นาบิชิเอะอะจัง ตั้งรกรากอยู่ที่เชิงภูเขาไฟเอโดะฮุยยากิ(เอ่ยถึงครั้งเดียวพอพิมพ์ไม่คล่องมือ ต่อจากนี้คือหากเอ่ยภูเขาไฟก็ลูกนี้แหละ) หล่อนเคยได้ยินคำบอกจากปู่ว่า เมื่อครั้งถึงเวลาลาวาประทุออกจากปล่องภูเขาไฟ ราวกับอสรพิษร้ายร่างแดงฉานเลื้อยมาอย่างรวดเร็ว ไอความร้อนเผาไหม้สิ่งที่ถูกกลืนกินภายใต้มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน แต่เวลาผ่านไป ดินบริเวณภูเขาไปอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญจากใต้พิภพ หัวแคร๊อตของนาบิชิเอะอะจังมีความอร่อย และขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ที่สำคัญหัวแคร๊อตของหล่อนเป็นสีส้มอมส้มอีกที สวยงามมาก อิริยาบถของภูเขาไฟไม่ต่างจากพลังเงียบของผู้คนจำนวนหนึ่งที่กำลังก่อตัวเงียบๆภายใต้พื้นผิวสภาพของสังคมที่กำลังเติบโตเกินกำลังที่แร่ธาตุทางวัฒนธรรมแห่งชาติที่เป็นต้นทุนสั่งสมมาแต่ละบรรพชนของชาติแต่ละเชื้อ กำลังมั่วสุมกันอย่างหนัก ถลุงทรัพยากรอย่างลืมหูลืมตา ไม่นานนักภูเขาไฟคงจะนึกบิดขี้เกียจอีกครั้งหลังจากหลับไหลไปพักใหญ่ อุตส่าห์ดินอันดุดมเพื่อทำกินแล้วยังไม่รู้จักอิ่มจักพอ เช่นกัน กลุ่มปัญญาชนที่กำลังสนใจในความเป็นไปของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ เศรษฐา สาธารณสุข สาธารณสวาปาม การศึกษา การสึกหรอ ที่กำลังเหลิงตัวภายใต้การกุมบังเหียนของเสนาธนบดีใหญ่ ลาวาแห่งปัญญาจะบ่าไหลกวาดล้างนายทุนทางการเมืองให้ไหม้เป็นจุณ เพราะเหล่าปัญญาชนที่แฝงตัวอยู่นี้มีความคิดอ่านตระหนักฉับไว เพียงแค่กระดิกตัวเล็กน้อยก็อาจสะเทือนสังคมให้ไปสู่ยุคศรีอาริย์ได้ ...แต่ยังหรอก พวกเขาเหล่านั้นยังเป็นเช่นอิริยาบถของภูเขาไฟฮิเดกิ๊กกูลิโกะ (ภูเขาไฟอีกลูกที่ตั้งอยู่ข้างๆภูเขาไฟในย่อหน้าแรก) มีใครคนหนึ่งรอคอยให้หนึ่งในปัญญาชนเหล่านี้ได้ก่อตั้งพรรคการเมืองคุณธรรมค้ำไทย แล้วเสนอตัวเข้ารับใช้บ้านเมืองอย่างเอาเนื้อเอาตัวเข้าแลก อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากของตัวเอง แทนการใช้ฟองอักษราตีฟองบางเบาลอยฟู่ไปทั่ว แล้วมารบ้านเมืองจะสะเทือนสะดืออย่างไร รอวันนั้นจริงๆ วันที่นักเขียนที่ไม่ต้องสร้างฐานะจากการขายงานแลกเงินมาตั้งพรรคการเมืองจะชนะใจคนไทย ในส่วนที่รู้ความจริงๆ หนึ่งคะแนนเสียงสำหรับใครคนนั้นที่จะอาสา และจะเป็นแนวร่วมให้ พร้อมหรือยังภูเขาไฟเจ้าขา...วันหยุดพักร้อนของคุณหมดแล้ว
14 สิงหาคม 2547 16:07 น. - comment id 76102
..........( ^_^ ) ..ขอบคุณครับ ที่ให้อ่าน.....ชอบเลยครับ
14 สิงหาคม 2547 18:23 น. - comment id 76104
ถึงคุณเอกมาศและ 13 คนที่มาแวะอ่าน เขียนออกมาความเป็นนักคิด ไม่ค่อยมีขนบตามที่บัญญัติไว้ แพรวพราวบ้างตามอย่างที่เห็น ประเด็นมีทั้งหนักและเบา ถ้าเป็นอาหารก็คงประเภทจานเดียวโปะไข่ดาวพออิ่มท้องไม่ถึงกับจุกแอ้กแบบโต๊ะจีน ยังมีไอเดียอีกไม่ขาดสาย ติดตาม ๆ
14 สิงหาคม 2547 21:41 น. - comment id 76117
อุตส่าห์ซุ่มแล้วเชียว ยังจะเขียนถึงอีกแฮะ อาหารจานเดียวแต่มีคุณค่าทางโภชนา ยังดีกว่าฟาสฟู๊ดที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการเติมขยะเข้าพุง นะคะ รออ่านไปเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
15 สิงหาคม 2547 09:48 น. - comment id 76136
ได้วรรณศิลป์เต็มเปียม ได้สุนทรีย อ่านว่าสุนทะรียะ เต็มรส ได้ความคิด ล้ำเลิศ มีพลังผลักดันอย่างเด่นเห็นได้ชัดค่ะ