สมดุล(ตอนที่2เสนอเป็นตอนจบค่ะ)

สุชาดา โมรา

ไอ้สมชายยังไม่ตาย...ผมไม่ได้ฆ่ามันอย่างที่คิดไว้ โชคยังดีที่สติกลับมาหาผมได้ทันเวลา และผมก็ไม่ได้พามันไปปล่อยที่วัดแต่อย่างใด เพราะพ่อเกิดเปลี่ยนใจกะทันหันตามคำแนะนำของหมอ เท่าที่ผมทำจึงมีเพียงขับรถพามันไปส่งที่ร้านหมอให้เขาจัดการทำ หมันและตัดเขี้ยวมันทิ้งซะ หมอบอกว่า นั่นน่าจะช่วยทำให้มันดุน้อยลงได้บ้าง ส่วนไอ้ดอลี่หมอช่วยเอาไว้ได้ทันรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ลูกในท้องทั้งห้าตัวของมันตายหมด...เป็นอันว่าเรื่องแรกจบลงเพียงแค่นั้น...แต่ยัง...วันที่เลวร้ายของผมยังไม่จบลงเพียงแค่นี้
ตกบ่ายผมมีนัดที่จะต้องไปสอบใบขับขี่รถยนต์ภาคปฏิบัติ มันเป็นการสอบแก้ตัวครั้งที่สอง อันที่จริงผมก็เคยขับรถยนต์มาหลายปีแล้วโดยที่ไม่มีใบขับขี่ ใช่ ผมรู้ดีว่ามันผิดกฎหมายและไม่ใช่สิ่งที่สมควรกระทำ แต่ที่ผมทำไปอย่างนั้นก็ด้วยความที่ผมมีประสบการณ์ไม่สู้จะดีนั กกับการสอบใบขับขี่มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ก็ตามที แต่ในที่สุดผมก็จำเป็นต้องไปสอบด้วยเป็นคำสั่งของพ่อ อีกอย่างหนึ่งการขับรถในกรุงเทพฯ นั้น ต่อให้เราจะขับรถดีแค่ไหน ไม่เคยทำผิดกฎจราจรหรือไม่เคยเฉี่ยวชนใครเลยก็ตามที แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่มาชนเรา และถ้าหากเกิดเหตุอย่างนั้นขึ้นจริง ตำรวจขอดูใบขับขี่ ถ้าหากว่าไม่มี คนที่จะตกที่นั่งลำบากก็คือตัวเราเอง แม้ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม
สี่วันก่อนผมตื่นแต่เช้ารีบอาบน้ำ - แต่งตัวออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงดี เพื่อจะไปเข้าคิวรอสอบใบขับขี่ ตั้งใจว่าจะทำเรื่องให้แล้วเสร็จภายในวันเดียวทั้งสอบข้อเขียนแ ละภาคปฏิบัติ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาหลายๆ เที่ยว ผมไปถึงตอนเกือบจะแปดโมง รีบลงจากรถตรงดิ่งไปยังอาคารที่ทำการเพื่อยื่นเรื่องขอสอบ ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นเอง ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาประกบข้าง เขาพูดกับผมเบาๆ ว่า
มาทำอะไรครับพี่ ดูจากการแต่งกาย ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาเป็นพวกหน้าม้า 
มาสอบใบขับขี่ครับ ผมตอบไปตามจริง
รถยนต์หรือมอไซค์พี่ เขาซัก
รถยนต์
สนใจไหมพี่ เขาเริ่มยื่นข้อเสนอ
............. ผมนิ่งเงียบรอดูท่าที อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป
พันหกเองพี่ ในที่สุดเขาก็เปิดการขาย
ต้องขับไหม ผมลองถามเล่นๆ หยั่งเชิงดูอย่างนั้นเอง
ต้องขับสิครับพี่ เขาตอบกลับมา ผมหัวเราะในลำคอนิดหนึ่งก่อนตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพแล้วเดินจากม า อันที่จริงเรื่องอย่างนี้ก็รู้ๆ กันดีอยู่แล้ว ผมจึงไม่แปลกใจอะไร จะสะดุดอยู่บ้างก็ตรงที่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทุกวันนี้ ราคา มันแพงถึงขนาดนั้นแล้ว...
การสอบข้อเขียนในรอบเช้าผ่านไปได้ด้วยดี ผมโชคดีที่ไม่ต้องไปนั่งฟังอบรมอีกครั้งเพราะเคยฟังมาแล้วตอนที ่สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ สิบโมงกว่าผมก็มายื่นเอกสารที่สนามสอบภาคปฏิบัติ พร้อมกับรับบัตรคิวเพื่อรอสอบ แต่คราวนี้โชคร้ายมีคนมารอสอบเยอะมาก กว่าผมจะได้สอบขับจริงก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง ก่อนจะสอบผมยืนอ่านบอร์ดที่เขาจัดไว้ให้ ศึกษาถึงท่าต่างๆ ที่ใช้ในการทดสอบ ผมอ่านแล้วอ่านอีกจนจำได้ขึ้นใจ ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าต้องทำได้ไม่เห็นจะมีอะไรยากเย็นหนั กหนา จะยากอยู่บ้างก็ตรงที่ต้องถอยรถเข้าจอดในซองด้านซ้ายมือ โดยกำหนดไว้ว่าผู้ขับจะเข้าเกียร์ได้ไม่เกินเจ็ดครั้ง ซึ่งการสอบท่านี้เพิ่งจะเปลี่ยนกฎกติกาใหม่ให้ยากขึ้นเมื่อไม่ก ี่วันที่แล้วนี้เอง ด้วยเหตุผลที่ว่าท่าดังกล่าวเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจร ิงอยู่บ่อยครั้ง ผมนึกสงสัยอยู่ในใจเหมือนกันว่าทำไมถึงจะต้องกำหนดให้เข้าเกียร ์ได้ไม่เกิน 7 ครั้งด้วย ทั้งที่ในชีวิตจริงเวลาที่ถอยรถเข้าจอด สิ่งที่สำคัญที่สุดมันไม่น่าจะใช่ว่าคนขับจะเข้าเกียร์กี่ครั้ง จะสิบครั้งหรือยี่สิบครั้งก็ไม่เห็นจะเป็นไร สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่าถอยรถเข้าจอดได้โดยไม่ไปชนรถของคนอื่นเข าเป็นพอ ผมได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังมั่นใจว่าตัวเองต้องทำได้แน่นอน
ถึงเวลาสอบผมขับรถเข้าสนามทำทุกอย่างตามที่ได้วางแผนไว้ แม้มันจะไม่ได้เหมือนอย่างที่ใจหวังแต่ผมก็ถอยรถเข้าจอดได้เรีย บร้อยดีไม่ชนอะไร โดยเข้าเกียร์ไปทั้งหมดหกครั้ง พอเสร็จผมก็กดกระจกลงยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจเซ็น คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร แต่เขากลับบอกผมอย่างหน้าตายว่าผมเข้าเกียร์เกิน เขาว่าตอนที่ผมถอยเข้าจอดจนเสร็จเรียบร้อยนั้น ผมใช้เกียร์ไปเจ็ดครั้ง รวมทั้งตอนที่เอารถออกจากซองเป็นแปดถือว่าเกิน ตีความตามที่เขาพูดนั่นหมายความว่าที่บอร์ดระบุไว้ว่าใช้เกียร์ ได้ไม่เกินเจ็ดครั้งนั้นรวมถึงตอนที่ต้องเอารถออกจากซองด้วย ซึ่งในจุดนี้ไม่ได้อธิบายไว้ในเนื้อหาของบอร์ดแต่อย่างใดเลย ไม่ว่าใครอ่านก็ต้องเข้าใจเหมือนผมอย่างแน่นอน
ผมเริ่มโกรธที่ตัวเองถูกโกงอย่างหน้าด้านๆ จากคนที่มีอำนาจ คนที่ถือปากกาอยู่ในมือ คนที่ผมต้อง ง้อ ลายเซ็นของมัน ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะนอกจากเขาจะโกงโดยการนับจำนวนครั้งที่ผมเข้าเกียร์ผิดแล้ว เขายังโกงผมด้วยกฎบ้าๆ ที่พยายามทำให้มันคลุมเครือเข้าไว้นั่นอีก ผมได้แต่ข่มความโกรธเอาไว้ข้างในเพราะหากวู่วามไปคงมีแต่เสียกั บเสีย ผมขับรถออกมาจากจุดนั้นเข้าสอบอีกสองท่าที่เหลือ คือจอดรถเทียบฟุตบาทกับเดินหน้าถอยหลังในทางตรง ทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดี ก่อนที่ผมจะขับออกมายังลานจอดรถ นั่งอยู่เงียบๆ เพื่อสงบสติอารมณ์...
ไอ้เอี้ยเอ๊ย !...ผมตะโกนออกมาดังลั่นรถ โกรธที่ตัวเองไม่สามารถจัดการอะไรได้กับความอยุติธรรมตรงหน้า ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดของระบบหรือของตัวบุคคล รู้แต่ว่าผมรับไม่ได้กับเรื่องงี่เง่านี้ ประเทศชาติจะเจริญได้ยังไง ถ้าหากแค่เรื่องเล็กๆ อย่างการสอบใบขับขี่ยังเป็นอย่างนี้ จะไปหวังให้ระดับมหภาคเจริญก้าวหน้าได้อย่างไรถ้าหากในระดับจุล ภาคยังไม่มีการพัฒนาอยู่อย่างนี้ นักการเมืองคอร์รัปชั่นกันในเชิงนโยบาย พวกปลายแถวก็คอยตอดเล็กตอดน้อยอยู่แบบนี้ ส่วยทางหลวงเอย ส่วยบ่อนเอย อันที่จริงผมควรจะชินได้แล้วเพราะครั้งที่ผมมาสอบใบขับขี่มอเตอ ร์ไซค์ผมก็เจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันอย่างนี้ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังทำใจให้ยอมรับไม่ได้สักที...ฝันไปเถอะมึงว่าจะได้เงินจากคนอย่างกู ไม่มีทางเสียล่ะ กูจะไม่ยอมเห็นแก่ความสะดวกสบายตรงหน้า แล้วปล่อยให้ตัวเองเข้าไปเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งในวงจรอุบาทว์นี้ เป็นอันขาด...ผมได้แต่ระบายความเกรี้ยวกราดอยู่ข้างใน แต่ไหนๆ ผมก็อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาถึงที่นี้แล้วจึงตัดสินใจเข้าคิวสอบแ ก้ตัวดูอีกที ตอนเห็นหน้าเจ้าหน้าที่คนนั้น ผมจินตนาการไปว่าเห็นภาพตัวเองลงไปกระโดดชกหน้ามัน หยิบแป๊ปเหล็กที่อยู่ใกล้ๆ ฟาดเข้าที่กกหู แล้วกระทืบซ้ำจนมันนอนจมกองเลือดอยู่ใต้ฝ่าตีนแล้ววันนั้นผมก็ สอบตกไปตามความคาดหมายด้วยเหตุที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธเอา ไว้ได้นั่นเอง
บ่ายวันนี้ก่อนออกจากบ้านพ่อผมยังบอกว่า ให้ๆ มันไปเถอะลูกไม่กี่ตังค์เองจะได้จบๆ กันไปซะที แล้วพ่อจะออกตังค์ให้เอง ถ้อยคำของพ่อยังดังก้องอยู่ในหัว...มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอกลูก...ผมคิดทบทวนถึงมันขณะที่กำลังนั่งอยู่ในรถ ต่อแถวรอคิวเพื่อจะสอบแก้ตัวครั้งที่สอง ผมนึกไปถึงคำพูดประโยคหนึ่งจากหนังเกรดบีห่วยๆ ที่ได้ดูเมื่อคืนนี้ มันเป็นตอนที่พ่อของนางเอกพูดสอนนางเอกก่อนที่เขาจะตายไป ประโยคนั้นบอกว่า เราต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับความโกรธโดยปราศจากความรุนแรง มิเช่นนั้นแล้วมันก็จะควบคุมเราตลอดไปโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ...
ในที่สุดผมก็สอบผ่านมาได้อย่างสบายๆ ด้วยการเข้าเกียร์เพียงสี่ครั้งเท่านั้น แต่ก็ยังไม่วายที่เจ้าหน้าที่จะหาเรื่องเอากับผม เขาเกือบจะไม่ให้ผมผ่านด้วยข้อหาที่ว่าผมไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภั ยตอนสอบและเปิดเพลงฟังตอนขับรถ พอเจอผมโวยเข้าให้ว่าไม่เห็นจะมีใครคาดเข็มขัดกันเลยสักคนในสนา มสอบ อีกทั้งรถที่ให้บริการเช่าเพื่อใช้สอบนั้นไม่มีเข็มขัดนิรภัยด้ วยซ้ำไป เขาจึงรีบเซ็นให้ผมสอบผ่าน สุดท้ายผมจึงได้ใบขับขี่มาไว้ในมือเป็นผลสำเร็จโดยไม่ต้องเสียต ังค์นอกระบบเลยสักบาท
ตอนนี้ผมกำลังนั่งจิบเบียร์เย็นๆ อยู่คนเดียวที่ท่าน้ำเกียกกาย มองดูทิวทัศน์ คิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆ ผมเพิ่งผ่านพ้นวันที่เลวร้ายมาหยกๆ อันที่จริงผมควรจะดีใจกับความสำเร็จของตัวเอง ใบขับขี่ การระงับความโกรธ ดอลี่ยังไม่ตาย แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น ทัศนียภาพกับเบียร์เย็นๆ ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ผมกำลังกังวลใจกับความเหลวแหลกของระบบ หรือว่ามันอาจจะเป็นความล้มเหลวของคุณธรรม ศีล-ธรรม จริยธรรมในจิตใจคน ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ คิดอยู่ว่าจะเขียนจดหมายไปยังรายการ ถอดรหัส ของช่องไอทีวี แนะนำให้มาแอบถ่ายกระบวนการนี้ไปออกอากาศ หวังอยู่ว่าจะได้เห็นผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ออกมาทำอะไรเสี ยบ้างเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น ผมว่าเรื่องนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อคนทั่วๆ ไปมากกว่าเรื่อง ส่วยทางหลวง นั่นเสียอีก
ขณะที่ผมกำลังใช้ความคิดอยู่นั่นเอง ภาพนกสามสี่ตัวตรงหน้ากางปีกถลาบินอยู่บนฟ้า ก็ทำให้ผมคิดอะไรได้บางอย่าง มันค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีละนิดๆ แต่ทันใดนั้นเอง หูของผมพลันได้ยินเสียงบางอย่างที่ฟังดูคุ้นเคยแว่วมาแต่ไกลทาง ขวามือ มันดังว่า
...ตือ ตื๊อ ดืด...ตืออออ์ ตื๊ออออ์ ดืดดดด์...ตือ ดื๊ด ตื่อ ดื่ด ตือ ดื๊ด ตืออออ์
ผมหันไปดู แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง มันคือเสียงของไอติมวอลล์นั่นเอง แต่คราวนี้มันไม่ได้มากับรถถีบ มันมากับเรือ ! ผมไม่แปลกใจเลยหากคุณจะไม่เชื่อ นี่ถ้าใครมาเล่าให้ฟังผมเองก็คงไม่เชื่อ ขนาดเห็นกับตาตัวเองผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย ใครเล่าจะรู้บ้างว่าประเทศไทยมีเรือขายไอติมวอลล์ด้วย แต่ภาพเรือสีขาวปลอดตัดกับสัญลักษณ์รูปหัวใจสีแดงเหลือง คือหลักฐานที่ยืนยันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งพนักงานขายในชุดขาวนั่นก็ด้วย ผมเผลอระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง ไม่ลังเลใจที่จะตะโกนเรียก
ไอติม...ไอติมจอดก่อนพี่
รับอะไรดีครับ 
วอลล์โซเรลโล่อันนึงพี่ 
ผมเปิดฝาสีเขียวสดให้อ้าออก ก่อนยกขึ้นจ่อปากกรอกเม็ดกลมๆ เล็กๆ สีเขียวเข้าปาก...ความรู้สึกเย็นซ่า หวานอมเปรี้ยว แผ่ไปทั่วปลายประสาทสัมผัสจากโคนสู่ปลายลิ้น ความสดชื่นแผ่ไปทั่วสรรพางค์กาย...ผมหลับตาพริ้มลิ้มรสอร่อยอย่ างมีความสุข อย่างน้อยในตอนนี้ ผมก็รู้แล้วว่าจะแสวงหาความ สมดุล แห่งชีวิตได้จากที่ไหนดี.				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน