วันที่ฉันได้ไปเข้าค่ายธรรมกับโรงเรียน ทีแรกก็นึกว่าจะน่าเบื่อ ไม่มีอะไรสนุกๆ เพราะพได้ยินว่าการเข้าค่ายธรรมแล้วทุกคนก็ต้องคิดเหมือนๆกันว่าต้องมีการนั่งสมาธิ สวดมนต์ อะไรประมาณนี้ แต่พอได้ไปเข้าค่ายในครั้งนี้จริงๆกลับแทบจะตรงกันข้ามกับที่คิดไว้เลย เป็นค่ายที่ฉันคิดว่าโหดนะ แทบจะโหดกว่าการเข้าค่ายลูกเสือด้วยมั้ง เขาจะมีข้าวให้กิน แล้วก็ต้องกินให้หมดอร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง แล้วก็จะให้นักเรียนเป็นคนเสิร์ฟอาหารกันเอง แล้วก็มีแบบทดสอบความเป็นเพื่อน ประมาณว่าให้เล่นเกม แบบให้ทุกคนอยู่กันในผืนผ้าใบเล็กฉบับเดียวให้ได้ โดยมคนอยู่ประมาณ 10 คน มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆเลยนะ กว่าจะทำได้ก็แทบตายเหมือนกัน ต้องมีการต่อตัวกันด้วย และกลุ่มที่แพ้ก็จะไม่ให้กินข้าว และให้เป็นเหมือนผู้รับใช้ของเพื่อนคนอื่น น่าสงสารเพื่อนมากๆ แต่เขาก็จะมีให้รับสมัครคนที่จะมาโดนรับโทษแทนเพื่อนที่โดนทำโทษ แล้วก็จะต้องรับโทษเองทั้งหมด ต้องคอยบริการ เรื่องต่างๆให้กับเพื่อน เวลาที่เพื่อนคนอื่นทำอะไรผิด ผู้รับใช้ก็ต้องโดนทำโทษแทน และถ้าเพื่อนวางรองเท้าไม่เป็นที่ ผู้รับใช้ก็ต้องโดนทำโทษให้เอารองเท้าไปวางบนหลังแล้วก็คลาน แล้วก็ต้องคลานไปกราบเพื่อนด้วย และฉันก็เป็นนึ่งในผู้รับใช้ด้วย ฉันคิดว่าถึงแม้ว่ามันจะลำบากก็จริง แต่มันก็ถือว่าเหมือนได้เป็นผู้หญิงตัวจริงอะไรประมาณนั้น ฮิฮิ แต่ตอนที่ให้คลานหราบเท้าเพื่อนนะ ฉันถึงกับน้ำตาไหลไม่หยุดเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แล้วก็มีให้อาจารย์มาเป็นครูเชลยด้วย ให้อาจารย์คาบถาดด้วย ตอนนั้นฉันถึงกับโกรธมากๆ เพราะว่า เรื่องอะไรมาทำอาจารย์ที่พวกเราเคารพขนาดนั้นด้วย ครั้งนั้นก็ร้องไห้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าการเข้าค่ายครั้งนี้จะโหดก็จริง แต่เรื่องโหดๆพวกนี้ก็ทำให้เราทุกคนได้อะไรต่างๆนานากลับมามากมายได้รู้จักคำว่าเพื่อนมากขึ้นกว่าเดิม รุ้สึกรักเพื่อนมากกกกก เท่าที่เล่าให้ฟังนี่ ถ้าเพื่อนๆทุกคนได้อ่านก็จะนึกว่ามันโหดมากก คงไม่มีใครอยากไปค่ายครั้งนี้หรอก แต่ถ้าเพื่อนๆได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองแล้ว เพื่อนๆจะได้เจอกับสิ่งต่างๆแบบที่ฉันได้เจอมาแล้วเพื่อนๆก็จะอยากเก็บสิ่งเหล่านั้นไว้เป็นความทรงจะที่ดีที่สุดของเพื่อนๆตลอดไป เหมือนกับฉันที่ฉันจะไม่มีวันลืมความทรงจำที่ดีที่สุดนี้ไปได้เลย
20 พฤศจิกายน 2547 11:15 น. - comment id 79190
มาอ่านแล้วค่ะ
20 พฤศจิกายน 2547 15:34 น. - comment id 79193
แล้วได้อะไรมั่งละครับ.. ..อยากรู้จัง...??
20 พฤศจิกายน 2547 19:35 น. - comment id 79197
เป็นค่ายที่มีพระอาจาร์ย2คนใช่ไหมคะ พระอาจาร์ยองค์หนึ่งอ้วนอีกองค์ผอม
20 พฤศจิกายน 2547 21:04 น. - comment id 79201
ขอตอบคำถามของ \" มาเอดะ\" นะ ก็ที่ถามว่าเราได้อะไรจากการเข้าค่ายบ้างอ่ะเหรอ ก็คือว่าอย่างที่บอกไปแล้วว่าได้รู้ความหมายของคำว่าเพื่อน ก็อย่างเช่น ถ้ามีคนถามคุณว่าเพื่อนแท้หมายถึงอะไร แล้วคุณก็อาจจะตอบไปว่า เพื่อนแท้หมายถึงการตายแทนกันได้ การช่วยเหลือซึ่งกันละกัน ถ้าเพื่อนคุณต้องการความช่วยเหลือ คุณก็ยินดีที่จะช่าวยเหลือเขา เวลาเขาถูกทำโทษคุณก็พร้อมที่จะยอมรับโทษแทนเขา คำเหล่านี้ใครๆก็สามารถพูดออกมาได้ แต่ค่ายนี้จะทำให้รู้ว่า คำเหล่านี้มันจะไม่ได้มีความหมายแค่คำพูดอย่างเดียว แต่จะทำให้คุณสามารถพิสูจน์ตัวคุณเองด้วยว่า คุณพูดสิ่งนี้ออกมาได้แล้วคุณสามารถกระทำสิ่งนี้ได้ด้วยรึเปล่า และยังได้รู้ความสามัคคี การทำงานเป็นทีม ว่าการทำงานเป็นทีมนั้น ความสามัคคีเป็นสิงที่จำเป็นมาก เป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนหัวใจของการทำงานเป็นทีมเลย ถ้าคุณไม่รู้จักความสามัคคีแล้ว คุณก็จะไม่สามารถสะกดคำว่าความสำเร็จออกมาได้เลย
20 พฤศจิกายน 2547 21:09 น. - comment id 79202
โทษทีเมื่อกี้ลงนามปากกผิด จริงๆแล้วพู่กัน_สีขาว นะ
20 พฤศจิกายน 2547 21:10 น. - comment id 79203
ไอ้ตอนเหยียบผ้าผืนเล็กอ่ะ ที่โรงเรียนเราให้เหยีบผ้า 1*1 เมตร 20 คน โหดกว่า ขอการันตี งานนี้เรื่องจิง โหดมากตอนนั้นรักเพื่อนมาก แต่ตอนนี้ผ่านมา 1 ปีแล้วเฉยๆนะ
16 ธันวาคม 2547 18:57 น. - comment id 79960
รร.เราเศร้ากว่าหละเขาไม่ให้เด็กคอยรับใช้ แต่เขาให้อาจารย์ทั้งระดับเป็นคนใช้เลยหละ เขาให้พี่เลี้ยง ม.6 มากราบเด็กทั้งที่เด็กเป็นคนผิด น้ำตาท่วมทั้งหอประชุมเลยหละ แต่เราไม่ได้เล่นหรอกไอ้ผ้าสี่เหลี่ยมน่ะ เพราะคุยกันเขาเลยให้อดข้าว (แต่มีหนมปังให้ตอนก่อนนอนไม่งั้นตายแน่)
30 มกราคม 2548 01:16 น. - comment id 82405
ของเรานะก็โหดเหมือนกัน ตอนเราเข้าครั้งแรกนะเราก็รู้สึกรักเพื่อนมากๆเหมือนกัน สงสารอาจารย์ที่ต้องโดนแกล้ง แต่พอเราได้ไปเป็นสตาฟนะ เราว่ามันต่างกันสิ้นเชิงเลย ต้องคอยร้องไห้ตามบทที่พระอาจารย์ให้ แล้วต้องพูดกระตุ้นน้องๆที่มาเข้าค่ายให้รู้สึกไปกับเราด้วยมันยากมากๆ พระอาจารย์เป็นคนที่เล่นจิตวิทยาได้ดีมากๆ