เสี้ยวหนึ่งของวิญญาญ ( ตอนที่18 )

สุชาดา โมรา

หลายวันผ่านไปฉันไปเรียนด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากไปเรียนเลย  ฉันมีความรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่โลกของฉัน  ไม่เหมือนที่สมาคมฯ  ถึงแม้ว่าจะเจอเหมี่ยวเหมือนกันแต่อย่างน้อย ๆ ที่นั่นก็มีคนคุยกับฉันไม่เหมือนที่นี่...  ฉันเข้าไปเรียนวิชาสุขศึกษาที่ตึกเก่าพอฉันนั่งที่โต๊ะก็เกิดเรื่อง
	ผว๊ะ...........!!!!!........โครม..........!!!!!
	ใครคนหนึ่งตรงลี่เข้ามาตบหน้าฉันจนโต๊ะแล็กเชอร์ล้มไปทางฝั่งขวาทำให้ไม้ลองแขนกระแทกชายโครงของฉันจนจุก  จากนั้นใครต่อใครอีกหลายคนก็มารุมทำร้ายฉัน  ฉันไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้เพราะมันชุลมุนวุ่นวายเหลือเกินจนไม่สามารถที่จะลุกขึ้นได้  ฉันรู้สึกว่ามึนงงทำอะไรไม่ถูก  ไม่มีใครมาช่วยฉันเลย
	อะไรกันน่ะ
	เสียงอาจารย์ดังขึ้น  อาจารย์ไตร่สวนเรื่องราวและก็ส่งไปที่ห้องปกครองให้อาจารย์ทำโทษ  ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีความผิดแต่โทษก็เท่ากัน  ฉันถูกอาจารย์ตี 3 ทีเท่า ๆ กับพวกนั้น  ที่จริงฉันไม่เข้าใจเลย  มันเป็นเพราะสาเหตุอะไรพวกนี้ทั้งห้องจึงมารุมทำร้ายฉัน  ฉันงงไปหมดจึงถามพวกนี้ต่อหน้าอาจารย์
	ถามจริง ๆ เถอะทำไมต้องมาตบฉันด้วย
	ก็หมั่นไส้น่ะมีไรไหม...เห็นไปแข่งมาเก่งนักนี่ไม่เห็นใช้วิชาที่เรียนมาทำร้ายใครได้เลย  ถุย...ทุเรศใช่ไหมพวกเรา
	พออาจารย์ได้ยินจึงเรียกทุกคนในห้องยกเว้นฉันไปทำโทษด้วยการให้ไปพัฒนาชุมชนในที่ต่าง ๆ และถ่ายรูปพร้อมกับให้ชาวบ้านเซ็นมาว่าไปจริง...
	ฉันได้ยินเสียงบ่นเสียงด่าเสียงพูดจาเสียดแทรก  เสียดสีจนรับไม่ไหวอีกแล้ว  หนัก ๆ เข้าห้องนี้ฉันก็ชักจะอยู่ด้วยไม่ได้แล้วละ  ฉันจึงตัดสินใจไม่เข้าเรียนอีกครั้งเพื่อหนีปัญหาที่รุมเร้าในจิตใจ  ฉันหาทางออกไม่ได้จริง ๆ ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ ที่เหตุการณ์มันเป็นแบบนี้  
	พอฉันไม่เข้าเรียนฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนก็เลยมานั่งที่ศาลาในโรงเรียนจนเจอเพื่อนคนหนึ่งชื่อฟิล์ม  ที่จริงเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนหรอกแต่ว่าเรามาสนิทกันตอนที่จะหนีออกจากโรงเรียนเนี่ยแหละ  ฉันจึงพาฟิล์มไปที่ประตูข้างของโรงเรียนแล้วก็ปีนออกมา  ฟิล์มรู้จักร้านขายอุปกรณ์การเรียนอยู่ร้านหนึ่งก็เลยพาฉันเข้าไปหลบสารวัตรนักเรียนที่นี่  ฉันจึงสนิทกับลูกจ้างของร้านที่ชื่อดวง
	หลังจากนั้นมาฉันก็ไม่ยอมเข้าเรียนอีกเลยจนกระทั่งอาจารย์ทองเรียกผู้ปกครองไปพบเพราะฉันไม่เข้าเรียนมาหลายวันแล้วพอผู้ปกครองมาอาจารย์ก็เอารายละเอียดการโดดเรียนออกมาให้ปู่ฉันดูจนวันนั้นกลับไปบ้านฉันจึงถูกตีหลายทีจนเนื้อแตก  
	หนูสัญญาว่าจะเข้าเรียนค่ะ....!!!!
	แต่พอวันรุ่งขึ้นฉันมาเข้าเรียนสังคมในห้องก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  ยังมีการเสแสร้งและก็กล่าวร้าย  พูดจาเสียดแทงตลอดจนแทบจะทนไม่ได้  นอกจากนั้นก็ยังมายืนรุมด่าทออีก  ฉันรู้สึกเครียดมาก  รู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมาหัวเน่าที่ไม่มีใครเขาคบอีกแล้ว...  ฉันจึงตัดสินใจอีกครั้ง  คราวนี้ฉันไม่เข้าเรียนเลย  แต่ฉันยังคงเข้าไปเล่นยูโดต่อ  เหมี่ยวก็เอาไปพูดที่สมาคมฯนินทาฉันเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันไม่เข้าเรียน
	นังแววดาวนะไม่เข้าเรียนละเธอ  สงสัยจะมีผัวละเลยไม่เข้าเรียน
	เหรอ...ไม่อยากจะเชื่อเลยเห็นหน้าหงิม ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้ถึงว่าพี่ ๆ ที่นี่ถึงได้รุมจีบที่แท้ก็พวกให้ท่าให้ทางนี่เอง  แต่ดูอย่างพี่เหมี่ยวสิถึงไม่สวยแต่ก็มีเสน่ห์เนาะพี่นัทถึงได้มาชอบ
	หยุดพูดแล้วแล้วแก้ม.....!!!!เลิกพูดถึงพี่นัทได้ไหมในเมื่อนังดาวมันแย่งไปหมดแล้ว  ดูสิแข่งคัดสายมันยังแย่งสายจากพี่เลย  แล้วตอนที่ไปแข่งมันยังแย่งจนได้ไปเที่ยวเมืองนอก  กลับมาทำเป็นเก่งมาสอนคนอื่นที่แท้ก็เทียบกันไม่ติด
	จริงเหรอ...พี่ดาวร้ายขนาดนี้เลยเหรอ...
	อืม....
	เหมี่ยวไม่รู้หรอกว่าฉันยืนอยู่ที่ประตู  ฉันได้ยินทุกคำพูดเพราะประตูอยู่ห่างจากเหมี่ยวและแก้มเพียงแค่เมตรเดียวเท่านั้น  ฉันรู้สึกฉุนก็เลยพูดคำแรง ๆ ออกมา
	ต่ำ.....!!!!!
	แล้วก็เดินผ่านหน้าไปทำให้เหมี่ยวและแก้มถึงกับอึ้งเงียบทันที  ฉันเดินมาเคารพเบาะแล้วก็ขึ้นไปวอร์มอัพจนเครื่องอุ่นได้ที่ฉันจึงเรียกเหมี่ยวขึ้นมา
	เห็นบอกว่าเก่งเจ๋งมากไม่ใช่เหรอมา....ขึ้นมาสู้กันซะตั้งเป็นไร  ตัวต่อตัวนะอย่าเล่นหมาหมู่เหมือนทุกที  ฉันไม่ชอบเล่นสกปรก  ขึ้นมาเลย
	ฉันทั้งโกรธและโมโหมากที่จู่ ๆ ก็ถูกนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลัง  ฉันแค้นที่สุดจังหวะนี้แหละฉันจะทำให้เห็นว่าใครกันแน่ที่โกหก  ใครกันแน่ที่พูดปดมาตลอดเวลา  คนที่นี่อุตส่าห์ให้อภัยมาหลายครั้งหลายหน  แต่เหมี่ยวก็ยังไม่เลิกสันดารเดิม ๆ อีก  ฉันจึงต้องใช้วิธีนี้แหละ...  เหมี่ยวถึงกับอึ้งไม่กล้าขึ้นมาเทียบสายกับฉันเลย  ระหว่างสายดำกับสายขาวที่ไร้ประสิทธิภาพอย่างเหมี่ยวใครมันจะแน่กว่ากัน  ปกติแล้วเหมี่ยวไม่ค่อยอยากจะซ้อมเพราะทำฟอร์มว่าท้อง  พอไม่ฝึกปรือฝีมือก็ถดถอยมาเร่งซ้อมตอนหลังก็ไม่เห็นจะไปแข่งอะไรที่ไหนได้เลย  น่าเบื่อจริง ๆ ที่มีคนแบบนี้อยู่ในโลก  ชีวิตฉันนี่มันยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าเสียอีก
	เหมี่ยวทำท่ากล้า ๆ กลัว ๆ ฉันจึงต้องตะโกนย้ำลงไปอีก  แต่คราวนี้ผู้คนในนี้เริ่มมากขึ้นกว่าตอนแรก  ฉันตั้งใจใจไว้ว่าจะให้อายสู้หน้าใครไม่ได้ทีเดียว  จะทำให้เหมือนกับที่เหมี่ยวทำกับฉันเอาไว้ที่โรงเรียน  แลกกัน....!!!!
	ทำไม....กลัวหรือไง  จะอ่อนข้อให้ก็ได้  ขึ้นมา....!!!!
	พี่เหมี่ยวขึ้นไปสิจะมัวรีรออะไรอยู่  ไปจัดการกับมันเลย  มันจะได้รู้ว่าพี่เจ๋ง
	แก้มยุให้ขึ้นมาจนเหมี่ยวต้องเดินขึ้นมาหาฉัน  ทุกคนที่นี่ก็รู้อยู่ว่าฉันกับเหมี่ยวไม่ถูกกันก็เลยมามุงดู  และพี่โอม  พี่นัท  พี่ดอน  พี่ทิพย์และพี่เก้าก็มาร่วมเป็นกรรมการด้วย  
	ฮาจิเมะ.....!!!!
	ฉันเดินเข้าตรงใส่ด้วยอารมณ์ที่บ้าบิ่นบ้าเลือดและบ้าครั่ง  ฉันฉุนมาก ๆ ในใจก็คิดว่าจะเอาให้ตายไปข้างนึงเลย  แต่อีกใจก็คิดว่าอย่าทำเลยมันไม่ดี  แต่ฉันควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ไหวแล้วจึงรุกเข้าไปหักแขนและทุ่มทันทีด้วยท่าโมโนเตะ-เซโออินาเงะ  คือจับแขนหักและดึงแขนหลบในเข้ามาก่อนที่จะทุ่ม  โชคดีที่ฉันยั้งมือแขนจึงไม่หัก  แต่พอทุ่มได้ฉันก็ฉุดขึ้นมาให้สู้ต่อ  ฉันทุ่มได้หลายทีและก็สกัดจุดสำคัญได้หลายครั้ง  ฉันเล่นนอกเหนือกติกาที่วางไว้เพราะฉันใช้ลูกเล่นเข้าไปใส่อย่างการกดลิ้นปี่  การกดทัดดอกไม้  การสกัดจุดลมไม่ให้เปิดและการกดไหปลาร้าไม่ให้มีทางสู้ได้ซึ่งมาจากการที่ฉันเคยเล่นโยคะและไทเก๊กเมื่อครั้งอายุ 3 ขวบทั้งนั้น  ฉันรุกจนเหมี่ยวสู้ไม่ไหวล้มลงไปตบเบาะยอมแพ้แต่ฉันดึงมือขึ้นมาไม่ให้ตบเบาะได้ครบ 3 ทีเพื่อที่จะสู้ต่อ  ฉันรุกเข้าใส่อย่างคนบ้าครั่งจนพี่ ๆ ต้องเข้ามาห้าม
	พอ....พอ ๆๆๆๆ  พอได้แล้วจะเอาให้ถึงตายหรือไง....!!!!
	ดาวพี่ว่าพอเถอะสงสารเหมี่ยวบ้าง
	พี่นัท....!!!!พี่นัทจะมาห้ามดาวทำไม  ทำไมไม่คิดบ้างเวลาที่ดาวโดนรังแก  ดาวไม่ใช่นางเอกน้ำเน่านะที่จะได้อ่อนแอสู้คนไม่ได้  ถ้ามาสู้กันตัวต่อตัวละก็สู้ได้อย่าอย่าเล่นหมาหมู่หรือสงครามประสาทกัน  ดาวไม่ชอบ....!!!!
	ฉันพูดอย่างเน้นเสียง  น้ำเสียงที่เปร่งออกมาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชังที่สุด
	ดาว...พอเถอะเวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวรนะ  มาคุยกับพี่เถอะจะได้สงบสติลงบ้าง
	พี่เบลวมาจากไหนตอนไหนก็ไม่รู้  แต่พี่เขาก็ให้สติกับฉันทำให้ฉันอารมณ์ไม่ฟุ้งซ่าน  ฉันไปนั่งที่เดิมตรงใต้ต้นไทร  พี่เบลวให้ฉันระบายความในใจออกมาให้หมดและบอกฉันว่าตอนเย็นจะไปที่ร้านนั้นจะไปรับฉันมาที่สมาคมฯ  ตอนเช้าเขาจะรีบมาส่งฉันเข้าไปเรียน  พี่เขาให้ฉันสัญญาว่าจะเข้าเรียน  ฉันจึงจำเป็นต้องสัญญาทั้ง ๆ ที่ฉันไม่อยากเข้าเรียนเลย...
	ฉันกลับบ้านด้วยความหดหู่ใจพอมาถึงบ้าน
	ดาวเข้าเรียนหรือเปล่าลูก
	ฉันไม่ตอบย่าเพราะไม่อยากโกหก  ฉันหันไปมองแล้วก็เดินเข้าห้องไป  ฉันไม่ได้โกหกว่าฉันเข้าหรือไม่เข้าเรียน  เพียงแต่ฉันไม่ได้พูดออกไปก็เท่านั้น  แต่ทุกคนก็มักจะเค้นเอาความจริงกับฉันอยู่ตลอดจนฉันไม่รู้จะทำอย่างไรก็ได้แต่บ่ายเบี่ยงหลบหน้าหลบตาคนในบ้านแล้วก็นั่งอ่านหนังสือให้เขาเห็นแต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าฉันนั่งอ่านการ์ตูนไม่ใช่หนังสือเรียน
	ฉันรู้สึกแย่ที่สุด  ทำไมชีวิตฉันมันต้องเป็นแบบนี้  ได้อย่างเสียอย่างไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย  การเรียนดี  กีฬาเด่น  กิจกรรมดีแต่ชีวิตคู่และเพื่อนฝูงไม่มี  ซ้ำร้ายยังโดนทำร้ายแบบไม่มีสาเหตุ  ฉันจะทำอย่างไรดี  ชีวิตฉันทำไมหักเหแบบนี้นะ  ใครก็ได้มาช่วยหาทางออกให้ฉันที  ฉันจะได้พ้นออกจากห้องมืดแคบ ๆ ที่อยู่ในใจฉัน  ฉันจะได้พ้นบ่วงกรรมนี้...  ฉันทำกรรมอะไรไว้นักหนานะ...
..............................18....................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ				
comments powered by Disqus
  • ผลิใบสู่วัยกล้า ( ไม่ได้ล๊อกอิน)

    20 กันยายน 2547 10:16 น. - comment id 77274

    สวัดีครับ.............
    
             ผมเข้ามาอ่านกลอนเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่แสนดี  
    
             หาก ผลิใบ ยังอยู่ก็จะคอยให้ความอบอุ่นเช่นนี้ตลอดไป
    
    กำลังใจจากข้างในส่วนลึก
    ไม่ต้องฝึกต้องหามาให้เห็น
    จะแดดร้อนตอนสายจนบ่ายเย็น
    จะคอยเป็นกำลังใจให้ดนดี
     
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน