วันนี้เป็นอีกวันที่แสนจะร้อนอบอ้าว ฉันกับหมานั่งลิ้นห้อยกินน้ำอยู่หน้าบ้าน ก่อนที่จะเข้าไปหามุมเหมาะๆ ในบ้านที่ร่มเย็นพอสำหรับสองชีวิต ฉันเดินเข้าไปในห้องรับแขก เปิดประตูไม้หนาที่ติดกับระเบียงหินขัดที่ยื่นออกไปนอกตัวบ้าน ทอดยาวสู่สนามหญ้าและโรงจอดรถ ด้วยความหวังว่า คงจะมีลมเย็นๆ พัดโชยเข้ามาบ้าง ปกติประตูบานนี้ไม่ค่อยถูกเปิด นอกจากจะมีแขกมาที่บ้าน แม่บอกว่าถ้าเปิดตลอดจะทำให้ฝุ่นเข้าบ้าน ฉันเริ่มจัดที่ จัดทาง เลื่อนโต๊ะเตี้ยๆ มาตั้งใกล้ๆ ประตู เอาหนังสือมากอง ยกพัดลมมาเป่า เอาหมอนอิงและขวดน้ำมาตั้ง แค่นี้ก็น่าจะสบายพอแล้ว... ฉันอ่านหนังสือไปได้ซักพัก อาจจะเป็นเพราะอากาศร้อนหรือความขี้เกียจก็ไม่ทราบได้ ทำให้สมาธิที่มีเริ่มลดลง ฉันปิดหนังสือ กวาดสายตาไปอย่างเลื่อนลอย มองฟ้า มองนก มองรถ มองหน้าหมา มองเก้าอี้รับแขก ตู้โชว์ เพดาน ประตู ในที่สุดสายตาของฉันก็มาหยุดอยู่ที่บานพับประตูตรงหน้า ฉันเห็นสติกเกอร์ตัวอักษร ข ติดอยู่ที่บานพับประตูตัวที่สาม ฉันลองเอามือลูบดูพบว่ามันยังติดแน่น แม้ว่าสีเขียวของมันจะดูซีดไปเพราะกาลเวลา ฉันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ความคิดถูกดึงย้อนสู่อดีต ฉันนึกถึงตัวเองตอนเป็นเด็กประถม คิดถึงเพื่อนเก่า คิดถึงม้าหินที่เคยนั่งรอรถรับส่งนักเรียนมารับกลับบ้าน บางทีฉันมักหนีออกนอกโรงเรียน เพื่อไปร้านขายของเล่นใกล้ๆ เสมอ ร้านนี้มักจะมีของเล่นที่เป็นที่นิยมของเด็กๆ ในโรงเรียนอยู่เสมอ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเด็กที่ไปกลับด้วยรถรับส่งในการที่จะออกไปนอกโรงเรียนแล้วกลับเข้ามาใหม่ แต่ฉันก็มีวิธี... ขาออกฉันเพียงแต่เดินถือกระเป๋า หยุดทำความเคารพครูเวรออกไปตามปกติ แต่ขากลับฉันต้องใช้จังหวะที่มีรถบังแล้ววิ่งเข้ามาพร้อมรถ นับว่าเป็นเรื่องเสี่ยงไม่น้อย แต่ของเล่นที่อยู่ที่ร้านขายของเล่นก็ทำให้ฉันอยากที่จะเสี่ยง มีหลายครั้งที่ฉันหนีออกไป เดินเมียงๆ มองๆ ที่ร้าน ตุ๊กตาใส่เสื้อผ้ากระดาษ ขนมที่แถมการ์ดเอาไว้เขี่ยหรือจะติดในสมุดสะสม โซ่เป็นตัวๆ ที่เอามาร้อยเป็นเส้นหรือว่าเป็นหมากเก็บ ไอติมโพลี่ ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ มีอยู่ช่วงหนึ่งเป็นช่วงที่เพื่อนๆ ฮิตสติกเกอร์ตัวอักษร ที่ขายเป็นแผ่นๆ มีตัวอักษร ก-ฮ ใช้ติดตั้งแต่กระเป๋ายันกล่องดินสอ ฉันซื้อมา 3 แผ่น สีเขียว ชมพู และส้ม พอได้มาฉันเห่อมาก เริ่มเอามาติดชื่อตัวเองที่ด้านหลังของกระเป๋านักเรียน ฉันบอกแม่ว่ามันจะได้ทำให้จำนวนครั้งในการหยิบกระเป๋าผิดกลับบ้านมาน้อยครั้งลง สติกเกอร์ 3 แผ่นที่ฉันซื้อมามันมากพอที่จะติดกระเป๋าตัวเอง กระเป๋าเพื่อน โต๊ะเรียน กล่องดินสอ ฉันเลยเผื่อแผ่มาติดที่บ้านด้วย ประตูครัว ตู้เย็น หัวเตียง ตู้หนังสือ ฝาผนังจนเปรอะไปทั่วบ้าน เมื่อยุคของสติกเกอร์ตัวอักษรหมดลง ฉันเริ่มแกะผลงานที่ตัวเองเคยทำไว้ ตรงนั้น ตรงนี้ กว่าจะหมด บางทีก็ทิ้งรอยเหนียวๆ ไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เป็นสิบปี ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กระเป๋า กล่องดินสอ ถูกบริจาค ของต่างๆ ในบ้านก็ถูกเคลื่อนย้าย ห้องถูกตกแต่งใหม่หลายครั้ง ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยและไม่เหลือร่องรอยเก่าๆ พร้อมกับความทรงจำของฉันที่ลางเลือนไป คงเหลือแค่เพียงซอกประตูเล็กๆ ที่ไม่มีใครทันสังเกตแตะต้อง ลมร้อนๆ พัดมา เสียงโมบายที่โรงรถดังกรุ๊งกริ๊งปลุกให้ฉันตื่นจากฝัน ฉันมองตัวเอง ฉันเริ่มเข้าใจกับความล้มเหลวในการพยายามลืมเรื่องราวบางอย่าง เรื่องราวที่ฉันเคยเชื่ออย่างสนิทใจว่าถูกลบเลือนไปแล้ว แต่มันกลับผุดขึ้นมา ชัดเจนอย่างประหลาด เหมือนกับว่ามันไม่เคยหายไปไหน ฉันมองไปที่บานพับประตูอีกทีแล้วถอนใจ บางที มันอาจจะยังมีสติกเกอร์ ข ติดเหนียวอยู่ที่มุมไหนซักมุมในใจฉันก็เป็นได้
ไม่มีรูปก็ไม่ได้เหรอ รูปมันไม่เกี่ยวอ่ะ
15 กรกฎาคม 2545 21:04 น. - comment id 65847
อืม...ความทรงจำไม่เคยเลือนหายไปจากใจเพียงแค่หลับใหลไปชั่วคราวเท่านั้นเอง...เคยเป็นเหมือนกันค่ะที่ลืมเรื่องราวเก่าๆไปแต่พอมีอะไรมาสะกิดใจกลับนึกภาพออกได้เป็นฉากๆเลย
15 กรกฎาคม 2545 23:42 น. - comment id 65851
~o^
16 กรกฎาคม 2545 23:02 น. - comment id 65866
น่ารักมากค่ะ
18 กรกฎาคม 2545 22:14 น. - comment id 65891
( /,( / ("-.-), c('')("),,,, เขาชมกันหมดแล้วเอากระต่ายไปแทนนะ
21 กรกฎาคม 2545 17:27 น. - comment id 65924
อ้าว มันโผล่มาอยู่หน้าส่วนตัวด้วยเหรอ งง เหมือนตอนแรกไม่เห็นนี่นา