นิมิตมายา
วิญญาณศิลา
เบื้องหน้าถนนอันยาวไกล ทอดไปไม่เห็นที่สุดของปลายทาง
ในขณะนี้ฉันยืนอยู่คนเดียวที่ต้นทางถนนเส้นนี้มันตั้งแต่เมื่อไรนะ ที่เรามายืนอยู่ตรงนี้ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เราจำได้ เรากำลังยืนอยู่ ยืนอยู่กับ ณัฐชา สุดที่รักของฉัน ตรงริมฝั่งของแม่น้ำโขง ศรีสะเกษ เรากำลังทำอะไรนะ ?
เออใช่ เรากำลังขอเธอแต่งงานอยู่ ตอนที่ชมบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา หลังจากที่เราคบกันมาได้ 5 ปี แล้ว แล้วทำไม เราถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วที่นี่คือที่ไหน ? แล้วเราจะถามใครได้ เพราะไม่เห็นใครอยู่เลยในบริเวณนี้สักคนเดียว
ขณะที่ความคิดของฉันกำลังสับสนอยู่นั้น สายตาเหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 กว่าคนกำลังเดินผ่านฉันไป ตามถนนเบื้องหน้านั้น
ในใจฉันดีใจมากที่เห็นคนเดินสวนฉันไป ฉันตะโกน ไปยังคนกลุ่มนั้นทันที คุณ ๆ ที่นี่ที่ไหนกัน ? ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ? แล้วพวกคุณกำลังจะไปไหนกัน ?
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากบุคคลกลุ่มนั้น แม้สักคนเดียว
คนกลุ่มนั้น แต่ล่ะคนแต่งกายชุดขาว เหมือนคนถือศีลในวันพระ แต่วิจิตรกว่าเพราะมีเพชร ประดับตามผ้าเป็นลาย ๆ กันหมดทุกคน แต่ล่ะคนเดินไปอย่างมีระเบียบ เงียบเชียบไม่มีเสียงคุย ไม่มีกระทั่งเสียงฝีเท้า
แต่มีชายคนอยู่คนหนึ่ง ที่เดินนำบุคคลเหล่านั้น แต่งตัวดูพิเศษกว่าคนอื่น ลักษณะการแต่งกายของบุคคลผู้นั้น ไม่ใส่เสื้อมีเพียงสร้อยสังวาล สีทอง ประดับด้วยพลอยนพรัตน์ พาดไขว้ หน้าอก นุ่งจุงกระเบนเป็นลายดอกพิกุลสีทอง ดูสวยงามเป็นยิ่งนัก รองเท้าที่บุคคลผู้นั้นใส่ ดูคล้ายกับว่าเป็นทองคำแท้
เขาเดินนำบุคคลคนกลุ่มนั้นไปโดยเหลียวมามองฉันแป๊บ แล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้ฉันตามเขาไป
ฉันหงุดหงิดมากแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะตะโกนถามไป ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา เหมือนกับเสียงตะโกนไปในที่ว่างเปล่า
ทางที่ดีที่สุด คือ ต้องเดินตามคนกลุ่มนั้นไป เพราะหากยืนอยู่เฉย ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อ
ต้องติดตามตอนต่อไป...