วันปัจฉิม
ริก้า
.ในวันปัจฉิมนิเทศ
วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วสินะ ที่ฉันจะได้อยู่ในโรงเรียนนี้ และใช้ชื่อ
ครั้งสุดท้ายว่าเป็นนักเรียนของโรงเรียน อัสสัมชัญคอนแวนต์ สีลม นั่น
เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันคิดในตอนเช้าของวันปัจฉิมนิเทศ โรงเรียนของฉัน
แบ่ง ออกเป็นสองที่ คือฝั่งประถม และฝั่งมัธยม แม้จะเป็นโรงเรียนเดียว
กัน แต่ในความรู้สึกของนักเรียนที่นี่ ก็เหมือนเป็นคนละโรงเรียน ดังนั้น
ความรู้สึกในเวลาเช้าของวันนั้น ฉันจึงรู้สึกใจเบาๆและโหวงเหวงอย่าง
บอกไม่ถูก ฉันมาถึงโรงเรียนในเวลาประมาณ 6โมง 10นาที ซึ่งถือว่า
เช้ามาก เพราะฉันอยากจะเก็บความทรงจำที่ดีที่สุด และความทรงจำที่
ฉันมีมาตลอดเวลา 6 ปี ไว้ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันเดินไปตามโรง
อาหาร นั่งนึกถึง เวลากว่า6ปี ที่ฉันเคยมานั่งที่นี่ นั่งทานอาหาร คุยกับ
เพื่อน ฉลองวันเกิด ร้องเพลง ซ้อมเต้นกันในโรงอาหารนี้ นานเท่าไรไม่รู้
จนกระทั้งเพื่อนซี้ของฉันตามมาเรียก มาทำไรตรงนี้จ๊ะ เราหาตั้งนาน
นุ่น ไปนั่งรอที่ม้านั่งก่อนนะเดี๋ยวเราตามไป นุ่นมองฉันอย่างแปลกๆ
แล้วเดินจากไป ฉันอาจจะเคยกลัวที่ต้องอยู่ตามลำพัง แต่วันนี้ฉันขอนั่ง
นึกถึงอดีตอยู่คนเดียวดีกว่า ฉันเดินต่อไปที่บันใด เดินไปก็นึกขำตัวเอง
กี่ครั้งแล้วที่ฉันเดินสะดุดเพราะบันใดนี้ กี่ครั้งที่ฉันมานั่งร้องให้ที่นี่ กี่ครั้ง
ที่ฉันมาเล่นซ่อนแอบตรงนี้ และกี่ครั้งที่ฉันต้องใช้บันใดนี้ นับไม่ถ้วน รู้
เพียงแต่ว่าทุกวัน ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่ผ่านบันใดนี้ ฉันนึกแล้วน้ำตาก็เริ่ม
ซึมออกมานิดๆ ไม่น่าเชื่อว่าวันที่ฉันจะอยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้ายมันเศร้า
เพียงนี้ ฉันเช็ดน้ำตาทิ้งแล้วเดินไปที่สนามที่นั่นเพื่อนๆมากันมากพอสม
ควร ตอนนั้นเป็นเวลา6โมง50แล้ว เพื่อนสนิทอีกคนของฉันกำลังกวัก
มือเรียกฉันอยู่ ริก้าไปไหนมาเห็นแต่กระเป๋าเนี่ย โทษจ๊ะ ไปโรง
อาหารมาเออ มิส(โรงเรียนของริก้าเรียกครูหญิงว่ามิสและครูชายว่า
มาสเตอร์ค่ะ)เรียกพวกเราเข้าแถวแล้วรีบไปเหอะ ฉันเดินไปพร้อมกับ
นุ่น เพื่อนสนิทของฉันอยู่หลายห้องแต่ห้องเรามีเพียงฉันและนุ่นเท่านั้น
ฉัน เดินไปเข้าแถว หลังจาก ผู้อำนวยการ(มาเซอร์ครูใหญ่) กล่าวทัก
ทายนักเรียนเล็กน้อย ก็เริ่มกิจกรรมแรกทันที พวกเราเข้าแถวขึ้นไปที่
ดาดฟ้า มิสและมาสเตอร์ให้เราเข้าไปในเครื่องเล่นที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้า
คล้ายบ้านผีสิง แต่เพียงสว่างเท่านั้น เหล่าคุณครูพากันโปะแป้งใส่นัก
เรียนอย่างสนุกสนานจนกระทั่งนักเรียนออกมาจากเครื่องเล่นด้วยหน้า
สีขาวเหมือนแมวทุกคน เมื่อลงมาข้างล่าง ได้มีการบรรยายของ ด.
รสสุคนธ์ เรื่องสุขภาพ ด.เป็นแพทย์ทางเลือกที่มีประสบการณ์สูง ท่าน
จบปริญญาโทในเวลาเพียง3เดือนเท่านั้น หลังการบรรยายจบเราก็ไป
ทานอาหารกลางวันกัน โต๊ะอาหารถูกจัดขึ้นแบบบุฟเฟ่ และให้ น.ร. ตัก
อาหารไปทานเองที่สนาม ภาคบ่ายมีการแสดงละคร ซึ่งนักเรียนชั้น ป.6
รุ่น94 ได้จัดร่วมกันเพื่อมอบให้แก่ มิสทุกท่าน และนี่คงเป็นงานสุดท้าย
ที่พวกเราจะได้จัดพร้อมกัน เพราะงานนี้แสดงเป็นห้องๆ คงไม่มีอีกแล้ว
ที่ห้องเราทั้งห้อง ป.6/4 จะได้ทำกิจกรรมร่วมกันอีกครั้ง พวกเราจึงร่วม
งานนี้อย่างดีที่สุดการแสดงผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้พวกเราจะพยายาม
อย่างไร ก็คงไม่สามารถหยุดเวลาไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร พวกเรารุ่น94
ก็คงจะต้องจากโรงเรียนนี้ไป เริ่มจากการแสดงของ และห้อง3 ห้อง5
ตามมาด้วยห้อง6 ซึ่งแสดงถึงตลอดเวลา6ปีที่พวกเราได้ร่วมกันซน จน
แทบจะระเบิดโรงเรียน หรือมาสายเป็นประจำจนมิสเอือมระอาที่จะ
เตือน ในที่สุดก็คงมาถึงห้องของฉันห้อง4 ถึงจะไม่ได้แสดงฉันก็ร่วมงาน
นี้แล้วหละนะ งานแสดงของห้องฉันเป็นเรื่องที่มิสได้อบรมมาตลอด
เวลาที่ใช้ชีวิตในรั้วของโรงเรียนนี้ เช่นการแอบหนีไปเล่นไอซ์ หรือการนำ
โทรศัพท์มือถือมาโรงเรียน ถึงแม้จะเป็นเรื่องเรียบๆ แต่ก็เรียกน้ำตาจาก
คุณครูได้มากพอสมควร ตามมาด้วยงานปิดฉากคือการแสดงของห้อง2
ครูผู้ช่วยชั้นของห้อง2 ได้จากพวกเราไปตั้งแต่ประมาณต้นเทอม2 งานน
นี้จึงคล้ายๆกับการอาลัยให้แก่คุณครูมากกว่า เมื่องานแสดงจบ พวก
เราได้มีพิธีอำลาโรงเรียนนี้อย่างถาวร ถึงเวลาแล้วสินะ ฉันคิด ช่วงเวลา
สุดท้ายของการเป็นนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ สีลมได้มาถึง
แล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมง ฉันจะไม่ใช่นักเรียนของที่นี่แล้ว เมื่อคิดเช่นนี้ฉันก็
เริ่มรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก ในพิธีบายศรสู่ขวัญขณะที่มิสได้เดินมา
ให้พร สิ่งที่เพื่อนๆกลุ่มฉันคิดไม่ถึงก็คือ เพื่อนคนที่พวกเขาบอกว่าเข้ม
แข็งที่สุด เก่งที่สุด แทบจะไม่เคยมีใครเห็นเธอร้องให้ แต่ในตอนนั้นเอง
สิ่งนั้นก็คงเปลี่ยนความคิดพวกเขาได้ เพราะริก้าเริ่มปล่อยน้ำตาออกมา
อย่างไม่อายใคร ในขณะที่ทุกคนหันมามองและปลอบฉัน แต่มันคง
เหมือนยิ่งยุมากกว่าค่ะ ทั้งที่ริก้าพยายามจะหยุดน้ำตานั้น มันกลับร่วง
พรูออกมาเป็นสาย วาระสุดท้ายของนักเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ สีลม
ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งร้อง จนผ้าเช็ดหน้าผืนที่ใช้อยู่เปียกชุ่มราวชุบน้ำ แต่ไม่เป็น
ไรค่ะ เพราะริก้ารู้ วันนั้นริก้าเอาผ้าเช็ดหน้าไปสองผืนค่ะ แต่ด้วยเหตุที่
ว่าฉันเริ่มร้องให้หนักขึ้น จึงทำให้เพื่อนในกลุ่มอีกหลายคนเริ่มร้องให้แ
ละน้ำตาซึม เพื่อนทุกคนเป็นเด็กนักเรียนที่นี่ตั้งแต่ ป.1เช่นเดียวกับฉัน
จึงรู้สึกผูกพันธ์กับที่นี่มากเมื่อต้องจากไกล ก็คงเหมือนนกจากรัง ฉันรัก
ที่นี่ แม้จะเล็กคับแคบ ก็ยังคงเหมือนบ้านหลังที่2ของฉัน มันทนไม่ไหว
หรอกค่ะ ริก้าไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่ริก้าไม่เข้มแข็งพอมั้งคะ น้ำตาจึงเริ่ม
ทะลักออกมา เหมือนเขื่อนแตกเลยค่ะ ริก้าเก็บน้ำตาไว้ไม่ได้ แต่ริก้าก็
ทนไม่ได้ที่จะเก็บน้ำตาไว้หรอกค่ะ ในตอนนั้นเสียงเพลงที่ฉันได้ยินอาจ
ทั้งปลอบและทำให้ร้องให้มากกว่าเดิมนั่นคือ ยามนี้พวกเจ้าต้อง
จากไกล ห้องเรียนที่เคยจะเงียบเหงา ไร้เสียงพวกเจ้า ห้องเรียนเงียบ
เหงา แน่หรอกค่ะ ไม่มีเด็กรุ่นซนๆอย่างฉันมาก่อกวนแล้วนี่ ห้องเรียนจะ
เหงาเพียงไร แต่ความทรงจำอันแสนหวานของห้องเรียนที่ยุ่งเหยิงมันยัง
คงอยู่ในใจพวกเรา ฉันจะกลับแล้ว เมื่อเดินไปลาคุณครูดาวก็ทนไม่ได้
ที่จะโผกอดมิสที่ฉันรักที่สุดในโรงเรียนนี้และพูดสิ่งที่ไม่เคยพูดออกไป
มิสขาหนูรักมิสนะคะ หนูขอโทษเกี่ยวกับสิ่งที่หนูเคยทำไป หนู
เสียใจค่ะ มิสคงให้อภัยหนูนะคะ มิสรักพวกเธอเช่นกัน เรื่อง
อดีตปล่อยมันไปเถอะนะริก้า กลับมาเยี่ยมบ้างนะจ๊ะ แน่นอนค่ะ
ฉันยังคงกลับไปเยี่ยมโรงเรียนทุกสัปดาห์ แม้จะไปในฐานะว่าเด็กโรง
เรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ แม้จะไม่มีสีลมอยู่ แต่ฉันยังคงรักที่นี่ไม่
เปลี่ยนแปลงค่ะ และแล้ววันนั้นฉันก็เดินออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับ
ทิชชู่อีกหลายห่อ และดวงตาที่แดงก่ำ ผ้าเช็ดหน้า2ผืนที่เปียกโชกของ
ฉันคงทำให้รู้ว่าฉันรักโรงเรียนเพียงไร หากทำได้ฉันคงตะโกนออกไป
*อัสสัมชัญคอนแวนต์ สีลม ฉันรักเธอนะ*