โรงเรียนกินคน ตอนที่ ๒

ภูแก้ว ชมพูแก้ว

และจากวันนั้นได้มีกลุ่มคนมากมายเดินทางมาที่เมืองแห่งนี้เมืองที่ซึ่งคึกคักมากกว่าแต่ก่อนแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆก็ตาม แต่ด้วยชื่อเสียงของสถานที่ที่เรียกว่า โรงเรียนกินคน 
    ทำให้ผู้กล้าทั้งหลายเดินทางมาที่เมืองแห่งนี้เพื่อที่จะมา ลองของ จากแค่ชื่อเสียงในตำบล ก็เริ่มขยายตัวออกไปยังอำเภอ จังหวัด ประเทศ และเริ่มมีชื่อเสียงไปในระดับโลก แต่เป็นเพียงในกลุ่มเล็กๆ เช่น พวกที่นับถือลัทธิซาตาน ลัทธิผี พวกที่ชอบใช้ชีวิตโลดโผนทั้งหลาย ทั้งที่ทางรัฐบาลได้พยายามปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้เผยแผ่ออกไป แต่การสื่อสารในยุคไร้พรมแดนนั้นก็ไม่สามารถหยุดกระแสของ โรงเรียนแห่งนี้ได้ โดยตัวการที่ช่วยกระจายข่าวชิ้นนี้ให้ขจรขจายไปไกลก็ได้แก่ อินเตอร์เน็ต เพราะได้มีการจัดตั้งเว๊บไซต์เกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้ขึ้น 
     มีการนำเข้าไปถ่ายรูปสถานที่ในโรงเรียนทุกซอกทุกมุม ตอนเวลากลางวัน และนำมาลงในเว๊บไซต์ มีการนำข่าวการหายสาบสุญของคนมากมายที่เข้าไป ลองดี แล้วไม่อาจกลับออกมาได้อีกต่อไป มีการบทวิเคราะห์วิจารณ์ มีการจัดตั้งเว๊บบอร์ดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของหลายๆฝ่าย และเว๊บไซต์แห่งนี้เองที่ทำให้ผู้คนอีกหลายคนเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่ โรงเรียนกินคน 
     ทางรัฐบาลได้พยายามตามปิดเว๊บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อปิดเว๊บวันนี้ วันพรุ่งนี้ก็เปิด เมื่อปิดเว๊บในประเทศ ก็ย้าย เซิร์ฟเวอร์ไปต่างประเทศ ทำให้ผู้คนเริ่มหลั่งไหลมาที่เมืองแห่งนี้ เพื่อที่จะมาดู หรือมาสัมผัสกับโรงเรียนที่ใครต่อใครเรียกว่า โรงเรียนกินคน 
     หลายคนมาเพื่อจะมาดู มาถ่ายรูป แต่อีกหลายคนก็มาเพื่อ ลองของ ซึ่งก็ไม่ปรากฏว่ามีใครที่สามารถกลับออกมาได้ ทำให้ผู้ว่าการเมืองต้องออกมาประกาศปิดตายโรงเรียนแห่งนี้ ด้วยวิธีการสร้างกำแพงขึ้นมาปิดแทนประตูรั้ว เพื่อให้ไม่มีทางเข้า แต่แค่นั้นไม่สามารถหยุดเหล่าผู้กล้าทิ้งหลายที่อยากมาเสี่ยงชีวิต หรืออยากมีชื่อเสียงซึ่งก็คือเป็นคนที่รอดกลับมาจากโรงเรียนกินคนได้  
     แต่เท่าแล้วเท่ารอดก็ยังไม่มีใครที่รอดออกมาจากโรงเรียนดังกล่าวได้ และท่าทีของผู้ว่าการเมืองก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อคณะที่ปรึกษาเสนอให้ทุบกำแพงทิ้งเนื่องจากยังมีผู้ที่แอบเข้าไปแล้วกลับออกมาไม่ได้ ซึ่งที่ปรึกษาได้ให้ความเห็นไว้ว่า ถ้าปิดกำแพงสูงทุกด้าน แล้วเกิดมีคนที่พยายามหนีเอาตัวรอดมาจนถึงที่กำแพง แต่กำแพงสูงเกินไป ก็ไม่สามารถออกมาได้ซึ่งนั่นจะเป็อีก ๑ สาเหตุที่ทำให้มีคนหายมากขึ้น 
      โดยต้องส่งกำลังไปคอยตรวจตรา ทุกๆ 10 นาที แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้จำนวนผู้ที่หายสาบสุญหมดไป เพียงแค่ลดลงไปมากเนื่องจากมีการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ ไม่ให้เข้าในรัศมี ๕๐ เมตร รอบโรงเรียนแห่งนี้ และจากสถิติผู้หายสาบสูญนี้เองทำให้มีการผูกเรื่องไปต่างๆนาๆเช่น ในโรงเรียนแห่งนี้เป็นดินแดนสุขขาวดี เป็นทางไปสวรรค์ 
   
      หรืออีกกระแสหนึ่งก็บอกว่าโรงเรียนแห่งนี้มีขุมทรัพย์อยู่มากมาย แต่ว่าก็มีปีศาจเฝ้าอยู่ ทำให้ไม่มีใครมีโอกาสรอดชีวิตกลับออกมา ซึ่งโดยกระแส หรือเรื่องเล่าต่างๆเหล่านี้เป็นแรงดึงดูดให้พวกนับถือซาตาน 
          พวกที่แสวงหาโชค หรือบางส่วนที่หมดหวังกับชีวิตก็มาเพื่อที่จะไม่ต้องทนอยู่ในโลกแห่งนี้ต่อไป ทำให้ตัวเลขผู้สูญหายเนื่องจากเข้าไปในโรงเรียนแห่งนี้เพิ่มขึ้น จาก หลักร้อย เป็นหลักพัน หลักหมื่น และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเพราะแทนที่ผู้คนจะหวาดกลัวกลับเพิ่มความศักดิ์สิทธิให้แก่เรื่องที่หลายๆคนเอาไปแต่งเติมให้น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และยิ่งมีผู้คนเชื่อถือมากเท่าไร ก็ยิ่งมีคนพยายามที่จะมา พิสูจน์ มากขึ้น ยิ่งมีคนมาพิสูจน์มากขึ้น ก็มีคนสูญหายมากขึ้น ผู้มีอำนาจระดับประเทศหลายคนก็ได้รื้อฟื้นคำสั่งในการทำลายโรงเรียนแห่งนั้นขึ้นมาอีกครัง 
            คราวนี้ไม่ใช่ระเบิดตัวตึกโดยตรง แต่เป็นการระเบิดทำลายพื้นที่รอบๆ โดยฝังระเบิดไว้ใต้ติดโดยหวังว่าการระเบิดครั้งนี้จะทำให้โรงเรียนแห่งนี้จำลงในพสุธา แต่แล้วเมื่อถึงเวลาระเบิดกลับไม่ทำงาน และที่ร้ายกว่านั้นครั้งนี้ ผู้ที่มีส่วนร่วมในการวางแผนเพื่อที่จะฝังโรงเรียนแห่งนี้ทุกคนได้มีอันเป็นไปกันหมดสิ้น				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน