“ต้นมะยม...เด็กซน...และชายคนนั้น”

ทิวสน

โดย : ทิวสน ชลนรา
สายมากแล้ว...แต่ยังมีอีกหลายชีวิตที่จดจ่อรอรถประจำทางที่ป้ายชานเมืองแห่งนี้ สายตาทุกคู่จดจ้องไปยังทิศทางที่พาหนะซึ่งนานๆ จะโผล่มาสักคัน และเวลานี้มีเพียงระยับแดดที่โลดเต้นเหนือผิวถนน กับลมร้อนที่พัดวูบมาปะทะกาย หญิงสาวหลายรายหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อที่ผุดพราวขึ้นมา เกรงว่าจะเลอะเครื่องสำอาง
ป้ายรถประจำทางแห่งนี้ โดยเฉพาะช่วงเช้า มักจะมีผู้โดยสารมารอขึ้นรถเพื่อเข้ากลางเมืองประกอบภารกิจด้วยต่างจุดประสงค์จำนวนมาก บ้างก็ไปเรียน บ้างไปทำงาน และสิ่งหนึ่งที่ผู้โดยสารเหล่านี้เหมือนกันคือ เป็นชนชั้นกลาง รายได้ไม่มากนัก และพักอาศัยในชุมชนหลังป้ายรถประจำทางนี้เอง
ที่พักผู้โดยสารสร้างอย่างง่ายๆ พื้นที่ไม่กว้างนัก มีที่นั่งที่ยังใช้การได้เพียงไม่กี่ตัว ทำให้ทุกเช้าเมื่อแดดจัดหลายคนจะยืนชิดเบียดกันดั่งคนสนิท ไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบจะดูแลเรื่องที่พักผู้โดยสารแห่งนี้ เพราะเมื่อแรกมีก็ได้จากนักการเมืองท้องถิ่น ที่สร้างบริจาคเพื่อขอคะแนนเสียงและชื่อก็ยังเด่นที่หลังคาอ่านชัดเจนได้แต่ไกล 
ห่างจากที่พักผู้โดยสารไม่ไกลนัก คือต้นมะยมลูกดกแต่บางใบ ที่โคนต้นมีภาพหนึ่งที่ทุกสายตาเมื่อทอดมองไปในทิศทางที่รอรถจะต้องพบกับรถเก๋งสปอร์ตสีแดงบาดตา มองปราดเดียวก็รู้ว่า ราคาค่างวดมิใช่น้อย ความสงสัยใคร่รู้ของทุกคนที่พบเห็นคือ เป็นรถของใครกันหนอ.... เพราะยังไม่เคยมีใครเคยพบเจ้าของรถในยามเช้า เมื่อใดที่เดินมารอรถประจำทาง ก็จะพบรถคันงามจอดนิ่งอยู่ใต้ต้นมะยมนี้เสมอ บ้างก็ว่าน่าจะเป็นรถของผู้มีอันจะกิน ที่มาเปิดบริษัทอยู่ปากซอยถัดไป บ้างก็ว่าเป็นรถของคนในหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ลึกถัดไปอีกซอยหนึ่ง แต่ที่แน่นอนคือความรู้สึกของทุกคนที่มอง เหมือนตอกย้ำในความแตกต่าง และรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในฐานะของตน คละปนอิจฉาเจ้าของรถคันนี้นัก
รถมาแล้ว เสียงหนึ่งดังขึ้น เหมือนบอกสัญญาณให้แทบทุกชีวิตขยับตัวเตรียมขึ้นรถ ทว่ามองจากระยะไกลก็รู้ว่าบนรถที่กำลังแล่นเข้าเทียบป้าย มีผู้โดยสารอยู่เต็มคัน แต่แทบไม่มีใครรอคันต่อไป เพราะอีกนานนัก กว่าคันต่อไปจะมา และนั่นหมายถึงการไปถึงที่หมายล่าช้า อันส่งผลต่อการเรียนและการทำงาน.... รถประจำทางวิ่งเทียบป้ายพร้อมฝุ่นดินที่หอบเข้ามา...
เพียงครู่รถคันนั้นก็พร้อมวิ่งจากป้ายไป ทิ้งผู้โดยสารเหลือไว้เพียงไม่กี่ราย ที่รอรถสายอื่น...และรถเก๋งสปอร์ตคันงามยังคงจอดนิ่งที่ใต้ต้นมะยมต้นนั้น... 
* * * * *
สายวันนี้...ที่เดิม...ยังคงมีผู้โดยสารรอรถแน่นขนัดเช่นเดิม ต่างก็แต่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องเจ้าของรถเก๋งสปอร์ตสีแดงคันที่จอดนิ่งโคนต้นมะยมคันนั้น
เห็นเขาว่ากันว่า เป็นพวกเศรษฐีหน้าเลือดมาออกดอกให้กู้ตั้งร้อยละสี่สิบแหนะเธอ...แย่จริงๆ รวยแล้วยังมาเอาเปรียบคนจนๆ อย่างพวกเรา...คนอาไร้...ไม่รู้จักพอ
ใช่...รวยแล้วก็น่าจะมาเจือจาน ทำประโยชน์ช่วยเหลือคนจนอย่างพวกเราบ้างนะ จริงมั้ย ดูซิ...ไอ้เพิงโทรมๆ นี้น่ะ มันคุ้มแดดคุ้มฝนได้ซะที่ไหน
โอ้ย.ย.ย.ย...ฝันไปเถอะ...รวยแล้วไม่มีใครเขาจะมามองเห็นหัวคนจนอย่างพวกเราหรอก
เออ...ว่าแต่มีใครเคยเห็นเศรษฐีคนนี้มั่งมั้ย... ท่าจะตื่นเช้าน่าดูเลยนะ บางวันฉันว่าฉันตื่นเช้าแล้วนา...แต่มาทีไรก็เห็นรถจอดอยู่ก่อนแล้วทุกทีเลย
นั่นไง...นึกแล้วเชียว...รวยแล้วยังงกอีกนะ ฉันว่าที่ขยันก็เพราะงกนั่นแหละ
เฮ้อ...อย่าไปสนใจคนพวกนี้เลย เขากับเรามันคนละชั้น...นั่นรถมาแล้ว ไปกันเถอะ
* * * * *
สายวันนี้ ลมร้อนยังคงพัดวูบเข้ามาเป็นระยะ ระยับแดดที่โลดเต้นสะท้อนบนพื้นถนนดูท่าจะร้อนกว่าทุกวัน ผู้โดยสารยังคงยืนเบียดชิดใต้ชายคาที่พักเช่นเดิม เช้านี้ไม่ใคร่จะมีใครสนทนากันสักเท่าไร อากาศที่อบอ้าวทำเอาหลายรายหน้านิ่วคิ้วขมวด ยิ่งเวลาผ่านไป กับการรอคอยรถที่ทอดยาว ก็ทำให้ได้ยินเสียงถอนหายใจของใครต่อใครเป็นระยะ ครั้นหันมองรถเก๋งสปอร์ตคันนั้น ก็พาลหงุดหงิดขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ 
ในช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่ไร้วี่แวว ก็แว่วเสียงเจี๊ยวจ๊าวจากเด็กกลุ่มหนึ่งใกล้เข้ามา ครั้นบางคนหันไปมองก็พบว่าเป็นเด็กวัยประถมอายุราว 8-10 ขวบ กำลังวิ่งมาที่ต้นมะยมด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า กับภารกิจที่รออยู่ นั่นคือการปีนต้นเพื่อเก็บผล
เด็กเหล่านี้ คงเป็นลูกของคนในชุมชนแออัดหลังป้ายรถประจำทางชานเมืองแห่งนี้ และคงไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลให้ได้รับการศึกษา จะด้วยว่าฐานะ หรือสิ่งใดก็ตามที ทำให้แทนที่จะได้นั่งเรียนหนังสือ ทว่าต้องมาเตร็ดเตร่เที่ยวเล่นเช่นนี้
ต้นมะยมที่หลายคนมองข้าม สูงเสียดยอดให้ลูกดกโตสุกเหลือง รอให้เด็กๆ คว้ารูดเก็บ ซึ่งแต่ละคนต่างปีนป่ายแคล่วคล่อง ไม่หวั่นกลัวความสูง ครั้นเอื้อมถึงก็คว้ารูดแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงจนตุงทั้งสองข้าง บ้างก็คว้าใส่ปากเป็นกำเคี้ยวกร้วมๆ ด้วยความเอร็ดอร่อย จนน้ำฉ่ำหวาน-อมเปรี้ยวไหลเลอะมุมปาก 
แต่แล้ว ทันใดนั้น เด็กชายคนหนึ่งได้เหยียบลงไปบนกิ่งแห้ง ที่เกินจะทานน้ำหนักไว้ได้ จึงหักเสียงดัง เป๊าะ! พร้อมกับร่างร่วงสู่พื้นจากความสูงราว 5 เมตร 
เด็กชายคนนั้นหล่นลงมานอนคลุกฝุ่น ห่างจากรถเก๋งสปอร์ตสีแดงคันนั้นราว 2 เมตร ท่ามกลางสายตาที่ตื่นตะลึง ผลมะยมตกเกลื่อนพื้น พร้อมสีหน้าจุกเสียดตามด้วยเสียงร้องโอดโอย แล้วคว้าที่เท้า ซึ่งบัดนี้มีกิ่งมะยมแห้งปักคาอยู่...! เลือดสีแดงสดเริ่มไหลออกมานองพื้นแล้วซึมผสมฝุ่นดิน เสียงร้องทำเอาเพื่อนๆ รีบปีนลงมาหน้าตาตื่น แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่หันมองซ้ายขวาระร่ำระลัก น้าๆๆ...ช่วยเพื่อนผมทีครับ....ช่วยเพื่อนผมทีครับ แข่งกับเสียงร้องโอดโอยของเด็กคนนั้น
บัดนี้ทุกสายตาของผู้โดยสารที่อยู่ในเพิงพัก ซึ่งไม่ห่างจากเหตุการณ์นัก ต่างจับจ้องมองดูพร้อมออกความเห็น
โห..ดูสิ เลือดออกเยอะจัง ท่าจะหนัก คงเกือบจะทะลุเลยนะนั่น
เข้าไปช่วยเด็กหน่อยสิเธอ...น่าสงสารออก
อะไร...จะไปไหน...อย่าไปยุ่งเชียวนะ เดี๋ยวก็ต้องเป็นธุระค่าหยูกยาหรอก ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้
พ่อ!...อย่าไปยุ่งเชียวนะ...โน่น รถมาแล้ว รีบไปกันเถอะ
ไอ้หลานชาย...โทษทีนะ น้าต้องรีบไปธุระ ขอให้อย่าเป็นอะไรมากเลยนะ
รถมาแล้ว! รถมาแล้วไปกันเถอะ เร็ว...!
ขณะที่บางส่วนหนีหายขึ้นรถ และที่เหลือยังคงวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ทว่าไม่มีแม้สักคนที่จะเข้าไปช่วยเหลือ จะมีก็แต่บางรายที่เข้าไปมุงดูอยู่ห่างๆ 
ทันใดนั้น...ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ขอโทษครับ ขอทางหน่อยครับเด็กเป็นอะไรมากรึเปล่า
ทุกสายตาหันขวับไปยังที่มาของเสียงพร้อมเปิดทางให้แต่โดยดี ชายหนุ่มวัยราวสามสิบเศษ รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายแลดูสะอาดภูมิฐาน เดินแหวกคนมุง ตรงไปยังเด็กชายมอมแมมที่นอนเกลือกกลิ้งคลุกฝุ่นคนนั้น
ชายหนุ่มทรุดนั่งข้างร่างเด็กชาย ซึ่งบัดนี้เสียงร้องแผ่วไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้มผสมคราบไคลเป็นรอยด่างดำ ครั้นช้อนร่างขึ้นอุ้ม เลือดที่ยังไหลจากฝ่าเท้าก็หยดลงเปื้อนกางเกงสีครีมของชายหนุ่มเลอะเป็นทางยาว 
ใครก็ได้ ช่วยเอากุญแจนี่ไขประตูให้ผมทีครับ เขาหันบอกกลุ่มคนที่มุง
ชายคนหนึ่งรับกุญแจมาไขประตูรถให้ ชายหนุ่มนำเด็กขึ้นวางบนเบาะหลังหนังสีครีม...เลือดสีแดงเข้มยังคงไหล และเลอะเปื้อนบนเบาะนั้น
ครู่ต่อมา รถเก๋งสปอร์ตสีแดงคันงามก็ถอย แล้ววิ่งปราดออกไปจากโคนต้นมะยม ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่เห็นเหตุการณ์ โดยไม่มีคำกล่าวใดๆ 
* * * * *
สายวันนี้...ใต้ชายคาที่พักผู้โดยสารผู้คนยังคงแออัดเช่นเดิม แต่ลมโชยพัดมาไม่ร้อนเช่นทุกวัน ใบมะยมวูบไหวตามลม บางใบที่แห้งเหลืองก็ร่วงพลิ้วหล่นลงซบพื้นดิน บ้างก็หล่นลงหลังคารถสปอร์ตสีแดงคันงาม
ความขึงเครียดไม่ปรากฏบนใบหน้าผู้คนเช่นทุกวัน ทุกสายตายังคงจดจ่อกับทิศทางที่รอรถประจำทางสายประจำจะแล่นมา...ไม่มีอะไรแตกต่างจากทุกเช้าที่ผ่านมา 
จะต่างก็เพียงความรู้สึกที่สื่อผ่านสายตาทุกคู่ ที่หันมองรถเก๋งสปอร์ตคันงาม
คันนั้น 
* * * * * * * * * *				
comments powered by Disqus
  • arashi2028@hotmail.com

    22 ตุลาคม 2547 14:12 น. - comment id 78240

    อย่ามองคนแค่เพียงภายนอก....มันเป็นคำพูดที่ใช้ได้จริงๆๆ
  • หนูชอบขึ้นดอยค่ะ

    26 ตุลาคม 2547 21:32 น. - comment id 78429

    น้ำใจ เป็นสิ่งที่ทุกคนมี แต่หาก นำมาใช้ไม่เท่ากัน
  • พี่นิ่ม

    29 ตุลาคม 2547 18:21 น. - comment id 78517

    ติ๊งหน่อง  คับ  แวะมาหา นะคะ  
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน