สารภาพบาป(ตอนที่1)
สุชาดา โมรา
เขามักจะมีเหตุผลแปลกๆ แต่ฟังดูดีมาเกลี้ยกล่อมให้ผมคล้อยตามอยู่เสมอ เขาพูดอยู่บ่อยๆ ว่าชีวิตช่างเป็นสิ่งที่ไร้สาระ ว่างเปล่าและแสนสั้นนัก มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องเติมเต็มความว่างเปล่านั้น ให้เป็นไปตามความหมายอย่างที่ผมต้องการ เขาผลักภาระอันหนักอึ้งนี้มาให้ตั้งแต่ผมอายุยังน้อย ผมจึงไม่มีเวลาได้เดินเล่นกินลมชมวิวเหมือนหัวใจดวงอื่นเลย บางครั้งเขามาหาผมพร้อมกับคำถามที่ฟังดูแปลกแปร่งไม่คุ้นหู...
เลือกเอาสิ ก่อนจะถึงลมหายใจสุดท้าย อยากจะเป็นแบบไหน อยากจะมีชีวิตหรืออยากเป็นเพียงซากชีวิต - Blank People จิตวิญญาณว่างเปล่า ศักดิ์ศรีว่างเปล่า ชีวิตที่เป็นเพียง หายใจ เดิน กิน วิ่ง นอน ทำงาน สมสู่ ก้มหน้าก้มตาทำ สั่งสมวัตถุ เงินทอง บ้านหลังใหญ่ รถคันโต เสียงชื่นชมและสายตายอมรับจากผู้คนรอบข้าง - ง่ายเพียงแค่เดินตามหลังใครๆ... หรือว่าอยากจะมีชีวิต - ชีวิตที่รู้ว่าเราต้องการอะไร รู้สึกอย่างไร สุข ทุกข์ หัวเราะ ร้องไห้ โกรธ เกลียด ทุกอย่างที่อยู่ตรงข้ามกับความเคยชิน ทุกอย่างที่อาจจะไม่ง่าย... เลือกเอาสิ ว่าอยากจะใช้ชีวิตหรือจะให้ชีวิตมันใช้เอาเสียให้คุ้ม เลือกสิ ก่อนที่จะถึงลมหายใจสุดท้าย เลือกเอา...
นั่นล่ะเขาล่ะ ผู้ชายคนนั้น...นายของผม ผู้มักมาพร้อมกับสไตล์การถามนำแบบประชดประชันเสียดสี แต่ไม่หรอก คราวนี้ผมจะไม่ยอมหลงกลเขาอีกต่อไป ครั้งนี้ผมขอยอมแพ้...ผมเหนื่อยเหลือเกิน ภาวนาขอให้ครั้งนี้เขาทำสำเร็จด้วยเถิด ผมจะได้พักผ่อนอย่างแท้จริงเสียที
ใครบางคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า บนโลกนี้มีผู้ที่เจ็บปวดอยู่สองประเภท ผู้ที่เจ็บปวดจากการขาดชีวิต และผู้ที่เจ็บปวดจากการมีชีวิตที่มากเกินไป** ผมมักจะพบว่านายของผมอยู่ในประเภทที่สอง ใช่เขาจริงๆ นั่นล่ะ...ผู้ที่เจ็บปวดจากการมีชีวิต จากการใช้ชีวิตที่มากเกินไป บางครั้งเขาก็ดูเหมือนคนเป็นโรคจิต ที่ชอบพาตัวเองและผมเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม สุ่มเสี่ยงต่อความเจ็บปวดและเสียใจ รู้ทั้งรู้ก็ยังทำ ชอบแกว่งเท้าเข้าไปให้เสี้ยนมันตำเล่น บางทีเห็นความเจ็บปวดรออยู่ตรงหน้าแล้ว ก็ยังบอกให้ผมรีบวิ่งเข้าใส่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเรื่องของความรัก เขาไม่เคยรีรอที่จะไขว่คว้าเอาวันเวลาเหล่านั้นไว้ เขาว่าความรักเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การได้เรียนรู้ที่จะรักใครสักคน เป็นการเรียนรู้เพื่อจะได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของชีวิต...
ฟังดูดีใช่ไหม...แต่นั่นมันก่อนที่เขาจะคลานสี่ขากลับมาด้วยควา มเจ็บปวด แล้วบอกกับทุกคนว่าเป็นความผิดของผม เป็นความผิดของหัวใจ...หัวใจเป็นอวัยวะที่ไม่ยอมเชื่อฟัง ใจคนมันไม่มีตรรกะ และตรงนั้นแหละที่จะนำมาซึ่งความสุขและความฉิบหายทั้งปวง หัวใจมีหน้าที่เรียกร้อง แล้วไม่รู้เป็นอะไร ไม่รู้จักเรียนรู้ที่จะฝืนใจมันบ้าง ถึงจุดหนึ่งก็ลืมทุกอย่างและตามใจมันทุกครั้ง ตามใจและคราวนี้ก็รอลุ้น...*** แน่ะ...ดูพูดเข้า เขายังมีหน้ามาโยนความผิดให้กับผมอีก ปรักปรำกันอย่างหน้าด้านๆ ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนตัดสินใจปิดการท ำงานของสมอง - เพื่อนของผม แล้วสั่งให้ผมทำตามความต้องการของเขา จนบางทีผมก็ชักจะงงๆ อยู่เหมือนกันว่าที่จริงแล้วมันเป็นความต้องการของใครกันแน่ ของเขาหรือของผม แล้วใครเป็นนายใครกัน ผมเป็นนายเขาหรือว่าเขาเป็นนายผม...
เขาเองก็ยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ เช่นเดียวกันกับที่ยังคงตอบคำถามไอ้นกแก้วไม่ได้ ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นนายไอ้นกแก้วหรือว่าไอ้นกแก้วเป็นนายของเขากันแน่ ใครบงการใคร ใครเป็นคนนำ และใครเป็นคนตาม เพราะถ้าหากว่าคำตอบคือไอ้นกแก้วและผมเป็นไทแก่ตัวจริง มีสมองคิดและสั่งการเองได้ รวมถึงสั่งการเขาได้ด้วย นั่นหมายความว่าองค์ความรู้ทางด้านอภิปรัชญาของมนุษย์ แสงประทีปแห่งปัญญาที่คอยส่องนำทางมวลมนุษยชาติอยู่นั้น อาจถึงกาลต้องนำลงมาปัดฝุ่นสังคายนากันเสียใหม่ เพราะคำตอบที่ได้แสดงให้เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่า เจตจำนงเสรีของมนุษย์นั้น หาได้มีอยู่จริงไม่...
ถ้าหากว่าความรักเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของชีวิตจริงๆ นอกเหนือไปจากการงาน ความหวังและความฝัน เหมือนอย่างที่มีคนเคยกล่าวเอาไว้ ผมว่าเขาคงจะนอนตายตาหลับ เพราะที่ผ่านมาเขาได้ใช้ชีวิตเสียคุ้มค่าแล้ว สมควรแก่เวลาที่เขาจะจากไปอย่างเงียบๆ ดีกว่าอยู่ต่อไปเพื่อทำร้ายผู้บริสุทธิ์ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญ าและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเขา ผมว่าเขาเองก็รู้ซึ้งถึงความจริงในข้อนี้ดี จึงได้ตัดสินใจทำลงไปอย่างนั้น ช่วงวัยวันที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา ทั้งยี่สิบแปดลมร้อน ยี่สิบแปดห่าฝน ยี่สิบแปดสายลมหนาว เขาเคยมีคนรักมาแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน เคยมีความรักเกิดขึ้นในหัวใจมาแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบครั้ง เคยสุข-ทุกข์ ดีใจ-เสียใจ รัก-ถูกรัก หักอก-อกหัก หัวเราะ-ร้องไห้ เป็นคนดี-เป็นคนเลว โง่-ฉลาด เคยทำถูก-เคยทำผิด เคยมีความสุขจนหัวใจพองโตและเคยเจ็บเจียนตาย เคยเห็นแก่ตัวและเคยเสียสละ และอีกมากมายสารพัดที่เขาเคยเป็น เคยผ่านมาแล้วจากประสบการณ์ในอดีต...
แต่ยังไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะมั่นใจได้มากขนาดนี้ ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตัวของผม ความรู้สึกที่เขามีต่อผู้หญิงคนหนึ่งคือรักแท้ และนั่นล่ะคือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม จุดเริ่มต้นของการลงทัณฑ์ที่ใครบางคนกำหนดมาให้เขาต้องชดใช้ และคือจุดจบของความรักครั้งสุดท้ายของเขา รวมถึงจุดจบของชีวิตเขาเองด้วย...
ผมคงไม่รู้ว่าคุณจะตอบยังไง หากมีใครสักคนมาถามคุณว่าคุณจะเลือกรักใคร ระหว่างคนที่เขารักคุณกับคนที่คุณรักเขา แต่ผมรู้ดีว่าเขาจะตอบอย่างไร เขาจะบอกว่ารักคนที่เขารักเรานั้นสุขเป็นอันประกันได้มากกว่าทุ กข์ รักคนที่เรารักเขานั้นทุกข์เป็นอันประกันได้มากกว่าสุข เพราะไม่แน่เสมอไปว่าคนที่เรารักเขานั้น เขาจะรักเราตอบเหมือนอย่างที่เรารักเขา แต่ถึงกระนั้นผู้รู้บางท่านก็เคยกล่าวไว้ว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกรักคนไหน ก็จะต้องเจอะเจอกับทุกข์อยู่ดี เขาจึงขอเลือกที่จะรักคนที่เขารักดีกว่า เพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ได้เลือกเอง ได้ทำตามความรู้สึกของตัวเอง ได้รักคนที่เขาอยากจะรัก ได้ทำตามอย่างที่เสียงของหัวใจตัวเองมันร่ำร้อง เขาจะให้เหตุผลว่า ความรักนั้นเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมเหมือนภาพแอบสแตรค เป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกล้วนๆ เราจึงไม่อาจใช้เหตุผลหรือตรรกะใดๆ ไปอธิบายในเรื่องของความรักได้หรอก ความรักไม่มีถูกมีผิด มีแต่รัก รักคือรัก มันเป็นเรื่องของชะตากรรม ความรักไม่เคยทำร้ายใคร คนเราต่างหากที่ทำร้ายกัน...