+.*~*+::~“ Party Flowers ” ~::+::*~*+

อัลมิตรา

 
 .:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:.				
วันศุกร์ ที่ 29 ตค 47

อัลมิตราเดินทางจากกรุงเทพ 8.00 ไปตามเส้นทางเพชรเกษม ถึง ฟิลิกซ์ รีเวอร์แคว รีสอร์ท ประมาณ 10.30 ค่ะ  โดยที่อัลมิตราแวะซื้อของฝากที่ราชบุรีก่อน ซื้อวุ้นเส้น เส้นก๋วยเตี๋ยวและขนมที่เก็บค้างไว้ได้ เผื่อว่าวันรุ่งขึ้นอาจจะไม่สะดวกเวลาแวะซื้อของ รีสอร์ทหาไม่ยาก ดูตามแผนที่ที่ได้รับมา เลี้ยวซ้ายเข้าไทรโยค ข้ามสะพานผ่านลำน้ำแคว และเลี้ยวซ้ายอีกหนที่เขาปูนอีกประมาณ 6 กิโลเมตร รีสอร์ทช่าง ใหญ่โตจัง พื้นที่เลียบแนวของลำน้ำแคว   ความจริงก่อนหน้าที่จะเดินทางมานั้น อัลมิตราเคยเปิดดูจากเน็ต แต่ในเน็ตไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากนัก มีรูปให้เห็นไม่กี่ชุดเอง เห็นตัวอย่างห้องประชุม ห้องพัก และราคาห้องพัก แถมเป็นภาษาอังกฤษเสียอีก 

ทันทีที่ไปถึง บริเวณ LOBBY มีเครื่องดื่มต้อนรับที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้เป็นน้ำตะไคร้ เขาไม่ใช้หลอดนะ เขาใช้ก้านตะไคร้ แทนหลอด อัลมิตราดื่มแก้วแรก และหันไปมองซ้ายขวาก่อนหยิบแก้วที่สองมาดื่ม  แบบว่าทานแล้วชื่นใจจังค่ะ จากนั้นก็ไปรายงานตัวที่โต๊ะลงทะเบียนของ STAFF  เกือบลืมบอกไปว่า PARTY FLOWERS นั้น อัลมิตราได้รับเชิญจาก UNOCAL จะเชิญด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ คงต้องขออุบไว้เป็นความลับ เมื่อไปรายงานตัวกับ STAFF แล้ว เช็ครายชื่ด ได้หมายเลขห้องพัก ก็ไปเบิกกุญแจจาก COUNTER  และเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บก่อน ห้องพักโอ่โถงมากเลย เป็นเตียงคู่ (ตรงนี้ ไม่ค่อยเข้าใจ เขาเรียกว่าเตียงเดี่ยวมีเป็นคู่ หรือเตียงที่คนคู่นอน ) เอาเป็นว่า เตียง 2 เตียง กว้างพอนอนได้เตียงละ 2 คน  มีประตูกระจกด้านหลัง และเมื่อเดินออกไปก็จะเป็นระเบียง กว้างนะ วิวที่เห็นที่บึงเล็กๆ มีน้ำพุ ต้นมะพร้าวที่ยืนเด่นอยู่หลัง ทำให้อัลมิตราคิดว่า กลางคืนจะไม่ยอมออกมาชมวิวเด็ดขาด ตอนกลางวันก็คงดูดีนะ กลางคืนบรรยากาศคงน่ากลัว เงาตะคุ่มของต้นไม้ใหญ่ และความวังเวงชอบกล หมู่นี้ภาพยนตร์ประเภทสยองขวัญกำลังครองตลาดอยู่ อัลมิตราไม่อยากได้พล๊อตแบบนี้เขียนบทความเท่าไหร่นักหรอก				
เล่าถึงสิ่งที่มีในห้องพักบ้างดีกว่า ห้องน้ำก็กว้างขวางดี มีอ่างอาบน้ำด้วย สมใจนึกเชียว จะได้นอนแช่น้ำนาน ๆ มีไดร์เป่าผมเตียมไว้ให้ใช้  ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ก็มีตู้นิรภัย  อัลมิตราเองก็ไม่ได้พกของมีค่ามาหรอก  แต่ก็ลองเล่นดู ช่วงที่รอคิวเข้าห้องน้ำ ก็กดรหัสและปิด เล่นอยู่คนเดียวเสียตั้งนาน จนเพื่อนถามว่า เสียงอะไร ติ๊ง ติ๊ง .. อัลมิตราตอบว่า เหอะน่า เรื่องอะไรจะบอกให้รู้ว่าอัลมิตราเล่นตู้นิรภัยอยู่ (ถ้าทำของเขาเจ๊ง ซวยแน่เชียว).. โซฟาหลุยส์ลายดอกไม้ ซึ่งไม่ได้มีไว้นั่ง (สำหรับคนอื่นอาจได้นั่ง ) กลายเป็นที่วางกระเป๋า มีความลับจะเล่านะ อัลมิตราไม่เคยเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าไปแขวนในตู้เสื้อผ้าหรอก กลัวว่า เมื่อถึงเวลาจะใช้ เปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อจะหยิบเสื้อผ้านั้น ทันใดที่เปิด มีตัวอะไรโผล่ออกมา อัลมิตราก็ยืนนิ่งสลบกลางอากาศไปแล้ว และอีกอย่าง บุปผาราตรีมีผีซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า ไม่เอาล่ะ คิดไปคิดมา ไม่มีทางเด็ดขาดที่จะเอาเสื้อผ้าไว้ในตู้เสื้อผ้า จะกองไว้ตรงนี้แหล่ะ ไม่สนล่ะ  ที่ประทับใจน่าจะเป็นโคมไฟนะ โคมไฟที่ทรงประกอบจากไม้ทำเป็นเหมือนกองหนังสือวางซ้อนไขว้กัน อัลมิตราชอบงานประดิษฐ์แบบนี้ โคมไฟมีสองชุด ชุดหนึ่งอยู่บนโต๊ะหนังสือ และอีกชุดอยู่บนโต๊ะเล็กๆหว่างกลางเตียงทั้งสอง  ผ้าม่านโทนสีอ่อนลายดอกไม้ เฉดเดียวกับโซฟาหลุยส์ และม่านชั้นในเป็นผ้าลูกไม้บาง ๆ สีครีม 

จัดการอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยกันแล้ว ก็พอจะมีเวลาไปเดินเตร่ๆบริเวณรีสอร์ท บรรยากาศรอบข้างร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ เสียงซ่าของน้ำตกจำลอง น้ำพุจำลอง ผีเสื้อบินว่อน สวนหิน สวนดอกไม้ มีเวลาพักอยู่ที่นี่เพียงสองวัน อยากอยู่มากกว่านี้จัง แต่ อัลมิตราคิดว่าห้องพัก ราคา คงไม่ใช่ในระดับที่ อัลมิตรามีปัญญาจ่าย .. ( แหะ ๆ )  อัลมิตราบอกกับตัวเองว่า อย่าลืมนะ อย่าลืมเก็บรายละเอียดมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง				
มื้อเที่ยงอัลมิตราไปทานอาหารตามที่รีสอร์ทจัดไว้ให้ ทานแต่ปลาและผัก ก่อนเดินทาง คุณพ่อและเพื่อนที่เป็นหมอ (ให้ทาย ใครเอ่ย ?)  สั่งนักสั่งหนา ห้ามกินไก่  ทริปเที่ยวเมืองกาญจนบุรีนี้อัลมิตราทานแต่ปลาและผักทุกมื้อ จนจะเป็นนางเงือกอยู่แล้ว จากนั้นตามกำหนดการบ่ายสอง คณะที่เดินทางไป แบ่งเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งไปล่องแพ อีกชุดหนึ่งต้องเข้ารับฟังสัมมนา อัลมิตราเลือกไปล่องแพ ( มารู้ทีหลังว่าเป็น อ. จตุพล รู้สึกเสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ไปฟังสัมมนา ได้ยินมาว่าจ้างมาแพงนะ ตั้งแปดหมื่น/ชั่วโมง  ) แดดในตอนนั้นจ้ามาก แต่อากาศก็ไม่ร้อนเกินไปนัก อัลมิตราเตรียมหมวกมาเผื่อไว้ แพที่ล่องไปนั้น ไม่ใช่แพเปียกอย่างที่ใจอยาก  แพของรีสอร์ท อลังการ (สุดๆ) สามแพผูกติดกัน มีโต๊ะอาหารด้วย และมีบริการของว่าง(เอสแอนพี เชียวนะ )อร่อยไม่อร่อยไม่รู้นะ แต่อัลมิตราทานสองกล่อง .. (ในกล่องมีขนม 3 อย่าง และชาเขียว) อ้อ ! มีมุมกาแฟ ชา และซาลาเปาด้วย แต่อัลมิตราไม่ได้ทาน  อัลมิตราทานน้ำตะไคร้ (อีกแล้ว) เพื่อนถามว่า กินน้ำตะไคร้เป็นอย่างเดียวเหรอ อัลมิตราตอบว่า .. ที่บ้านไม่มีนี่นิ ก็จะกินให้จนหนำใจล่ะ ..				
เรือยนต์เล็ก ๆ ลากแพ 3 หลังไปตามลำน้ำแคว ซึ่งผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว ผ่านแพท่องเที่ยวของคณะอื่น ก็โบกมือทักทายกันไป และเมื่อผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติบนสะพานต่างก็ชักรูปกันเป็นแถว บ๊ายบาย บ๊ายบาย .. เสียงตะโกนจากแพไปยังบนสะพาน และเสียงจากสะพานก็ตอบรับ บ๊ายบาย บ๊ายบาย .. เช่นกัน แพล่องไปอีกไกลนะ คาดว่า 10 กม กระมัง จนถึงจุดตัดของแม่น้ำแควใหญ่ และ แม่น้ำแควน้อย นึกถ้อยคำบางประโยคของเพื่อนที่อยู่แดนไกลเคยกล่าวไว้ว่า

...คนเราอยู่ท่ามกลางสิ่งใดย่อมยากเห็นสิ่งนั้นทั้งหมด... 
...และย่อมยากเห็นชัดถึงสิ่งอื่นที่แตกต่าง... 
...จุดตัดแห่งแม่น้ำและกาลเวลา... 
...เสมือนทางสายกลางแห่งความ ...
...เข้าใจในสรรพสิ่งที่แตกต่าง เป็นจุดให้หยุดเพื่อฉุกคิดว่า... 
...แท้ที่จริงแล้วธรรมชาติรอบข้างคืออะไร ...
...เป็นจุดที่พ้นจากหนึ่งทางออกที่เปรียบเสมือนหนึ่งทางเข้า.. 
...และเป็นจุดที่สะท้อนให้เห็นเงาที่แท้จริงในตัวตน ..

และในความรู้สึกของอัลมิตราที่ได้รับสัมผัส ณ ขณะนั้น ความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบายความใด ๆ ให้กับผู้อื่นได้รับรู้เช่นเดียวกับความรู้สึกเทียบเท่าอัลมิตราสัมผัสอยู่

...จุดตัดของช่วงเวลา จุดตัดของหลับ-ตื่น... 
...หรือกระทั่งจุดตัดของแม่น้ำสองสาย... 
...อัลมิตราเคยตั้งคำถามกับตนเองว่า... 
...หากอัลมิตราดำรงตนอยู่ตรงนั้น จะเป็นไปได้ไหม ...
...หากมิต้องเลือก ซ้าย หรือ ขวา จะเป็นเช่นไร ...
...บางอย่างไม่น่าที่จะคิด แต่ก็คิดไปแล้ว... 
...ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คำตอบใดใดมาคลี่คลายปัญหาในใจ... 
...แต่ก็ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่อัลมิตราใคร่รู้... 
...ทั้งที่ใจของตนเองยังหาเหตุผลไม่ได้เลยว่า รู้ไปเพื่ออะไร ..


จากจุดกลางแม่น้ำที่บรรจบกันระหว่างแม่น้ำแควน้อยและแม่น้ำแควใหญ่ เห็นได้ชัดเลยว่าน้ำเป็นสองสี มีเรือของแม่ค้าซึ่งเป็นเรือหางยาว มาจอดเทียบแพ เพื่อทำการขายของ มีลูกชิ้นปิ้ง มีขนมขบเคี้ยว มีส้มตำ มีของเล่น  อัลมิตรายังไปอุดหนุนเล็กน้อย ซื้อตุ๊กตาที่ใส่สบู่เหลว เอามาเป่าฟองสบู่เล่น ราคาไม่ถูกนักหรอก ตั้งยี่สิบบาท แต่แลกกับความสุขที่ได้รับในขณะนั้น ถือว่าคุ้ม คงเริ่มต้นจากที่อัลมิตราซื้อสบู่เหลว เลยทำให้เด็ก ๆ หลายคนรบเร้าให้ผู้ปกครองซื้อให้บ้าง อัลมิตราก็อยากจะซื้อแจกนะ  แต่เขาไม่ยอมรับของอัลมิตรากัน  อัลมิตราซื้อมา 3 ตัว 3 สี  เป่าฟองกันฟ่อด ลูกโป่งลอยว่อนเต็มแพไปหมด สนุกสนานแท้ จากนั้นอัลมิตราไปนั่งหย่อนเท้าแช่แม่น้ำที่ขอบแพ ( เขาเรียกกันว่า มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ ...ประมาณนั่น ) มีเด็กเล็กสอง-สามคน อยากทำบ้าง แต่แม่เขาไม่อนุญาต อัลมิตราก็บอกมาสิ อัลมิตราดูแลให้ อัลมิตราว่ายน้ำเป็น  เด็กชายคนหนึ่งขออนุญาตแม่เขามานั่งชิดกับอัลมิตรา ซึ่ง อัลมิตราก็กอดเขาไว้ด้วยมือซ้าย  อายุไม่น่าเกินหกขวบ เขาตัวสั้นนะ ปลายเท้าแตะผิวน้ำ เขาเขยิบไปขอบแพ อัลมิตราต้องคอยระวังเขาไว้ไม่ให้ร่วงลงน้ำ น่าขำจัง อัลมิตราหยอกเขาว่า นับซิ นิ้วอยู่ครบหรือเปล่า เดี๋ยวปลากินไปนะ 5 นาทีก็ ยกเท้ามานับกันทีค่ะ สนุกจัง หลอกเด็ก เขาเองก็น่ารักนั่งนาน ๆ เข้า เขาก็เข้ามาซบที่อกซ้าย ปากน้อย ๆ ก็ชวนคุยไปเรื่อย สักพักพี่สาวสองคนของเขาก็มานั่งขอบแพด้วยกัน เข้าใจว่าเป็นสามคนพี่น้องครบทีมเลย แม่ของพวกเด็กน้อยเก็บภาพนี้ไว้

กลับจากล่องแพ ประมาณบ่ายสี่กว่าๆ มีเวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่แยะ อ้อ ! ลืมบอกตอนแรกที่ลงทะเบียนตอนเช้า เขาแจกเสื้อผ้าฝ้ายมาให้ เป็นเสื้อสีขาวแขนยาว เพ้นท์ลายดอกไม้ ให้ทุกคนสวมตอนเย็นเพื่อร่วมงาน party flowers  อัลมิตราได้ size L  ใส่ได้พอดีโพรกนิด ๆ  หลังจากจัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็รีบลงมาสถานที่จัดงาน ไม่อยากพลาดตอนพระอาทิตย์หล่นปุ๋งลงลำน้ำแคว				
บริเวณงาน ตบแต่งได้สวยงาม โอ้โห..!! ดอกไม้มากมายตระการตาเต็มไปหมด เขาเนรมิตไว้เหมือนสรวงสวรรค์เชียว (ทำอย่างกะเคยไปสวรรค์) ทางเข้าเป็นซุ้มประตู ดอกกุหลาบงาม ๆ หลากสี ดอกลิลลี่ (ดอกไม้ที่มีความหมายถึงมิตรภาพ) ดอกกล้วยไม้ และดอกไม้อื่น ๆที่อัลมิตราไม่รู้จักชื่อ  งามสะพรั่งเต็มไปหมด มีกิจกรรมสันทนาการ ตามซุ้มต่าง ๆ  มีดนตรีเครื่องสายมาขับกล่อมสร้างบรรยากาศให้ดียิ่ง ๆขึ้น  ได้ยินมาว่า จะมีบริการนวดเท้า (ตอนเช้าไปซักไซร้ STAFF มาแล้วก็เลยรู้ ) ตั้งใจไว้แล้ว จะไปใช้บริการนวดเท้า อัลมิตราชอบนะนวดเท้า รู้สึกสบาย จำได้ว่าตอนที่ลุงอามส์ให้ของฝากจากอัมเตอร์ดัมส์ มีครีมบำรุงผิวมมาฝากอัลมิตราหลายกระปุก ปรากฏว่าอัลมิตราเอาครีมบำรุงผิวทาตัว แต่ไม่ยักจะทาใบหน้าหรอก (หลงตัวเองนิดหน่อยว่า ยังไม่จำเป็นต้องใช้)  ตอนที่นอนบนเบาะนิ่มมีช่างภาพจะมาถ่ายวีดีโอ  อายจัง ! อัลมิตราดึงหมวกปิดหน้าไว้ โธ่ถัง .. มาถ่ายวีดีโอตอนนี้ได้อย่างไรกัน.. กำลังเคลิ้มง่วงอยู่เชียว บรรยากาศหน้านอนชะมัด 

ในบริเวณงานยังมีซุ้มเกมส์ ตักดอกไม้ด้วยนะ เกมส์มีอยู่ว่า ต้องเอาที่ช้อนปลาซึ่งทำด้วยกระดาษช้อนดอกไม้ขึ้นมา ในนั้นจะมีรางวัล  ดอกไม้จะลอยน้ำในสระน้ำที่เด็ก ๆ เล่นน้ำกันประมาณนั้น อัลมิตราตัดอกกุหลาบที่ดอกคว่ำจุ่มน้ำ (คิดในใจว่า ต้องมีรางวัลแน่นอน กลีบดอกจึงหนักเลยคว่ำ สูตรวิทยาศาสตร์เชียว ) รางวัลที่ได้คือดินสอกดลายการ์ตูน  และไปเข้าคิวถ่ายสติกเกอร์  ได้รูปฟรี ๆ มาสองชุด  จากนั้นก็ไปเมียงมองซุ้มร้อยดอกไม้ ซุ้มแกะสลักผลไม้ และ ซุ้มที่ทำอาหารจากดอกไม้ .. เดินไปเดินมาชักเมื่อย อัลมิตราพยายามเดินจนทั่วบริเวณงาน เพื่อเก็บรายละเอียดให้มากที่สุด สักพัก ก็มีพวกตัวตลกโบโซ่ มาแสดงกายกรรม มีพ่นไฟ มีโยนขวด โยนห่วง ประดิษฐ์ลูกโป่งเป็นรูปสัตว์ ดอกไม้ และของเล่นสำหรับเด็ก ๆ แล้ว คงจะชอบใจกัน เห็นต่อแถวกันยาว เพื่อรอรับลูกโป่งประดิษฐ์  อัลมิตรายังไปต่อแถวเอาลูกโป่งดอกไม้สีเหลืองเลย ก็อัลมิตราอยากได้ ลงทุนไปต่อแถวนะนั่น .. ตอนที่เขาบิดเกลียวลูกโป่งเพื่อประดิษฐ์ หลับตาปี๋เลย หวาดเสียว กลัวลูกโป่งแตก .. ห้ามขำนะ คนตัวโต มีสิทธิ์กลัวเสียงลูกโป่งแตกเหมือนกัน ไม่แปลกหรอก 

ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ น่าจะเป็น ซุ้มวาดรูปสีน้ำ  มีศิลปินหนุ่นสามหน่อ บรรจงระบายสีน้ำเป็นรูปดอกไม้ และสัญลักษณ์ของเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว และด่านเจดีย์สามองค์  อัลมิตราก็สนใจนะ ไปนั่งจ้องตั้งนาน 
หนุ่มศิลป์คนหนึ่งคงสังเกตุเห็นอัลมิตราสนใจอยู่นาน จึงถามว่า สนใจลองวาดไหมครับ จะสอนให้  
อัลมิตรายิ้มรับและตอบว่า  วาดเขียนได้ 4 เต็ม 20 พอจะสอนได้ไหมค่ะ 
เขาหัวเราะกันตรึม ความจริงอัลมิตราอยากลองระบายสีน้ำบ้าง แต่เกรงว่าเขาจะเสียของเปล่า ๆ  และคนเดิมที่พูดกับอัลมิตราตะกี้ กล่าวอีกว่า
  ถ้าอย่างนั้น รูปที่ผมวาดเสร็จแล้ว ผมให้คุณนะครับ  
 ขอบคุณมากค่ะ  อัลมิตรารีบตอบรับ พร้อมกับยิ้มหวานสุด ๆ ให้หนุ่มศิลป์คนนั้น
ไม่ค่อยงกเลย หยิบมาตั้ง 4 ภาพ แถมใบที่เป็นดอกไม้ อัลมิตราให้เขาลงชื่อ almitra เขาดันลงผิดเป็น almltra .. ว่าจะเอามาอวดคุณพ่อสักหน่อย โมเมว่า วาดเอง ฮะ ฮ่า เสียแผนไปหมด  แต่ก็ดีไปอย่าง คุณพ่อย่อมรู้ฝีมือของคุณลูกสาวอยู่แล้ว 4 เต็ม 20 น่ะ ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่ 

 และแล้วก็ถึงเวลาเข้าสู่งานปาร์ตี้ดอกไม้อย่างเป็นทางการ พิธีกรประกาศไว้เช่นนั้น ช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย ได้เริ่มต้นแล้ว จากบริเวณที่ มีกิจกรรมสันทนาการนั้น ต้องข้ามสะพานเล็ก ๆ ซึ่งสะพานนั้น ประดับประดาไว้อย่างสวยงามมาก และยิ่งกว่านั้น ก่อนทางข้ามสะพานมีเทพบุตรและเทพธิดา มาเตรียมรอรับแขกเข้าสู่บริเวณงาน party flowers เหล่าเทพบุตรและเทพธิดาขึ้นจากแพที่ล่องมาตามลำน้ำแคว  แพที่ประดับประดาด้วยดอกไม้ทั้งหลัง และเหล่าชาวสวรรค์ที่อยู่ในแพนั้น เป็นภาพที่วิจิตรเหลือเกิน  เทพบุตรและเทพธิดาสวมชุดขาวกรอมเท้า มายืนรับแขกด้วยรอยยิ้มอันเป็นมิตร ณ สะพานเล็ก ๆ ที่ทุกคนต้องผ่านเข้าไปสู่บริเวณงานด้านใน พวกเหล่าชาวสวรรค์สวมมาลัยดอกไม้ให้กับแขกเข้างานทุกๆคน อัลมิตราเองก็ได้ด้วยนะ เป็นมาลัยกล้วยไม้  อย่าเอ็ดไปเชียว อัลมิตราเดินเข้างานเป็นคนแรก แบบว่าเมื่อย อยากนั่งเร็วๆ ยื่น เดินเตร่ มา สองชั่วโมงกว่าแล้ว .. และข้อเหตุผลข้อสำคัญของอัลมิตราคือ หาทำเลเหมาะๆ เพื่อที่จะดูหุ่นละครโรงเล็กโจหลุยส์ให้ชัดเจน อัลมิตราเลือกนั่งโต๊ะแถวที่สองจากด้านหน้า บริเวณตรงกลางซึ่งติดกับพรมสีแดงทอดยาวตลอด อัลมิตราก็ยังไม่ทราบว่า ปูพรมทำไม ตรงนั้น แต่ก็พอจะเดา ๆ ได้อยู่ว่า อาจจะมีการเดินประกวดอะไรสักอย่าง ( แอบได้ยินมาจากทีม STAFF)				
พิธีกรของงานคือคุณเกริก ชิลเลอร์ และคุณตุ๋ยตุ่ย พิธีกรทั้งสองท่านมีอารมณ์ขันมากมาย ทำให้บรรยากาศเป็นกันเองยิ่งขึ้น ซึ่งพิธีกรก็ยอมรับแบบเขินอายเล็กน้อยที่ แต่งตัวขัดกับแขกร่วมงานในปาร์ตี้ครั้งนี้ คุณตุ๋ยตุ่ยกล่าวให้ฮากันว่า รู้สึกหลุดโลกชอบกล  เมื่อถึงเวลาเปิดพิธีอย่างเป็นทางการ  พิธีกรเชิญเหล่าผู้บริหารมาเปิดงาน โดยมีนางฟ้าสวย ๆ มาโปรยดอกไม้ตามรายทาง พวกเขาแต่งตัวคล้าย ๆ อัลมิตรา แต่พิเศษตรงนี้มีผ้าพันศรีษะและมีดอกไม้สีทองปักแซมประดับ เหมือนพวกเจ้านายเมืองมอญ พิธีเปิดของเขาอลังการน่าดูอีกเหมือนกัน มีการลอยโคม สวยมาก อัลมิตราเห็นโคมลอยไปบนฟ้า บนฟ้าก็มีจันทร์งามเป็นฉากหลังอยู่ และการจุดพลุ เสียงดัง ประกายดาว สีสันต่าง ๆ อยู่บนฟ้าเหนือศรีษะของอัลมิตรา เสียงพลุดังจนน่ากลัว อัลมิตราแหงนคอดู  เอาหมวกที่สวมเมื่อเย็น เอาขึ้นมาสวมไว้ กลัวลูกไฟหล่นใส่ศรีษะแล้วผมจะไหม้ ..แล้วก็มีบั๊งไฟด้วย   ท้องฟ้ายามนั้นสว่างไสวไปด้วยดาวจำลองจากประกายพลุนั้น				
ปลื้ม ..ปลื้ม วันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับอัลมิตราเสียจริง นอกจากดอกลิลลี่ ที่อัลมิตราชอบเป็นพิเศษแล้ว เพลงแรกที่นักดนตรีแสดงคือ youve got a friend ... หากอัลมิตราจะขอเพ้อเสียหน่อยว่า .. งานนี้สำหรับอัลมิตรา เจ้าของสโลแกนมิตรภาพตราบสิ้นฟ้า เขาจะว่าโอเวอร์ไปหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ อัลมิตราปลื้มในใจ เรื่องปลื้มแบบนี้ ห้ามกันได้ซะที่ไหนกัน				
				
				
เนื่องจากอัลมิตรารู้ล่วงหน้าว่า ในงานนี้มีหุ่นละคนโรงเล็กโจหลุยส์มาแสดง อัลมิตราจึงเตรียมกาพย์ฉบังที่เคยเขียนไว้ในเวปเมื่อกลางเดือนกันยาที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าฝีมือกาพย์ของอัลมิตราจะไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าพิเศษหรือเหนือชั้นประการใด แต่อัลมิตราอยากมอบให้ชาวคณะโจหลุยส์ ซึ่งตอนแรกอัลมิตราตั้งใจจะคัดด้วยลายมือของอัลมิตราเอง คัดใส่การ์ดสวย ๆ แต่มีเหตุฉุกเฉินขึ้นเล็กน้อย ทำให้อัลมิตราไม่สะดวกไปหาซื้อการ์ด และยิ่งกว่านั้น จนวันพฤหัสก่อนวันเดินทาง ได้รับบาดเจ็บที่นิ้วชี้ข้างขวาอีกต่างหาก ก็เลยเป็นกาพย์ฉบัง ที่พิมพ์มาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ แม้ว่าไม่ได้ดั่งใจนัก แต่ความตั้งใจเดิมยังคงมีอยู่ พิมพ์มาแล้วก็ยังนั่งกังวลอีกว่า จะเอาไปให้เขาอย่างไร กระดาษสีฟ้าในซองสีขาว อัลมิตราถือติดมือมาด้วย กระสับกระส่ายใจเหมือนกัน				
จนกระทั่งถึงเวลาที่อัลมิตรารอคอย เมื่อพิธีกรประกาศว่าช่วงเวลาต่อไป เป็นหุ่นละครเล็กคณะโจหลุยส์ เรื่องที่แสดงคือ รามเกียรติ์ ตอนกำแหงหนุมาน มี ฉากของทศกัณฑ์ นางเบญจกาย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที หนุมานและนางเบญจกายมีคนเชิด หุ่นละ 3 คน ในช่วงเวลาที่แสดง มีอยู่ตอนหนึ่ง ที่คนเชิดหุ่น พากันลงจากเวที เข้าหาผู้ชมตามโต๊ะ เรียกรางวัลไปได้โขเชียว อัลมิตรานี่ แย่จัง ไม่ทันนึก ไม่ได้เตรียมรางวัลใด ๆ มา นอกจากกาพย์ฉบัง ๑๖ ที่อยู่ในมือในขณะนั้น ความที่ไม่กล้า และความที่อยากจะให้กาพย์ฉบังเป็นที่ระลึก ทำให้อัลมิตราตัดสินใจเรียกบริกร ที่เสริฟน้ำ ที่เดินผ่านโต๊ะของอัลมิตรา 
ฝากซองนั้นให้กับคณะโจหลุยส์ทีนะคะ ขอบคุณค่ะ  อัลมิตราบอกบริกรเช่นนั้น ซึ่งเขาก็รับฝากแต่โดยดี ในที่สุดอัลมิตราก็มอบกาพย์ฉบังให้โจหลุยส์ พวกเขาจะเปิดอ่านหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ อัลมิตราเพียงอยากจะบอกพวกเขาว่า อัลมิตราชื่นชอบการแสดงของเขา เท่านั้นเองที่เป็นจุดประสงค์				
				
เมื่อการแสดงของคณะโจหลุยส์จบ ก็มีการประกวดซุปเปอร์โมเดลลิ่ง โดยผู้ประกวดก็มาจากตัวแทนของ 4 หน่วยงานหลัก ผู้เข้าประกวดทั้งหมดมี 4 คู่ ชื่อชุดประกวด ..เอราวัณ ปลาทอง ฟูนาน และไพลิน เแต่ละคู่ก็จะมีเครื่องแต่งกายแบ่งเฉดสีกันไป เอราวัณ เป็นโทนสีเทา ปลาทองโทนสีส้ม ฟูนานโทนสีเขียว และไพลินโทนสีน้ำเงิน บรรดาสาวงามที่เข้าประกวดงามกันจริง ๆ แต่บรรดาหนุ่มที่มาควงแขนเดินคู่นั้น เรียกสียงฮากันมิใช่น้อย รู้สึกว่างานนี้จะมีการบลั๊ฟผู้บริหารชาย แต่ก็นับว่าเป็นการสร้างสีสันให้กับงาน มีการสัมภาษณ์โดยพิธีกรหยอดคำถามไป และด้วยมุขที่ผู้เข้าประกวดตอบกลับมา ไม่มีซึ่งแววเก้อเขินประการใด ตรงนี้ถือว่าดี เพราะเหมือนกับมีความเป็นกันเองยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะสัมภาษณ์คู่ใด ก็ฮากันตรึมตลอด				
วิธีตัดสินว่าผู้เข้าประกวดคู่ใดเป็นซุปเปอร์โมเดลลิ่งนั้น ใช้วิธีนับคะแนนกันโดยเช็คจากยอดของดอกกุหลาบจากคนเชียร์ ซึ่งขณะนั้น ทางSTAFF นำดอกกุหลาบมาแจกให้ทุก ๆ คน คนละ 1 ดอก ดอกกุหลาบสวยมาก ก้านตรง ความจริงแล้วอัลมิตรานึกเสียดายเหมือนกัน ที่ดอกกุหลาบสวย ๆ ในมือของอัลมิตรา จะอยู่กับอัลมิตราเพียงชั่วขณะเท่านั้น ใจของอัลมิตราก็นึกย้อนไปถึงเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเล่าว่า ..  คุณพ่อของผมบอกว่า ดอกไม้จะงามก็ต่อเมื่ออยู่ที่ต้นของมัน  ดอกกุหลาบจำนวนมิใช่น้อย หากจะคิดคร่าว ๆ คงมากกว่าสี่ร้อยดอก ที่ต้องผละจากต้นของมัน เพียงเพื่อมาเป็นค่าคะแนนให้ผู้ประกวด อัลมิตราได้แต่รำพึงกับตนเองลำพังว่า ..  ความงดงามที่อัลมิตราสัมผัสได้ จะเป็นความงดงามเพียงชั่วครู่เท่านั้น พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ดอกกุหลาบงามก็จะไม่เหมือน ณ ตอนนี้ ..เสียดาย ..เสียดาย 				
คะแนนของผู้เข้าประกวดทั้ง 4 คู่ ฉิวเฉียดกันมาก คะแนนสูงสุดและต่ำสุด ต่างกันเพียง 10 คะแนนเท่านั้น อัลมิตราลอบฟังคะแนน เห็นชัดได้ว่า ดอกกุหลาบที่เป็นค่าคะแนน รวมแล้วไม่น่าจะครบเท่าจำนวนคนที่ได้รับดอกกุหลาบ .. คงมีคนอยากได้ดอกกุหลาบนั้น ถึงไม่ลงคะแนนให้ผู้เข้าประกวด ใจจริงแล้วอัลมิตราก็คิดจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่มาคิดอีกที ดอกไม้อยู่กับอัลมิตรา หรือ ดอกไม้อยู่กับผู้เข้าประกวด อายุความงามของดอกไม้นั้น ก็เท่า ๆ กัน จริงอยู่ที่ว่า ผู้ที่ครอบครองดอกไม้นั้นรู้คุณค่าของดอกไม้นั้นเท่ากันหรือเปล่า อัลมิตราเองก็ตอบไม่ได้ .. ไม่รู้ใจผู้อื่น จะตอบแทนได้อย่างไร 

แต่ไม่ว่าผลของการประกวดจะเป็นอย่างไร ดูแล้วผู้เข้าประกวดไม่ได้กังวลนัก ทุกคนสนุกสนาน รอยยิ้มเกลื่อนทั่วงานปาร์ตี้ อัลมิตราเองก็มีความสุข ท่ามกลางผู้คนที่รายล้อม แม้จะไม่รู้จักกัน เนื่องจากอัลมิตราไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องแต่อย่างใดเลย แต่ดูเหมือนว่า ณ ขณะนั้น ไม่มีอะไรขวางกั้นความเป็นกันเองและสัมพันธภาพอันงดงามต่อกันได้เลย				
หลังจากประกาศผลรางวัลการประกวด พิธีกรก็ประกาศว่า จะมีรางวัลพิเศษ 7 ชิ้น มอบให้สำหรับแขกผู้มีเกียรติ์ โดยรางวัลนั้น ง่ายต่อการรับของรางวัล ที่ใต้เก้าอี้ของทุก ๆ คน จะมีตัวอักษร หากใครมีตัวอักษร S U C C E S S .. อักษรใดก็ได้ในคำนี้ ก็ขึ้นมาบนเวทีรับรางวัลได้ ที่ใต้เก้าอี้ของอัลมิตรา มีตัวอักษร S .. ดังนั้น อัลมิตราจึงขึ้นเวทีไปรับรางวัล ใจก็หวั่น ๆ เหมือนกันว่า คุณพิธีกรทั้งสอง จะมีมุขอะไรมาหยอดหรือเปล่า จนกระทั่งผู้ที่มีตัวอักษรทยอยขึ้นเวทีจนครบ คุณเกริก ซึ่งอยู่ใกล้กับอัลมิตรา สัมภาษณ์อัลมิตราว่า  ไม่ทราบว่าคุณมาจากหน่วยงานใด  
 EGAT ค่ะ  อัลมิตราตอบเช่นนั้น
พิธีกรชาย  วันนี้มีกิจกรรมมากมาย มีอะไรบ้างครับ และคุณเข้าร่วมกิจกรรมอะไรบ้างครับ  
อัลมิตรา  วันนี้ช่วงบ่ายตามกำหนดการ มีล่องแพ และฟังบรรยายจาก อ. จตุพล ค่ะ และเมื่อเย็นที่ผ่านมา มีกิจกรรมสันทนาการมากมาย นอกจากฟังบรรยายของ อ.จตุพล แล้ว ทุกกิจกรรมมีส่วนร่วมหมดค่ะ  
พิธีกรชาย  อะไรที่ทำให้คุณอยากมางานนี้ครับ  
อัลมิตรา  ตอบตามตรงว่า วันนี้ที่มาร่วมงาน ก็เพราะโจหลุยส์ค่ะ และคุณเกริก ด้วยค่ะ (หยอดไปนิด)  
พิธีกรหญิง พี่แจ๊ค (หมายถึงคุณเกริก) ไม่ต้องทำเป็นปลื้มหรอกค่ะ เดี๋ยวที่เหลือต้องบอกว่า มาเพราะตุ๋ยตุ่ย ด้วยนะคะ
พิธีกรหญิงหันมาแซวพิธีกรชายซึ่งยืนหน้าแดงอยู่บนเวที จากนั้นก็ไปกระซิบผู้ที่ขึ้นมารับรางวัลที่เหลือ ให้เทคะแนนใจมาที่ตนด้วย 
พิธีกรชาย  คุณคิดว่างานนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ 
อัลมิตรา งานนี้ถือว่า SUCCESS ค่ะ  ทันทีที่กล่าวจบ เสียงปรบมือเกรียวจากด้านล่างเวที บรรดาหน้าม้า (STAFF) พากันยิ้มแก้มปริ อันที่จริงต้องขอชมทีมงานSTAFF อย่างจริงใจอีกครั้ง งานปาร์ตี้นี้สมบูรณ์แบบมาก ดอกไม้นานาพันธุ์ที่เนรมิต สวนดอกไม้ริมลำน้ำแคว ให้เหมือนสรวงสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็น ดอกลิลลี่ หรือ เพลงเปิดงาน ซึ่งเป็นเพลงโปรดของอัลมิตรา เพียงสองอย่างนี้ อัลมิตราก็แทบจะเทใจขอบคุณเป็นอย่างยิ่งแล้ว รางวัลที่ได้รับ อัลมิตราไม่ได้นำกลับบ้านหรอกค่ะ อัลมิตรามอบให้ผู้ที่เชิญอัลมิตรามาร่วมงานปาร์ตี้นี้ ต้องขอบคุณเขาที่เชิญอัลมิตรา ให้โอกาสที่ดีแก่อัลมิตรา เหมือนฝันจริง ๆ ที่อัลมิตราก้าวเข้าสู่บรรยาศแห่งความสุขนี้

หลังจากที่พิธีมอบรางวัลพิเศษสำหรับแขกที่มีตัวอักษร S U C C E S S จบลง ก็จะเป็นช่วงเวลาของมินิคอนเสริท คุณฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน ไฟดับเสียก่อน ประมาณ 15 นาที แต่ 15 นาทีนั้น ทุกคนก็ยังคงมีความสุข ยังคนเสวนากัน พิธีกรชายแอบลงมาด้านล่างเวที สงสัยแอบมาดื่มน้ำหมักอะไรบางอย่าง ( ถ้าใครเดาว่าเป็นน้ำส้มสายชู.. ผิด ๆ )				
บนฟ้าจันทร์ยังคงกระจ่าง ทอแสงนวลมายังพื้นโลก รอบ ๆ อัลมิตราก็เต็มไปด้วยมวลบุปผชาติดาษดื่น  บนโต๊ะอาหาร มีเทียนหอม ซึ่งเปลวไฟสีน้ำเงินไหวพลิ้วไปตามสายลมพัดแผ่ว หอมกลิ่นดอกไม้หอมของถุงกลีบดอกไม้หอมที่วางอยู่ประจำโต๊ะของแต่ละคนโชยมาสร้างความสุนทรียิ่งขึ้น  อัลมิตราฮัมเพลงเบา ๆ และเขียนบันทึกเรื่องราวของคืนนี้ลงบนกระดาษ โดยอาศัยโคมจากฟ้า และแสงจากเทียน ดินสอที่ได้รับจากการช้อนดอกไม้ตะกี้ เอามาใช้เป็นประโยชน์ในตอนนี้ ขนม ผลไม้ ที่อยู่ตรงหน้า เมื่อครู่ยังไม่มีเวลาทาน ก็ได้โอกาสที่จะทานเสียที จนกระทั่งไฟติด เวทีสว่างดั่งเดิม อัลมิตราจึงผละจากบันทึกเล็ก ๆ ของตนเอง ไปสนใจหน้าเวทีต่อ  ซึ่งพิธีกรประกาศว่าถึงช่วงเวลาของมินิคอนเสริท ของ ฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน  นักร้องชื่อดังก้าวออกมาสู่หน้าเวที ออกตัวนิด ๆ ว่า ช่วงที่ไฟดับ ว่าจะออกมาเป่าแซกโซโฟนให้ฟัง แต่ก็ไม่รู้ว่า ไฟจะดับนานแค่ไหน ถ้านานล่ะ เป่าจนแย่เลย เพลงเปิดตัวของเขา คือ กระต่ายในจันทร์ คงไม่ต้องเล่าว่าอัลมิตราปลื้มอีกแล้ว ถ้าติดตามงานเขียนของอัลมิตราจะเห็นได้ว่า อัลมิตราเขียนร้อยกรองเกี่ยวกับดวงจันทร์ และ หลายหนที่แทนตัวเองเป็นกระต่ายเพ้อมองจันทร์ แน่นอนกระต่ายในจันทร์ มีหรือที่อัลมิตราจะไม่พึงพอใจ				
กระต่ายในจันทร์

..คืนที่พระจันทร์เพ็ญเด่นฟ้า  
..ดาวในนภาต้องหลีกทางจางหายไป
..ยังมีแค่เพียงกระต่ายน้อย  
..คอยเคียงข้างจันทร์ที่เคลื่อนลอยบนฟ้าไกล

..รู้สึกเช่นไร เมื่อยามมีใครเฝ้ามองดู  
..กระต่ายในจันทร์เจ้าคิดอะไรอยู่ บอกฉันสักคนได้ไหม
..อยู่บนฟ้าที่ไร้ดาว ใจเคยเหงาบ้างไหม  
..อยากจะรู้วันนี้ ฉันควรทำตัวเช่นไร
..ด้วยความรักที่ฉันมี  แต่ในวันนี้ดูเหมือนแสนไกล  
..หากกระต่ายในจันทร์เข้าใจ ให้ช่วยบอกฉันที

..คืนที่หัวใจเริ่มอ่อนล้า 
..จันทร์ในนภาดูจะเมินไม่สนใจ
..ยังคงเหลือเพียงกระต่ายน้อย 
..คอยเป็นเพื่อนมองยามค่ำคืนที่เหงาใจ

..รู้สึกเช่นไร เมื่อยามมีใครเฝ้ามองดู  
..กระต่ายในจันทร์เจ้าคิดอะไรอยู่ บอกฉันสักคนได้ไหม
..อยู่บนฟ้าที่ไร้ดาว ใจเคยเหงาบ้างไหม  
..อยากจะรู้วันนี้ ฉันควรทำตัวเช่นไร
..ด้วยความรักที่ฉันมี แต่ในวันนี้ดูเหมือนแสนไกล  
..หากกระต่ายในจันทร์เข้าใจ ให้ช่วยบอกฉันที

..รู้สึกเช่นไร เมื่อยามมีใครเฝ้ามองดู  
..กระต่ายในจันทร์เจ้าคิดอะไรอยู่ บอกฉันสักคนได้ไหม
..อยู่บนฟ้าที่ไร้ดาว ใจเคยเหงาบ้างไหม  
..อยากจะรู้วันนี้ ฉันควรทำตัวเช่นไร
..ด้วยความรักที่ฉันมี แต่ในวันนี้ดูเหมือนแสนไกล  
..หากกระต่ายในจันทร์เข้าใจ ให้ช่วยบอกฉันที

..ด้วยความรักที่ฉันมี แต่ในวันนี้ดูเหมือนแสนไกล  
..อยากจะรู้วันนี้ ฉันควรทำตัวเช่นไร
..ด้วยความรักที่ฉันมี แต่ในวันนี้ดูเหมือนแสนไกล  
..หากกระต่ายในจันทร์เข้าใจ ให้ช่วยบอกฉันที
..ด้วยความรักที่ฉันมี แต่ในวันนี้ดูเหมือนแสนไกล


ทำให้นึกถึงกลอนชุดหนึ่งที่อัลมิตราเคยเขียนไว้เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา				
 
 :~ มิอาจเอื้อม  ~: 

..๏ บุหลันขวัญหล้าคราเพ็ญ		
งามเด่นบริสุทธิ์ผ่องใส
สุกปลั่งรังรองยองใย		
มากใครหมายแขแลมา

ต้อยต่ำกระต่ายกรายเก้อ
ละเมอหวังเพ็ญเห็นค่า
จุมพิตรัศมีลีลา
อ่อนล้าขื่นขมตรมตรอม

ใฝ่ฝันกลั้นใจหมายเอื้อม 
รักเหลื่อมเกินข้าคว้าถนอม 
หลงเฝ้าแสงฟ้าข้าฯยอม 
ถึงพ่ายก็พร้อมพลีตน 

ชะแง้แลจันทร์ในจิต
มืดมัวไร้สิทธิ์สับสน
บุหลันลอยเลื่อนเคลื่อนบน
กระต่ายว่ายวนน้ำตา ๚ะ๛

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลอนหกของอัลมิตรา พอจะมีเนื้อความพ้องกลับเพลงกระต่ายในจันทร์หรือเปล่า แต่อัลมิตราคิดเอาเองว่าคงเป็นอารมณ์เดียวกัน ( ถึงแม้ว่า อัลมิตราจะเสียงไม่แหบก็ตามแต่ )				
แหม !! ..ผู้ชายโรแมนติคที่เสียงแหบ ๆ คนนี้ ตรึงใจคนฟังให้จ่มอยู่ในภวังค์ หยุดตรงนี้ที่เธอ    แสนรัก และอีกมากมายของบทเพลงที่มีความหมายดี ๆ บ่งบอกถึงความรัก ความละมุนในหัวใจ ท่ามกลางแสงจันทร์ มวลดอกไม้ และบทเพลงแห่งรัก อะไรจะสุขเพียงนั้น .. 

อัลมิตราตั้งใจแต่เดิมแล้วว่า  ก่อนกลับเข้าห้องพัก ขอแวะไปซุ้มดอกไม้ ไปชื่นชม ไปเก็บภาพ เก็บความตรึงตาตรึงใจ อีกสักหน ดอกลิลลี่ .. อัลมิตราอยากได้ดอกลิลลี่เป็นที่ระลึกจัง อัลมิตราเขย่งเท้าและเอื้อมมือไปเด็ดดอกลิลลี่ที่เขาเสียบประดับซุ้ม ขอสักหนึ่งดอกคงไม่ว่ากันนะ  คืนนี้มีความสุขจัง ราตรีนี้ช่างประทับใจเหลือเกิน อัลมิตรามองไกลไปบนฟ้าหวังว่า เจ้ากระต่ายน้อยอาจจะมองจันทร์เช่นเดียวกันกับอัลมิตรา ลมโฃยมาเบา ๆ กลิ่นของมวลดอกไม้ที่รายรอบ ขอหลับตาสักแป๊บ แล้วสมมุติว่าตนเองอยู่ท่ามกลางพฤษาสวรรค์ จะเป็นไรไปเล่า .. ฝันลม ๆ แล้ง ๆ แต่ก็มีความสุขใจส่วนตัว				
ถึงแม้ว่าปาร์ตี้นั้นจะมีพิธีปิดอย่างเป็นทางการแล้ว  แต่งานเลี้ยงยังไม่เลิกรา เสียงดนตรียังคงขับคลออยู่ มีหลายคนขึ้นไปร้องเพลงกับวงดนตรี บรรยากาศเป็นกันเอง เสียงคุย เสียงทักทายกันยังพอมีอยู่ 

ในความเห็นของอัลมิตราตอนนั้นคิดว่า ช่วงเวลานี้อัลมิตราขอชมเดือนดาวให้เต็มอิ่มดีกว่า ตอนอยู่กรุงเทพ อัลมิตราไม่ค่อยมีโอกาสนัก อย่างดีก่อนนอนอัลมิตราก็กล่าวราตรีสวัสดิ์กับดวงจันทร์ตรงระเบียงห้องนอน บางทีมีเครื่องบิน บินผ่าน แว๊ป แว๊ป อัลมิตราก็ยังทึกทักอยู่บ่อย ๆ ว่าเป็นดาวตก ดูเอาเถอะ .. ตอนนี้มีหรือที่อัลมิตราจะปล่อยโอกาสให้ผ่านไปอย่างน่าเสียดาย 

อัลมิตราสนุกมากนะ กับกิจกรรมตอนกลางวันและตอนเย็น และสุขมาก ๆ กับสิ่งที่อัลมิตรารอคอยที่จะชื่นชม จะเบื่อกันไหมที่เห็นเรื่องเล่ามีแต่คำว่า สุข สนุก ชื่นใจ .. เต็มไปหมดเหมือนคนเพ้อเจ้อเขียนเล่าความ 

เถอะนะ .. สุขก็บอกว่าสุข ทุกข์ก็บอกว่าสุข .. เดี๋ยวความสุขก็จะมาเยือนเอง (คิดในใจ)

จากลานริมน้ำแควที่จัดงานปาร์ตี้ เดินลัดเลาะผ่านสระว่ายน้ำในรีสอร์ท จนถึงอาคารที่อัลมิตราพำนักอยู่ ยังแว่วเสียงดนตรีอยู่เลย แสดงว่ายังมีแขกอีกไม่น้อยที่ยังไม่เลิกราต่องานเลี้ยง  อัลมิตรากระชับหมวกที่ขณะนี้ไม่ได้สวมไว้ หมวกกลายเป็นที่ใส่ของชำร่วยที่เป็นถุงหอม ภายในถุงใส่กลีบดอกไม้หลาย ๆ สี กลิ่นหอมมากนะ ..แฮ่ม ! อย่าเอ็ดไป ได้มาเพียบ ..				
อ้อยอิ่งแช่น้ำในอ่างอาบน้ำอยู่นานโข เหลือบมองเวลา..ห้าทุ่มเศษแล้ว ช่วงเวลาที่มีความสุขผ่านไปไวเหลือเกิน อัลมิตราหลับตาและค่อย ๆ ทบทวนเรื่องราวทั่งหมดที่ประสบมาในวันนี้  เสียงเพื่อนคุยกันถึงช่วงเวลาหฤหรรษ์ อัลมิตราได้แต่นั่งฟัง ระเบียงด้านหลังห้อง เงาของกิ่งไม้โบกไหวอยู่ อัลมิตราเปิดระเบียงออกไป น้ำพุที่พวยพุ่งในทะเลสาปขนาดย่อม มีแสงไฟทาบเน้นให้ดูเด่น เสียงน้ำตกดังแผ่วมาแต่ไกล อัลมิตรายังคงทอดตาไกลไปยังเบื้องบนซึ่งจันทร์ดวงเดิมยังคงงามเด่นอยู่ 

 ..ราตรีสวัสดิ์นะ เจ้าจันทร์... ...ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ อัลมิตรา ..
 ..จะเข้านอนจริง ๆ แล้วนะ เจ้าจันทร์... ...จ๊ะ ฝันดีนะจ๊ะ  อัลมิตรา ..				
บนที่นอนสีขาว ความนุ่มสบายของฟูกและฝันดีของเมื่อคืน อัลมิตราตื่นประมาณ 6.00 น. ผ้าม่านลูกไม้บางเบาที่เปิดรับทัศนียภาพภายนอก ไม่สามารถบดบังภาพฝันที่ปรากฏไว้ อัลมิตราจิบน้ำในตู้เย็นเล็กน้อยก่อนเดินออกมาที่ระเบียงอีกหน เงาตะคุ่มของต้นไม้ที่เมื่อคืนเห็น เป็นต้นปาล์ม น้ำพุยังคงรักษาระดับความสูงเช่นเดิม แต่คราวนี้ไม่มีแสงไฟสาดสอง ความสงัดเงียบทำให้ได้ยินเสียงนกตัวน้อยร้องเพลง เช้านี้ยังคงมีหมอกปกคลุมอยู่ทำให้ภาพภูเขาที่อยู่ไกลออกไป มองแทบไม่เห็นเป็นรูปทรง อากาศชื้น ๆ ทำให้จมูกของอัลมิตราเย็น 

นึกแล้วขำ ! ตอนอยู่ที่ทำงาน บางทีอัลมิตราบอกเพื่อนว่า ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนัก ความจริงแล้วอัลมิตราไม่น่าจะรู้ได้ เพราะในส่วนที่อัลมิตราปฏิบัติงานค่อนข้างจะมิดชิด ไม่มีกระจกหรือหน้าต่างใดให้มองเห็นสภาพดินฟ้าอากาศภายนอกได้  แต่เชื่อเถอะว่าเป็นจริงดั่งคำที่อัลมิตราบอก เพราะอะไรรู้ไหม ..เพราะว่าจมูกของอัลมิตราเย็น ๆ .. ( ขำ )

ตามกำหนดการแล้ว จะมีการเดินทางไปท่องเที่ยวตอนแปดโมงเช้า แต่อัลมิตราไม่ค่อยสนใจเลย เพราะว่าอัลมิตราเคยไปมาแล้วทั้งนั้น กาญจนบุรี เป็นเมืองที่ใกล้กรุงเทพ ถ้ามีโอกาสอัลมิตรามักจะหาเวลาว่าง ๆ มาเดินป่า แต่ก็ไม่แน่นอนเสมอไป บางทีอัลมิตราเดินดุ่ย ๆ ตามโบราณสถานของพระนครศรีอยุธยา เอาเป็นว่าแล้วแต่โอกาสที่จะให้รางวัลแก่ตนเองบ้าง ตามอัตภาพ

มื้อเช้า อัลมิตราทานข้าวต้มกุ๊ย ทานกับยำกุ้งแห้งและไชโป๊วผัดใส่ไข่ ยำผักกาดดองอีกเล็กน้อย อัลมิตราออกมานั่งทานด้านนอกของห้องอาหาร .. เป็นมื้อเช้าที่วิเศษเชียว อัลมิตราทานข้าวต้มกับผีเสื้อปีกสวยที่บินมาทักทาย ..

..อรุณสวัสดิ์ เจ้าดอกไม้  .. อรุณสวัสดิ์ เจ้าผีเสื้อ .. อรุณสวัสดิ์เจ้ารุ้งงาม .. 
ใช่แล้ว ที่รีสอร์ทแห่งนี้มีน้ำตกจำลองและน้ำพุอยู่หลายจุด จากมุมที่อัลมิตรานั่งทานอาหารเช้า อัลมิตรามองเห็นเจ้ารุ้งเริงปรากฏกายอยู่ที่น้ำพุเริงระบำ อัลมิตรานั่งอมยิ้มอยู่ลำพัง ..
 คุณพ่อคะ หนูมีเรื่องจะเล่าให้คุณพ่อฟังมากมายเลยค่ะ .. อัลมิตราคิดถึงคุณพ่อ ..
 คุณคะ อัลมิตราไปพักผ่อนมา อัลมิตราได้ดูโจหลุยส์ด้วยล่ะ  ..อัลมิตรานึกถึงเพื่อนบางคน
 ครูคะ มาเราะอัยตุ อินลาญะมีลา  .. แน่นอนอีกท่านที่อัลมิตราจะลืมเสียมิได้ ครูที่สอนภาษาอรับแก่อัลมิตรา ..				
ยังคงเป็นความตั้งใจเดิม.. อัลมิตราคงไม่ร่วมเที่ยวกับคณะในวันนี้ ช่วงครึ่งวันเช้า อัลมิตราบอกกับตัวเองว่า ขอเตร่ๆอยู่บริเวณรีสอร์ทจะดีกว่า ยังมีอีกหลายมุมที่อัลมิตราเดินท่องไปไม่ถึง และที่สำคัญลานกว้างเลียบลำน้ำแควเมื่อคืนที่ถูกเนรมิตให้เป็นสรวงสวรรค์นั้น ดอกไม้งามต่าง ๆ ยังคงอยู่ไหม ตามซุ้มดอกไม้ ตามมุมสวย ๆ อัลมิตราแวะไปดูจะดีกว่า 

ดังนั้นหลังอาหารเช้าเรียบร้อย อัลมิตราจึงเดินไปยังลานกิจกรรมของเมื่อคืน ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปจนสิ้น ซุ้มดอกไม้เหลือแต่เพียงโครงซุ้มเท่านั้น ฉากที่อยู่บริเวณริมลำน้ำ มุมที่เห็นพระอาทิตย์ตกเมื่อสนธยาที่ผ่านมา เหลือเพียงโครงไม้เปล่าที่ไม่มีผ้าขาวพลิ้วบางโบกไสว โต๊ะอาหาร เก้าอี้ ถูกเก็บเรียบ คงเหลือกลีบดอกไม้ประปราย บนเวทีม่านประดับหลังเวที ที่เมื่อคืนอัลมิตราแอบสังเกตุตอนขึ้นเวที เห็นเป็นดอกกล้วยไม้สีขาวล้วน ซึ่งสีจะปรับเปลี่ยนไปตามแสงสีที่ฉายตกกระทบ ตอนนี้เหลือเพียงฉากไม้ที่ทาสีขาว ..

เหมือนฝันไป เหมือนฝันเสียจริง .. ณ สถานที่เดียวกัน เวลาผ่านไปแค่ข้ามคืน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตระกานตา ..ดั่งสิ่งสมมุติ ขณะนี้ อัลมิตรามองไปรอบ ๆ ข้าง นี่คือความจริง ความจริงที่ไม่ได้ถูกตบแต่งเสริมจากน้ำมือมนุษย์ ขุนเขา สายน้ำ ต้นไม้ใหญ่ ยังคงอยู่ที่เดิม .. เพียงแต่มวลพฤกษชาติต่าง ๆที่มนุษย์นำมาประดับประดา ..เหมือนหายวับไปกับตา ..แทบไม่เชื่อสายตาตนเองเหมือนกัน ดอกไม้ที่อัลมิตราหวังว่าจะได้เห็นใกล้ๆอีกหน อยากเชยชมอีกสักครั้ง เหลือเพียงภาพประทับใจของคืนที่ผ่านมา  
 
...My Flowers .. ดอกไม้ในใจของอัลมิตรายังคงผลิดอกงามเสมอ...				
comments powered by Disqus
  • ผีขี้เมา

    3 พฤศจิกายน 2547 11:53 น. - comment id 78656

    ไม่เห็นชวนเลย
    
    
  • ทักทาย

    3 พฤศจิกายน 2547 17:33 น. - comment id 78673

    มาอ่าน ตาลายเลย
    สวัสดีคุณอัลมิตรา คุณน้าสิบ   
    ยังคิดถึงเหมือนเดิม ..
  • ฟ้าใหม่..

    3 พฤศจิกายน 2547 18:26 น. - comment id 78677

    @    เจ้าจอม..มาลี   @
    
    กุหลาบแดงแฝงฤทธิ์ยามคิดหวน
    กลิ่นรัญจวนตรึงใยเสน่หา
    แม้ลับร่างห่างหายจากสายตา
    กลิ่นบุปผาโชยผ่านยังซ่านทรวง
    
    หอมละมุนเคล้าขนางสล้างเนื้อ
    ละไมเอื้อห่มแหนดั่งแม้นสรวง
    โสตถวิลกลิ่นละม้ายมิหมายลวง
    ตลบห้วงกลิ่นครองทุกห้องใจ
    
    หอมเจ้าเอย..โชยแฝงแข่งบุปผา
    ยามห่างตาร้อนฤทธิ์พิสมัย
    อันหอมอื่นหมื่นแสนณ.แดนใด
    มิหลงใหลลืมสิ้น..คงกลิ่นนวล
    
    ฝากสายลมพรมคำตอกย้ำว่า
    ปรารถนาดมดอมความหอมหวน
    ทุกเพลาเจ็บช้ำเฝ้าคร่ำครวญ
    รอยรัญจวนหวนหาช่างช้านาน
    
    หอมเอยหอม..หลอมจินต์ถวิลหา
    ตราบดินฟ้ากลิ่นขจร.ขจายหวาน
    ร่างสิ้นลม.มลายแยกต้องแหลกลาน
    หอมตระการมิสลายคลายคำนึง
    
    หอมเจ้าจอมมาลี..ฤดีหวาม
    หอมทุกยามชื่นจิตเพียงคิดถึง
    ทุกความหอมบุปผาที่ตราตรึง
    มิได้ครึ่งหอมเงากลิ่นเจ้าเอย
    
       ขอบฟ้าแม้นกว้างไกล  แต่หัวใจมิคลาดคลา
    ระยะนี้งานมาก ..ฝากฝันมาเยียนด้วยความคิดถึง.สวัสดีจ๊ะ..
    
    ทราบข่าวทิดแก้วแกบอกว่า..ห้ามกลับรังเลยเหรอ...ใจดำจัง..
    
    
    
    
    
  • รหัสสมาชิก 15403 หมี

    3 พฤศจิกายน 2547 21:16 น. - comment id 78681

    ภาพสวยค่ะ
  • กอกก

    4 พฤศจิกายน 2547 00:49 น. - comment id 78684

    เล่าเรื่องราวได้ชวนติดตามอ่านมากค่ะ เพลินเชียวล่ะค่ะ
    ภาพประกอบก็แสนงามนะคะ
    ขอบคุณค่ะที่นำสิ่งดีๆ มานะเสนอ
    
    สวัสดีค่ะ
  • กุ้งหนามแดง

    4 พฤศจิกายน 2547 10:00 น. - comment id 78688

    อ่านจบแล้วค่ะ เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจจริงๆ น่ะค่ะ ..
    
    
    
    
    
    
  • ศศิชนก

    4 พฤศจิกายน 2547 10:51 น. - comment id 78689

    อัลมิตราล่องแพไปจนถึงจุดตัดของแม่น้ำแควใหญ่ และ แม่น้ำแควน้อย .. เห็นได้ชัดเลยว่าน้ำเป็นสองสี 
    
    อ่านถึงตรงนี้ ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งหนึ่งเคยไปเยือนจุดตัดแห่งลำน้ำสองสายนี้เช่นกัน และก็ได้สังเกตเช่นเดียวกับคุณ ว่าน้ำตรงนั้นเป็นสองสี เป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์บนหน้าแผ่นดินนะ
    
    27: 61. หรือผู้ใดเล่าที่ทำให้แผ่นดินเป็นที่พำนักและทรงให้มีลำน้ำหลายสายไหลระหว่างมัน และทรงทำให้ภูเขายึดมั่นสำหรับมัน และทรงทำให้มีที่กั้นระหว่างน่านน้ำทั้งสอง จะมีพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับพระองค์อีกหรือ เปล่าดอก ! ส่วนมากของพวกเขาไม่รู้ 
    
  • อัลมิตรา

    4 พฤศจิกายน 2547 12:54 น. - comment id 78691

    น้าสิบคะ.. คิดถึงจังค่ะ น้าสิบสบายดีไหมคะ ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะคะ ไปใต้ครั้งนี้ เป็นห่วงมาก ๆเลยค่ะ
    
    คุณทักทาย .. สวัสดีค่ะ อัลมิตราไปเที่ยวแล้วกลับมาเล่าให้เพื่อนๆฟังค่ะ เหมือนคนหัดคัดลายมือชอบกล บางทีเขียนวกไปวนมา แต่อยากให้คุณทักทราบนะคะ .. คิดถึงเช่นกันค่ะ
    
    คุณฟ้าใหม่ .. คุณชอบดอกกุหลาบหรือคะ อัลมิตราก็ชอบนะคะ แต่ชอบดอกลิลลี่มากกว่าค่ะ
    
    ท่ามขุนเขาเรียงรายสายน้ำล้อม
    กรุ่นกลิ่นหอมของผกานานาสรร
    ยินเสียงใครกันหนอพ้อรำพัน
    ครวญถึงขวัญเจ้าจอมพยอมใจ
    
    เปรยว่ากลิ่นหอมหวนมวลบุปผา
    มิเทียมเท่ากานดาคราเปรียบไข
    อีกกุหลาบงดงามยามเกริ่นไป
    เทียบมิได้กับจอมขวัญกัลยา
    
    จึงประหม่าสงสัยในดวงจิต
    ไยมิ่งมิตรเขียนกลอนอาวรณ์หา
    ฝากสายลมรำพันถึง...อัลมิตรา
    ปรารถนาสิ่งใดใคร่รู้เอย ..
    
    คุณหมี.. ขอบคุณมากค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
    
    คุณกอกก .. ขอบคุณมากค่ะ ที่แวะมาเยือน :)
    
    คุณกุ้งหนามแดง .. ค่ะ เป็นความทรงจำที่ประทับใจจริงๆ ค่ะ
    
    คุณศศิชนก .. ขอบคุณสำหรับอายะฮฺ บทนี้ค่ะ ..  จากคำอธิบายของอายะฮฺนี้ และบทเขียนของคุณ ทำให้อัลมิตรารู้ว่า ยังมีอะไรอีกมากมายรอบ ๆตัวเรา ซึ่งบางคนมิเคยรู้เลย และบางคนรู้ รวมถึงบางคนใคร่รู้ ค่ะ
     
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
    
    
    
    
    
  • ฟ้าใหม่

    4 พฤศจิกายน 2547 19:08 น. - comment id 78698

    จะตอบคำถามเป็นกลอน คงไม่ทัน พอดีงานตามหลังมาติดๆ กว่าจะเขียนเสร็จ เรื่องของคุณจมน้ำไปแล้ว เอาไว้เรื่องใหม่ค่อยมาตอบ เป็นกลอนแล้วกัน....
    
    พักนี้ต้องขยันหน่อย เจ้านายยิ่งเล็งๆอยู่..ตกงานแย่แน่..ว่าจะเก็บตัง.ไปฉุดสาวซะหน่อย..ทำทุน
    
    ไปล่ะ..หวัดดี..ตอบไว้นิดก่อน..ความคิดถึงไง ปรารถนา....บาย..
    
    
  • อาภาภัส

    4 พฤศจิกายน 2547 20:46 น. - comment id 78700

    คุณเขียนตรงกระต่ายหมายจันทร์เพราะเหลือเกิน  เพราะมาก
    
    เมฆราตรี้ม้วนลอยชม
    เจ้าตากลมกระต่ายฝัน
    หวังเชยชิดชื่นจอมจันทร์
    นานนิรันดร์รักกลางดวง
  • อัลมิตรา

    4 พฤศจิกายน 2547 22:28 น. - comment id 78706

    ขอบคุณค่ะ คุณฟ้าใหม่ อัลมิตราขอน้อมรับความคิดถึง และขอตอบแทนคุณด้วยมิตรภาพที่ดีงาม ยังขาดทุนอีกกี่มากน้อยคะ ที่จะไปฉุดสาว .. หุ้นด้วยสองบาท แต่ถ้าตำรวจจับจะซัดทอดไหมเอ่ย ..
    
    
    คุณอาภาภัส .. ขอบคุณมากค่ะ อัลมิตราชอบจันทร์นะคะ เยือกเย็นและสงบ ลำนำผ่านจันทร์หลายต่อหลายชิ้น ที่เคยถ่ายทอดออกมาเป็นร้อยกรอง ยังมิรู้เบื่อเลย กระทั่งครูไหวใจร้าย (ครูที่สอนร้อยกรอง) บ่นบอกว่า พระจันทร์อีกแล้ว พระจันทร์อีกแล้ว .. อัลมิตราก็ยัง อื้อ อื้อ ชอบค่ะ ..  กลอนหกที่เอามาลงประกอบเรื่องเล่าครั้งนี้  คิด ๆ ไปแล้วสงสารเจ้ากระต่ายน้อย ซึ่งอัลมิตราก็ไม่รู้ว่า อัลมิตราเองหรือเปล่าที่คือกระต่ายน้อยตัวนั้น ..และคงเศร้าถ้าเป็นเช่นนั้นค่ะ 
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
    
    
  • พี่พุด

    5 พฤศจิกายน 2547 08:21 น. - comment id 78717

    พี่พุด
    อ่านหลายเที่ยวค่ะ
    ว่าจะเข้ามาฝากคำนานแล้ว
    งามมากในการรจนาบรรยาย
    อย่างหาคนจับยากค่ะ
    ราวได้ตามติดไปเที่ยวด้วยเลย
    มีความสุขสนุกสนานได้ความรู้ครบทุกรสเลย
    แถมยังได้ทำให้คิดถึงใครบางคนมาก
    จากบางประโยคนี้นะคะ
    *ถึงเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเล่าว่า ..  คุณพ่อของผมบอกว่า ดอกไม้จะงามก็ต่อเมื่ออยู่ที่ต้นของมัน *
    
    ภาพงาม
    บรรยายพรรรางามเกินจะชม
    บทกวีไพเราะ
    และ
    คงรจนาก็..สวยยิ่งกว่าดวงดอกไม้ใดในปฐพีแล้วค่ะนาทีนี้ทันที่ที่ทุกดวงใจอ่านจบนะคะ
    
    รัก..มาก
    
  • พี่พุด

    5 พฤศจิกายน 2547 08:24 น. - comment id 78718

    คนรจนา
    ก็..สวยยิ่งกว่าดวงดอกไม้ใดในปฐพีแล้วค่ะนาทีนี้ทันที่ที่ทุกดวงใจอ่านจบนะคะ
    พีพุดชอบทุกภาพพระจันทร์ท้องฟ้าดารารายและพลุมากค่ะ
    
    
  • รมย์ บุริน

    5 พฤศจิกายน 2547 08:41 น. - comment id 78719

    มาอ่านครับ... คุณอัลมิตราเล่าเรื่องสนุกดีครับ ^__^
    
    
  • คนผ่านมา

    5 พฤศจิกายน 2547 08:55 น. - comment id 78720

    แค่คุณอัลมิตราตั้งใจเล่ามาก็มีความรู้สึกว่าสุขล้นไปด้วยแล้วครับ เห็นคุณอัลมิตราเล่าถึงภาระกิจหนักอยู่บ่อยครั้ง คงได้ผ่อนคลาย
    
    
    เพิ่งกลับจากเยอรมันแต่ผมเล่าไม่เป็นครับ มีแต่คิดถึงมาฝาก
  • อัลมิตรา

    5 พฤศจิกายน 2547 16:11 น. - comment id 78736

    คุณพุดพัดชา .. ข้อความนั้นอาจจะเคยคุ้นหูคุณพุดพัดชาบ้าง แต่ทว่าคนที่คุณพุดพัดชาคิดถึง คือเพื่อนของอัลมิตรา หรือคนที่กล่าวคำนั้น ค่ะ :)
    
    คุณรมย์ บุริน .. เกินไกลกว่าที่จะส่งขนมฝากไปถึง แต่ไม่ไกลเกินที่จะรอรับยาดม ( มีการหยอกว่าอัลมิตราหน้ามืดอีกแน่ะ น่าตีเชียว) .. ขอบคุณมากค่ะ ที่แวะมาอ่าน ค่อนข้างยาวไปสักนิด อาจจะหลับหลายรอบแล้วยังไม่จบนะคะ
    
    คุณคนผ่านมา .. ขอบคุณมากค่ะ ที่แวะมา หวังว่าคุณคงสบายดีนะคะ 
    
    :)
    
    
  • ฟ้าใหม่

    5 พฤศจิกายน 2547 21:48 น. - comment id 78743

    หวนเยือนถิ่นเมืองกาญฯรักหวานชื่น
    รอยระรื่นรัญจวนทบทวนฝัน
    วิมานไพรสุขีเรามีกัน
    แดนสวรรค์ห้วงสินธุ์จินตนาการ
    
    มนต์วสันต์เลือนลาสู่หน้าหนาว
    ระลึกคราวกำซาบยังวาบหวาน
    เหมันต์เยือนเร้ารมย์ชมทะยาน
    จากวันวานผ่านผันหวนหันมา
    
    จันทร์กระจ่างเสียงเสนาะน้ำเซาะแก่ง
    ไหลลงแอ่งภาพทวนยามหวนหา
    เงาจันทร์ฉายส่องสาดยังบาดตา
    พสุธาโชยกลิ่นเยือนถิ่นเดิม
    
    แสงสลัวผ่านพุ่มพฤกษาไหว
    งามละไมธรรมชาติปานวาดเสริม
    สายสวาทครั้นรอมาต่อเติม
    พนาเพิ่มความงามยามมีเรา
    
    ดุจนางไม้แช่มช้อยอรชร
    ฤาอัปสรนิมิตพิศเฉลา
    ชม้อยยั่วยินเสียงเพียงเบาเบา
    ยามยิ้มเย้าเจ้าเยื้อนสะเทื้อนทรวง
    
    ขาวสล้างชวนฝันข่มจันทร์ฉาย
    หนาวลมหายอุ่นเนื้อเจ้าเอื้อสรวง
    ถนอมกอดเกาะกุมเจ้าพุ่มพวง
    สุดหวงห่วงเคล้าคลอพะนอนวล
    
    นกกลางคืนคูขันประชันแข่ง
    สลัวแสงฉากสดับยามกลับหวน
    โอบถนอมชื่นฉ่ำเจ้าคร่ำครวญ
    สวรรค์ทวนนวลนางระหว่างไพร
    
    จูบที่ปรางลูบไล้โอบไหล่ขวา
    ร่ำสัญญาชื่นชิดพิสมัย
    กอดกระชับอบอุ่นละมุนละไม
    สานสายใยสิเนหาคราตะโบม
    
    หวิวสะท้านหวั่นกายคล้ายผวา
    รัดกายาเนื้อแนบสะคราญโฉม
    ระงึมงำไหวกายชม้ายโลม
    รอยเล็บโหมกรีดแผ่วเป็นแนวกาย
    
    สองหัวใจใฝ่สนองสมปองรัก
    จิตประจักษ์ทวนสมอารมณ์หมาย
    ณ.สายน้ำกลางจันทร์มิหวั่นวาย
    จนสุดสายสวาทหวานวิมานชล
    
    บุหลันเด่นเห็นดวงห้วงเวหา
    ในธาราหว่างพฤกษ์ ไพรสณฑ์
    แสงสลัวร่วมสนองกันสองคน
    ยามมายลหนฝันสวรรค์ครอง
    
    จินตนา.การฝันที่หวั่นไหว
    ร้อยดวงใจเรียบเรียงเพียงสนอง
    อารมณ์ฝันอ่อนไหวที่หมายปอง
    ยามที่สองดวงใจห่างไกลกัน..IIฯ
    
          จินตนาการหวน......เมืองกาญฯ...เป็นการขัดเกลาและเพิ่มเติม  จากจินตนาการภาคแรก.
    
    ที่ระลึกวันเวลาสำหรับคนมีความสุข  สวัสดีครับ
  • วิจิตร ภู่เงิน

    7 พฤศจิกายน 2547 14:21 น. - comment id 78810

    กวีกับการเดินทาง...
    
    มักจะมีเรื่องดีๆมาฝากเราเสมอ
    
    ครับ..
  • somebody

    8 พฤศจิกายน 2547 10:34 น. - comment id 78860

    คุณฟ้าใหม่ ..
    
    อ่านบทกลอนของคุณฟ้าใหม่มาสามวัน ร่ำๆจะเขียนตอบอยู่หลายทีเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะฉีกแนวไปด้านใด ก่อนอื่นต้องขอบคุณอย่างยิ่งที่เขียนบทกลอนแนวอีโรติคมาร่วมสร้างบรรยากาศในปาร์ตี้ดอกไม้ ( เชื่อไหม หากอัลมิตราเขียน รับรองว่า ทั้งสัปดาห์เวปร้อนฉ่าอีกเป็นแน่แท้..)  
    
    งานเขียนของคุณทำให้นึกถึงล่องไพร ที่อัลมิตราเขียนเล่าความไว้และตอนนั้นคุณมาเขียนจินตนาการของพรานไพรไว้ด้วย ขอให้คุณมีความสุขกับจินตนาการของคุณนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ
    
    
    
    คุณวิจิตร .. ขอบคุณมากค่ะ 
    
  • ฟ้าใหม่

    8 พฤศจิกายน 2547 12:41 น. - comment id 78867

    ตำหนวด...ตำหนวด...ขี้โกงๆๆ..
    
    มาแจ้งความครับ.ข้อหายักยอก..
    
    หัวใจ...
    
    หวัดดีครับ ไปรับประทานอาหารก่อน..
  • อัลมิตรา

    8 พฤศจิกายน 2547 12:48 น. - comment id 78869

    หืมม .. ตำหนวด ต้องโกน ค่ะ
  • บาบี๋

    11 พฤศจิกายน 2547 16:47 น. - comment id 78961

    ลอยมาอ่านตามลายแทงที่ทิ้งไว้ค่ะ..
    
    น่าสนุกนะคะ party นี้..
    
    Meeting เมื่อวันก่อน..ดีใจที่เจอตัวจริงนะคะ..
  • อัลมิตรา

    13 พฤศจิกายน 2547 21:38 น. - comment id 79001

    ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ สัปดาห์ก่อนนั้น คุณหวานเย็นมีเรื่องจะต้องปรึกษาอัลมิตรา อัลมิตราเพียงทำหน้าที่เพื่อนของเขาค่ะ และงานของเขาก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี 
    
    ยินดีกับเขาด้วย ( โดนเขาบังคับให้เขียนร้อยกรอง ก็เลยเขียนโคลงในสมุดอวยพรเขาค่ะ )
    
    
  • ลักษมณ์

    19 ธันวาคม 2547 23:39 น. - comment id 80027

    ผมพึ่งได้มีโอกาสเข้ามาดูใน party flower ครับ
    ได้ดูรูปเป็นส่วนใหญ่ ชอบครับ
    เนื้อเรื่องยังคงอ่านบ้างไม่ได้อ่านบ้างตามเคย
    คงจะไม่ตำหนินะครับ
    
    คุณอัลมิตรา ..
    
    (ครั้งนี้ดูเป็นทางการยังไงอยู่นะ)
    
    ลักษมณ์ :]
     
    
    
    
  • อัลมิตรา

    21 ธันวาคม 2547 08:32 น. - comment id 80055

    ชอบรูปไหนคะ ?
  • ลักษมณ์

    21 ธันวาคม 2547 17:33 น. - comment id 80070

    รูป\"มิอาจเอื้อม\"ครับ !
  • ลักษมณ์

    22 ธันวาคม 2547 02:04 น. - comment id 80085

    อัลมิตรา 
    
    ..สาวิตรี !
    ใครนะคือพระสัตยวาน?
    
    (วาไรตี้ นางเอกวรรณคดีไทย แบบไหนที่คุณต้องการ ..เดลินิวส์ วันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2547 หน้า 10)
    
    ลักษมณ์ :]
  • ลักษมณ์

    22 ธันวาคม 2547 02:11 น. - comment id 80086

    :]
  • ลักษมณ์

    29 มกราคม 2548 11:56 น. - comment id 82388

    :]
  • อัลมิตรา

    28 กุมภาพันธ์ 2548 22:18 น. - comment id 83197

    มิอาจเอื้อม .. เป็นกลอนหก ที่ตนเองรู้สึกพอใจเช่นกันค่ะ
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน