เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ ( ตอนที่ 7 )
สุชาดา โมรา
หลังจากที่เป็นข่าวอื้อฉาวในวงการกีฬา ฉันมีความรู้สึกว่าฉันกลายเป็นจุดสนใจของคนทั่วไป ข่าวทุกฉบับต้องพาดหัวเรื่องของฉันตลอดจนฉันไม่อยากจะเดินไปไหนอีกแล้ว เพราะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนถาม...ฉันรู้สึกเบื่อจริง ๆ เวลาไปโรงเรียนเพื่อน ๆ รวมทั้งอาจารย์ก็ฮือฮากัน มีแต่คนถามจนฉันไม่รู้จะตอบคำถามยังไงดี...
"แววดาว...ครูถามหน่อยเถอะมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ เธอไปเป็นนักกีฬาระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไรทำไมไม่บอกครู"
ฉันไม่รู้ว่าจะตอบปัญหายังไงดีเลย อาจารย์คนนั้นก็ถามคนนี้ก็ถามจนฉันรู้สึกไม่อยากจะเรียนอีกแล้ว...ฉันไม่รู้ว่าคนพวกนี้ทำไมถึงชอบยุ่งกับฉันนักนะ ทำไมไม่เอาเวลาเพ้อเจ้อแบบนี้ไปทำอะไรให้มีประโยชน์บ้าง ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
"แหม...ดังนักนี่ได้ออกทีวีทุกช่อง ได้ลงหนังสือพิมพ์...นึกว่าเธอแน่นักเหรอไงหา..."
แก๊ง 7 ห้าวนี่ช่างสอดจริง ๆ เลย นี่คงยังไม่เข็ดที่โดนไปวันนั้นสิท่า...
"ระวังตัวเองไว้ให้ดีเถอะ ฉันจะเอาพวกมารุมโทรมแก...!!!"
"เอามาเลย...ฉันไม่กลัวหรอกนังต้อม ถ้าแน่จริงเรียกพวกมาเลยฉันจะได้ไปแจ้งความไว้ก่อน ถ้าฉันเป็นอะไรแกคนแรกนั่นแหละที่จะโดน รวมทั้งคนในกลุ่มแกด้วย"
ฉันยืดอกพูดอย่างเต็มปากเต็มคำทันที ตอนนั้นถึงแม้ว่าฉันจะหวั่นใจนิด ๆ แต่ฉันก็ต้องข่มใจพูดไปว่าไม่กลัว อีกอย่างฉันพูดด้วยความโมโหด้วยมันจึงทำให้ฉันพลั้งปากพูดไปแบบนั้น
ตกเย็นหลังจากเลิกเรียนฉันมีความรู้สึกว่าฉันหดหู่ยังไงชอบกล ไม่สนุกอย่างที่คิด วันนี้ดู ๆ แล้วเรียนอะไรก็ไม่รู้เรื่องแถมยังโดนพวกปากไม่อยู่สุขพร่ำทั้งวันจนอารมณ์แทบจะระเบิดออกมา เนี่ยถ้ายั้งไม่อยู่นะฉันอาจจะเป็นฆาตกรเลยก็ได้... แต่ดีนะที่แม่สอนว่าต้องมีสติยั้งคิด รู้จักระงับอารมณ์ของตัวเอง วันนี้ฉันเลยนั่งนับเลขในใจจนกระทั่งลืมไปว่าพวกนั้นด่าอย่างไรบ้าง ฉันนะเบื่อพวกเดนสังคมจริง ๆ เชียว...
ฉันเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียนทางฝั่งตะวันออกซึ่งไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมากนัก ฉันก็ต้องหยุดชะงักเพราะกลุ่ม 7 ห้าวนี้
"ไง...แกแน่นักเหรอ...นี่ฉันเอาพวกมาลงแขกแกแล้วไง"
ฉันรู้สึกขวัญเสียมาก ๆ ที่ยายพวกนี้คิดปองร้ายฉันได้ถึงเพียงนี้ ฉันรู้สึกได้เลยว่าผู้ชายสามคนนี้ต้องเป็นพวกหื่นกาม เพราะท่าทางมันบ่งบอกว่าต้องใช่แน่ ๆ แต่ถึงฉันจะรู้สึกกลัวแต่ฉันก็ทำเป็นไม่กลัว ฉันเดินหลบออกไปอีกทางเพื่อที่จะไปออกประตูกลางแต่ผู้ชายคนหนึ่งก็วิ่งมาถลักหน้าเอาไว้
"ไงน้อง...กลัวเหรอจ๊ะ ไม่ต้องกลัว ๆ มีพี่อยู่ทั้งคนรับรองไม่เหงา...เดี๋ยวสิจะไปไหน"
ฉันเบี่ยงตัวหนีออกมาอีกแต่คนพวกนั้นยังตามมาราวีฉันอีก เห็นทีว่าถ้าฉันไม่สู้ก็คงไม่ได้ซะแล้ว ฉันจึงหันกลับไปมองด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างโกรธ
"สวย ๆ แบบนี้ตอนโกรธนี่ก็น่ารักดีนะ ใช่ไหมพวกเรา"
"จะทำอะไรก็ทำ ๆๆๆเถอะเดี๋ยวฉันจะไปดูต้นทางให้ว่าจะมีใครผ่านมาเส้นนี้หรือเปล่า"
ฉันรู้สึกเกลียดคำพูดของนังต้อมเพื่อนเลวคนนี้จริง ๆ เลย พูดตามตรงนะว่าตั้งแต่เรียนมาฉันไม่เคยถูกชะตามันเลย ให้ตายสิ...ฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่าคนแบบนังต้อมนี่มันจะเลวได้ถึงขนาดนี้
"ไงน้องยืนมองอะไรอยู่ ไปหาความสุขกันดีกว่านะ หรือว่าอาย ไม่ต้องอายเดี๋ยวพี่ให้พวกผู้หญิงที่เหลืออีก 6 คนนี่ออกไปดูต้นทางก่อน ก็จะเหลือแต่พี่ 3 คน แฟไหม"
"ไอ้เลว...!!!!"
ฉันตอบด้วยเสียงที่โกรธจนถึงขีดสุด ฉันแทบจะคลั่งจึงเดินหนีออกมาอีก ฉันย่ำเท้าด้วยความเร็วแต่ชายคนนี้มันมาคว้าแขนฉันไว้ โชคดีที่วันนี้ใส่ชุดกีฬามันจึงทำให้ฉันเตะได้สูง ฉันกระโดดกลับหลังเตะก้านคอทันที ชายคนนั้นถึงกับมึนลงไปกองอยู่กับพื้น และฉันก็เดินหนีออกมา แต่ชายอีก 2 คนก็ยังคงตามฉันมา ถ้าฉันไม่สู้เห็นทีคนพวกนี้ก็จะต้องทำร้ายฉันแน่ ๆ ฉันจึงหันกลับไปสู้อย่างคนที่เลือดร้อน
"หันมาทำไมจ๊ะ อยากอยู่กับพี่ใช่ไหม...!!!"
"แกอย่ามาทำเป็นตะคอกใส่ฉันนะ...ไอ้เลว...!!!"
เมื่อชายคนหนึ่งเข้ามาล็อกคอฉันไว้ ส่วนอีกคนหนึ่งหวังที่จะเข้ามาต่อยลิ้นปี่ฉัน ฉันจึงเนี่ยวคอชายคนที่จับฉันและก็ถีบทันที ทำให้ชายคนที่จะมาต่อยนั้นถึงกับหงายท้องทีเดียว จากนั้นฉันก็ย่อตัวพร้อมกับเหนี่ยวคอชายคนที่ล็อกคอฉันไว้ด้วยท่าทุ่มโคชิ-กูโรม่าทันที ชายคนนั้นลอยอยู่กลางอากาศประมาณ 3 วินาทีแล้วก็หล่นลงมาด้วยความเร็วทำให้หลังไปกระแทกกับเหล็กที่กั้นขอบถนน เพราะช่วงนี้เขากำลังทำถนนกันอยู่ ทำให้ชายคนนั้นลุกไม่ขึ้น ส่วนชายที่ถูกเตะก้านคอไปคนแรกกลับลุกขึ้นได้ เดินกลับมาตบหน้าฉันจนเกือบล้มแต่ฉันก็หันกลับไปเอาคืนด้วยการหักแขนแล้วก็ต่อยที่เบ้าตา จากนั้นฉันก็ใช้สันมือตบที่ทัดดอกไม้โดยการกระโดดขึ้นไปตบทำให้ชายคนนั้นหูแดงกล่ำและฟุบตัวลง ส่วนชายที่ถูกถีบนั้นลุกขึ้นมา
"มึงแน่นักเหรอ...หา...!!!"
พอฉันเงื้อหมัดขึ้นมาตั้งท่าว่าจะต่อยชายคนนั้นจึงหันไปคว้าคอของแนนแล้ววิ่งหายไปทันที ส่วนชายที่เหลืออีก 2 คนก็วิ่งตามไปด้วย ฉันจึงรีบไปที่สมาคมฯเพื่อไปขอคำปรึกษาจากพี่ดอน ฉันทั้งกลัวและตกใจเป็นอย่างมาก ฉันเดินไปนึกไปตลอดทางจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก
"หา...จริงเหรอดาว"
"จริงสิถ้าไม่จริงจะเล่าทำไม...เนี่ยดาวไม่รู้จะทำยังไงดีเลย พี่ดอนช่วยคิดหน่อยได้ไหม ดาวกลัว..."
"จะกลัวอะไรเก่งขนาดนี้"
"ต่อให้เก่งแค่ไหนสักวันก็คงจะพลาด...หรือว่าไม่จริง"
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ลนลานจนใคร ๆ ที่เล่นยูโดต่างก็มานั่งฟังและลงมติว่าต้องไปแจ้งความ ฉันจึงไปกับพวกพี่ ๆ และอาจารย์ ตำรวจซักซะหมดเปลือก ตำรวจบอกว่าข้อหานี้มันไม่ใช่เล็ก ๆ นี่มันเป็นการขู่พยายามฆ่า และยังเป็นการทำร้ายร่างกายอีก ตำรวจจึงบอกว่าจะตามจับมาให้ได้ ฉันจึงบอกรูปพรรณสันฐานไป รวมทั้งบอกรายชื่อเพื่อน 7 คนนั้นด้วย
วันนี้ฉันจึงมีความรู้สึกที่โล่งใจมากเมื่อได้แจ้งความไปแล้ว ฉันจึงกลับไปที่สมาคมฯอีกครั้งและเก็บข้าวของกลับบ้าน
"พี่ไปส่งนะดาว..."
"ไม่เป็นไรหรอกดาวกลับเองได้...ขอบคุณนะพี่ดอน"
ตอนนี้ฉันรู้สึกคิดถึงพี่นัทมากทีเดียว เมื่อไรนะที่พี่นัทจะกลับมา ถึงแม้ว่าปากฉันจะบอกว่าเลิกกับเขาแต่ภายในใจลึก ๆ แล้วฉันหวั่นไหวเหลือเกิน ฉันจะทำอย่างไรดีนะ แววดาวเอ๊ย...ทำไมถึงไม่ลืมพี่นัทอีกนะ เนี่ยถ้าพี่นัทอยู่เขาคงให้คำปรึกษาได้มากกว่านี้ทีเดียว โถ่เอ๊ย...
พี่ดอนมาส่งฉันที่บ้าน คุณแม่ทำท่าไม่ค่อยพอใจเพราะท่านคงดูออกว่าพี่ดอนเป็นคนอย่างไร คุณแม่บอกให้เลิกกันซะเพราะถ้าคบกันต่อไปมันจะทำให้เกียรติเราต่ำลงสักวันหนึ่ง...ฉันก็คิดว่าฉันไม่เหมาะกับพี่ดอนเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะในเมื่อฉันคบกับพี่ดอนเพื่อให้ลืมพี่นัท ถ้าไม่มีพี่ดอน ชีวิตฉันคงหักเหมากไปกว่านี้ เพราะพี่ดอนคอยเป็นเพื่อนเวลาฉันท้อแท้ ถึงแม้ว่าพี่ดอนจะเป็นคนก้าวร้าวในสายตาผู้ใหญ่ก็ตามแต่ความดีของเขาก็คือการเทคแคร์เรา เขาดูแลเราถึงแม้ว่าจะทำได้ไม่ดีเท่าพี่นัทก็ตามเถอะ...
เช้าวันใหม่ที่อากาศสดใส ฉันมาเข้าแถวเคารพธงชาติทันเป็นวันแรก อาจารย์ประจำชั้นเรียกฉันไปพบพร้อมกับกลุ่ม 7 ห้าว แต่ว่าวันนี้กลุ่ม 7 ห้าวขาดแนนไปคนหนึ่ง ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าแนนหายไปไหนจนกระทั่งมาถึงห้องพักครู
"มากันแล้วเหรอ นี่ตำรวจมาขอพบพวกเธอ และนี่ก็ผู้ปกครองของยายจุฑาทิพย์ ก็คุย ๆ กับตำรวจนะครูจะคอยเป็นคนกลาง"
พออาจารย์ทองพูดเสร็จตำรวจก็ซักทันที ตำรวจให้ข้อห้าเด็กทั้ง 6 คนว่าสมรู้ร่วมคิดและพยายามฆ่า รวมทั้งทำร้ายร่างกายด้วย นี่ก็เป็นข้อหาทางอาญาทั้งนั้น ส่วนผู้ปกครองของแนนบอกว่าแนนหายไปตั้งแต่เมื่อวานยังไม่กลับเลยฉันจึงบอกกับผู้ปกครองของแนนไป
"เมื่อวานตอนที่พวกนี้มาดักทำร้ายหนู แนนก็อยู่ด้วย แนนเป็นหนึ่งในนั้นที่ตามผู้ชาย 3 คนนั่นมา และพอผู้ชายคนนั้นทำอะไรหนูไม่ได้เขาก็เลยคว้าคอแนนแล้ววิ่งไป"
แม่ของแนนถึงกับเป็นลมทันที ฉันไม่รู้ว่าฉันจะพูดตรงไปหรือเปล่า แต่ฉันก็ได้บอกความจริงไปแล้ว ก็สุดแล้วแต่ว่าผู้ปกครองเขาจะรับได้หรือเปล่า
"ไม่จริงหรอก เธอนี่คงจะแสบน่าดูเลยเพื่อน ๆ ถึงไม่ชอบขี้หน้า เธอนี่มันเด็กกาลีบ้านกาลีเมืองจริง ๆ ลูกสาวกูไม่เป็นแบบนั้น"
พ่อของแนนพูดแล้วก็ทำท่าเหมือนจะเข้ามาตบทำให้ตำรวจต้องเข้าไปดึงตัวไว้และแจ้งข้อหาพ่อของแนนว่าหมิ่นประมาทและประทุสร้าย...
วันนี้พวกเราทุกคนจึงต้องขึ้นโรงพักพร้อมกับผู้ปกครอง แม่ของฉันถึงกับปล่อยโฮทันทีเมื่อรู้ว่าฉันจะโดนทำร้ายร่างกาย แต่ย่าของฉันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ย่าบอกว่าถ้าใครมันทำหลานให้ต้องเจ็บย่าจะไม่ยอม ย่าจะเอาคืนให้สาสม...ถึงแม้ว่าย่าจะเป็นคนชอบด่าอยู่เสมอ แต่ย่าก็รักหลานและก็ไม่ยอมยอมความง่าย ๆ ย่าบอกว่าต่อให้ตายก็ไม่ยอม ทำยังไงก็ไม่ยอมให้ลูกหลานต้องเสียเกียรติเสียศักดิ์ศรี และต้องถูกปองร้ายแบบนี้
ตำรวจถามว่าจะยอมความไหม แต่ย่าไม่ยอมย่าเรียกเงินถึงหัวละ 50,000 บาท แต่ผู้ปกครองพวกนั้นไม่ยอมจ่าย เด็กทั้งหมด 6 คนจึงถูกขังให้ไปนอนมุ้งสายบัว ฉันก็รู้สึกเห็นใจพวกนั้นเหมือนกันแต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อพวกนั้นทำกับฉันก่อน ถึงจะให้อภัยแต่ถ้าเราให้อภัยพวกนี้ก็ไม่ยอมเลิกลา ต้องให้มันรู้รสชาติของการกระทำที่ก่อเอาไว้บ้าง...แต่สักพักผู้ปกครองของสาก็มาขอประกันตัวและยอมความ ตกลงยอมจ่ายเงินทันที สาไม่ยอมพูดจากับเพื่อนที่อยู่ในคุกเพราะสาคงรู้สึกโกรธ สาเป็นคนนิสัยดีที่สุดในกลุ่มนั้น ที่จริงฉันก็รู้ว่าสาไม่อยากจะทำแบบนั้นแต่สาติดเพื่อน นี่ก็เป็นโทษของการติดเพื่อนนะมันจึงทำให้สาต้องมารับผลกรรมโดยที่ไม่ได้อยากจะทำเลย
"ขอโทษนะดาว...ยกโทษให้ฉันนะฉันไม่ได้ตั้งใจ"
"อย่าไปยกโทษให้มันอีเพื่อนแบบนี้ย่ารับไม่ได้"
คำพูดของย่าถึงกับทำให้สาร้องไห้โฮทีเดียวแล้วก็เดินไปกอดแม่ของเธอ สาหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาที่เหมือนอยากจะสารภาพผิดทั้งหมดแล้วก็เดินลงบันไดโรงพักไป สายไปเสียแล้วละสา เธอคบเพื่อนไม่ดีเองมันจึงทำให้ชีวิตต้องตกต่ำ...น่าสงสารเหมือนกันนะ
วันนี้ฉันไม่ได้เรียนทั้งวัน นั่งอยู่ที่โรงพักกับผู้ปกครอง ตำรวจสอบปากคำต้อมจนรู้ว่าผู้ชาย 3 คนนั้นต้อมรู้จักเป็นอย่างดีและก็เคยมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งด้วย ผู้ปกครองของต้อมถึงกับรับไม่ได้ การให้การของต้อมทำให้ต้อมต้องโดนข้อหาหลายคดี เพราะต้อมเป็นหัวหน้าเด็กแม็ทหรือแม่เล้านั่นแหละ นอกจากนั้นตำรวจยังให้ต้อมสาวไปถึงขบวนการใหญ่ที่ต้อมต้องส่งส่วยให้เสี่ยยุทธนาอีกด้วย ต้อมหมดหนทางจึงต้องบอกกับตำรวจทั้งหมด อนาคตต้อมจึงดับลงในตอนนั้น ถึงแม้ว่าแม่ของต้อมจะยอมความจ่ายเงินให้ฉันแต่ว่าต้อมต้องติดคุกยาวเพราะข้อหาค้าประเวณีมันร้ายแรงนัก แม่ของต้อมต้องมาลาออกให้ต้อมที่โรงเรียน ส่วนอ้อมนั้นพ่อของอ้อมมาประกันตัวและยอมความในที่สุด ที่เหลือก็ยังคงอยู่ในคุกเพราะไม่มีผู้ปกครองมายอมความ
สาแม่พาย้ายไปอยู่ลำปาง อ้อมพ่อบอกให้เลิกเรียนเพราะถึงเรียนก็ดีแต่จะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ฉันรู้สึกสงสารเพื่อนจริง ๆ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะทำแบบนั้น...
วันนี้ฉันไปซ้อมยูโดแต่วัน พี่ ๆ หลายคนในเบาะไม่ว่าจะเป็นพี่เอก พี่แท็ก พี่โจ พี่โก้ พี่โอม พี่ป๋อง พี่ทิพย์ พี่ขวัญ พี่ตูน พี่แทน พี่จง พี่ออฟ พี่ตั้น พี่ไก่ พี่อั๋น พี่ตา พี่ทิพย์ พี่เต้ พี่ดอนและอาจารย์ก็มานั่งฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโรงพักวันนี้ ฉันเล่าไปนั่งซึมไปจนอาจารย์ยอร์ท
พูดขึ้น
"อย่าคิดมาเลยมันเป็นเวรกรรมของคนที่ทำมาไม่เท่ากัน ชาติที่แล้วเราไม่ได้ทำอะไรเขาแต่เขากลับมาทำเราในชาตินี้เขาก็ควรรับกรรม อย่าเศร้าเลยมันไม่ใช่เรื่องของเราซะหน่อย"
ฉันรู้สึกว่าการปลอบใจของอาจารย์ไม่เป็นผลกับฉันเลย กลับทำให้เครียดหนักกว่าเก่า วันนี้ฉันจึงซ้อมยูโดเหมือนคนที่ไม่มีหัวใจรักที่จะเล่นเลย
"แววดาวมานี่หน่อย"
อาจารย์ดนัยพูดขึ้น ฉันจึงลงจากเบาะและไปหาอาจารย์
"ทำไมวันนี้เล่นไม่ดีเลย อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องเรียน เราจะต้องไปแข่งอีกไกลเข้าใจไหม เราจะหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เอาวิญญาณของนักกีฬาที่ดีออกมาสำแดงให้รู้ว่าเราไม่เคยแพ้ใคร เข้าใจไหม..."
อาจารย์ดนัยพูดด้วยเสียงที่เข้มงวดจนฉันรู้สึกกลัว แต่แววตาของอาจารย์ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ที่จริงอาจารย์ดูจะเอ็นดูฉันเป็นพิเศษเพราะฉันเป็นคนหัวเร็ว สอนอะไรก็เป็นเลยจึงทำให้อาจารย์ไม่ต้องมาบ่นฉันหรือสอนมาหลาย ๆ รอบ แค่ฉันดูครั้งเดียวฉันก็เล่นได้ฉันจึงเป็นที่รักของอาจารย์ในเบาะยูโด...
เย็นวันนี้พี่ดอนมาส่งฉัน แต่ฉันให้เขามาส่งแค่หน้าปากซอยเพราะแม่ไม่ชอบพี่ดอน พี่ดอนจึงทำหน้าเศร้า ๆ ฉันก็รู้สึกว่าพี่ดอนเสียใจแต่จะให้ฉันทำยังไงได้ล่ะในเมื่อผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย นับวันเราก็ยิ่งจะไม่ค่อยลงลอยกันเพราะพี่ดอนอยากไปส่งที่บ้านแต่ฉันไม่ให้ไปเพราะฉันก็มีเหตุผลของฉันเหมือนกัน
ฉันดูข่าวโทรทัศน์พบว่าแนนตายแล้ว ถูกรุมโทรมแล้วก็ฆ่า ชาย 3 คนนั้นคงแค้นที่ไม่ได้ฉันในวันนั้นมันจึงเอาแนนไป ฉันรู้สึกสงสารเพื่อนมากเลย พ่อแม่ของแนนคงอกสั่นและเสียใจมากทีเดียวเพราะแนนเป็นลูกคนเดียวของท่านเสียด้วย เนี่ยแหละหนาเขาถึงได้บอกว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ฉันถึงได้รู้ซึ้งวันนี้นี่เอง... แต่ก็ยังดีที่ตำรวจจับชาย 3 คนนั้นได้ พวกนั้นเลยต้องเข้าไปอยู่มุ้งสายบัวด้วย...
เย็นวันนี้ตำรวจโทรมาบอกว่าผู้ปกครองของฝ้าย เก๋และก็ฟ้ายอมความแล้ว ฉันก็ดีใจมาก แต่ 3 คนนี้ไม่ได้เรียนที่นี่แล้ว ผู้ปกครองให้ย้ายไปเรียนที่อื่น เพราะสร้างความอับอายให้ครอบครัวจนแทบจะซุกแผ่นดินหนี ที่จริงฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นเลยจริง ๆ นะ ฉันต้องขอโทษด้วยละกันนะ... ต่อไปนี้ก็คงไม่มีแก๊ง 7 ห้าวในห้องเรียนอีกต่อไปแล้ว คนในห้องก็จะเหลือแค่ผู้หญิง 9 คนนอกนั้นก็ผู้ชายอีก 15 คน แต่ถ้าคิดกลับมุมมันก็ดีไปอย่างนะที่ในห้องจะไม่มีอันธพาลขูดรีดเพื่อนและทำร้ายเพื่อน... แต่มันก็ยังมีเสี้ยนที่ตำหัวใจฉันมาตลอดก็คือเหมี่ยว ฉันละสงสันจริง ๆ เลยว่าคนท้องอะไรไปเล่นยูโดได้ แล้วทำไมฉันถึงไม่สืบความจริงให้มันรู้แน่นะ...
บทเรียนในวันนี้มันมีความหมายกับฉันเหลือเกิน ฉันรู้สึกว่าการคบเพื่อนมันต้องดูให้แน่ชัด การทำอะไรไปโดยไม่ไตร่ตรองแบบกลุ่ม 7 ห้าวนั้นมันถึงกับทำให้อนาคตดับวูบทีเดียว...
เวลาผ่านไปได้เพียงข้ามคืนฉันก็รู้ข่าวของต้อม ต้อมถูกชายนิรนามฆ่าตายหลังจากที่ชายคนหนึ่งเข้าไปในโรงพักและเอาอาหารให้ต้อมกิน ทำให้ตำรวจไม่มีพยานที่จะจับเสียคนหนึ่งได้ในข้อหาค้าประเวณี
ชีวิตของคนเรานี่น่าหดหู่เหลือเกิน ฉันรู้สึกว่าการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต้องอาศัยการทำดี ถ้าหากว่าเราไม่ทำดีแล้วชีวิตเราก็อาจจะเป็นอย่างคนพวกนี้ก็ได้ ฉันเชื่อว่าฉันจะต้องทำให้คนทุกคนเห็นว่าฉันเป็นคนดีคนเก่งให้ได้ ฉันจะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ ฉันจะตั้งใจเรียนและตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล....!!! นัดต่อไปจะเป็นการแข่งยูโดรุ่นไม่จำกัดน้ำหนัก ฉันจะไม่ยอมแพ้พวกอ้วน ๆ นั่นหรอก ฉันจะเอาเหรียญทองมาฝากครอบครัวให้ได้ การแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานนี้ฉันต้องทำให้ได้....แววดาวสู้ตายค่ะ...