เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ ( ตอนที่ 11 )
สุชาดา โมรา
ถึงลพบุรีเสียทีกับการเดินทางที่แสนจะนาน ฉันกลับมาพร้อมกับของฝากเอามาฝากแม่และครอบครัวและบางส่วนก็เอามาฝากพี่ ๆ หลายคนที่ไม่ได้ไป ข่าวดีที่กลับมาคือพี่ทิพย์ได้ไปแข่งทีมชาติ พี่เจี๊ยบก็เช่นเดียวกัน พี่โอมและพี่เต้ก็ได้ไป ที่เหลือ 19 คนไม่ได้ไป ทุกคนที่เบาะดีใจกันมากและฉลองกันที่บ้านพี่เต้ แต่ฉันไม่ได้ไปหรอกเพราะแม่ไม่อนุญาติ แม่ว่าฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะไปฉลองกับพวกโต ๆ แม่คงกลัวว่าฉันจะดื่มเหล้า แต่แม่ก็น่าจะรู้นะว่าลูกไม่เคยดื่มแล้วจะดื่มได้ยังไง
ฉันกลับมาเรียนตามปกติเมื่อสอบปลายภาคเสร็จแม่ก็พาเข้ากรุงเทพฯไปซื้อหนังสือให้ เป็นหนังสือที่ฉันเลือกอ่านตามใจชอบ แม่บอกว่าเป็นรางวัลที่เหน็ดเหนื่อยมานานกับการเรียนการแข่ง แม่ดีใจที่ฉันกลับมาอย่างไม่มีรอยพกช้ำดำเขียว แต่แม่ก็ไม่รู้หรอกว่าต้นขาและหน้าอกของลูกเขียวหลังจากที่ไปแข่งมาเพราะลูกใส่เสื้อผ้าอย่างมิดชิดจนแม่ไม่อาจจะรู้ได้...
หลังจากนั้น 70 วันก็เปิดเทอมและทางกองทัพอากาศก็มีคำสั่งให้ฉันไปลงชื่อสมัครแข่ง ระดับอาเซี่ยนที่ประเทศฟิลิปปินล์อย่างไม่คาดฝัน เป็นที่ฮือฮากับวงการยูโดที่ลพบุรีมาก อาจารย์ทุกคนจึงมารุมเทรนฉันเป็นพิเศษ ฉันรู้ตัวว่าต้องไปอยู่ต่างประเทศถึง 1 เดือน และที่เหลืออีกสองเดือนก็ต้องเก็บตัว ฉันรู้สึกไม่อยากไปแต่มันเป็นคำสั่งยังไง ๆ ก็ต้องไปอยู่วันยังค่ำถ้าไม่ไปสิเป็นเรื่องแน่ ๆ ทางกองทัพอากาศมีกำหนดการและหมายขอร้องทางโรงเรียนว่าฉันต้องไปแข่งและตอนนี้เหมี่ยวได้เป็นหัวหน้าห้อง ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ แต่ก็ต้องไป ฉันรู้สึกกลัว ๆ ว่าเหตุการณ์เกี่ยวกับการเรียนมันจะไม่ราบรื่นเสียแล้ว...
ฉันออกมาจากสมาคมเพื่อที่จะไปขึ้นรถกลับบ้านอย่างทุกวัน สิ่งที่ฉันมองเห็นข้างหน้าคือพี่ดอนกำลังยืนทะเลาะกับผู้หยิงคนหนึ่ง... พี่ดอนกลับมาตั้งแต่เมื่อไรกันนะทำไมฉันถึงไม่รู้เลย เมื่อฉันเดินไปใกล้ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็จ้องหน้าฉันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"นี่แกรู้ไหมว่าดอนเป็นแฟนฉัน"
ฉันอึ้งไม่ได้พูดอะไรแต่พี่ดอนหันมามองฉันด้วยความตกใจ
"ดาว....!!!"
พี่ดอนถึงกับพูดเสียงหลงทีเดียว
"นี่เธอคงใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกพี่ดอนใช่ไหม เขาแก่กว่าเธอถึง 7 ปีเธอกลับชิงเขาไป เธอนี่มันเด็กอะไรกันร้ายกาจที่สุด"
ฉันรู้สึกโมโหจริง ๆ ที่จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มายืนด่าทอฉันจึงระเบิดออกมาบ้าง
"หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ....!!! ฉันไปทำอะไรให้พี่ถึงมาว่าฉัน"
"แกแย่งพี่ดอนไป"
"ใครเขาอยากจะแย่งเอา อยากได้นักก็เอาไปแล้วรักษาดี ๆ ล่ะอย่ามาตู่กันว่าคนนั้นแย่งคนนี้แย่ง น่ารำคาญ"
ฉันผลักพี่ดอนไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วก็เดินออกมาพี่ดอนก็เลยวิ่งตามฉันมา
"ดาว...รอด้วย ดาว...."
พี่โอมมาพอดีฉันจึงโบกรถพี่โอมแล้วนั่งซ้อนท้านไป พี่ดอนก็เลยนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามมา รถทั้งคู่ขับแรงมากถนนก็ว่างพี่ดอนก็ตะโกนมาตลอด
"โอม...จอดรถเดี๋ยวนี้ โอม...!!!!"
"พี่โอมอย่าจอด...!!!"
ฉันตะโกนไปบ้างพี่โอมก็เลยเร่งเครื่องให้แรงไปอีก
"ดาวจะไปไหน..."
"ขับไปเรื่อย ๆ ก่อนนะ"
รถทั้งคู่ขับมาอย่างเร็วพี่ดอนก็พยายามจะเบียดมาเมื่ฉันเห็นซอยก็เลยให้พี่โอมขับเข้าซอยไปส่วนพี่ดอนก็เลยซอยไป ฉันไม่รู้หรอกว่าซอยนี้ไปไหน แต่พี่โอมซอกแซกจนออกมาจากซอยได้และก็พามาส่งที่หน้าบ้าน
"มีเรื่องอะไรกันเหรอ..."
"ไม่มีอะไรหรอกแค่แฟนพี่ดอนเขามาด่าหาว่าดาวแย่งพี่ดอนมาก็เท่านั้น"
"พี่บอกแล้วว่าไอ้นี่มันเจ้าชู้ก็ไม่เชื่อพี่...เห็นไหมเป็นไง อย่าคิดมากนะ"
"ไม่คิดมาหรอกเพราะดาวก็ไม่ได้ชอบพี่ดอนมากขนาดนั้น จริง ๆ แล้วดาวยังชอบพี่นัทอยู่ต่างหากล่ะ ดาวไม่เสียใจหรอดพี่โอมไม่ต้องเป็นห่วง"
ฉันยิ้มแล้วก็เดินเข้าบ้านไปพี่โอมก็เลยขับรถออกไป... ฉันไม่อยากให้เรื่องชู้สาวมาเกิดขึ้นกับฉันเลย ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนดวงซวยจริง ๆ ที่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ ไม่รู้จะวางตัวยังไงดีคนพวกนี้ถึงจะเลิกยุ่งกับฉันซะที หรือว่าจะไม่มีแฟนดี เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วฉันก้เลยตัดสินใจครองโสตดีกว่าอย่าไปมีเลยฟงแฟนอะไรเนี่ย
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เลิกเรียนฉันก็เข้ามาในสมาคมฯ ฉันเห็นหน้าของพี่โอมบวมช้ำก็รู้ทันทีว่าพี่ดอนแน่ ๆ ที่ทำแบบนี้
"พี่โอมเป็นไงบ้าง...ไม่ต้องพูดหรอกดาวรู้ว่าใครเดี๋ยวดาวจัดการให้"
ฉันเดินมาที่ห้องแต่งตัวผู้ชายแล้วก็ยืนรอพี่ดอนอยู่ข้างนอกจนพี่ดอนเดินออกมาจากห้องฉันก็เลยกระชากคอเสื้อทันที ฉันทุ่มพี่ดอนโดยที่เขาไม่ได้ตั้งตัวเลย หลังเขากระแทกกับพื้นปูนดังแอ๊กทีเดียว ฉันรู้ว่าเขาจุก แต่ตอนนั้นเลือดมันขึ้นหน้าจริง ๆ
"ลุกขึ้นมา บอกให้ลุกขึ้นมายังไงล่ะ"
ฉันตะคอกสุดเสียงพร้อมกับฉุดให้ลุกขึ้นมา
"อะไรดาว พี่ไม่รู้เรื่องทำอะไรเนี่ย"
"ไม่ต้องมาพูดท่านู้นท่านี้เลยพี่ดอนไปทำร้ายพี่โอมทำไม"
"อ๋อ...ก็เมื่อวาน..."
"ไม่ต้องพูดเลยเป็นเพื่อนกันหรือเปล่า ไปขอโทษเดี๋ยวนี้เมื่อวานพี่โอมเขาไม่ได้ทำอะไรเลยดาวบังคับเขาเอง อยากต่อยมาต่อยดาวนี่ แล้วพี่มีแฟนแล้วทำไมไม่บอกมาหลอกกันอย่างนี้มันสนุกนักเหรอ เราเลิกกัน กลับไปหาแฟนพี่เถอะ"
ฉันพูดด้วยอารมณ์โมโหแล้วก็เดินไปซ้อมต่อ ฉันรู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำแบบนั้นกับพี่ดอนแต่มันก็สาสมกับความผิดของเขาแล้วละที่เขาทำแบบนั้นกับเพื่อน ฉันรู้สึกสงสารพี่โอมเหมือนกันที่ถูกต่อยซะหน้าตาบวมขนาดนี้ ที่จริงฉันก็รู้ว่าพี่โอมก็ชอบฉันเหมือนกัน รวมทั้งหลาย ๆ คนในสมาคมฯด้วยเพราะทั้งเบาะก็มีผู้หญิงอยู่แค่ไม่กี่คน คนที่สวยก็มีพี่เจี๊ยบแต่พี่เจี๊ยบมีแฟนแล้วและเขาก็เป็นคู่หมั้นกันกับดีเจชื่อดัง ก็จะเหลือฉันที่หน้าตาพอดูได้ทั้งเบาะ และดูเป็นผู้หญิงด้วย ส่วนคนอื่น ๆ ก็หุ่นห้าวเหมือนนักเลงและตัวใหญ่จึงไม่มีใครสนใจพวกเขา
อาจารย์เรียกพี่ดอนและพี่โอมไปสอบสวน ฉันไม่รู้หรอกว่าอาจารย์คุยอะไรกับพี่ทั้งสองคน แต่ฉันรู้เพียงแต่หลังจากที่อาจารย์เรียกไปแล้วพี่ทั้งสองคนก็คุยกันและก็ดีกัน ฉันว่าอาจารย์นิพนธ์ต้องเรียกพี่เขาไปไก่เกี่ยแน่ ๆ เลย
ฉันตั้งใจซ้อมอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพื่อที่จะไปแข่งในอีกไม่กี่เดือนนี้ ฉันรู้สึกว่าหมดห่วงหมดกังวลกับการมีแฟนเพราะฉันมีอิสระในการทำอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่จำเป้นต้องมาแคร์ความรู้สึกของคนอื่น ก่อนจะไปกองทัพอากาศอาจารย์ดนัยจึงอยากให้ฉันได้สายน้ำตาลก่อนไป อาจารย์จึงให้เปิดแข่งเป็นการภายใน ให้ฉันล้มคู่ต่อสู้สายฟ้าด้วยกันถึง 5 คนเพื่อที่จะเป็นสะพานในการไปแข่งครั้งนี้
"ฮาจิเมะ...!!!"
เสียงกรรมการบอกให้เริ่มต้น ฉันเดินหาจังหวะคู่ต่อสู้จนพบและเข้าท่าทุ่มทันทีด้วยท่าโมโนเตะ-เซโออินาเงะทันที ฉันรู้ว่าคนพวกนี้ยอมให้ฉันเหยียบสะพานไปเพราะต้องการให้ฉันกู้หน้าหลังจากที่ไปแข่งชิงตัวประเทศระดับเยาวชนมาแพ้ก็เลยฝากความหวังไว้ที่ฉัน ฉันจึงผ่านการคัดสายมาได้โดยง่าย ต้องขอขอบคุณพี่ ๆ สายฟ้าทุกคนจริง ๆ ที่ช่วยฉันในครั้งนี้
"ครูขอประกาศให้นางสาวแววดาว เมธาธิพญา ได้สายน้ำตาลด้วยการชนะคู่ต่อสู้ภายในระยะเวลา 150 วินาทีต่อ 5 คน"
อาจารย์ลงบันทึกสถิติให้แต่นั่นก็ไม่ทำให้ฉันพอใจขึ้นมาหรอกเพราะมันได้สายมาง่ายจนเกินไป ฉันต้องการแข่งให้คู่ต่อสู้ทัดเทียมกันมากกว่านี้ ไม่ใช่ยอมกันง่าย ๆ แต่ยังไง ๆ มันก็แข่งไปแล้วนี่ได้ประกาศฯมาแล้วนี่ก็ต้องไปตัดสายยูโดใหม่แล้วก็ต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะเราไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามกรรมการและอาจารย์ระดับทีชาติอย่างนี้ได้ เมื่อโอกาสมาถึงเราก็ควรจะคว้ามันเอาไว้
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ.......