ฝากรักฟากฟ้า

ประมาณชั่วโมงเดียวเขาก็ขับรถมาจนถึงปากทางเข้าไปหมู่บ้าน  เขาต้องตกใจเมื่อเห็นปากทางถนนใหญ่นั้นเต็มไปด้วยผู้คน  รถฉุกเฉินของหน่วยงานต่างๆ  จอดอยู่เต็ม  ส่งสัญญาณไฟกระพริบวูบวาบไปทั่วบริเวณ  เขาชะลอรถเพื่อจะเลี้ยวเข้าแต่ต้องถูกเรียกให้หยุด  
        ขอโทษครับ  เขาไปไม่ได้ครับ     
         ทำไมครับ  เขาถามอย่างร้อนรน  
         ฉุกเฉินครับ ห้ามเข้าไปครับผม   มีน้ำท่วมหมู่บ้านข้างใน  
         บ้านไหน  
        ตั้งแต่ทุ่งหลุกเข้าไปครับ  
        บ้านผมอยู่ข้างใน  ผมต้องเข้าไป  ปราชญ์ตอบอย่างเสียอารมณ์  
         เขาจอดรถและเดินดุ่มไปกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังช่วยลำเลียงผู้คนที่แตกตื่นออกมา  เขาพยายามมองหาใบหน้าที่คุ้นตาแต่ไม่มีสักคน  รถพยาบาลคันหนึ่งกำลังเลี้ยวเข้ามา     
         ท่านครับ  ปราชญ์เข้าไปพูดกับนายตำรวจนายหนึ่งซึ่งกำลังยืนควบคุมสถานการณ์  บ้านผมอยู่ในบ้านยาง  ผมต้องการเข้าไป  
         ปราชญ์พยายามชี้แจงและขอเข้าไปให้ได้  หากสถานการณ์ฉุกเฉินทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปได้   ปราชญ์ต้องกระวนกระวายใจรออยู่จนกระทั่งฟ้าสว่าง  ผู้คนเริ่มมากมาย  ทั้งคนที่ต้องการเข้าไปช่วยเหลือและคนที่ต้องการมาดูเหตุการณ์  
         ในที่สุดเมื่อได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานแห่งหนึ่งทำให้ปราชญ์สามารถขับรถเข้าไปได้  สภาพสองข้างทางถูกน้ำป่าไหลทะลักเข้ามาท่วมเมื่อกลางดึก  ถนนบางช่วงถูกเซาะพัง  เขาต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถ  
          ยิ่งเข้าไปลึกเขาก็ยิ่งพบความเสียหายจากน้ำป่ามากขึ้น  เขาใจหายเมื่อนึกถึงคนที่เขาทิ้งไว้อยู่กับบ้านในคืนเกิดเหตุ  จะปลอดภัยกันบ้างไหม  เขาไปถึงหมู่บ้านก็ต้องจอดรถที่ในวัดด้วยไม่สามารถเข้าไปจนถึงสวนของเขาได้   
          สภาพวัดไม่ได้ดีไปกว่าด้านนอก  มีทั้งโคลนทั้งน้ำไหลเป็นบางแห่ง  มีเจ้าหน้าที่นำรถเข้ามาเพื่อลำเลียงอพยพชาวบ้านออกไป  ปราชญ์ต้องฝ่าผู้คนไปตามเต๊นท์มีมาตั้งอย่างฉุกเฉิน  บนศาลาก็เต็มไปด้วยชาวบ้าน  
          ป้อเลี้ยงๆ  
          เสียงเรียกเขาดังขึ้น  ปราชญ์ไปมองรอบๆ  ร่างผอมเกร็งร่างหนึ่งเดินแหวกคนที่แน่นขนัดศาลามาหาเขา  
          หมู่เฮาอยู่ตางเพ้  
          เป็นคนงานคนหนึ่งในสวนนั่นเอง  ปราชญ์เดินตามเขาไปด้านในจึงพบคนที่เขาต้องการพบยกเว้นอีกสองชีวิตที่หายไป  ป้าพรรณโผเข้ามากอดพร้อมกับร้องไห้อย่างไม่อายใคร  
           คุณปราชญ์  โฮๆๆๆๆๆๆ!  
           อ้าว  ป้า  เดี๋ยวครับ  
           เขากอดแม่บ้านร่างท้วมไว้พลางเหลียวมองไปรอบๆ  ใบหน้าแต่ละคนดูตื่นตระหนกและโศกเศร้า  
           น้องฝันกับครูล่ะ  
           ไม่เจอ...ไม่...เจอค่ะ  ป้าพรรณสะอื้นฮัก  ป้าพยายามติดต่อแล้ว  โทไปหาคุณปราชญ์ก้อไม่เปิดเครื่อง  
           เขาอึ้งต่อคำพูดนั้น  ผมขอโทษครับ  ป้า  
           ตอนนี้เจ้าหรุ่งกับพวกคนงานกำลังหาน้องฝันกับแม่ครู  ป้าพรรณพยายามสะกดเสียงร่ำไห้  ปราชญ์นิ่งฟัง  งั้นป้าอยู่ที่นี่กับพวกเรานะ  ผมจะเข้าไป  
            คนงานผู้ชายบางคนขยับตัวลุกขึ้นเพื่อที่จะติดตามเจ้านาย  ปราชญ์เห็นแสงจิ่งนั่งกอดเข่า  ตาบวมแดงด้วยร้องไห้มาอย่างหนัก  
          ถ้าออกไปได้ป้าช่วยจัดการเรื่องอาหารเข้ามาด้วย  
           เขาส่งกระเป๋าเงินให้แม่บ้านถือไว้ด้วยความไว้วางใจก่อนจะเดินนำกลุ่มคนงานสามสี่คนเข้าไปยังสวนส้ม
            สภาพสวนส้มที่เขาเข้าไปเห็นต้องใจหาย  ยังมีน้ำไหลบ่าล้นลำห้วย  ต้นส้มบางส่วนถูกน้ำพัดล้ม  ยังมีบางส่วนที่จะพอฟื้นสภาพได้  แต่มันคือความเสียหายอย่างหนัก  สภาพบ้านนั้นยิ่งกว่า  มีซุงขนาดใหญ่ไหลมากระแทกตัวเรือนที่เป็นเรือนพักของแม่บ้านและและทอรุ้งจนล้มพัง  เรือนหลังใหญ่กลับปลอดภัยด้วยฐานที่มั่นคง  หากยังมีบางส่วนที่เสียหายเล็กน้อย    น้ำในลำห้วยเป็นสีแดงขุ่นคลั่กเอ่อขึ้นท่วมจนถึงพื้นชั้นล่าง  
           เมื่อนายหรุ่งเห็นปราชญ์มาถึง  เขาจึงรีบมารายงานความเสียหายในสวน  คนงานทุกคนปลอดภัย  ยกเว้นน้องฝันและครูทอรุ้งที่หายไป  ปราชญ์แทบคลั่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น  เขาสั่งให้คนงานเริ่มค้นกันใหม่  ตั้งแต่ในซากบ้านพักที่พังทลายเขาให้คนงานส่วนหนึ่งค่อยๆ รื้อซาก  ส่วนหนึ่งไล่เลาะไปตามสองฝั่งลำห้วย          
            ด้านสวนส้มเริ่มมีคนงานทะยอยขึ้นมาช่วยตรวจดูสภาพความเสียหาย  นอกจากนี้ยังต้องคอยกันไม่ให้คนภายนอกเข้ามาวุ่นวายในสวน  นอกจากเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ความเสียหาย  
            ป้อเลี้ยง  เฮาเซาะหาน้องฝันกับแม่ครูจ๋นเซี้ยงละนา  นายหรุ่งกลับมาบอกอย่าหมดหวัง  
            หมดทุกที่แล้วเหรอ      
             ปราชญ์ถามอย่างอ่อนล้า  ในห้องโถงข้าวของระเนระนาด  เจิ่งนองด้วยน้ำโคลนสีแดง  เขายืนมองดูแลคนงานสองสามคนที่กำลังช่วยขนย้ายตู้เอกสารขึ้นไปไว้บนบ้าน  
              เขามองออกไปข้างนอกตัวบ้านเห็นสภาพที่ไม่อยากเห็นสักนิด  ซากต้นไม้ที่ลอยมาตามกระแสน้ำพัดมาค้างให้เห็นรอบตัวบ้าน  
              เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากเครื่องมือถือบนโต๊ะทำงาน  เขาเหลือบมองดูหมายเลขที่เรียกอย่างเมินเฉย  ไม่สนใจที่จะรับจนเสียงเงียบไปและดังขึ้นมาใหม่หลายครั้ง  จนเขาต้องตัดสินใจยกรับ  
             ไม่ว่างนะครับ  
              "พี่ปราชญ์คะ  ส้มอยากจะ...   
               เขากดตัดสายไป  และไม่สนใจอีกเลยแม้จะเรียกเข้ามากี่ครั้งก็ตาม  พลันเขาได้ยินเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งแว่วมา  เขาพยายามเงี่ยหูฟัง 
               เฮ้ย  เงียบหน่อยสิ  เขาตวาดกับกลุ่มคนงานที่กำลังเก็บกวาด  ช่วยฟังหน่อย  เสียง...  
               ปราชญ์เดินหาที่มาของเสียง  
               เสียงหมาหน้อยเห่า  ป้อเลี้ยง  นายหรุ่งพูดเบาๆ  ปราชญ์แทบจะยิ้มออกมาอย่างลิงโลด  
              เจ้าพูห์!  เสียงเจ้าพูห์  เร็ว   
               ทุกคนกรูกันออกไปด้านหลังบ้านที่ติดกับเนินเขา  เสียงแหลมเล็กนั้นแว่วมาแต่ไกล  ปราชญ์รีบชี้ขึ้นไปข้างบนทันที  
               โพรงตีนดอย!  
               พูดจบเขากระโจนไปทันที  นายหรุ่งรีบตามไปไม่ห่าง  ทั้งสองตัดข้ามสนามที่ท่วมโคลนเละๆ ไปเดินแหวกซากกิ่งไม้ที่หักพาด  
               พูห์!  พูห์!   
                ปราชญ์ตะโกนเสียงดังขณะเดินขึ้นไป  ทันใดนั้นร่างเล็ก  ขนสีน้ำตาลเลอะเทอะวิ่งเห่าส่งเสียง  โผล่ออกมาจากพุ่มไม้  มันกระโดดเข้าหาทั้งสองอย่างดีใจ  ปราชญ์หัวเราะร่าอุ้มมันขึ้นชู  
               เจ้านายเอ็งอยู่ไหน  พูห์  บอกมา  
               เมื่อจะรู้ในคำพูด  เจ้าพูห์ดิ้นรนลงจากมือเขาแล้ววิ่งมุดซากต้นไม้หายไป  
               นายหรุ่ง  ลงไปตามคนเตรียมรถไว้  
               เขาหันไปสั่งลูกน้องคนสนิท  ก่อนที่จะเร่งตามเจ้าพูห์ขึ้นไป  เขารู้ดีว่าเจ้าพูห์จะนำเขาไปที่ใด  และที่นั่นเองเขาจึงพบร่างของสองคนที่อยู่ในหัวใจเขา  
               ทอรุ้งกึ่งนั่งกึ่งนอนหายใจแผ่วเบาอยู่ข้างลังไม้ของเขา  บนตักเธอมีกองผ้ากองโตเมื่อเขาเข้าไปดูใกล้ๆ  จึงรู้ว่าเธอโอบอุ้มลูกสาวเขาด้วยผ้าห่ม  น้องฝันนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของแม่ครู  
               น้องฝัน  ปราชญ์เรียกชื่อลูกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาสั่นเครือ  เอื้อมมือแตะเธอเบาๆ  ลูกครับ  
               เด็กน้อยพลันขยับตัวลืมตาขึ้นพอรู้ว่าเป็นใคร  เธอจึงโผเข้ากอดคอ  
               ป๊ะ!  ป๊ะ!  เสียงใสๆ นั่นบ่งบอกถึงอาการปลอดภัยของเจ้าตัว  หากอีกร่างหนึ่งยังคงนอนนิ่ง  ม๊ะ  เจ็บ  
               น้องฝันมองดูแม่ครูของตนพร้อมกับบอกพ่อ  ปราชญ์เอื้อมมือไปแตะแขนเธอเบาๆ  ร่างนั้นขยับตัวเล็กน้อย  ปรือตาขึ้นมา  
              คุณปราชญ์...  
              แล้วเธอก็เงียบเสียงไปอีกครั้งหนึ่ง  ปราชญ์โอบประคองเธอขึ้นมาจึงรู้ว่าเธอต้องเผชิญกับสิ่งใดมาเพื่อปกป้องลูกสาวเขาอย่างสุดชีวิต  ผมแห้งกรังด้วยเลือดที่จับตัวเป็นก้อนแข็ง   เขาไม่กล้าเปิดดูแผลเกรงจะกระเทือนมากอีก  แขนล้วนมีแต่รอยบาดแผลขีดข่วน  บางแห่งเขียวช้ำ  คงมาจากการถูกกระแทกอย่างแรง  ที่สำคัญเธอมีอาการไข้ขึ้นสูง  
              ทอรุ้ง  คุณอย่าเป็นอะไรนะครับ  เขากระซิบอย่างอ่อนโยน  อยู่กับผมนะ  อย่าไปไหน				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน