นิยามรักแห่งสายรุ้ง (ตอนที่3)
สุชาดา โมรา
เช้าวันใหม่ที่แสนจะสดใส ฉันเดินออกจากตึกด้วยอารมณ์ที่สดชื่น มองไปทางไหนก็มีความสุขไปหมดจนกระทั่งเดินมาถึงหอชายที่อยู่ตรงข้ามกัน
"ปิ๊ดปี้ว............ไปไหนเหรอจ๊ะน้องรุ้ง"
ฉันทำเป็นเดินเฉย ๆ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ชายคนหนึ่งก็วิ่งมาถลักหน้าฉันไว้
"จะรีบไปไหน...คุยกันหน่อยไหมรุ้ง"
"นายรู้จักชื่อฉันได้ยังไง...!!!"
"ทำไมจะไม่รู้จักล่ะในเมื่อน้องรุ้งเป็นคนดังแบบนี้"
ชายคนนั้นเอาแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา ฉันจึงหยิบมาจากมือของเขา พอฉันอ่านแล้วก็เห็นว่ามันคือโปสเตอร์ประกาศรับสมัครของชมรมยูโดแต่มีภาพของฉันและชื่อของฉันอยู่ด้วย ฉันจึงรีบปลีกตัวออกห่างจากพวกนั้นและเดินไปที่โรงยิมส์ทันทีด้วยความรีบร้อน
ปัง....
ฉันกระแทกกระดาษแผ่นนั้นที่โต๊ะ
"นี่มันอะไรกันคะ ฉันไปเป็นประธานชมรมตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมเอาภาพฉันขึ้นหลาขนาดนี้ ฉันไม่เข้าใจ"
"ใจเย็น ๆ นะรุ้งค่อย ๆ พูดกับพี่เขาดี ๆ ก็ได้"
"ไม่ยงไม่เย็นแล้ววี...ฉันไม่ชอบเลยนะที่จู่ ๆ ก็เอาความดังเข้ามาใช้เรียกคนให้มาสมัคร ฉันเกลียดการทำแบบนี้ที่สุด"
"น้องพี่...."
พี่ประธานชมรมพยายามอธิบายแต่ฉันก็ไม่ฟังจนกระทั่ง
"มีอะไรเหรอเชิด...อ๋ออาจารย์เชิญ ๆ ๆ ๆครับ"
"นี่....นายเอิร์ท นายเป็นรุ่นพี่ฉันแล้วทำไมมาเรียกฉันแบบนี้ แล้วนายมาทำอะไรที่นี่"
ฉันถึงกับอึ้งทีเดียวที่เห็นนายเอิร์ทใส่ชุดยูโดจีนแดง และฉันก็รู้สึกงง ๆ ว่าทำไมนาย เอิร์ทถึงมาอยู่ที่ชมรมยูโดได้
"อ้าว...ก็อาจารย์รุ้งบอกว่าให้พวกเราเป็นศิษย์พวกเราก็เลยไปซื้อชุดมาใส่แล้วก็มาวอล์ม
ร่างกายเพื่อรออาจารย์ไง...อาจารย์จะงงไปทำไมกัน หือ..."
"อย่ามาทำท่ายียวนใส่ฉันนะนายเอิร์ท ฉันว่าเมื่อวานฉันฝันไปไม่ใช่เหรอ จะบ้าเหรอ"
"ไม่บ้าหรอก มันเรื่องจริง"
ฉันก็เลยต้องจำยอมที่จะสอนคนพวกนี้ วันนี้เราจึงมีการทำพิธีมอบหน้าที่ประธานชมรมให้แก่ฉันต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์และต่อหน้ารูปของปรำมาจารย์จิโคโร กาโน
"โชเมนิ...เรอิ เซนเซนิ...เรอิ"
ฉันพูดนำให้ทุกคนเคารพพระเคารพพระบรมฉายาลักษณ์และเคารพปรำมาจารย์และอาจารย์ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
"ก่อนอื่นนะคะดิฉันขอแนะนำตัวก่อน ดิฉันนางสาวรุ้งรัตน์ รินทรานะคะเป็นประธานคนใหม่ของที่นี่ ชื่อเล่นนะคะชื่อว่ารุ้ง ดิฉันจะพยายามทำความฝันของทุกคนให้เป็นจริงให้ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
เสียงทุกคนปรบมือกันเกรียวไปหมด
"ดิฉันขอแต่งตั้งพี่เชิดที่เป็นประธานคนก่อนขึ้นมาเป็นประธานระดับเดียวกันกับฉันเพื่อสนองงานและดำรงตำแหน่งเป็นประธานฝ่ายซ้าย ส่วนดิฉันเป็นฝ่ายขวาเพื่อไม่ให้เป็นการลดชั้นของรุ่นพี่และไม่เป็นการหักหน้ากัน ส่วนรองประธานดิฉันของให้ทุกคนเลือกนะคะ ขอให้เสนอชื่อด้วยค่ะ"
"เอิร์ท เอิร์ท เอิร์ท......"
เสียงทุกคนเรียกเป็นเสียงเดียวกัน ที่จริงฉันไม่อยากให้หมอนี่มาเรียนที่นี่ด้วยซ้ำเพราะฉันรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าอย่างแรงทีเดียว รู้สึกเหม็นขี้หน้าทุกที แต่ก็เอาเถอะประชาธิปไตยก็คือประชาธิปไตยเราจะไปขวางเขาก็ไม่ได้
"ตกลง...นายเอิร์ทเป็นรองประธานมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยตลอดรายการ"
"เฮ.............!!!!"
เสียงทุกคนดังกึกก้องไปหมด ฉันเหลือบไปมองที่ประตูห้องชมรม ฉันเห็นอาจารย์ท่านหนึ่งมายืนแอบมองอยู่ฉันจึงยิ้มให้ท่านแต่ท่านก็เดินหลบหน้าไป ฉันก็ไม่เข้าใจหรอกว่าอาจารย์ท่านนั้นมาทำอะไรแต่ที่รู้ ๆ ก็คืออาจารย์เขามาแอบมองชมรมเราแน่ ๆ
"ฉันขอประกาศกฎที่ฉันตั้งขึ้นไว้ว่า ข้อแรกห้ามส่งเสียงดัง ทุกคนต้องมีสมาธิ ข้อสองทุกคนที่ไม่ได้ขึ้นซ้อมในขณะนั้นต้องนั่งอยู่ที่เบาะแดงเท่านั้น ข้อสามคือก่อนขึ้นมาบนเบาะควรเรียงรองเท้าให้เป็นระเบียบและเคารพเบาะทุกครั้งที่ขึ้นและลงจากเบาะ ข้อสี่ใครที่มีสายสีแล้วถ้าวันไหนไม่ใส่สายสีของตัวเองจะถูกปรับด้วยการยึดพื้น 50 ทีตามขั้นสาย ส่วนพวกสายขาวที่แอบเอาสายสีมาใส่ให้โทษถึงสองเท่า ข้อห้าทุกคนเมื่อมาถึงแล้วควรทำความสะอาดเบาะอย่าให้มีฝุ่นจับและควรวอล์มร่างกายให้พร้อมด้วยการไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลคนละ 3 รอบ ข้อหกห้ามขโมยของในล็อกเกอร์หรือแม้แต่ของสำคัญที่วางไว้บนโต๊ะถ้าใครฝ่าฝืนไล่ออกสถานเดียว ข้อเจ็ดทุกคนต้องเข้าออกตรงต่อเวลาและห้ามมีเรื่องชู้สาวเกิดขึ้นที่นี่ แต่ที่อื่นไม่ห้าม ข้อแปดทุคนต้องมีน้ำในเป็นนักกีฬาห้ามทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะเราถือว่าเรามีจิตวิญญาณเป็นนักกีฬายูโดเหมือน ๆ กันและห้ามยกพวกตีกันกับนักกีฬาที่อื่นหรือนักกีฬาต่างชนิท ข้อเก้าเครื่องแต่งกายของยูโดต้องเรียบร้อยซ้ายทับขวา สายก็เช่นเดียวกันซ้ายทับขวาและขวาทับซ้าย คาดสายให้ตรงกับสะดือหรือต่ำกว่า ห้ามรัดจนฟิตหรือจนเอวกิ่ว และผู้หญิงควรใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาวข้างในห้ามีลวดลายหรือสีอื่นข้อสุดท้ายต้องเคารพในสายและเคารพผู้ฝึกซ้อมนอกจากนั้นต้องเคารพในกฎระเบียบและกติกาการแข่งขันรวมทั้งกรรมการด้วย กฎ 10 ข้อทำได้ไหม....!!!"
ทุกคนหมอบคำนับเพื่อเป็นการตอบรับว่าทำได้ ฉันจึงเริ่มทำการวอล์มร่างกายกันก่อน จากนั้นก็ฝึกการตบเบาะท่าที่หนึ่งถึงสี่จนกระทั่งถึงช่วงพักเบรกให้ดื่มน้ำ แต่ฉันไม่ลงไปดื่มด้วยเพราะการที่ดื่มน้ำมาก ๆ จะทำให้มีผลต่อการฝึกซ้อม แม่เคยบอกว่าจะทำให้จุกจนเล่นไม่ได้
"อาจารย์ครับผมสงสัยครับ"
"นี่บอกอีกข้อก็คือห้ามเรียกฉันว่าอาจารย์อีกให้เรียกชื่อเฉย ๆ ก็พอ...แล้วมีอะไรเหรอ"
"เสื้ออาจารย์ที่ด้านหลังทำไมมีตัวที 2 ตัวและมีตัวเอ 1 ตัว ตรงแขนขวามีธงของไทยแล้วทำไมแขนซ้ายถึงมีธงญี่ปุ่นครับ"
" TTA ก็คือไทยทูเอ หมายถึงเบอร์หนึ่งของเมืองไทย ธงของสองชาติหมายถึงเราเล่นกีฬาของเขาก็ต้องเคารพกฎของเขาส่วนของไทยคือการบ่งบอกให้รู้ว่าเราเล่นกีฬาให้ชาติไทยไงล่ะจะถามอะไรอีกไหม"
"ผม ๆ ๆครับ ผมอยากถามว่าน้องรุ้งทำไมมีนามสกุลคล้าย ๆ คนในวงการยูโดคนหนึ่งที่เคยลงหน้าหนังสือพิมพ์บ่อย ๆ จนกลายเป็นประวัติศาสตร์วงการกีฬาคนนั้นล่ะครับ"
"นายเอิร์ทนี่นายจะถามถึงบรรพบุรุษฉันด้วยเหรอไงกัน"
"แหมถามหน่อยก็ไม่ได้แค่นี้ทำเป็นหวง"
"อยากรู้ก็ไปสืบมาสิ ถ้านายแน่จริงนะ ฉันไม่ชอบตอบอะไรที่ไม่เกี่ยวกับการซ้อม"
"เออ...คุณรุ้งครับทำยังไงผมถึงจะได้ใส่สายดำอย่างคุณล่ะครับ"
"ฝึกซ้อมสิคะ ขยัน ๆ หน่อยแล้วจะดีเอง"
"แล้วคุณได้สายเขียวตั้งแต่สมัยไหนครับ"
"อืม...ตั้งแต่ 10 ขวบได้มั้ง เอออย่าถามเลยรีบ ๆ ซ้อมเถอะเดี๋ยวก็กลับเย็นค่ำหรอกมันอันตรายสำหรับผู้หญิง อ้อ...พวกเธอถ้าจะเรียนยูโดต้องขยันให้มากกว่านี้แล้วห้ามโอดครวญว่าเมื่อยหรือบ่นว่าซ้อมหนักเพราะถ้าไม่รีบ ๆ ฟิตร่างกายก็จะทำให้สู้เขาไม่ได้ อีกอย่างถ้าพวกเธอไม่มาพรุ่งนี้มันก็จะปวดเมื่อยแบบนี้ไปตลอด เราต้องทำให้ร่างกายอยู่ตัว ไป...นั่งที่แล้วมาหัดท่าตบเบาะท่าต่อไป ซึ่งจะเป็นการกันกระแทกเวลาถูกทุ่ม ขอให้พี่ที่เป็นแล้วมาเป็นหุ่นหน่อยจะได้รู้ว่าท่านี้เขาใช้ทำอะไรได้บ้าง"
เมื่อทุกคนนั่งที่ขอบเบาะ พี่เชิดก็ออกมาเป็นหุ่นให้ฉันทุ่ม ฉันจึงทุ่มด้วยท่าโมโนเตะ-เซโออินาเงะทันที พี่เชิดตบเบาะได้สวยมากสมกับที่เป็นสายน้ำตาล ทุกคนปรบมือกันเกรียวไปหมด และพวกเราก็เริ่มซ้อมกันต่อ
วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยต่อการเป็นผู้นำมากทีเดียว ฉันคิดถึงแม่และพ่อ คิดถึงโรงยิมส์ที่บ้าน คิดถึงอนาคตที่ฉันจะต้องไปแข่งในนามสถาบันการศึกษา ฉันจะทำยังไงดี ฉันอยากให้พ่อแม่มาอยู่เป็นกำลังใจให้ฉัน ฉันรู้สึกเหงา ๆ ถึงแม้ว่าฉันจะดูแกร่งยังไงแต่ฉันก็รู้สึกโดดเดี่ยวจริง ๆ...
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...