"ส่วนเกิน"
เสือยิ้มมุมปาก
"ส่วนเกิน"
เมื่อคืนที่ผ่านมา การกระทำของหญิงคู่หนึ่งซึ่งสัมพันธ์กันทางสายเลือดและสายใยรัก แสดงออกระหว่างกัน มันกระทบกระทั่ง..กระแทกและกระทั้นความรู้สึกของฉัน..ลดหลั่นตามสภาวะจิตใจที่ลู่ตามภาพปรากฎเบื้องหน้า..มันรุนแรงหอมหวาน กระทั่งทำให้น้ำตาใสๆร้อนผ่านของฉันไหลรินลงมา..หน้าซบหมอน..หมอนใบเก่าคร่ำคร่า มองต่ำลงมาราวจะควานหาความรู้สึกเดิมๆ ทอดสายตาสูงขึ้น แลเห็นภาพถ่ายของพ่อและแม่ .. ฉากหล้งเป็ฯเบื้องนทีกว้างไกล ทราบว่าแดนติดต่อของที่แห่งนี้คือ อ.ระโนด มาตุภูมิของแม่ ประปรายด้วยกอบัวน้อยใหญ่ ..พร้อมนกเป็ดน้ำที่ร่อนถลาเหนือผืนน้ำสีทองแห่งนั้น คนทั้งสองพบกันด้วยบุพเพสันนิวาส แม้ฉันจะตามมาภายหลัง ก็รักคนทั้งสองเช่นเดิม
..ขณะที่ภาพการณ์เหล่านั้นก็ยังคงดำเนินต่อไป..ผ้าคลุมโปงปล่อยน้ำตาให้ไหลไปนานแค่ไหน..ก็ไม่รู้..กระทั่งหลับไหลสู่ภวังค์นิทรา แม้กระทั่งยามราตรีความเจ็บช้ำก็คอยสะกิดใจอีกครั้ง..เหมือนฉันไม่ได้อยูในความต้องการของพวกเขา..เช่นวันวาน ครานั้น ..ฉันและเขาคนหนึ่งลงไปข้างล่างเพื่อจะไปหากับข้าวมารองรับชีวิตในแต่ละวัน เขาอีกคนกลับถามว่า "ไปกันสามคนเลยเหรอ" ฉันก็พยักหน้ารับคำ "นึกว่ากีตาร์มาคนเดียว" ฉันจึงตัดพ้อไปด้วยความไม่เข้าใจว่า "อ้าว!แล้วเห็นเมื่อก่อนตอนกีตาร์อยู่หอมอ.ไม่เห็น..นั้นเลย" และวันอื่นๆฉันก็แทบไม่อยากออกไปกับเขาผู้นั้นเลย และในเวลาที่ไปด้วยกันทั้งสามคน เขาก็เดินเคียงข้างกันไป แต่ฉันในเวลานั้น ยังคงเดียวดาย ฉันค่อยๆทอดกาวตามหลังเขาทั้งสองไป ด้วยน้ำตาที่ปริ่มจะไหลเนืองๆ หรือบางครั้ง ฉันถามเขาไปด้วยความจริงใจและอัธยาศัยดี เช่นเดิม..แต่สิ่งที่ถูกได้รับ คือ ความโมโหที่เจือปนในน้ำเสียงค่อนไปทางเกรี้ยวกราดนั้น สมองฉันเงียบงันไปครู่หนึ่ง ตามมาด้วยคำถามในใจว่า "ในเมื่อฉันก็พูดดีแล้วแต่ทำไมเขาไม่เก็บความเหนื่อยอ่อนแล้วสนองตอบเหมือนที่ฉันทำบ้างล่ะ"
..บางเวลามันทำให้ฉันเข้าใจ..คิด..และรู้สึกว่า "ฉันคือส่วนเกินของชีวิตพวกเขารึอย่างไร" ...