ช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิต...รัก....(บทที่หนึ่ง)

keekie

แล้ววันหนึ่งก็มีสิ่งแปลกใหม่เกิดขึ้นกับชีวิตของฉัน นั่นก็คือ.
ฉันได้เข้าไปในเว็บหนึ่งเกี่ยวกับการเรียน  ภาษาจีน  ซึ่งฉันกำลังสนใจศึกษาอยู่ 
ฉันสนุกกับมันมาก ได้เรียนรู้สิ่งที่ฉันต้องการ หาความรู้ใหม่ๆ ใส่สมองขี้เลื่อยของฉัน.
จนกระทั่งฉันได้เข้าไปในห้องแชท ได้คุยและรู้จักกับเพื่อนๆ ที่สนใจภาษาจีนเหมือนกัน ทั่วโลก..
ความตั้งใจของฉันก็คือ.การฝึกฝนภาษาจีนให้เก่งขึ้น
ไม่นานนัก .ฉันก็ได้รู้จักผู้ชายคนนึง   เขาชื่อ เอริค    
เป็นชาวฮ่องกงแต่ย้ายไปอยู่แคนาดาและถือสัญชาติแคนาดา
เราคุยกันสนุกมาก แบบที่ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน 
เขายังไม่รู้หรอกนะว่าฉันเป็นผู้หญิง 
เราคุยกันได้ 2-3วัน เขาก็ขอ MSN ฉัน แล้วเราก็ออกมาคุยกันนอกเว็บไซด์ภาษาจีนนั้น
เมื่อเวลาผ่านไปซักพัก หลังจากที่เขารู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง.  
คำพูดจากเพื่อนคุยกัน ก็เปลี่ยนมาเป็นคำพูดหวานๆ ใช่แล้ว.
เขากำลังจีบฉัน  แล้วฉันก็รู้สึกดีๆ กับเขา 
หัวใจของฉันพองโต เหมือนว่าโลกนี้เป็นสีชมพูอีกครั้ง แต่ก็ไม่เคยลืมว่า 
การแชทในโลกของอินเตอร์เน็ท อาจจะ  มีการหลอกลวง หาความจริงใจไม่ได้ 
ซึ่งฉันก็คอยระวังอยู่เช่นกัน.
ฉันคุยกับเขาทุกวัน วันละอย่างน้อย 5 ชั่วโมง เวลาของเราต่างกัน 11 ชั่วโมง 
เขานอนตี 2   ตื่น 6 โมงเช้าทุกวัน 
ส่วนฉันก็ไม่ต่างจากเขา เราทั้งสองคน ตาเหมือนหมีแพนด้า ไม่รู้ว่าคุยกันไปได้อย่างไร
แล้วเราก็เริ่มมีการแลกเปลี่ยนรูป คุยกันก็ต้องอยากจะรู้จักหน้าตากันเป็นธรรมดา.
แล้วฉันก็ไม่ผิดหวังกับหนุ่มหน้าตี๋คนนี้ 
เขาคือสเป็คของฉัน ตามด้วยการขอที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์  
ตอนนั้นฉันเหมือนเจ้าหญิง เหมือนผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่ง  
ที่มีผู้ชายคนหนึ่ง คอยใส่ใจในเรื่องราวของฉัน ครอบครัวของฉัน 
เพื่อนของฉัน และภาษาของฉัน ฉันรู้สึกอบอุ่นจริงๆ ..
เขาเริ่มที่จะวางแผนอนาคตกับฉัน..
รู้สึกแปลกใจนักคนอะไรยังไม่เคยเจอตัวตนกัน  มาพูดเรื่องอนาคตเสียแล้ว..
แต่ฉันก็รู้สึกดี ทั้งๆ  ที่คอยปฏิเสธเขาว่า มันเร็วเกินไปที่จะพูดกันเรื่องนี้ และที่สำคัญที่สุด..คือ..
ฉันมีคนรักอยู่แล้ว
 และครั้งนี้เองที่ทำให้ฉันรู้จักคำว่า กิ๊ก    ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ฉันต่อต้านพฤติกรรมแบบนี้ 
แต่.ตอนนี้ฉันกำลังเรียนรู้มันอย่างไม่รู้ตัว
ฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ  ที่ไม่คิดจะหลอกลวงใคร ฉันบอกเขาตั้งแต่วันแรกๆ  ที่เขาจีบว่า 
ฉันมีคนรักแล้ว.และมีโครงการจะแต่งงานกัน  ซึ่งเขาก็เข้าใจ  และบอกกับฉันว่า 
ตอนนี้คุณยังไม่แต่งงาน ผมยังมีสิทธิ์   ให้ฉันเลือกสิ่งที่ดีที่สุด..
ความสัมพันธ์เราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาโทรหาฉันบ่อยๆ 
และขอร้องให้ฉันส่งข้อความผ่านทางมือถือไปปลุกเขาทุกเช้าเพื่อจะไม่ไปทำงานสาย..
แล้วฉันก็ทำเช่นนั้นทุกวัน.ฉันเริ่มรักเขาแล้วซินะ
หลังจากเราคุยกันทางอินเตอร์เน็ทประมาณ สองเดือนเศษๆ.
เขาก็เดินทางมาหาฉันที่ประเทศไทยจริงๆ 
เราได้พบกันแบบเห็นตัวตนกันและกัน ไม่ใช่แค่ข้อความที่เห็นผ่านทางอินเตอร์เน็ท 
ฉันรู้สึกดีใจและคิดว่า ....เขามีความจริงใจกับฉันในระดับหนึ่ง  
ถึงใช้เวลานั่งเครื่องบิน ต่อเครื่องบิน รวมแล้ว 20 กว่าชั่วโมง เพื่อมาพบฉัน..
ฉันและเพื่อนไปรับเขาที่สนามบิน.
ฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อจะได้พบเขาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
เขาเคยบอกกับฉันว่า เมื่อเขาพบฉันที่สนามบินเขาจะอุ้มฉัน 
แล้วก็หมุนฉันแบบในหนัง   (ขอนุญาตอมยิ้มนะคะ) 
แต่พอเอาเข้าจริง   เขากลับเขินไม่กล้า  
คำพูดประโยคแรกจากเขาก็คือ   คุณดูดีกว่าในรูปซะอีก   (ขอยิ้มอีกครั้งนะคะ)
เขาใช้เวลาอยู่ที่เมืองไทย   2 สัปดาห์  เราไปเที่ยวทะเลทางใต้กับเพื่อนๆ ของฉัน 
และที่ทะเลนั่นเอง เขาขอฉันแต่งงาน ......
ฉันมีความสุขเหลือเกิน........
เกินจะบรรยายเหมือนโลกนี้มีเพียงเขากับฉัน 2 คน 
เขาวางแผนชีวิตคู่  ฉันคล้อยตามไปกับคำพูดของเขา 
แต่ก็ยังคงบอกเขาว่า มันเร็วไปค่ะ เราควรจะศึกษากันมากกว่านี้  
เขาก็ยินดีและเห็นด้วย และให้ฉันไปถามแม่ว่าต้องทำอย่างไรบ้างในประเพณีการแต่งงานแบบอย่างของเรา 
พิธีการเป็นอย่างไร เขาจะได้กลับไปวางแผนเรื่องงานเพื่อกลับมาสู่ขอ
ถ้าคุณเป็นฉันคุณจะรู้สึกอย่างไรคะ.........				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน