ความเหมือนที่แตกต่าง

อตอม

วันแรก.... ที่ฉันจะได้ไปที่บ้านของเธอ เธอตื่นเต้น ดีใจ ที่จะได้แนะนำฉัน
ให้พ่อแม่เธอได้รู้จัก ในฐานะ "แฟน"  ฉันรับรู้ได้จากสีหน้าที่ยิ้มอย่างเขินอาย    จากการแซวของเพื่อนบ้านตลอดระยะทางที่ "เรา" เดินผ่าน ... ฉันมีความสุข
  ..."หุหุ บ้านเราน่ะเหมือนสลัมนะ สงสัยต้องรื้อแล้วสร้างใหม่"  คำแรกที่เธอบอกเมื่อเราไปถึง  ในความคิดของฉัน มันไม่ใช่สลัมหรอก อาจจะแค่ชุมชนแออัดธรรมดา...ตลอดทางที่เราเดินผ่าน ฉันมองตลอดสองข้างทาง ..ทางรถไฟ  บ้านเรือน ผุ้คนมากมาย และรถมอเตอร์ไซค์ที่มานะพยายามวิ่งผ่านทางเดินที่มีความกว้างแค่สองคนยืน  เธอจะให้ฉันเดินนำหน้าเธอเพราะเธอจะเดินกันรถข้างหลังให้ฉัน  ตอนนั้นฉันหัวเราะในใจว่า "ทำอย่างกับจะไปบ้านฉันแน่ะ ทั้งที่ฉันไม่รู้ว่าจะไปทางไหนแท้ ๆ"  แต่ฉันมั่นใจ!! ถึงแม้ทางข้างหน้าฉันจะมองไม่เห็นหลังของเธอ แต่ฉันก้อรู้ว่าเธอไม่ทิ้งให้ฉันหลงทางแน่ ๆ  เสียงนุ่มนวลที่คอยบอกทางฉัน มือของเธอที่คอยกันฉันออกจากรถมอเตอร์ไซค์ และสิ่งกีดขวาง เพราะเธอรู้ดีว่าฉันซุ่มซ่ามแค่ไหน...ฉันเคยถามเธอว่าทำไมชอบเดินตามหลังฉัน คำตอบของเธอทำให้ฉันดีใจ เธอบอกว่า "เธอจะได้เห็นฉัน จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้หายไปไหน แต่ถ้าฉันเดินข้างหลังเธอ เธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน" ...ฉันพยายามจดจำเส้นทางที่จะไปบ้านเธอที่ลดเลี้ยวไปตามทางเดินเล็ก ๆ .. ที่นี่ซินะ คือที่ที่เธอเติบโตขึ้นมา  เป็นเธอ ที่ "ฉันรัก" และ "รักฉัน"..
เมื่อเราไปถึง... ฉันเห็นบ้านตรงสุดทางเดิน เป็นบ้านไม้ 1 ชั้น ครึ่ง เพราะมีใต้ถุนบ้านเล็ก ๆ ปลูกอยู่ริมน้ำ ที่ครั้งนึงเคยใสสะอาดและคงจะร่มรื่นมาก ๆ  ภายในบ้านตกแต่งง่าย ๆ ข้าวของวางเป็นระเบียบดี  ฉันค่อย ๆมองสำรจสิ่งต่างๆ ภายในบ้านเธอเหมือนจะทำความรู้จักกับสถานที่ใหม่ ๆ ที่อนาคตฉันอาจจะได้มาอยู่ก้อได้..
ที่ฝาผนังบ้านเธอจะมี ใบประกาศเกียรติคุณอยู่หลายอัน ทั้งชนะเลิศการประกวดบทกลอนในวาระต่าง ๆ ของวิยาเขต หรือประกาศนียบัตรเรียนดี .. นีเพียงแค่คร่าว ๆ ที่ยังไม่ใส่กรอบยังมีอีกหลายอัน ... ฉันแอบภูมิใจใน "แฟน" ฉันคนนี้ลึก ๆ
หลังจากที่เรา ได้กินขนม และ "น้ำส้ม" กันสักพัก แม่เธอก้อกลับมาจากที่ทำงาน 
ฉันตื่นเต้นมาก แม่เธอก้อแปลกใจเหมือนกัน เราก้อคงทำได้แค่ยิ้มให้กันอย่างเขินๆ  ก้อแน่ล่ะ ฉันเป็น "แฟน" คนแรก และเป็น "เพื่อน" คนแรกที่เธอพามาบ้านนี่
- -ขากลับ  เธอก้อไปส่งฉันถึงบ้านเลยเพราะมันค่อนข้างเย็นแล้วและเธอก้อทำเป็นปกติใน 365 วัน จะมีวันที่เธอไม่มารับส่งก้อแค่วันที่ไม่ได้ไปเรียนกับปิดเทอมแค่นั้นแหละ  นอกนั้นทั้งรับทั้งส่งเป็นประจำ... ฉันมีความสุขมาก
...ที่วิทยาเขต  เราเรียนห้องเดียวกัน เธอเป็นหัวหน้าห้องที่สมาชิกในห้องยอมรับในความสามารถและสยบกับความดุของหน้าตา 555 ฉันเองก้อเป็นหนึ่งในสมาชิกนั้น ๆ  แน่นอนเธอสอบได้ที่ 1 ได้รับรางวัลหลายอย่างและยังได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันวิชาการที่เชียงใหม่ด้วย  อีกทั้งเธอยังนักดนตรีตัวยงเชียวล่ะ ... เสียงกีตาร์ของเธอกับเสียงร้องเพลงของเพื่อนกว่าครึ่งห้องมันทำให้บรรยาศของเพื่อนใหม่ดูอบอุ่นจนน่าหยุดเวลาไว้แค่นั้น ... ถ้าทำได้จริง ๆ
เคยมีเพื่อนถามฉันเหมือนกันว่า ทำไมถึงเลือกคบกับเธอ ..เธออาจจะไม่ใช่คนที่หน้าตาดีอะไร แต่ฉันก้อ "รัก" ในสิ่งที่เธอเป็น รักที่นิสัยและความคิด ของเธอ ฉันภูมิใจเสมอเวลาที่มีใครชื่นชมเธอหรือเวลาที่เธอแนะนำกับใครว่าฉันเป็น "แฟน" เธอ  ตอนนั้นฉันคิดนะว่าอาจจะเป็นพรหมลิขิตก้อได้  เพราะจริง ๆ แล้วทั้งฉันและเธอ เราเรียนที่เดียวกันตั้งแต่ตอน ปวช แต่เราไม่รู้จักกัน ตอนนั้นฉันเรียนรอบเช้าส่วนเธอเรียนรอบบ่าย บางทีเราอาจจะเคยเดินมาเจอกันแล้วก้อเดินผ่านไปก้อได้ ... 3 ปีผ่านไป เมื่อเราขึ้นปวส ฉันพยายามสอบเข้าแทบตายแต่เธอได้โควต้าเรียนดี ...สุดท้ายเราก้อได้เรียนและได้รู้จักกัน
ตลอดสองปีที่เรียนปวส เราเป็นคู่ที่หวานแหววและถูกแซวตลอดปีไม่รู้จักเบื่อ จากที่เราเคยเขิน ๆ ก้อเริ่มชิน เพราะกว่าเราจะคบกันอย่างเปิดเผยอย่างนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราต้องฝ่าฟันอะไรด้วยกันหลายอย่างเพื่อจะให้ที่บ้านฉันที่หวงลูกสาวมากยอมรับเรา อีกทั้งความต่างเรื่องศาสนาก้อยังเป็นอุปสรรคอยู่ แต่เราสองคนก้อมี พันธะสัญญากัน เราคบกันจริงจังและคิดไกล...
"เธอ" เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่ เข้มแข็งและอ่อนไหว  ดุดันและเมตตา จริงจังและมีความคิดมาก จนบางครั้งฉันก้อกลัวกับการคิดมากของเธอ บ่อยครั้งที่เราทะเลาะกันเรื่องเพื่อน เรื่องความไม่เข้าใจและเอาแต่ใจของฉัน --ผุ้หญิงธรรมดาคนนึง--
คนรอบข้างมักจะมองว่าเธอจะทำอะไรได้ทุกอย่าง เธอเก่ง แต่หารู้ไม่ว่ากว่าที่เธอจะมีวันนี้ได้ กว่าที่เธอจะมีความสามารถอย่างนี้ได้เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอต้องพยายามแค่ไหน กับฐานะทางบ้านที่ไม่ได้เอื้อหนุนเท่าใดนัก  .. ภาระหลายๆ อย่างที่เธอต้องแบกรับไว้  ทำให้เธอรู้สึกท้อ  เหนื่อย  --ฉัน ผุ้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง-รู้สึกดีมากที่จะได้ปลอบโยนเธอ ได้เห็นความอ่อนแอของชายผู้เข้มแข็งคนนึง ที่ไม่มีใครมีโอกาสได้เห็น ... ฉันภูมิใจและมีความสุขมาก
..แต่วันเวลามันหมุนไป  เราต่างต้องโตขึ้น เรียนรู้โลกกว้างและรู้จักคนมากขึ้น  เราสอบเข้าปริญญาตรีต่อเนื่องคนละที่กัน  เธอติดดาวได้ทุนเรียนและต้องทำงานไปด้วย  -เราแทบไม่มีเวลาได้เจอหรือพูดกันเช่นเคย -- เมื่อความห่างเข้ามาแทรกแซงเบียดเบียนความเข้าใจระหว่างกัน ..และ"เค้า" อีกคนเข้ามา "ฉัน ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง"  ที่หวั่นไหวเป็น ก้อทำให้เธอเจ็บปวดแต่เพราะเราพูดกันตรง ๆ เสมอ ฉันจึงบอกเธอ  แม้มันเป็นเวลาไม่นานที่ฉันเผลอไป และกลับมาเหมือนเดิมกับเธอ แต่มันก้อนานพอที่จะทำให้เธอเปลี่ยนไป  ยิ่งห่างกัน ความเข้าใจกันมันยิ่งน้อยลง --เธอเจ็บ-- เธอหาทางดับทุกข์ด้วยธรรมะกับวิทยาศาสตร์
ฉัน-- คนที่ต่างศาสนากับเธอย่อมไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอทำ มันเหมือนเห็นความต่างที่เราพยายามกลบมันไว้ ฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง....และสุดท้าย --ฉัน ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง-- ก้อทำให้เธอต้องพูดคำว่า ..."จบ"
ผ่านไป 5 เดือนแล้ว กับการห่างกัน... "ฉัน" และ "เธอ" ได้เรียนรุ้ความรู้สึกอะไรบางอย่างของตัวเอง "ฉัน" เรียนรู้ว่าเราจะเห็นค่าของสิ่งที่มีอยู่เมื่อสูญเสียมันไป เหมือนที่ฉันรู้ตัวว่า "รักเธอ" มากกว่าที่เคยเป็น ... "เธอ" ได้เรียนรู้ในโลกของศีลธรรมและการวางจิตใจในการดับทุกข์ ถึงแม้เธอจะบอกว่า เธอ "ยังรักทุกอย่างที่เป็นฉัน" แต่เราก้อไม่สามารถกลับมาคบกันได้อีกแล้ว เราต่างมองไม่เห็นอนาคตที่จะเป็นคู่ชีวิตกันได้ ได้แต่หวังว่ามันคงจะมีสักวันที่จะมีทางออกที่ดีกว่าการแยกกัน
แล้วเราก้อได้กลับมาเจอกัน .. "ฉัน" ตอนนี้ไม่มีใครร่วมทาง  แต่ "เธอ" มี  "เค้า" ที่พร้อมจะเดินกับเธอเข้ามา .. แต่เธอ  ก้อยังไม่ได้ตัดสินใจ เธอบอกว่ายังมองไม่เห็นว่าจะมีใครสามารถเดินร่วมทางไปกับเธอได้  -- ฉัน-- ได้แต่หวังลึก ๆ ว่าอาจจะเพราะ  "เธอ"  ยังมี "ฉัน" อยู่ในใจ - -แต่เธอ-- ก้อจะให้ฉันเป็นเพียง  " เพื่อนธรรมดา " คนนึงเท่านั้น ...  ฉันเสียใจ..
วันสุดท้าย... ที่ฉันได้ไปบ้านของเธอ เธอรู้สึกลำบากใจ ฉันรับรู้ได้จากสีหน้านิ่ง ๆ และการถอนหายใจของเธอ  คำแรกที่เธอพูดกับฉัน "ถ้าเราไม่อยู่บ้านจะทำไง" "มีอะไรอีกหรือเปล่า"  ฉันนิ่งพูดอะไรไม่ออก 
ฉันได้แต่นั่งมองบ้านของเธอ ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย มองแม้กระทั่งแผ่นกระดานที่เธอนำมาติดไว้ข้างฝาบ้าน มองที่นอนและหมอนที่เธอหนุนนอน ,มองหนังสือ , กองของขวัญที่ฉันเคยให้เธอในโอกาสต่าง ๆ และ มองแผ่นหลังของเธอที่สนใจแต่คอมพิวเตอร์ ผ่านไปนาน เธอก้อยังไม่หันมาสนใจฉัน.... ฉันเสียใจ
เธอเปิดธรรมะให้ฉันฟัง -- ฉันอึดอัด ไม่ใช่เพราะฟังธรรมะ แต่เพราะเธอไม่พูดกับฉัน ฉันจึงเขียนสิ่งที่ต้องการบอกลงในกระดาษให้เธออ่าน ทั้งที่จริง ๆ แล้วฉันพูดได้  เมื่อเธอได้อ่าน เธอก้อหันมาคุยกับฉัน แต่ ฉันพูดอะไรไม่ออกแล้ว ฉันนั่งกลั่นน้ำตาที่มันจะเอ่อตลอดเวลา เธออยากเห็นรอยยิ้มของฉัน แต่ฉันสามารถทำได้แค่นั่งนิ่ง ๆ เท่านั้น ฉันไม่สามารถฝืนหัวใจที่ร้องไห้ ให้ยิ้มได้เลย 
ฉัน-- นั่งมองทุกอย่างรอบตัวฉันเหมือนครั้งแรกที่ฉันมา แต่แตกต่างกัน
วันแรก..ฉันมองเพื่อทักทายกับสิ่งใหม่ จดจำเพื่อเรียนรู้ความเป็นเธอ
วันสุดท้าย..ฉันมองเพื่อบันทึกไว้เป็นความทรงจำ มองเพื่อร่ำลา
วันแรก.. เธอดีใจที่ฉันมาหา
วันสุดท้าย.. เธอลำบากใจที่เห็นหน้าฉัน
วันแรก.. เธอต้อนรับฉันด้วยขนม และ "น้ำส้ม"
วันสุดท้าย.. เธอต้อนรับฉันด้วยน้ำตาฉันเองไม่มีแม้แต่ "น้ำเปล่า"
วันแรก... ฉันมองไม่เห็นหลังของเธอแต่ฉันก้ออบอุ่นที่รู้ว่าเธอเฝ้ามองฉันอยู่
วันสุดท้าย.. ฉันมองเห็นหลังของเธอ จิตใจฉันสั่นไหวเพราะเธอมองไม่เห็นฉันเลย
  ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน ไม่มีอะไรเป็นของของเรา อย่ายึดมั่น ถือมั่น เธอเคยบอกฉัน ไม่มีที่ที่เป็นของเรา ...ฉันเข้าใจ เพราะตอนนี้มันไม่มีที่ของฉันจริง ๆ
อย่างที่ฉันเคยให้เพลง "ช่วงชีวิตหนึ่ง" กับเธอ และเธอให้เพลง "หมดแล้วหมดเลย" กับฉันนั่นแหละ....ฉันไม่โกรธ ฉันจะพยายามเข้าใจ
แต่อะไรบางอย่างก้อบอกฉัน ให้ฉันเข้าใจว่า ..ถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องไป
ไปเรียนรู้โลกกว้าง  เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ และต้องเรียนรุ้ตัวเองให้มากขึ้น
เผื่อว่าสักวันนึงข้างหน้า ... เราอาจจะได้มีโอกาสกลับมาร่วมทางกันอีกครั้งหนึ่งและครั้งนั้นฉันจะรักษามันไว้อย่างดีเชียว...
                                ** จะจำไม่ลืม ว่าในชีวิตช่วงหนึ่ง 
                                  ได้เคยซึ้งใจ กับคนที่ดีอย่างเธอ
                            จะรวมทุกความทรงจำ ที่เราทั้งสองต่างเจอ 
                                      คงอยู่ภายในใจจนนิรันดร์**
  สำหรับคนที่ได้อ่านบันทึกนี้... ลองถามตัวเองซิว่าคุณให้ความสำคัญคนที่อยู่ข้างๆหรือยัง  แล้วเค้าคือคนที่สำคัญสำหรับคุณหรือเปล่า... ถ้าใช่.. รักษาเค้าไว้ให้ดีนะ
เวลาไม่คอยใคร เค้าเองก้ออาจจะไม่คอยคุณเช่นกัน.. ต่อให้คุณมารู้ตัวว่า
คุณรักเค้ามากแค่ไหน มันก้อสายไป  สุดท้าย คนที่เสียใจก้อคือ ..คุณ...				
comments powered by Disqus
  • อตอม

    21 กันยายน 2547 19:45 น. - comment id 77320

    อ่านแล้วรู้สึกยังไงก็ตอบกันบ้างนะคะ
  • Love Is...Never Die.

    21 กันยายน 2547 19:53 น. - comment id 77321

    อืมม อย่าเสียใจไปเลย ความรักก็เหมือนกราฟที่ขีดขึ้นด้วยความรู้สึก  และความรู้สึกก็ถูกขีดขึ้นด้วยคนสองคน  ส่วนคนสองคนก็ถูกขีดขึ้นด้วยกันและกัน  หากใครคนนึงไม่อย่าขีดเขียนความรู้สึกดีๆให้กับอีกฝ่าย และอีกฝ่ายก็ไม่เขียน มันก็คงต้องเลิกกันไป 
    
    กราฟ...มีขึ้น มีลง หากเราอยากให้ขึ้นตลอดก็ต้องมองหาคนที่เราจะขีดเขียนความรู้สึกดีให้เขา เต็มใจที่จะเขียนให้เราเหมือนกัน
    
    (ยิ่งเขียน ยิ่งงง) เรื่องคุณประทับใจชั้นมากน๊า
  • ผู้หญิงในเงาน้ำ

    21 กันยายน 2547 19:59 น. - comment id 77323

    พักใจบ้างเถอะนะ...เพื่อนเอ๋ย
    เธอคงเหนื่อยกับการเอื้อนเอ่ยถึงสิ่งหลัง
    เก็บความทรงจำเก่านี้ไว้ แล้วใช้ให้เป็นพลัง
    เค้าคงยิ้มได้ถ้าเห็นเพื่อนถึงฝั่งอย่างตั้งใจ
         ค่อย ๆ หลับตาลงนะ..เพื่อนรัก
    ถ้าเธอท้อมากนัก...มาพักตรงนี้กับฉันก็ได้
    ฉันมี2มือคอยซับน้ำตาและ1ใบหน้าที่ตลอดเวลาพร้อมให้กำลังใจ
    บวกด้วยอีก2หัวไหล่ ที่พร้อมให้เพื่อนมาพักพิง...
    
    โทษทีแต่งสด อาจไม่ค่อยได้เรื่องแต่มาจากใจนะเพื่อน....
    
    แล้วเจ้าจะก้าวต่อไปอย่างแข็งแกร่งนะ...ดอกหญ้าน้อย  ^_^
  • มารน้อย

    22 กันยายน 2547 18:20 น. - comment id 77336

    ก็ น่ะ สวยงาม  ในทุกร่องรอยของความรัก และก็เจ็บปวด กับสิ่งที่เกิดขึ้น
    
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    23 กันยายน 2547 07:04 น. - comment id 77352

    สวัดีครับ.............
    
             ผมเข้ามาอ่านเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่แสนดี  
    
             หาก ผลิใบ ยังอยู่ก็จะคอยให้ความอบอุ่นเช่นนี้ตลอดไป
    
    กำลังใจจากข้างในส่วนลึก
    ไม่ต้องฝึกต้องหามาให้เห็น
    จะแดดร้อนตอนสายจนบ่ายเย็น
    จะคอยเป็นกำลังใจให้ดนดี
     
    
  • คาโอรุ

    1 ตุลาคม 2547 19:24 น. - comment id 77638

    แต่งเรื่องนี้ได้ดีมากเลยน้าค่ะ  หวังว่าถ้าคนคนนั้นมีตัวตนอยู่จริงคงได้เหงและได้รับรู้
  • อตอม

    18 ตุลาคม 2547 15:52 น. - comment id 78134

    หวัดดีค่ะ คาโอรุ 
    คนนั้นเค้ามีตัวตนจริงๆ ค่ะ แต่ตัวตนในวันนี้นน่ะค่ะ เพราะตอนนี้เค้าสละร่างกายในโลกนี้ไปอยู่บนสวรรค์(หรือเปล่า) แล้วหล่ะค่ะ....
    ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะค่ะ ทุกๆ คนเลย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน