ผู้เขียนมองเพื่อนร่วมงานที่เป็นชาย พยายามที่จะพับนกกระดาษ มือที่ใหญ่เทอะทะของเขากับกระดาษขาวขนาด 4*4 นิ้ว ดูแล้วช่างขัดตาเหลือเกิน แต่ผู้เขียนก็พยายามเอาใจช่วยให้เขาทำสำเร็จ เขาเป็นโปรแกรมเมอร์ฝีมือเยี่ยม งานที่ซับซ้อนเพียงใด เขาก็สร้างผลงานได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าเขาใช้เวลามากไปสักนิดในการพับนกกระดาษ เอาเถอะ .. ตัวแรก ตัวที่สอง และตัวถัด ๆไป การทำเวลาจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจากตอนเช้า ขณะที่ผู้เขียนมานั่งประจำโต๊ะทำงาน ทันทีที่จัดเก็บของส่วนตัวลงลิ้นชักเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินมาหาพร้อมยิ้มแบบเขินอายนิด ๆ คุณครับ คุณพับนกกระดาษเป็นไหมครับ เสียงทุ่มที่คุ้นเคยทำให้ผู้เขียนเงยหน้าขึ้นมามอง พลางยิ้มรับแทนคำตอบ คือผมอยากพับนกกระดาษบ้างครับ กรุณาสอนผมหน่อยนะครับ เขาทอดเสียง ยินดีค่ะ คุณมีกระดาษมาหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีจะได้เตรียมให้ค่ะ พอดีมีกระดาษใช้แล้วอยู่บ้างค่ะ ผู้เขียนตอบ นกกระดาษหลากสีสวย ๆ ในขวดโหลของผู้เขียน เป็นเหตุที่ทำให้หลายวันมานี่ ใครต่อใครเดินมาหาผู้เขียนเพื่อให้สอนพับนก ความทรงจำในวัยเยาว์ วันที่คุณปู่ของผู้เขียนจับเด็ก ๆ ซึ่งหมายถึงมีผู้เขียนด้วย นั่งล้อมวงและดูคุณปู่พับนก พับกบ พับตั๊กแตน ด้วยเศษกระดาษ ในตอนนั้นผู้เขียนเป็นผู้ที่มีความอดทนน้อยที่สุด และอาศัยความเป็นหลานคนโปรด จึงเอาแต่อ้อนให้คุณปู่พับให้ ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆพยายามหัดพับ นานเหมือนกันจนผู้เขียนอยากจะหัดพับเอง ความประณีตในชิ้นงานจึงไม่ค่อยมีสักเท่าใดนัก เมื่อปีกลายที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เขียนเดินผ่านร้านขายเครื่องแก้ว ขวดโหลใบหนึ่งสะดุดตา ลายดอกไม้เล็กที่ฉาบลายบนแก้วเนื้อใส และเส้นปอที่พันรอบฐานแก้ว ผู้เขียนซื้อกลับบ้านโดยที่ยังไม่รู้เป้าหมายเลยสักนิดว่า จะเอาโหลแก้วใบนี้ทำอะไร ครั้นจะนำไปเลี้ยงปลาทองและตั้งไว้บนโต๊ะอาหาร เหมือนอย่างเช่นเคย ผู้เขียนก็ไม่อยากจะทำ คราวนั้นปลาทองของผู้เขียนตาย ผู้เขียนยังเศร้าไปหลายวัน มองลายหางและครีบโบกพลิ้วน้ำก็น่าเพลินอยู่หรอก แต่คราวที่ต้องมองโหลเปล่า ๆ นี่สิ ความรู้สึกหดหู่พลันเกิดขึ้น บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าในสิ่งที่เคยทำมา สมควรแล้วหรือเปล่า ผู้เขียนแยกแยะไม่ใคร่จะออกเรื่องการเลี้ยงสัตว์ที่ถูกกักอาณาบริเวณ เนื่องจากผู้เขียนรักอิสระ เช่นกันย่อมไม่ปรารถนาสิ่งกักขัง ขวดโหลใบเก่าที่เคยเลี้ยงปลาทองไว้ ตอนนี้กลายเป็นขวดโหลที่ใส่ปลาตะเพียนตัวน้อย และดาว ผู้เขียนเก็บเศษกระดาษลายสวย ยิ่งช่วงเทศกาลของขวัญ ผู้เขียนจะมีปลาตะเพียนและดาวสวยๆจากกระดาษเหล่านั้น ตอนนี้ก็ได้ค่อนโหล หากจะเทออกมานับแล้วคาดว่าคงเกินสี่ร้อยชิ้น ซึ่งก็นับว่ามากกว่าขวดโหลแก้วใบใหม่ที่ตั้งบนโต๊ะทำงาน นกตัวกระจ้อยขนาดเท่าแป้นอักษรคีย์บอร์ด ผู้เขียนใช้เวลาว่าง ( ซึ่งก็มีอยู่น้อยนิด ) พับนกวันละตัว สองตัว บางสัปดาห์ไม่ได้เลยสักตัว จนกระทั่งเต็มโหล ผ้าลูกไม้เย็บชายถูกนำมากุ๊นรอบปากขวดและคาดสายด้วยริบบิ้นสีฟ้าสลับขาว จากแรกเริ่มที่ผู้เขียนพับจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ จุดประสงค์ถูกเปลี่ยนไป ครั้งแรกผู้เขียนคิดว่าหากพับนกตัวจ้อยได้เต็มโหลแก้ว ผู้เขียนจะเอาไปเป็นของขวัญให้คุณพ่ออุปถัมท์ แต่ทว่าตอนนี้คงไม่มีโอกาสนำไปมอบให้ เนื่องจากคุณพ่ออุปถัมท์ท่านออกบวชและคาดว่าคงไม่สึก ขวดโหลนี้เป็นค่าแทนใจ เป็นตัวแทนให้คิดถึง ในเวลาที่ทำงาน มีบ้างที่ทุกข์ท้อ และประสบปัญหา หลายครั้งที่อยากปลดภาระที่แบกไว้ทั้งหมด และแล้วสายตาพลันเห็นนกกระดาษในโหลแก้วนั้น ค่ะ คุณพ่อ หนูจะพยายามบิน เขาพับนกตัวแรกได้ในเวลายี่สิบนาที รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเขา คงเหมือนรอยยิ้มครั้งแรกของผู้เขียนในวัยเยาว์เช่นกัน คุณปู่ขา ดูให้หนูหน่อย นกของหนูปีกขยับได้ไหมคะ นกของหนูสวยไหมคะ ผู้เขียนในวัยเยาว์นอนเกยคางที่ตักคุณปู่แล้วอ้อนถามแกมอวดผลงานชิ้นแรก คุณครับ ผมทำเสร็จแล้ว คุณช่วยดูให้ผมหน่อย โอเคไหมครับ เสียงของเขาทำให้ผู้เขียนกลับสู่โลกปัจจุบัน เก่งค่ะ สวยแล้ว ตรงนี้ต้องพับริมให้เสมอกันจะเรียบร้อยกว่านี้ค่ะ แต่ก็โอเคแล้วนะคะ ครั้งแรก คุณเก่งจัง ผู้เขียนกล่าวอย่างจริงใจ ก่อนหน้านั้น ผมไม่เคยสนใจเลยครับ ผมคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะถึงอย่างไร ผมก็คิดว่ายากที่ไฟใต้จะสงบนะครับ เห็นฆ่ากันตายไม่เว้นแต่ละวัน เขากล่าว คงมีบางสิ่งที่ทำให้คุณเปลี่ยนความคิดสิคะ ผู้เขียนกล่าวเชิงถาม ครับ มีบางอย่างทำให้ผมปรับเปลี่ยนความคิด บางอย่างที่ผมไม่น่ามองผ่านไปในตอนแรก คุณจำได้ไหมครับที่นักร้องดังป่วยหนัก และบรรดาแฟนเพลงพับนกกระดาษให้เขา พับไปทั้งที่น้ำตานองหน้า ในตอนนั้นผมยังอดสังเวชใจไม่ได้ เด็กพวกนี้ ดึกดื่นก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง มัวแต่มานั่งจุ้มปุกพับนกกระดาษ ผมว่ามันไร้สาระนะครับ ปาฏิหาริย์มันคงไม่ได้เกิดจากกระดาษอะไรนี่หรอก คำที่เขาเล่า ทำให้ผู้เขียนย้อนทบทวนไปเมื่อเหตุการณ์หลายเดือนก่อน ซึ่งผู้เขียนก็รู้สึกสลดใจที่เห็นอาการของนักร้องดังคนนั้นสาหัสเกินที่แพทย์จะเยียวยาให้เป็นปกติดังเดิมได้ ผมเห็นหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวกันครึกโครมทุกวัน คนขายข่าวก็ขายกันไป ส่วนพ่อแม่ของเด็กพวกนั้น ก็ต้องเฝ้าดูแลลูกตัวเองกันไป คนป่วยนั่นรึจะรู้สึกรู้สาอะไร เขานอนอาการเพียบออกขนาดนั้น นี่ครับความรู้สึกของผมในครั้งนั้น ขณะที่เขาเล่าอยู่นั้น เขาก็ยังไม่ได้ละมือจากการพับนกกระดาษตัวที่สองของเขา อะไรหนอที่ทำให้ความคิดของเขาปรับเปลี่ยนไป ผู้เขียนไม่อาจตัดสินได้หรอกว่า เขาปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีหรือเปล่า แต่ที่รู้ ๆ ผู้เขียนรู้สึกดี กับความเป็นกันเองของเขาที่เล่าให้ผู้เขียนรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจ ค่ะ น่าสงสาร ตอนนี้ไม่ทราบข่าวเลยว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง ทราบแต่ว่าตอนที่อาการหนักคราวก่อน แพทย์ก็ไม่รับประกันความเสี่ยงเลย แย่จังเขายังอายุไม่เท่าไหร่ ผู้เขียนกล่าว ครับ กำลังดังเสียด้วย แต่นั่นแหล่ะครับ ใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ตีตั๋วเที่ยวไปไม่ได้กลับ เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกครับ ส่วนเรื่องที่พับนก ผมเห็นเด็กข้างบ้าน ชั้นอนุบาล นั่งบรรจงพับนกกระดาษ ผมถามว่าเอาไปส่งคุณครูหรือเปล่า เด็กน้อยตอบว่า ส่งไปภาคใต้ค่ะ คุณลุง นกกระดาษของหนูจะบินไป พวกเขาจะได้ไม่โกรธกัน ผมก็ย้อนถามนะครับ ว่าเขาจะเอาตังค์ดีกว่ามั๊ง เด็กน้อยตอบว่าอะไรรู้ไหมครับ ผมสะอึกกับความคิดของเด็กสี่ขวบเลย คุณตอบว่าไงคะ ผู้เขียนสนใจจะรู้คำตอบ ครับ แม่หนูน้อยตอบอย่างนี้ครับ.. หนูไม่มีเงินหรอกค่ะ คุณลุง คุณแม่บอกว่าอยู่ชั้นอนุบาลยังไม่ต้องใช้เงิน หนูเอาเศษกระดาษมาพับนก คุณลุงคิดว่า เพื่อนของหนูที่นั่นเขาจะเกลียดหนูไหมคะ แต่หนูอยากให้พวกเขารู้นะคะ หนูไม่อยากให้พวกเขาทะเลาะกัน เผาโรงเรียน หนูเห็นข่าวเพื่อนหนูร้องไห้ หนูอยากไปโรงเรียน เพื่อนของหนูก็คงอยากไปโรงเรียนค่ะ คุณลุงคิดว่าพับนกกระดาษไม่ดีหรือคะ ... ครับเป็นคำที่ย้อนถามผม ผมจะเอาเหตุผลอะไรไปบอกเด็กน้อยคนนี้ได้ครับ กับความคิดที่ผมมองว่าไร้สาระ แต่สำหรับหัวใจอีกดวง มันคือพลังใจอันใหญ่ยิ่งครับ ผมไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ผมแล้งน้ำใจเกินไป เขาหยุดชะงักนิดหน่อย ตรงคำสุดท้ายในประโยค บางทีเราไม่อาจคาดคิดได้ครบทุกมุมหรอกค่ะ คุณตอบเด็กคนนั้นว่าอย่างไรคะ ผู้เขียนซัก ผมบอกเด็กคนนั้นว่า เป็นความคิดที่ดี ที่หนูมีใจเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนของหนู ลุงก็มีเพื่อนที่นั่นเหมือนกัน ลุงเกือบลืมไปเสียสนิทว่า ลุงมีเพื่อนที่นั่น .. เขาหันมามองผู้เขียนและส่งนกตัวที่สองมาให้ คราวนี้งานละเมียดกว่าเดิม ค่ะ เรามีเพื่อนที่นั่น และยังคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป ผู้เขียนยิ้มรับ นกกระดาษขาวสองตัวที่เกาะบนจอมอนิเตอร์พื้นสีดำ ดูงามเด่นตัดกับพื้นผิวของขอบมอนิเตอร์ บนความร้อนระอุ หากยังมีเกล็ดละอองฝนอยู่ ความชุ่มชื่นย่อมไม่จางหายไปเสียทั้งหมด เช่นกันกับความแข็งกระด้างของหัวใจบางดวง อาจมีความละมุนซุกซ่อนอยู่ เมื่อใดหนอเมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพจะงอกงามไปทั่วทุกถิ่นฐาน ความขัดแย้งซึ่งมาจากฐานต่างกันจะถูกปรับให้มีวิถีดำเนินชีวิตได้อย่างไม่ขัดแย้งกัน .. ใครก็ตามแต่ทีมีหยากไย่ในใจ และเฝ้ารอถึงวันที่จะปักกวาดนกกระดาษที่จะบินว่อนจากฟากฟ้า ควรจะตระหนักถึงความทุ่มเท การส่งพลังใจ จากเพื่อนร่วมแผ่นดินเกิด จริงอยู่ที่การอยู่รวมกันบนผืนแผ่นดินเดียวกันนี้ มีบ้างที่แตกต่างกันทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมและศรัทธา ความเป็นไปได้ที่จะอยู่ร่วมกันโดยสงบสุข จะไม่มีเชียวหรือ นั่นคงฝากไว้เป็นแง่คิดจากผู้เขียนที่เรียกตนเองว่าลาโง่เสมอมา ... นกกระดาษมีความหมายและคุณค่าทางใจมากกว่าวัตถุที่ร่วงหล่นจากฟ้าแล้วโดนมองว่าเป็นเพียงเศษกระดาษ เศษขยะที่จะต้องกำจัด.. เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า พลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด การที่จะเยียวยาใครสักคนที่รู้สึกหมดหวัง รู้สึกสิ้นไร้ต่อสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ เป็นสิ่งที่ควรกระทำ .. ผู้เขียนก็มีแง่มุมหนึ่งที่ผู้เขียนสัมผัสได้ และแน่นอน บางท่านอาจจะมีต่างแง่คิดออกไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เขียนใคร่จะทำ ก็คือ .. อะไรก็ได้ที่ให้เพื่อนร่วมแผ่นดินที่อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกว่า ผู้เขียนไม่ได้ทอดทิ้งให้พวกเขาเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง นกกระดาษคือกุศโลบายอย่างหนึ่ง แต่พลังใจที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุก ๆ คน .. ผู้เขียนมี และ ท่านผู้อ่านก็มี .. สำคัญแต่ว่า จะแบ่งปันสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ ให้กับผู้ที่รอคอยความหวังอยู่หรือเปล่า ท่านเท่านั้นที่จะให้คำตอบนี้ .. มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
29 พฤศจิกายน 2547 19:18 น. - comment id 79506
..พี่อัลมิคะ .. เรน ..ขอหอมแก้ม ..พี่อัลมิแรงๆ .. นะคะ .. บทความ .. ของพี่อัลมิ .. เรน อยากให้ .. ทุกคน .. ได้อ่านจัง .. เรน..ฝาก..กราบสวยๆ .. ถึง เพื่อนพี่อัลมิ..ด้วยนะคะ.. .. บนความร้อนระอุ หากยังมีเกล็ดละอองฝนอยู่ ความชุ่มชื่นย่อมไม่จางหายไปเสียทั้งหมด เช่นกันกับความแข็งกระด้างของหัวใจบางดวง อาจมีความละมุนซุกซ่อนอยู่ เมื่อใดหนอเมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพจะงอกงามไปทั่วทุกถิ่นฐาน ความขัดแย้งซึ่งมาจากฐานต่างกันจะถูกปรับให้มีวิถีดำเนิน.. .. เรน รัก ..พี่อัลมิ ..ด้วยดิคะ ..
29 พฤศจิกายน 2547 20:09 น. - comment id 79511
ยิ้มให้คุณครับ
29 พฤศจิกายน 2547 21:03 น. - comment id 79513
มาอ่านค่ะ
29 พฤศจิกายน 2547 22:18 น. - comment id 79518
สุดยอดงามงดใจ ราวถอดใจพี่พุดพัดชามารจนาค่ะ และ พี่พุดพับนกได้หลายค่ะ ด้วยดวงใจรัก
29 พฤศจิกายน 2547 22:51 น. - comment id 79520
การพับนก เป็นเรื่องจิตวิทยา กับมวลชน..คงมีผลดีมากกว่าเสีย.. เสียดายผมพับไม่เป็น ไว้สอนผมบ้างนะ..อยากพับนกขุนทอง..สวัสดีครับ..
30 พฤศจิกายน 2547 02:00 น. - comment id 79522
ผมก้พับกับเขาไปหลายตัวเหมือนกันครับ ที่พับหลายตัวนี่ เพราะว่า ตัวแรกๆที่พับ เหมือนนกถูกเครื่องบนชนมากกว่า ดูไม่สมประกอบ กว่าจะดูเป็นนก (ที่คนอื่นบอก) เลยพับซะหลายตัว บางทีสิ่งที่เราตั้งใจทำ แม้เพียงเล็กๆน้อยๆ ก็สุขแล้วครับ
30 พฤศจิกายน 2547 11:44 น. - comment id 79531
เราเหมือนมีหยากไย่ในใจเลยอ่ะตะเอง.....
30 พฤศจิกายน 2547 12:07 น. - comment id 79532
...วันนี้พับได้กี่ตัวแล้วค่ะ... :)
30 พฤศจิกายน 2547 22:00 น. - comment id 79550
น้องเรน .. พี่อัลฯไม่ทราบจะบอกเขาอย่างไรนะคะ เพราะไม่มีใครในทีมงานทราบว่าพี่อัลฯเป็นนักเพี้ยนฝันค่ะ ..เรนน้องน้อยรักษาสุขภาพด้วยนะคะ ทุ่งบัวตองกำลังงาม ไปดูมาหรือยังเอ่ย คุณก่อพงษ์.. มารับยิ้มเต็มเปี่ยมค่ะ คุณทิกิ .. ขอบคุณมากค่ะ คุณพุดพัดชา ..ขอบคุณมากค่ะ นกในโหลแก้วตัวเล็กๆ จากเศษกระดาษที่เหลือใช้ โดยมากเป็นเศษกระดาษสี เศษกระดาษห่อของขวัญค่ะ (ด้วยความงก นะเนี่ย) คุณผู้เฒ่า ..นกขุนทอง ? คุณคงอยากได้คนช่างคุยไปอยู่ใกล้ๆมากกว่านะคะ นกขุนทองอยู่ในกรง แต่คนไม่อยากอยู่ในกรงค่ะ คุณเรไร .. ดีจังเลย คุณน่ารักจังค่ะ ถึงแม้ว่านกกระดาษจะบี้แบน เบี้ยวไปบ้าง ก็ไม่เป็นไรนะคะ เรารู้ว่ามันเป็นนกก็แล้วกัน ความตั้งใจต่างหากค่ะ ที่สำคัญ :) ยัยไหม ..แมงมุมขยุ้มหัวใจหรือจ๊ะ หยากไย่แยะต้องไม้กวาดยาวไปปัดเขี่ยบ้างนะจ๊ะ คุณกุ้ง .. วันนี้อัลมิตรายังไม่ว่างพับนกเลย เช้าขึ้นมาว่างสักประเดี๋ยว แล้วก็ชุลมุนกับงานต่อ (อีกแล้ว) จะว่างก็ตอนค่ำนี่แหล่ะค่ะ แล้วสักพักก็ง่วงนอน ทั้งที่มีแผนร่างจะเขียนร้อยกรองบ้าง จดๆจ้องๆพาลจะหลับเสียทุกที อยากให้เสาร์-อาทิตย์ มีสัปดาห์ละ 4 วันจังค่ะ
1 ธันวาคม 2547 01:17 น. - comment id 79551
ขอบคุณในสื่อแห่งสันติภาพ อิสระ เสรี แห่งชีวิตและกำลังใจ
1 ธันวาคม 2547 12:44 น. - comment id 79556
:) คุณรัถยา คนดีที่หนึ่งเลยค่ะ
1 ธันวาคม 2547 16:46 น. - comment id 79560
...เมื่อกางปีกกระหยับปาดกลางเปลวแดด ร้อนที่แผดเผาก็พอเพลาก่อน เมื่อท้องฟ้าสีฟ้ายังมาจร แล้วค่อยร่อนหลบหายไปตามลม... อุดมการณ์ ที่ผ่านเลย
1 ธันวาคม 2547 20:12 น. - comment id 79564
พับไม่สวยค่ะ พับเผื่อตัวนึงนะคะ
1 ธันวาคม 2547 22:14 น. - comment id 79574
คุณนักฆ่าดอกไม้แดง .. ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เพียงหนึ่งบทที่วางมา ก็นับว่าเพลินใจยิ่งนักแล้วค่ะ จึงสัญจรจากแดนไกลในฟ้ากว้าง ร่อนปีกคว้างถลาแล่นยังแคว้นใหม่ ณ ที่ซึ่งสันติภาพภาพวิไล ปรากฏไปนามเลื่องลือ ..คือสยาม คุณเพียงพลิ้ว .. อัลมิตราก็พับไม่ค่อยสวยค่ะ พอจะดูได้ว่าเป็นนกนิดหน่อย จะพับเผื่อนะคะ :)
1 ธันวาคม 2547 22:24 น. - comment id 79575
พับไปตั้งเยอะแนะครับ แต่ไม่รุ้จะเอาปายส่งที่ไหน (( ไม่สวยด้วยแหละ อายจัง )) เลยกะว่า แขวนๆไว้หน้าบ้านนะครับ ส่งแรงใจให้พี่น้องชาวใต้ทุกท่านสงบๆ โต้ยนะครับ
2 ธันวาคม 2547 08:18 น. - comment id 79578
ดีจังค่ะ คุณรูปู .. (เถอะน่า ไม่มีใครรู้หรอกว่าคือฉายาใหม่ของคุณ) .. ส่งที่สถานนีตำรวจก็ได้นะคะ อัลมิตราเห็นป้อมตำรวจแถวบ้านมีกล่องตั้งรับ และบางห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ก็มีค่ะ ฝากส่งมั๊ย คิดค่าส่งเป็นโคลงสองบท วันพ่อ ค่ะ
3 ธันวาคม 2547 09:38 น. - comment id 79604
ถ้าเป็นคุณจะเลือกทางไหน มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 ราง รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว มีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่ เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟ คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่ แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิตของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน หรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิม? ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสินใจได้ คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้ ถ้าเป็นคุณจะเลือกทางไหน font color=#500060> คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น ผมคิดว่า คุณก็อาจจะคิดเช่น เดียวกัน แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมากด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้น ดูสมเหตุผลทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้อง ที่จะเล่นในสถานที่ๆปลอดภัยแล้วต่างหาก แต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ และเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเราทุกวัน ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การเมืองโดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย คนกลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่า ไม่ใส่ใจก็ตาม เด็กคนที่เลือกที่จะไม่เล่นบนรางที่อยู่ในการใช้งานตามเพื่อนๆของเขา และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตาม เพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้มาบอกว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ เพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่ารางนั้นยังอยู่ในระหว่างการใช้งาน และพวกเขาควรจะหลบออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟ ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่เคยคิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น นอกจากนั้น รางที่ไม่ได้ถูกใช้งานอาจเป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัย ถ้ารถไฟถูกเปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้ เราทำให้ชีวิตของผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย ในขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่งโดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคน อาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็เป็นได้ เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก บางครั้งเราอาจลืมไปว่า การตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป จำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติ และสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป ทุกๆคนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้ และนั่นคือเหตุผลที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ เป็นforward mail ที่ได้รับมาและให้แง่คิดที่ดีทีเดียวค่ะ จึงนำมาฝากเพื่อนๆ
7 ธันวาคม 2547 12:10 น. - comment id 79719
หวังว่ากลุ่มโจรที่อยู่ทาง 3 จังหวัดภาคไต้จะเข้าใจ... เหมือนกับเราคนไทยที่เป็นห่วงพี่น้องเพื่อนร่วมชาติ...ไทยนี้รักสงบ คนไทยรักความสงบเป็นคนที่มีนำใจดีงาม รักใคร่.อบอุ่นที่สุดในโลกใบนี้.โปรดอย่ามาทำลายความสงบสุขของพวกเราด้วยเถอะ เราคนไทยจะไม่ยอมให้ใครมาเอาด้ามขวานของเราไป...แต่ถึงลบไม่ขลาด.
7 ธันวาคม 2547 22:21 น. - comment id 79738
ขอบคุณค่ะ .. คุณนิรนาม.. วันนี้อัลมิตราได้เสวนากับปุถุชน เพื่อนซี้แต่ก็ตีกันบางหน .. เรื่องของความคิดที่เปิดกว้าง เรื่องของมุมมองต่างสถานะ บางคนอาจมองคนที่ร่วมแรงร่วมใจพับนกว่า โง่เง่า ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่ใช้วิธีนี้เป็นการเช็คคะแนนนิยม เป็นการรักษาฐานคะแนนเสียง นั่น..เป็นความคิดอีกส่วนเสี้ยวหนึ่ง ที่เราจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผู้ที่มีความคิดเช่นนั้นมีความคิดเห็นในแง่ลบกับการพับนกกระดาษเพียงไร จริงอยู่ที่ยากจะเยียวยาความบอบช้ำในจิตใจของผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ความร้อนระอุ กับเพียงชั่วครู่ที่กระแสลมหอบนกจากทั่วสารทิศมาปัดเป่าทุกข์ และลบคราบน้ำตาให้พวกเขา สิ่งที่พวกเขาอยากได้คือ ความเป็นมิตร ที่ไม่มีเส้นแบ่งกั้นใดๆ ระหว่างเชื้อชาติ ศาสนา หลายคนพยายามสร้างกระแสกล่าวในเชิงลบให้โหมกระพือมากยิ่งๆขึ้น .. อัลมิตราคิดว่า เป็นการอวดศักดาอย่างไม่เข้าท่าเสียมากกว่า ถ้ามีปัญญาคิดสร้างสรรค์อะไรก็เร่งทำเถิด ไม่ใช่เอาเท้าราน้ำอย่างนั้น เสียเวลาและป่วยการจะโต้เถียงใดๆ อัลมิตราไม่ได้เรียนศาสนาเปรียบเทียบ แต่อัลมิตราก็พอจะรู้จักคนที่เรียนภาควิชานี้โดยตรง สิ่งที่อัลมิตรารอ ไม่ใช่ปาฏิหาร์ย์ .. แต่อัลมิตรากำลังรอ รอผู้ที่จะประสานรอยร้าวที่มี ขจัดปัดเป่าให้จางหาย ด้วยความรู้ที่มีอยู่ และด้วยจรรยาบรรณที่ถูกต้อง .. นกกระดาษ ถึงแม้จะเป็นเศษกระดาษ อาจย่อยสลายไปตามกาลเวลา แต่ ณ วินาที ที่ทุกคนส่งใจไปให้เพื่อนร่วมชาติ อัลมิตราก็ได้แต่หวังว่า จะมีบ้างที่เพื่อนต่างถิ่นเหล่านั้นจะรับรู้ถึงความปรารถนาดี ระเบิด กระสุนปืน เก็บเอาไว้ป้องกันประเทศดีกว่า ไฟ..เก็บไว้เป็นเชื้อเพลิงแหล่งพลังงานในการสร้างเสิรม มิใช่เป็นการทำลายล้าง .. อย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ .. คงจะดีมิใช่น้อย :) ขอบคุณมากค่ะ ที่ทำให้อัลมิตรากล้าแสดงออกและเรียบเรียงอักษรตามความคิดได้ค่ะ
18 ธันวาคม 2547 02:36 น. - comment id 79978
เข้ามาดู และได้ดูรูปนก(กระสาคอยาวสีขาว?) บินคู่กันไปข้ามเนินทุ่งหญ้าสีเขียว บนพื้นดินสีน้ำตาล ใต้ท้องฟ้าสีคราม ครับ ส่วนเนื้อเรื่องข้างล่าง ได้อ่านบ้างไม่ได้อ่านบ้าง ครับ สวัสดีครับ :]
19 ธันวาคม 2547 21:30 น. - comment id 80022
รอให้คุณอ่านเนื้อเรื่องที่เขียนไว้จบก่อน ค่อยเขียนเรื่องใหม่ค่ะ ดีมั๊ย ..