เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ (ตอนที่ 4)
สุชาดา โมรา
"ดาว...เธอรู้ไหมว่าอาจารย์สิงห์ทองรถคว่ำคอหักตาย"
"หา...!!!"
ฉันตกใจอย่างมากที่พี่โจ้พูดแบบนั้น ฉันรู้สึกว่าทำไมอาจารย์ถึงได้จากฉันไปเร็วนัก อาจารย์เป็นคนดีคอยช่วยเหลือฉันมาตลอด คอยให้ความรู้เรื่องยูโดทั้ง ๆ ที่อาจารย์ส่วนใหญ่มักจะหวงวิชา โดยเฉพาะกับเด็กที่เพิ่งเช้ามาเรียนได้เพียงไม่กี่เดือน... แต่อาจารย์คนนี้ก็จะคอยแนะนำและบอกการดูจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ให้เสมอ ๆ สอนฉันในท่านางลอยทั้ง ๆ ที่นี่ก็เป็นท่าชั้นสูงซึ่งเขาไม่ให้เด็กสายระดับต่ำมาเล่น แต่อาจารย์ก็คอยเทรนฉันมาโดยตลอด...
วันนี้ฉันรู้สึกหดหู่ใจมาก ๆ ทำอะไรไม่ถูก พอขึ้นไปซ้อมก็รู้สึกว่าเล่นอะไรก็ไม่ได้เรื่อง เข้าท่าผิด ๆ ถูก ๆ เพราะมัวใจลอยคิดอยู่เพียงว่า "ทำไม ทำไม ทำไม" คนที่รู้ถึงจิตใจฉันดีก็คงหนีไม่พ้นพี่นัท แต่ส่วนพี่ดอนแฟนใหม่ฉันน่ะเหรอ ขานี้ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแฟนตัวเองเลย
"มานั่งหลบผู้คนอยู่นี่ นี่เอง...อ่ะ"
พี่นัทส่งผ้าเช็ดหน้าให้ ฉันร้องไห้โฮเสียงดังทันที
"อย่าร้องไห้ไปเลยนะอาจารย์ไปดีแล้ว..."
ฉันไม่ทันได้คิดอะไร เมื่อมีคนมาปลอบใจก็ยิ่งร้องห่มร้องไห้เสียใจไปใหญ่ ถึงกับไม่ทันคิดว่าพี่นัทไม่ใช่แฟนของฉันแล้ว ฉันเข้าไปซบอกพี่นัทร้องไห้ทันที...
"ไอ้นัท..." ผั๊วะ
"พี่ดอน...ฮือ ๆ...มาต่อยพี่นัททำไม"
ฉันร้องไห้แล้วก็จ้องมองพี่ดอนแบบไม่พอใจ
"อ๋อ...!!รู้แล้วละทำไมเหมี่ยวถึงจองเวรเธอนัก เพราะอย่างนี้นี่เอง...ถามจริง ๆ เถอะเธอยังไม่ตัดใจจากไอ้นัทใช่ไหม...หา...!!!"
พี่ดอนพูดอย่างโกรธสุด ๆ เดินออกไปด้วยท่าทางอย่างอารมณ์ร้อน ฉันวิ่งตามเขาไปแต่วิ่งไม่ทัน พี่ดอนคว้ารถได้ก็ขับออกไปเลย ฉันก็เลยเดินกลับเข้ามานั่งที่ใต้ต้นไทรอีกครั้ง...แล้วก็ร้องไห้...
"อย่าคิดมากนะแววดาว...ดอนมันอารมณ์ร้อนพอโอ๋ ๆ มันหน่อยเดี๋ยวก็หายโกรธแล้ว...อย่าคิดมากนะ...เรื่องอาจารย์สิงห์ทองก็อย่าคิดมากอีกนะ"
ฉันยิ่งร้องไห้ใหญ่ทีเดียว วันนี้ทุกคนในเบาะซึมกระทือดูไม่มีชีวิตชีวาเลยยกเว้นพี่ตูนที่ซ้อมเป็นบ้าเป็นหลังราวกับคนบ้า นั่นอาจจะเป็นการแสดงความเสียใจของพี่คนนี้ก็ได้
"พี่นัทดาว...ดาวขอโทษนะที่ทำให้พี่เจ็บตัว"
"ไม่เป็นไร..."
"แล้ววันนี้เหมี่ยวไม่มาเหรอ"
"ไม่หรอก...เดี๋ยวพี่ไปส่ง"
"ไม่เป็นไรหรอกมันดูไม่ดี ถ้าจะส่งจริง ๆ ก็ส่งที่ท่ารถก็พอ...นะคะขอร้อง อย่าให้ดาวต้องกลายเป็นคนเลวในสายตาของทุกคนเลย...ขอร้องนะคะ"
ในยามเย็นหลังที่แดดเปลี่ยนสี อากาศที่เยือกเย็นเข้ามาสุมอยู่ในรูขุมขนแล้วก็ทวีความหนาวเหน็บให้เจ็บเข้าไปถึงในหัวใจ ฉันเดินออกมาจากชมรมยูโดพร้อมคู่รักเก่าด้วยความหมองหม่นในจิตใจและความอ่อนล้าจากการฝึกซ้อม เพราะวันนี้ฉันได้รับรู้สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของฉัน... ฉันเฝ้าแต่รำพันกับตัวเองอยู่เรื่อยมาว่า "ทำไม ทำไม ทำไม"
พลันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียก
"พี่ ๆ จะหลงไหน สุดป้ายแล้ว...!"
ฉันก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที "บ้าจริง ๆ เลย ฉันนี่นั่งคิดอะไรเพลินจนลืม...นี่เอง" ฉันนึกแล้วก็รีบเดินเข้าซอยอย่างเร่งรีบเพราะสองข้างทางมีแต่ป่ารกรุงรังเต็มไปด้วยต้นไม้ต้นหญ้าที่มืดครึ้มไม่มีแสงไฟ มองไปทางไหนก็เห็นแต่หมอกควันและความมืด สายตาของฉันเพ่งมองไปทุก ๆ ที่ด้วยความหวาดระแวง ในใจนั้นยังคงคิดอยู่ว่า "ทำไม ทำไม ทำไม"
ขณะที่ฉันเดินมาเรื่อย ๆ นั้น หูของฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคน เหมือนว่ากำลังมีใครสักคนหนึ่งเดินตามมา อากาศที่มืดครึ้มพร้อมกับความเงียบสงัดในตอนนั้นทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าใครคนนั้นปองร้ายฉันแน่ ๆ ฉันจึงรีบย่ำเท้าให้เร็วขึ้นจนเกือบจะวิ่ง...
ยิ่งฉันย่ำเท้าเท่าไรเสียงฝีเท้านั้นก็ยิ่งเข้ามาใกล้ทุกที ๆ คล้ายกับว่าเขาเร่งฝีเท้าตามฉันมา ฉันจึงหันกลับไปจ้องมองคนที่เดินตามฉันมา แล้วก็เห็นคนใส่เสื้อขาว ๆ สองคน ดูท่าทางและลักษณะเหมือนคนงานก่อสร้างที่มาทำงานอยู่ตามแถวนั้น เมื่อฉันหันกลับมาฉันก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไปอีก....
ชายสองคนนั้นก็วิ่งเข้ามาจับแขนฉันและถามฉัน
"กลับบ้านดึกอย่างนี้พี่ไปส่งไหมน้อง ทางมันเปลี่ยวนะ..."
ฉันได้แต่บอกปฏิเสธไปพร้อมกับสะบัดแขนและวิ่งทันที ชายสองคนนั้นวิ่งตามเข้ามากอดที่เอวฉัน ฉันดิ้นจนสุดแรงเกิดแต่ก็ไม่หลุด ด้วยความรู้สึกที่กลัวในตอนนั้น ประจวบกับความโกรธและอารมณ์ที่บ้าคลั่ง ฉันย่อตัวลงมือหนึ่งยกขึ้นเข้าไปโอบที่คอทำท่าเหมือนจะหักคอให้ตายในตอนนั้นแต่ก็เปล่า ฉันย่อตัวและยืดขึ้นในท่าทุ่มทันที ร่างของชายคนนั้นก็ลอยข้ามหัวไปทันที ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วินาที ร่างนั้นแน่นิ่งลงกับพื้น ฉันทั้งกลัวและทั้งโกรธ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ฉันเกิดความสับสนขึ้นมาทันที...จะตายไหมนะ...
ฉันกล้า ๆ กลัว ๆ ใจนึงก็คิดว่าถ้าไปสะกิดแล้วมันเกิดลุกขึ้นมาจับปล้ำคงจะแย่ แถวนี้ก็ไม่มีบ้านคนซะด้วย...ฉันจึงเอาเท้าสะกิดดู ร่างนั้นก็ไม่ขยับเขยื่อน ดูแล้วเหมือนคนกำลังหลับ ฉันเงยหน้าขึ้นมาดูชายอีกคนที่ตามฉันมา ฉันรู้สึกว่าเหมือนเป็นคนเสียสติ เพราะฉันไม่รู้ว่าชายที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นเป็นอะไรหรือเปล่า ชายอีกคนก็ทำท่าหวาด ๆ ฉันอยู่เหมือนกัน ฉันจึงพูดอย่างคนเสียสติไป
"ลองเข้ามาสิฉันไม่กลัวแกหรอก ถ้าขยับอีกก้าวเดียวตายแน่...!!!!"
เมื่อฉันพูดจบชายอีกคนที่ตามมาด้วยนั้นก็วิ่งเปิดไปทีเดียว
ฉันทำอะไรไม่ถูกขยับตัวไม่ได้ แล้วก็นึกกลัวอยู่ในจิตใจเพราะไม่อาจรู้ได้ว่าชายคนนั้นตายไปแล้วหรือยัง เพราะวินาทีที่ฉันเห็นร่างเขากระแทกกับพื้นนั้น ฉันเห็นหัวของเขาฟาดกับมุมถนนพอดี ฉันจึงทำใจตั้งสติโทรหาอา โทรหาแม่ โทรหาตาทันที ฉันรู้สึกตกใจมาก ๆ สักพักน้ำตาของฉันก็หลั่งไหลออกมาราวกับสายฝน แล้วฉันก็ทำใจให้เข้มแข็งเช็ดน้ำตาทันทีที่แม่มาถึง น้ำตาฉันค่อย ๆ เหือดหายไปจากใบหน้า แล้วก็ไหลย้อนกลับเข้ามา ณ จุดเริ่มต้นอีกครั้ง...ฉันรู้ตอนนี้นี่เองว่าน้ำตาตกในมันเป็นยังไง แต่ในครั้งนี้มันไม่เกี่ยวกับเรื่องความรักแต่มันเกี่ยวในเรื่องของความกลัวมากกว่า...
ฉันโทรหาตำรวจ พอตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ตำรวจก็เชิญตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก ตำรวจซักวนไปวนมาจนฉันร้องไห้ ฉันรู้สึกเหมือนว่าตำรวจไม่เชื่อฉันหาว่าเป็นเรื่องชู้สาว คนอย่างฉันน่ะเหรอต้องลดตัวไปคบคนพันนั้น แค่หน้าฉันยังไม่เคยเห็นเลย... ผู้ใหญ่นี่ไม่เคยเชื่อเด็กอย่างเราเลย น่าเบื่อที่สุด...
"สวัสดีครับ เอ่อเมื่อกี้มีคนวอไปบอกผมว่าพบตัวคนร้ายฆ่าข่มขืน 25 ศพเสียชีวิตแล้ว ผมขอดูหน้าหน่อยได้ไหม ผมร้อยตำรวจโทถกล เกียรติกาณต์ ผมทำคดีนี้โดยเฉพาะ คุณช่วยพาผมไปหน่อย"
ตำรวจคนนี้มาช่วยชีวิตฉันไว้พอดี ก่อนที่ฉันจะถูกซักจนเป็นบ้าเพราะดาบตำรวจคนนี้ ฉันรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยฉันไม่ผิดแต่กลับกลายเป็นคนผิด เขาหาว่าฉันฆ่าผู้ชายคนนั้นเพราะมีเรื่องชู้สาว... ฉันรู้สึกเหมือนว่าหาที่พึ่งไม่ได้ รู้สึกหดหู่ ตำรวจทำไมไม่ฟังคนดี ๆ บ้าง
"ขอโทษครับ คุณแววดาว เมธาธิพญาใช่ไหมครับ"
"ค่ะ"
"ผมขอโทษที่เข้าใจคุณผิดนะครับ"
"เรื่องอะไรคะคุณดาบ"
"แหมเรียกแบบนี้ผมก็ขำแย่เชียวละ เรียกเหมือนหมาเลย"
"อะไรนะคะ...!"
ฉันได้ยินแต่ก็อยากจะถามให้แน่อีกครั้งเพราะฉันรู้สึกไม่แน่ใจว่านายดาบคนนี้พูดว่าฉันเรียกเขาเหมือนหมาหรือเปล่า
"คือที่ผมบอกว่าขอโทษก็เพราะผมเข้าใจคุณผิด นายคนนั้นคือนักโทษแหกคุกที่ต้องข้อหาฆ่าข่มขืน 25 ศพที่แหกคุกออกไปเมื่อ 3 วันที่แล้ว ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ"
ฉันรู้สึกโล่งอกที่ตำรวจคนนั้นไม่เอาผิดฉันเรื่องที่นายคนนั้นตาย
"ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมจับผู้ร้าย นี่ดีนะที่มันเจอคุณไม่งั้นถ้ามันเจอคนอื่นคงมีคนตายอีกหลายคน นี่ไปเรียนยูโดที่ไหนเหรอผมจะได้ส่งลูกไปเรียนบ้าง"
ฉันยิ้มแล้วก็เดินออกจากโรงพักด้วยความสบายใจ แต่แม่เนี่ยสิทำท่าเหมือนไม่ค่อยพอใจฉันมาก ๆ พอแม่ขับรถกลับมาถึงบ้านแม่ก็หยิกฉันทันทีเลย
"โอ๊ย...!!!!...แม่..."
ฉันถึงกับร้องเสียงหลงและก็พยายามหลบที่แม่หยิก แม่เนี่ยเวลาทำโทษลูกทีไรชอบหยิกที่ท้องแขนทุกทีไม่รู้ทำไม...
"นี่แน่ะ...บอกแล้วใช่ไหมว่าทางมันเปลี่ยวให้กลับบ้านแต่วันไม่เชื่อ...เป็นไงล่ะ...สมน้ำหน้า ที่จริงน่าจะให้นอนมุ้งสายบัวซะคืนนะ"
สักพักแม่ก็ร้องไห้
"โถ่เอ๊ย...!!!นี่ถ้าไม่มีวิชาพอป้องกันตัวลูกของแม่ก้ต้อง....ฮือ ๆ..."
แม่ร้องไห้เสียงดังลั่นบ้าน มือก็โอบกอดฉันไว้แน่น นี่เป็นครั้งแรกที่แม่กอดฉันแน่นขนาดนี้ ฉันรู้สึกถึงความรักความอบอุ่นที่แม่มอบให้ฉันมากทีเดียว ไม่มีรักใด ๆ เท่ารักของแม่อีกแล้ว...
"ไหน...ยายดาวเป็นไงบ้าง พ่อเพิ่งรู้เรื่องจากอาเขาเนี่ย ยายาดาวล่ะ"
"หนูอยู่นี่ค่ะ...ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ"
"พ่อไปหาหนูที่โรงพักมา แต่ไม่เจอ พ่อเป็นห่วงมาก นั่นย่ากับอาเขามาด้วย ทุกคนเป็นห่วงเรานะ พ่อว่าเตรียมตัวหารถมาขับดีกว่าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้"
ฉันรู้สึกว่าหลังจากที่เกิดเรื่องร้าย ๆ มาได้ไม่ถึงสี่ชั่วโมงครอบครัวเราก็อยู่กันพร้อมหน้า พ่อไม่กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ เพราะธุรกิจรัดตัว แม่ก็ไม่ต้องไปเข้าเวรในค่ายทหาร ฉันรู้สึกมีความสุขจริง ๆ มีทั้งย่า อา แม่ พ่อ และคุณตา ขาดเพียงคนเดียวก็คือปู่ของฉัน เพราะท่านกำลังป่วยจึงไม่สามารถมาได้
แข่งแม็ทนัดต่อไปนี้ฉันจะต้องทำให้ดีที่สุด...สู้เขา...แววดาว สู้!!!
แววดาวนางเอกสาวนักยูโด สาวน้อยมหัศจรรย์จะเป็นเช่นไร การแข่งขันจะดำเนินไปอย่างไรอย่าพลาดในตอนหน้านะคะ
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ รับรองว่าเข้มข้นกว่าเดิมแน่นอนค่ะ ขอขอบคุณที่เพื่อน ๆ ติดตามผลงานมาโดยตลอดนะคะ และเพื่อน ๆ ที่ตามมาจากหรรษาไม่ต้องน้อยใจนะคะเร็ว ๆ นี้ค่ะจะกลับไปโชว์ผลงานอีกครั้ง...