tiki
๏ บุญกิริยาวัตถุสิบนั้น มีข้อ *ทาน*เพียงข้อเดียว
ซึ่งให้ด้วยวัตถุ
อีก ๙ ข้อนั้นเป็นการให้ ด้วย กาย และ ใจ ลองดูนะคะ
กาย
1 ให้ชีวิตแก่ผู้อื่น ไม่ฆ่ากัน ไม่เบียดเบียนซึ่งอวัยวะร่างกายของผู้อื่น
คือการให้
2.ให้บุคคลอื่นชื่นชมสิ่งอันตัวรัก คือไม่ขโมย
3..อยู่กับข้อสองน่ะคะ ไม่แย่งชิงของรักของผู้อื่น(ไม่ใช่ของเราก็ปล่อยเขา
ไปเหอะนะคะ....อย่าไปคิดหวังสมบัติของชาวบ้านเลย เขาก็รักก็หวงกัน
ทุกคนนั่นอย่างละ)..อันนี้ ต้องบอกตัวเองบ่อยๆ เวลาคิดปลื้มใครสักคนนะ
4. สมบัติมีแบ่งปันให้ผู้อื่น ข้อนี้ข้อเดียว อันเป็นการให้วัตถุทานแก่ผู้อื่น
วาจาก็
ให้วาจา ซื่อตรงต่อกัน ไม่โกหกพกลม หากแม้นพูดไปโกหก
ก็หยุดเสียไม่พูดดีกว่า
ให้วาจา สมานมิตรไมตรีต่อกัน ก็ไม่ส่อเสียดกัน ให้ระคายหูกัน
ให้วาจาหวานไพเราะเพราะหูกัน ถ้อยเสนาะไม่หยาบคาย ไม่ด่าคำ
พูดคำ ต่อกัน..
ให้วาจา เป็นสุภาษิต ก็พูดธรรมอันเป็นประโยชน์ ไม่พูด เหลวไหล
ไร้สาระ ไม่พูดเพ้อเจ้อ
ทางใจ
ให้ใจอันเมตตาต่อผู้อื่น
ให้ใจรักใคร่ต่อผู้อื่น
ให้ใจ อันเป็นความเห็นชอบ...คือเห็นว่า พ่อแม่มี ..บุญคุณพ่อแม่มี
คือเห็นว่า เทวดามี..บุญคุณเทวดามี
คือเห็นว่าชาติก่อนมี กรรมที่ทำไว้เป็นเหตุ
คือเห็นว่า ชาตินี้มี ..รับผลกรรม คือ วิบาก แห่งกรรมไว้แต่ชาติ
ปางก่อนนับไม่ถ้วน
คือเห็นว่า ชาติหน้ามี..ที่จะรับผลบุญ และ บาป แห่งชาติปัจจุบัน
คือเห็นว่า การพ้นชาติ ชรา มรณะ มี คือทางนิพพานมี ด้วย
มรรค ๘ หนทางพ้นทุกข์
เราคงเลือกหาทำทาน แก่พระอรหันต์ไม่ได้ดอกค่ะ บุญเฉพาะหน้า
เรา ด้วยกาย วาจาใจ นั้นทำเมื่อไหร่ก็ได้บุญ
คือการยกใจขึ้น จากความทุกข์ จาก ความขึ้งเคียด บาปทั้งหลาย
ทุกข์ทั้งหลาย ที่เราประสบอยู่
การที่เราบริจาค ทาน อันเป็นวัตถุที่เราอาจใช้ แต่มีหลายชิ้น
หลายอย่าง หรือ วัตถุที่เราไม่ใช้แล้วให้คนอื่น ก็ หัดเสียเมือมีชีวิตอยู่
เพราะเมื่อเราดับชีพลง สมบัติเหล่านี้ คนอยู่เบื้องหลัง เขาก็รื้อค้น
มาทิ้งขยะไปเสียเท่านั้น..
ก็ขออธิษฐานให้ทุกคนได้ให้ สิ่งที่ควรให้
ให้แก่คนที่ควรได้รับ
ให้แก่คนที่ขาด แคลน ที่ ต้องการ ได้ทุกอย่างดังใจ
และให้ ด้วยความตั้งใจ และ นอบน้อมในบุญกิริยา ของเรา
ด้วยมีใจอันเห็นถูกเห็นควรในบุญกิริยาอันอ่อนน้อม
ในคนที่เขาขาดแคลน ผู้มีมาก ย่อมควรสละให้ผู้มีน้อยกว่า
เป็นกุศลใจ ทิกิ_tiki
ยกมาจากเรื่อง ทาน ความสุขจากการให้ ๚ .
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_56360.php