ของแต่ละคน  แต่ลึกๆ ฉันก็ยังรู้สึกอุ่นใจบ้าง ที่ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวคนเดียวในเมืองที่ฉันไม่มีใครรู้จัก หรือจะพูดภาษาไทยกับฉันได้เลย

นี่ก็สามเดือนกว่าๆ แล้วสินะ........... ที่ความตื่นเต้นค่อยๆ หายไป  ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าที่ เข้าทางไม่ว่าจะเป็นตารางเรียน เพื่อนร่วมชั้น ฯลฯ.  ฉันเริ่มที่จะคุ้นเคยกับสิ่งต่างๆ ได้ดี และสามารถปรับตัวเองให้อยู่ได้เพียงลำพัง.. ที่นี่.. ที่ที่ฉันอยากมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ และ "หนีใจตัวเองมาด้วยหรือเปล่านะ" (แวบหนึ่งของความคิดได้แทรกเข้ามา) 
           .. ฉันตอบตัวเองว่า .. คงไม่ใช่ .. 
 เช้าวันหนึ่งที่แสนจะสดใส.. ฉันค่อยๆ รูดผ้าม่านออก 
"ฮ๊าวว.. เช้าแล้ว"..
โอ๊ย แสงเข้าตาเราอีกแล้ว.. แล้วฉันก็ต้องกลิ้งกลับมานอนบนที่นอนอย่างเดิม.. 
เฮ้ออ.. ขี้เกียจเข้า class จังเลย.. นอนต่อๆๆๆ.. โชคดีที่วันนี้มีเรียนตอนสิบโมง.. (อิอิ)  และแล้วฉันก็ไม่อาจจะหลับตาลงได้ในขณะนั้น  เพราะภาพข้างหน้าที่มองออกไปนอกหน้าต่างนั้น เป็นภาพที่ใบไม้กำลังค่อยๆ ร่วงหล่น เพราะต้องลมเบาๆ ที่เป็นสัญญาณว่า ลมหนาวกำลังจะพัดผ่านเข้ามา  ใบไม้สีแดง สีเหลือง สีส้ม ค่อยๆ ปลิดปลิว สลับกันไปมาอย่างสวยงาม  ฉันดูภาพข้างหน้านั้น.. และก็.....ย้อนคิดถึงใครคนหนึ่ง .. 
 คนนั้นหน่ะ.. เพื่อนผม อย่าคิดมากนะ ใครคนหนึ่งเคยพูดไว้ ฉันยังจำทุกคำได้ดี.. แต่ในที่สุด.. สิ่งที่เขาเรียกว่า คิดมาก มันก็เป็นเหตุผลที่ดี  ที่ทำให้ฉันได้ตัดสินใจมาเรียนต่อที่นี่ได้ง่ายขึ้น และก็เป็นเหตุผลที่ดีสำหรับการได้เรียนรู้ในการไว้วางใจใครสักคน (ขอบคุณจริงๆ)  
.... เต๊งง.. เต๊งง  เต๊งง!!! เสียงหอนาฬิกาของมหาวิทยาลัยดัง 
 แอ๊ะ.. 9 โมงเช้าแล้ว อาบน้ำดีกว่าเรา .. ฉันหยุดคิดเรื่องของเขาไว้แค่นั้น..  (และบอกกับตัวเองว่า จะไม่นึกถึงเธออีกต่อไป) ....

ย่างเข้าเดือน พฤศจิกายน  มองไม่เห็นใบไม้สักใบ บนต้นไม้เลย.. มันร่วงหล่นหมดแล้ว   อากาศหนาวเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้าๆ.. โอ๊ย.. หนาวจังเลยวันนี้ ฉัน
บ่นพรึมพรำกับตัวเองพร้อมกับเต้นโหยงเหยงๆ ในห้อง เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น.. 
เอ.. เครื่องทำความร้อนเสียหรือเปล่านะ.. ทำไมอากาศเย็นจังเลย ฉันไม่รีรอที่จะโทรไปถามแม่บ้านในความสงสัยที่ฉันมีอยู่.. 
 Halo.. Excuse Me, I want to ask about heater in my room.  I think its broken!! . Im cold.(พยายามทำเสียงให้เขาฟังรู้เรื่องมากที่สุด.. อ่ะแฮ่ม)
 I dont think so.  Weve just checked it and its a new one. (แม่บ้านตอบกลับมา)
 Please zzzzz come and check it again ฉันตอบกลับไป
เป็น 3 ประโยคแรกที่ฉันพูดยาวมากที่สุดกับแม่บ้านตั้งแต่มาอยู่ที่นี่.. ถ้าไม่พูด.. ต้องหนาวตายแน่เลย 
ปกติฉันไม่พูดกับใครเท่าไหร่ เพราะกลัวความผิดพลาดของตัวเอง ที่คนอื่นจะฟังเราพูดไม่รู้เรื่อง แต่หลังเหตุการณ์นี้ผ่านไป.. ฉันคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว .. 

ก่อนที่หน้าหนาวจะมาถึงอีกครั้งหนึ่ง  ฉันเริ่มที่จะสนใจหาอะไรทำ เพราะรู้สึกว่า เหงา อินเตอร์เน็ตเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยเป็นเพื่อนกับเราได้  ฉันได้รู้จักเพื่อนมากมายที่นี่.. มีทั้งพูดจาดี.. ไม่ดี.. คละกันไป.. ฉันเลือกที่จะคุยกับคนที่คิดว่า ดีเท่านั้น.. การพบกันของเราช่างเป็นเรื่องที่แปลกดี.. เขาเป็นทั้งคนที่ทำให้หายเหงาในยามที่อยู่ไกลบ้านแบบนี้ เป็นทั้งเพื่อนที่สามารถพูดคุย.. ล้อเล่น.. หรือปรับทุกข์กันยามคนใดคนหนึ่งเศร้าใจได้.. และแล้ว.. ฉันก็ยอมให้คนเหล่านั้นที่ฉันไม่เคยพบ.. ไม่เคยสัมผัส.. ได้คลืบคลานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตโดยไม่รู้ตัว .. 
ชีวิตที่นี่ไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้ว ฉันยิ้มให้กับตัวเอง และก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ.. 

แล้วก็ถึงวันนี้.. วันที่ฉันได้สำเร็จการศึกษา  ฉันกลับบ้านโดยพกเอาความดีใจที่สุดกลับมาฝากพ่อ และแม่.. (แม้ว่าตอนนี้คนใดคนหนึ่งได้จากฉันไปแล้ว) แต่ความทรงจำที่มีความสุขในวันเหล่านั้นยังอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา  
ฉันเฝ้าเก็บวันคืนต่างๆ .. 
 ---วันที่ฉันมีใครคนหนึ่งที่เข้าใจแม้ไม่เคยสัมผัส, วันที่ฉันเอาความภาคภูมิใจกลับมาให้พ่อกับแม่ --ฉันจะเก็บสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ให้นานเท่านาน.. เพราะยามใดที่ฉันรู้สึกเศร้า เหงา ท้อแท้ไม่มีใคร.. ฉันจะดึงความสุขเหล่านั้นกลับมา.. กลับมาช่วยบอกกับน้ำตาที่ไหลว่า   อย่าร้องไห้  คงไม่ผิดกติกาใช่ไหม  ที่จะดึงวันที่มีความสุขเหล่านั้นเอามาทดแทนกับเความเศร้าที่เหลืออยู่ในวันนี้
          ฉันเลือกที่จะกลับไปนอนมองใบไม้ร่วงเหล่านั้นอีกครั้ง (เพราะเหตุผลเดิมๆ) เลือกที่จะเดินไปข้างหน้าเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ  ฉันคงไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว ไม่กล้วแม้กระทั่งความเสียใจ .. เศร้า.. หรือเหงา..  เพราะ ............... ความรู้สึกดีดีที่อยู่ในความทรงจำในวันเหล่านั้น คอยเป็นกำลังใจให้ฉันเสมอ และจะอยู่ข้างๆ ฉันตลอดไป				
				
comments powered by Disqus
  • monki

    16 กรกฎาคม 2545 08:06 น. - comment id 65855

    แต่เขียนได้ดีมากเลยนะคะ *^_^*
  • ^o^

    16 กรกฎาคม 2545 11:59 น. - comment id 65856

    ไปแล้วกลับมาเร็วๆ นะ ... จะได้เป็นด๊อกเตอร์กิ๊กแล้ว อิอิ ...
  • โคลอน

    16 กรกฎาคม 2545 12:51 น. - comment id 65858

    เป็นกำลังใจให้เสมอจ๊ะ
    
    (o^___^o)
  • ทะเลขวัญ

    16 กรกฎาคม 2545 22:58 น. - comment id 65864

    ชอบดูใบไม้ร่วงเช่นกันค่ะ ด้วยรัก
  • น้ำแข็ง

    17 กรกฎาคม 2545 09:42 น. - comment id 65870

    .. ^__^ ..
  • J&J

    17 กรกฎาคม 2545 11:35 น. - comment id 65871

    เขียนเก่งจังค่ะ
  • ฝันหวาน

    18 กรกฎาคม 2545 19:56 น. - comment id 65889

    ~o^
  • Janet

    19 กรกฎาคม 2545 13:56 น. - comment id 65903

    อยากจะไปสัมผัสบ้างจังเลยค่ะ คงสนุกน่าดูน่ะ
  • น้ำตาลสด

    10 สิงหาคม 2545 00:40 น. - comment id 66108

    พยายามเข้านะจะเป็นกำลังใจให้จ๊ะ  ^0^

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน