แว่วเสียงสั่ง ตอน 2
วิญญาณศิลา
แว่วเสียงสั่ง ตอน 2
......ณ สำนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ดอน กล้าผจญ กำลังเขียนจดหมายอยู่ที่โต๊ะทำงาน แทนที่เขาจะส่งไปให้บิดา แต่เขากลับส่งไปให้ ศศิ แม่พิมพ์ของชาติ ที่อยู่ทางภาคเหนือ
......แล้วอีกไม่นาน ดอน ก็ลาออกจากบริษัทแห่งนั้น และไปสมัครเข้าทำงานที่จังหวัดที่ครูสาวของเขาอยู่ เพื่อได้ใกล้ชิดกับสาวที่ตนหลงรักอยู่อย่างหมดหัวใจ จนลืมอดีตหมดทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งผู้ให้กำเนิดที่ก้มหน้ารับกรรมอยู่ทางบ้าน จากหน้ามือเป็นหลังมือ
......เย็นวันหนึ่งดอน ออกจากร้านสุรา เดินโซเซไปถึงบ้านตนเอง เขาก็พบศศินั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่โต๊ะรับแขก ดอน เดินเข้าไปใกล้ ๆ อย่างคุ้นเคยพร้อมกับพูดอ้อนเชิงปรารภ คุณศศิคับ เราหมั้น มาสองปีกว่าแล้ว ผมเห็นว่ามันนานแล้ว เราควรแต่งงานใน สอง สาม เดือนข้างหน้าดีไหมครับ
...ไม่..ฉันไม่แต่งงานกับคุณ ฉันจะถอนหมั้น ฉันไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ปล่อยให้อบายมุขครอบงำอย่างคุณ และคนอกตัญญูแม้กระทั่งผู้ให้กำเนิด คุณเคยบอกกับฉันว่าพ่อแม่คุณได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ฉันหลงเชื่อคุณมานาน แต่ความจริงคงหนีความจริงไปไม่พ้น บัดนี้ฉันมีหลักฐานประกอบที่จะถอดหน้ากากของคุณออกให้คนทั่วไปได้รู้ว่า คุณคือคนที่มีความอกตัญญู คนสารเลวและเลวที่สุดในโลก นี่ไงล่ะจดหมาย ฉันยอมเสียมารยาทเปิดอ่านก่อน... คุณอ่านดูสิ
ด้วยความสงสัย ดอน จึงหยิบจดหมายที่ ศศิ เหวี่ยงไป มาอ่าน มีข้อความว่า
ดอน ลูกรัก ขณะลูกอ่านจดหมายฉบับนี้พ่อคงออกจากบ้านไปพึ่งร่มเงาพระพุทธศาสนา พึ่งข้าวสุกก้นบาตรพระเพื่อประทังชีวิตไปวันหนึ่ง ๆ และไม่นานพ่อจะโกนหัวห่มผ้าเหลืองเอาพระธรรมเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต จนกว่าชีวิตของพ่อจะดับสลาย เพราะที่ดินกับบ้านเขาขายทอดตลาดไปหมดแล้วพ่อพึ่งทราบข่าวว่าลูกได้ตกไปแป็นทาสของอบายมุข พ่อรู้สึกเป็นห่วงมาก ถึงแม้ว่าลูกจะไม่ห่วงพ่อและถึงแม้ว่าลูกจะชั่วช้าเลวทรามเพียงใด พ่อก็ยังรักเป็นห่วงลูก ยังต้องการให้ลูกเป็นคนดี ขอให้ลูกกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ก่อนที่จะสายเกินแก้ จงเชื่อพ่อเถอะลูก ทางอบายมุขไม่ใช่ทางเดินของผู้หวังความเจริญในอนาคต พ่อขอร้องให้ลูกเลิกจากความชั่วและประพฤติความดีเริ่มชีวิตใหม่แล้วลูกจะพบกับความสุขความเจริญ ต่ถ้าลูกยังหลงอยู่ในอบายมุข ลูกจะพบกับความหายนะและในที่สุดจะต้อง
......ยังอ่านไม่ทันจบจดหมายฉบับนั้นก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพราะจดหมายของพ่อฉบับเดียวนี้เองที่ทำให้สายรักของเราขาดสะบั้นลง ดอน คิดอยู่ในใจ
...ศศิ เห็นกิริยาท่าทาง ตลอดถึงใบหน้าของนายดอนผิดปกติ เธอกลัวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับตนก็รีบลุกขึ้นวิ่งออกจากบ้านทันที
...พิษรัก บวกกับพิษสุรา ทำให้ดอนขาดสติ ใคร่จะทำตามอารมณ์ของตนเองอย่างไม่ยั้งคิด ลุกขึ้นวิ่งตาม ศศิ ไปอย่างกระชั้นชิด
...ทางตัน ศศิ หยุดและหันหน้ากลับมาทางดอน หยุด-หยุดก่อน เสียงตะโกนลั่น เพียงเสี้ยววินาทีเดียว
เสียงแห่งมัจจุราชก็ดังขึ้นมาแทน- - - - - - - - - ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง - - - - - - - - - - - -
...ณ ช่องหน้าต่างเรือนจำ นักโทษชายคนหนึ่งยืนเกาะลูกกรงอยู่ด้วยใบหน้าหมองคล้ำผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะขาดการตกแต่งมาร่วมแรมปี ดวงตาทั้งสองแดงกล่ำ รอยคราบน้ำตาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง นานๆ จะถอนหายใจสะอื้น สักครั้งหนึ่ง
......จงละความชั่วแล้วประพฤติแต่ความดี
เสียงของนายเข้ม กล้าผจญ มาดังแว่วอยู่ในโสตประสาทของ ดอน กล้าผจญ อีกครั้งหนึ่ง
........แต่ทุกสิ่งทุกอย่างสายเกินแก้เสียแล้ว.....