แค่เพียงได้ยินใครเอ่ยชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์ ข้าพเจ้าจะคิดถึงบทเพลงและร้องต่อในใจทันทีว่า ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน ดังเทียนผู้ถ่องแท้แก่คนเขาตายในชายป่าเลือดแดงทาดินเข็ญ ยากเย็นค่นแค้นอับจน นึกถึงเพลงนี้ทันทีทำไมนะ ขออธิบายความรู้สึกประทับใจต่อไปเรื่อยๆ คลอเคล้าเสียงเพลงนี้ไปด้วยกัน เนื้อเพลงที่วงคาราวานได้แต่งไว้และร่ำร้องด้วยความรู้สึกอาลัยในการตายของจิตร ภูมิศักดิ์ด้วยวัยเพียง 36 ปีนั้น สะท้อนภาพที่ชัดเจนแก่เราต่อบุคคลผู้นี้ที่เกิดมาในยุคยุคหนึ่ง สร้างงานผ่านการต่อสู้ สร้างผลงานผ่านตัวหนังสือและที่สำคัญคือสร้างความคิด ความรู้สึกสำนึกมากมายเกินกว่าคนที่มีอายุเพียง 36 คนหนึ่งในยุคนี้จะสร้างให้เกิดขึ้นได้ในใจและในความคิดของเรา คุกขังเขาได้แต่หัวใจอย่าปรารถนา เกิดมาเข่นฆ่าอธรรม แล้วอำนาจเถื่อนมาบิดเบือนบังหน กี่คนย่อยยับอัปรา บทเพลงนี้ยังแจ่มชัดทำให้รำลึกถึงเขาผู้นั้น เราอาจไม่รู้จักจิตร ภูมิศักดิ์มากมายนัก เท่าที่จะทำความรู้จักกันได้ตามหนังสือชีวประวัติต่างๆและถึงแม้จะเกิดมาคนละยุคคนละสมัย แต่บางสิ่งที่เราสัมผัสและรับรู้ได้คือความคิดความรู้สึกที่อยู่ในบทกวีการเมืองอันทรงพลังนั้นต่างหาก มันกดทับถาโถมจิตใจเหลือเกิน ว่าทำไมเขาจึงกลายเป็นผู้ถูกกระทำย่ำยีใจ กายเช่นนั้น และในยุคทมิฬนั้นเป็นเช่นไร ความประทับใจในกาพย์ยานี 11 บทนั้นของจิตร ยังประทับตราตรึงอยู่แม้นในยุคที่ดูเหมือนจะเสรีเช่นนี้ มีหนังสือเล่มไหน หนังเรื่องใด ห้ามพิมพ์ ห้ามแปล ห้ามฉาย และเพลงไหนห้ามฟังอยู่บ้าง แล้วใยเล่า เราอ่อนแอหรือไร หรือถ้อยคำเราไม่มีอำนาจพอ จิตร ภูมิศักดิ์ มีผลงานที่ท้าทายยุคสมัย ยืนหยัดอย่างแน่วแน่ในอุดมการณ์และกล้าหาญต่อสู้จนสิ้นใจ อย่างน้อยความตาย(ก็แค่ทำให้ตาย)จากปืนที่น่ากลัวแต่โง่งมมันก็ทำได้เพียงแค่นั้น หากงานภาษาสะเทือนอารมณ์และยุคสมัยของจิตร รวมไปถึงหนังสือที่เขาเขียนและงานแปลทุกเล่ม ยังคงอยู่เป็นสิ่งส่องประกายอัจฉริยะภาพด้านภาษาและวิชาการของคนที่ตายแต่ชื่ออยู่ผู้นี้ ให้ผู้คนได้อ่านและเรียนรู้เรื่องราวทางสังคมต่อไป แรงบันดาลใจในความประทับใจจะทำหน้าที่ของมันอย่างไม่มีวันดับสูญ ยังมีผู้รำลึกถึงจิตรที่สืบทอดความเป็นจิตรอยู่บ้างทุกวันนี้ และยังคงอยู่ เขาแกร่งพอที่จะร่ำร้อง สั่นคลอนผู้ที่อยู่สูงส่งแทนผู้คนที่ยากไร้ ไร้แม้ปัญญาต่อกรอำนาจใด และเหนือขึ้นไปเรายังยืนหยัดสร้างผลงานเพื่อสร้างยุคสมัยของเราสืบไป คำว่านักคิด นักเขียน นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ คอมมิวนิสต์ หรืออื่นใดที่เราได้รู้จักเขาผู้นี้ผ่านหนังสือที่กล่าวถึงจิตร ภูมิศักดิ์นั้น ข้าพเจ้ากลับรู้สึกและซึมซับความเป็นจิตรในความแน่วแน่กล้าหาญ เปี่ยมพลังด้วยวัยหนุ่มสาว ความน่ายกย่องและทรงคุณค่าของเขาผู้นี้ผ่านความหมายที่เขาแสดงออกมาอย่างชัดเจนในถ้อยภาษาและบทกวีที่ไฟไม่อาจทำลายและปืนไม่อาจเข่นฆ่า ท้ายนี้บทเพลงและตำนานที่ขับขานเล่าเรื่องราวของจิตร ภูมิศักดิ์ ก็จะยังย้ำเตือนให้เราคนรุ่นหลังตั้งคำถามกับตัวเอง ว่ามีอำนาจพอที่จะต่อรองและเรียกร้องสิทธิของของตนต่อชาติอันเป็นที่รักยิ่งได้หรือไม่ หรือเพียงเดินตามกระแสที่เขาขีดลากจูงไปให้พวกคนรุ่นใหม่อย่างพวกเรา ถ้าจะ เผาให้สิ้น ฆ่าให้หมด ไม่มีวันแรงบันดาลใจยังมีส่งต่อถึงกัน จากจิตรมาสู่เรา ประกาศอย่างอาจอง กูใช่ข้าแต่เป็นไท นี่คือหนึ่งในความที่ยังประทับอยู่ในใจเรา ***บทเพลงของวงคาราวานเพลงนี้ แม้นจะมีผู้บอกว่าลอกเลียนทำนองมาจากเพลงต่างชาติ แต่เนื้อร้องไม่ได้ลอกเลียนใครมาแน่นอน เราเชื่อเช่นนั้น
22 มิถุนายน 2547 17:22 น. - comment id 74859
ขอเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย.... .........แสงดาวแห่งศรัทธา
22 มิถุนายน 2547 18:16 น. - comment id 74862
ยินดีที่มาได้อ่านในกระทู้นี้
25 มิถุนายน 2547 11:59 น. - comment id 74907
เราก็เป็นคนหนึ่งที่ศึกษาประวัติของ คุณจิตร ภูมิศักดิ์ เท่าที่ได้อ่าน ได้ศึกษา คุณจิตรเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์อย่างดีเยี่ยม ผลงานของคุณจิตรนั้นมีคุณค่าต่อการเรียนรู้ และยังมีต้นฉบับอีกหลายเรื่องที่คุณจิตร ยังเขียนไม่เสร็จ และ อีกหลายฉบับที่ไม่ได้เผ่ยแพร่ ตัวเราเองมีความรู้สึกว่า หากคุณจิตร ยังไม่สิ้นชีวิต เราก้อคงได้รับความรู้อีกเยอะอย่างแน่นอน