ตอนที่ 2 รอยวัน รอยวรรณเรียนในโรงเรียนประจำอำเภอนั้นได้ไม่นานก็ต้องย้ายตามผู้ปกครองไปต่างจังหวัดอีก เออ..ความคิดถึงนี่มันก็ทำให้รู้สึกเจ็บๆปวดๆนะ ผมนึกไปถึงวันที่รอยจะไป เธอให้สมุดเล่มเล็กๆไว้แก่ผม สมุดนี่ให้ไข่เขียดเขียนอะไรก็ได้ วันหน้าถ้าได้เจอกันอีก จะได้แลกอ่านกับรอย ตอนอยู่ ป.1 ผมเคยไปบ้านรอย บ้านของเธอมีไผ่สีสุกอยู่รอบบ่อปลา บ้าน ไม้สองชั้นใต้ถุนสูงหลังนั้นมีชานกว้างโล่งแลเห็นดาวได้ในค่ำคืน คุณแม่ของรอยเป็นแม่บ้านส่วนคุณพ่อเป็นข้าราชการในจังหวัด รอบๆบ้านของรอยมีไม้ผลหลากชนิดให้กินได้ทั้งปี ถ้าผมมีบ้านเป็นของตัวเองผมก็คงแต่งบ้านแต่งสวนแบบนั้น ผมไม่ได้ข่าวคราวของรอยอีกเลยจนกระทั่งจะจบ ม.6 ไข่เขียด เมื่อวานมีเพื่อนชื่อรอยมาหาลูกที่บ้าน เขาฝากจดหมายไว้ให้ด้วย จำเขาได้ไหม แม่บอกข่าวนั้นเมื่อผมต้อนวัวจากนากลับมาเข้าคอกที่บ้าน จำได้ครับแม่ คนนี้เรียนเก่งเป็นที่หนึ่งของห้องเลย เขามาตอนกี่โมงหรือครับ บ่ายโมง .. เธอมากับพี่ชายอ๊อด อ๋อ อ๊อดผมจำได้ตอนเขาอยู่ป.2 เคยต่อยกันกับผม น่าเสียดายที่ไม่ได้เจอกัน เขาเหมือนเดิมไหมครับแม่ เป็นสาวขึ้น ยังคมขำเหมือนเดิม ผมยิ้มๆ ในถ้อยคำของแม่ เมื่อเอาวัวเข้าคอกแล้วก็ผละไปหามุมของตัวเองเพื่อจะอ่านจดหมาย รอยวรรณบอกไว้สั้นๆว่าเธอสอบเอ็นส์ทรานซ์ได้คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน และเธออยากทราบข่าวดีของไข่เขียดด้วย ผมก็มีแต่ข่าวร้ายแหละครับ เพราะสอบไม่ติดที่ไหนสักแห่ง พ่อกับแม่ปลอบใจไม่ให้คิดสั้น เรื่องอะไรผมจะไปคิดสั้น เพราะทำใจได้แล้ว ผมผิดหวังมาทีละเล็กทีละน้อย เมื่อผิดหวังเรื่องสอบเรียนต่ออีกสักหนก็จะเป็นไรไป แต่เพื่อนของผมบางคนก็ทำใจไม่ได้นะครับ เข้าไปอยู่โรงพยาบาลบ้าตั้งหลายคน หลังจากจบ ม.6 แล้วพลาดเรียนต่อผมก็ลงไร่ลงนากับพ่อ ทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย พ่อกับผมช่วยกันขุดบ่อเลี้ยงปลากลางทุ่งนา หาบดินด้วยบุ้งกี๋สลับกับหามเปลกระสอบ ขนดิน จากวันเป็นอาทิตย์เป็นเดือนเป็นสามเดือนในที่สุดก็ได้บ่อขนาดใหญ่ และลึก เมื่อน้ำมาในหน้าฝนพ่อก็หาปลากินพืชมาปล่อยเลี้ยง คันคูอันกว้างรอบบ่อปลามีแถวแนวของไม้ผลอันหวาน-เปรี้ยวน่าอร่อยลิ้นอีกไม่นานคงพออวดใครต่อใครได้ว่าเราก็เป็นคนมีอยู่มีกิน ฝันของผมกับพ่อเดินทางมาถึงจุดหมายใน ปีที่ 4 หลังจากผมจบ ม.6 เพื่อนคนแรกที่ผมคิดถึงและอยากพบมากที่สุดคือรอยวรรณ --------------------------------- นอกจากจดหมายสั้น ๆ ฉบับนั้นกับสมุดบันทึกเล่มเล็กที่ผมเขียนจนล้นหน้ากระดาษก็ไม่มีข่าวคราวใดอื่นจากรอยวรรณคนนั้น ไอ้ไข่เขียดลูกพ่อ เอง ไม่คิดจะมีเมียรึ พ่อถามน้ำเสียงอย่างคนสบายใจและไม่จริงจังกับคำถามนัก ปลาฮุบเหยื่อที่พ่อโยนลงไปทีละชิ้นสองชิ้น เพื่อให้ดูเพลินๆ จนๆอย่างเราใครจะสนเล่าพ่อ ผมโยนเหยื่อลงไปบ้าง ปลาพรวดฮุบตูมเลย ผมยักคิ้วให้มัน มันก็คงมีบ้างแหละน่า ตอนนี้เองมีเงินในธนาคารเท่าไหร่แล้ว พ่อหันมาทางผมแต่ตอนพ่นควันยาฉุนพ่อหันไปทางอื่น เกือบแปดหมื่นแล้วพ่อ งั้นก็ยังไม่พอแต่งเมีย ให้เองมีเงินในบัญชีซักสองสามแสนแล้วพ่อจะไปขอผู้หญิงให้ ไปขอใครเล่าครับ ผู้หญิงในหมู่บ้านไม่มีใครมองอ้ายไข่เขียดตัวดำนี่ซักคน คราวนี้ผมกำอาหารปลาโยนโครมลงไป ปลาฮุบฟลุบฟลับจนน้ำกระเพื่อมเป็นวงคลื่นซ้อนกันซับซ้อน เออ ให้มันได้ยังงั้น ไม่เอาเมีย เองก็จะบวชล่ะซิ บวชให้ศาสนาเสื่อมน่ะพ่อเอาไหมล่ะ ฮ่า ๆ พ่อไม่อยากไปทัวร์นรกโว้ย โน่นๆ แม่เองเรียกแล้ว คงเตรียมมื้อเที่ยงเสร็จแล้วมั้ง ผมลุกและเดินตามพ่อจากโคนต้นหมากม่วงสามฤดูริมคันคูบ่ปลาไปยังกระท่อมกลางนา ซึ่งไม่ไกลนัก ไอ้ช่อนต้มส้มใบมะขามอ่อนกับน้ำพริกพริกขี้หนูสดใส่น้ำปลาร้าเพียงแค่นึกก็ยั่วน้ำลายสอเสียแล้ว -------------------- เพื่อนที่ชื่อรอยไม่ส่งข่าวมาบ้างเลยหรือหือ แม่ถามก่อนซดน้ำแกง หายไปเลยแม่เอ๋ย เว้นวรรคจังหวะเคี้ยวข้าวได้แค่นั้น พ่อก็ต่อ สงสัยมีแฟนไปแล้วมั้ง ข่าวคราวเงียบหายไปนานขนาดนั้น รักแท้แพ้ใกล้ชิด อ้ายเขียดมันก็รู้ ไม่ให้ความหวังไข่เขียดบ้างเลยหรือครับพ่อ ผมก็ว่าไปอย่างนั้นล่ะเพื่อให้อาหารมื้อเที่ยงอิ่มเอมเต็มรสอย่างที่สุด แม้ผมจะรักหรือชอบใครปานใดผมก็เผื่อใจไว้ไม่ให้เจ็บเกินจำเป็น งานในนาปีหลัง ๆ มานี้สบายขึ้นมาก ปูปลาก็มีพ่อค้ามารับซื้อเอง ไม่ต้องขนไปขายที่ตลาด ถ้าพวกนั้นกดราคานัก พ่อก็ไม่ขาย ต้องง้ออะไรล่ะ อาหารเลี้ยงปลาเราก็ไม่ได้ซื้อ หนี้สินเราก็ไม่มีสักบาท ข้าวเราก็มีกิน ปุ๋ยเคมีเราก็ไม่ใช้ ไม่มีอะไรต้องซื้อนอกจากน้ำมันเติมรถยนต์กับของใช้จำเป็น ที่ผมว่ามานี่แหละที่ทำให้ผมคิดว่าพ่อของผมไม่เหมือนชาวนาทั่วไปทั้งหลายที่พากันเป็นลูกหนี่รัฐบาลแบบโงหัวไม่ขึ้น ----------------------------- แม่ รักกับพ่อได้ยังไง ผมถามขึ้นมาแบบแทบไม่มีปี่มีขลุ่ย ในเย็นวันหนึ่ง พ่อเอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยม ดูเหมือนเคลิ้มหลับแต่ไม่ใช่ พ่อมาออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่นี่ เลยเจอกันกับแม่แกซึ่งเป็นสาวที่สวยที่สุดของหมู่บ้าน พอเรียนจบพ่อก็กลับมาจีบอีกที เลยมีผม อ้ายไข่เขียดเป็นโซ่ทองคล้องใจ ฮ่า ๆ สำนวนของเองใช้ได้ ต่อไปภายหน้าจะได้เป็นชาวนานักเขียน พ่อมีลูกล่อความสนใจของผมอีกจนได้ นั่นเองที่ทำให้ผมกลับไปค้นหาบันทึกของพ่อบนหิ้งและในตู้หนังสือ ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าชีวิตนักศึกษาเป็นอย่างไร และรอยวรรณใช้ชีวิตนักศึกษาของเธออย่างไร และชาวนาชาวสวนอย่างผมมีอะไรที่จะคู่ควรกันไหม บันทึกของพ่ออ่านมันดี เหมือนนิยายเลย เดี๋ยววันหลังผมจะเล่าเรื่องของพ่อให้ฟัง อ่านบันทึกนั้นไปผมก็วาดภาพของรอยวรรณไป เธอว่าเธอเรียนด้านพัฒนาชุมชน อย่างน้อยค่ายอาสาพัฒนาชนบทแบบที่พ่อเล่าไว้ เธอก็คงได้สัมผัสและรับรู้ และนั่นคงพอทำให้เธอเห็นในหัวใจของคนทำนาทำสวนแบบนายไข่เขียดได้บ้างแหละน่า ผมคิดเพ้อไปก่อนหลับไหลเหมือนทุกค่ำคืน (มีต่อครับ)
11 กันยายน 2547 11:23 น. - comment id 76877
ติดตามเรื่องที่คุณเขียนมา 2 ตอนแล้ว ขอยอมรับว่าชอบเรื่องที่คุณเขียนมาก อยากอ่านตอนที่ 3 เร็วๆ จังเลยค่ะ ขอเป็นกำลังให้เขียนเรื่องต่อๆ ไปอีกนะค่ะ
11 กันยายน 2547 13:45 น. - comment id 76879
สวัสดีครับคุณmee ผมเองก็มีแรงใจที่จะเขียนนะครับ เมื่อคุณเข้ามาบอกเช่นนั้น ผมจะลงตอน 3 เร็วๆนี้ครับ ขอบคุณครับผม
12 กันยายน 2547 03:32 น. - comment id 76900
มาอ่านค่ะ
12 กันยายน 2547 09:23 น. - comment id 76911
เขียนเรื่องได้น่าอ่านมากคะ เนื้อเรื่องไม่รีบร้อน ไม่ตัดตอนจนเกินไป คนอ่านเพลินไปเลย เมื่อหมดตอนเลยมีความรู้สึก ว้า..จบตอนแล้วเหรอเนี่ย ยังไงจะรอตอนที่ 3 นะคะ ขอเป็นกำลังใจคะ
12 กันยายน 2547 10:03 น. - comment id 76912
ขอบคุณครับมิตร