๏ .ไม่มีวันที่ฉันจะลืม..คุณหญิงจรัสศรี .. ๚ ... กวีคนงาม คนใสซื่อ คนจิตใจละเอียดอ่อนงดงามคนนั้น... ๏ ๏วันที่รู้จัก คุณติ๋ม ๚ ........ ....เป็นวันอันยุ่งยากที่สุดในชีวิต กับเจ้าตัวเล็กจอมงอแงที่บ้านในวันนั้น.. . คุณติ๋มเธอเป็นเจ้าของ เนอร์สเซอรี่ ในซอยข้าง ตลาดพงศ์เพชร . .คุณพ่อของเจ้างอแง กับ สามี คุณติ๋มนั้นเป็นมิตรสหายกันแต่ครั้งเรียนที่ ชิคาโก ด้วยกัน แต่ คุณต้อย สามี คุณติ๋ม เธอเรียนวิชาประกอบเครื่องบิน ซึ่งมาหารับประทานในเมืองไทยมิได้..ในช่วงเวลานั้น. .ครั้นกลับมาประเทศไทย วิถีชีวิตรักแต่วัยเด็กของสองคน ก็ทำให้มาประสบพบกันใหม่ เป็นคู่ตุนาหงัน บรรจบกันด้วยความรัก แม้ว่าคุณแม่ คุณพ่อ คุณติ๋ม ซึ่งเป็นครอบครัวนายตำรวจใหญ่ นั้น จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ขัดลูกสาวมิได้ ทั้งคู่ จึงได้มาแต่งงานกันแล้วประกอบ อาชีพสองอย่างพร้อมกัน ตามความถนัดของแต่ละคน ... คบหากับครอบครัวคุณติ๋ม ตั้งแต่เห็นคู่สามีภรรยาช่วยกันกุลีกุจอ ทำธุรกิจ เนอร์สเซอร์รี่ จนถึงวัน ที่เศรษฐกิจทรุด จนเธอ ถูกธนาคารแห่งชาวนาชาวไร่ไทย สั่งฟ้องจะล้มละลาย ในวันนั้น... ชื่อของ คุณหญิงจรัสศรี .. ก็โผล่แวบเข้ามา เมื่อ คุณติ๋ม เกิดไปพบ ท่านโดยบังเอิญในรถโค้ชไปพักผ่อนของโรงเรียน คอนแวนต์แห่งนั้น...ศิษย์เก่าสองคน นั่งเศร้าสงบบนเบาะเดียวกัน **คุณหญิงจรัสศรี ...ท่านหันมาทักติ๋มว่า คุณเป็นผู้หญิงสวยมาก คุณติ๋ม แต่ทำไม หน้าคุณถึงเศร้าจังนะคะ** คุณติ๋ม เล่าด้วยใบหน้าท่าทางแจ่มใส ... สองหญิง บรรยายความทุกข์อันถูกสามี ไปมีหญิงอื่น ด้วยวิถีทางอันน่าชอกช้ำใจทั้งคู่ไปตลอดทาง ความทุกข์ใดในโลกจะร้ายเท่าที่ต้องประสบ ว่า ของรักของตน ถูกคนอื่น ทดลองใช้ อยู่เรื่อยๆ โดยไม่อาจแย่งชิงคืนได้ นับจากไปเที่ยวน้ำตกกับ ขบวนศิษย์เก่า โรงเรียนคอนแวนต์แห่งนั้น . คุณหญิงจรัสศรี .ก็เชิญ คุณติ๋ม ไปเป็นแขกคนสนิท..ร่วมรับน้ำชายามบ่าย ที่คฤหาสน์หลังงามของเธอในซอย สุขุมวิท ประมาณว่า สามสิบกว่า ซึ่งฉันจำซอยมิได้เสียแล้ว.. .เวลาของเธอทั้งสองก็เป็นไปในอันว่า คุณหญิงจรัสศรี .คนงามแสนบอบบางนั้น จะอ่านบทกวี ไทย อังกฤษ ของเธอให้ คุณติ๋ม ฟัง เป็นที่ชุ่มชื่นจิตใจทั้งสองฝ่าย และ ได้ ต่อเนื่องไปจนถึงการเดินทางไป ปฏิบัติธรรมร่วมกัน ที่ไชยากับวัดแห่งท่านพระพุทธทาสภิกขุ...และกิจกรรมอื่นอีกมากหลาย โดย คุณหญิงจรัสศรี .เป็นฝ่าย อ้อนวอนด้วยเสียงอันอ่อนหวานและเมตตาของเธอ ให้คุณติ๋ม วางงานอันยุ่งเหยิงในฐานะ เจ้าของกิจการดนตรีเล่นประจำตามโรงแรมและงานเลี้ยงต่างๆในระยะหลังนั้น ลงไปก่อน และให้หันไปสูธรรมสายของเธอบ้าง ในการคบหาสมาคมกับ . คุณหญิงจรัสศรี .. นั้น ก็เกิดผลดีมหาศาลนานับประการต่อมา..... คุณหญิงจรัสศรี .. ในฐานะ น้องสาวเจ้าสัว ประธานธนาคารเพื่อชาวนาชาวไร่ แห่งประเทศไทย แห่งนั้น ก็ได้ เรียกลูกน้อง พี่ชาย มาพบ พร้อมขอให้ ผ่อนผันให้คุณติ๋ม ไประยะ หนึ่ง แต่คุณติ๋ม ก็ยังทุกข์ระทมอยู่อีก ฉันไปพบคุณติ๋ม เรื่อยๆ ด้วยมีเรื่องช่วยเหลือกันอยู่บ้างอย่างสม่ำเสมอ....และ เมื่อเดินพิจารณาความกว้างใหญ่ ของเนื้อที่กว่าครึ่งไร่ของ อดีต เนอร์สเซอรี แห่งนั้น ฉันก็หยิบ ภาพถ่ายโฉนด ของเธอมาดู พร้อม ฟันธงลงไปทันทีว่า **คุณติ๋ม ตัดโฉนดผืนเล็ก 87 วานั้นขายให้ข้างบ้านไป ในราคาประเมิน วาละ สี่หมื่นกว่าเสียจะได้ cover หนี้ธนาคาร คุณยังมีเหลือ อีก 200 วา ครึ่งไร่ นี้ จะได้หมดปัญหา** คุณติ๋ม ผู้นับถือ ๏ พระแม่มารี ๚ ..ในฐานะแคทอลิค เก่า..กอดฉันไว้แนบแน่น แล้ว บอกว่า เพิ่งขออธิษฐานกับ๏ พระแม่มารี ๚ ..........อยู่เมื่อเช้าว่าขออย่างไรก็ได้ ให้สามารถหาหนทางแก้ไขเรื่องนี้ ขอให้๏ พระแม่มารี ๚ ..........ช่วยนำบุคคลที่จะให้แสงสว่างแก่เธอมาพบเธอ ให้แก้ไขปัญหาให้เธอได้เถิด.......... คุณติ๋ม แก้ปํญหาชีวิตกับ สถาบันการเงินใหญ่นั้นได้ ..และก็เป็นช่วงที่นำให้ฉันได้รู้จัก กวีคนงามคนดีเช่น . คุณหญิงจรัสศรี .ผู้น่าประทับใจ.. font color=#8C7800> ``*:-.ฤา,_,.-:*``ฝันนั้น*:-.,_,.-:*``มิใช่สิทธิ์ *:-.,_,.-:*``*:-ของฉัน ? ,.-: *``*:-.,_,.-::-.,_,.-:*``*:- ทิกิ_tiki ยังมีต่อ..to be continued
ในสายวันหนึ่งคุณติ๋มก็โทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบว่า วันนี้ ได้เรียนให้ คุณหญิงจรัสศรี .ทราบว่าเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งชื่นชอบผ้าไทยเป็นที่ยิ่ง จะมารับประทานน้ำชาบ่ายด้วย คุณหญิงจรัสศรี .จะมีการขัดข้องไหม..? ท่านก็รับคำโดยดี ...เราทั้งสองจึงไปถึงคฤหาสน์งามนั้น หลังเที่ยงสักเล็กน้อย คุณหญิงจรัสศรี . เป็นผู้กุลีกุจอเดินออกมาต้อนรับเอง...เธอในชุดเสื้อขาวแขนสั้น ยาวแค่เอวเข้ารูป ชายเสื้อเป็นการถักโครเชต์ต่อไปเป็นเส้นคล้ายลายน้ำไหล ลงไปเหนือสะโพกเล็กน้อย ผ้าถุงที่เธอส่วมนั้น เป็นสีน้ำตาลไหม้ ตัดเย็บประณีตพองามกับสัดส่วนงดงามของเธอ ท่าทีรีบสวมรองเท้าแตะมาต้อนรับหน้าประตูที่กำลังเลื่อนออกไปด้วยพลังงานไฟฟ้า นั้น...แตกต่างจากคุณหญิงอื่นซึ่งเคยพบเห็นมาโดยสิ้นเชิง... เธอช่างจริงใจกระไรอย่างนั้น... ในยามบ่ายวันนั้น เราได้อ่านบทกวี ไทย อังกฤษของเธอ หลายเล่ม น่ามหัศจรรย์ในความสามารถอันน่าทึ่ง ซึ่งสามารถถ่ายทอดความรู้สึกสูงส่งด้านพุทธศาสนา และ จิตใจ แม้นความทุกข์ระทมของเธอออกมาได้อย่างงดงาม หลายครั้ง ที่เธอนำขึ้นไปห้องแต่งตัว ชั้นบน รื้อค้นผ้า ไหม ผ้าทอมือ มากมาย ส่วนใหญ่ ก็เป็นผ้าลายน้ำไหล ที่เธอสวมอยู่ ฉันสัมผัส เส้นฝ้ายดิบสีน้ำตาลไหม้ ...นั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ นั่งฟังเธอบรรยาย ถึงผู้หญิงสูงอายุท่านหนึ่ง....ผู้มีวิถีชีวิตเรียบงาม ริมน้ำปิง.. .ผู้หญิงคนเงียบสงบคนงามนั้น กับ กี่กระตุก และ หีบทอผ้า และ แนวการย้อมสีจากสมุนไพรและดอกไม้พื้นบ้าน คือที่มาของผ้าลายน้ำไหลนั้น **...ไปเถอะค่ะ ไปพบ ป้าเธอเถิด ไปถ่ายรูปเธอไว้ ไปสัมภาษณ์เธอมา หาวิดีโอไปถ่ายเธอสิคะ ...ถ่ายไว้ก่อนไม่ได้พบเธออีกนะคะ..** คุณหญิงจรัสศรี .วางผ้าผืนสีน้ำเงิน ลายทอเส้นสีขาวนวล และ ชมพูจาง สอดผสานในเนื้อผ้า พร้อมทั้ง ผ้าผืนสีน้ำตาล เหมือนที่เธอสวมนั้น มาบนมือฉัน ...ให้ได้รับสัมผัสอันงามซึ้งใจนั้น.. นับเป็นวันแรก และก็ดูเหมือนจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เข้าไปพบเธอ คุณหญิงจรัสศรี .....กวีคนงาม `*:-.ฤา,_,.-:*``ฝันนั้น*:-.,_,.-:*``มิใช่สิทธิ์ *:-.,_,.-:*``*:-ของฉัน ? ,.-: *``*:-.,_,.-::-.,_,.-:*``*:- ทิกิ_tiki
เส้นทางขึ้นเชียงใหม่ เป็นเส้นทางธรรมดา ที่เรา แม่ลูก ชอบนั่งรถไฟ ทั้งปรับอากาศและ รถนอน ไปกันบ่อยครั้ง รถโดยสารนั้น นานนานทีจะขึ้น เพราะจำได้ว่าต้องลุกมาเบรคจนตัวโก่งไปกับโชเฟอร์ พร้อมด้วยพระคาถานานาประการ... รอดตายมาได้คืนนั้น ก็บุญ ครั้งนั้น เราสามคนแม่ลูก ก็ ขึ้นรถไฟไปอีกรอบ หลังจากฝากฝังสองหน่อจอมซน ซึ่งก็ชอบจะนอนเขลง ในบ้านญาติ อ่านการ์ตุน กันไปทั้งวัน ..ฉันก็ขับรถซูซูกิ โฟร์วีล ซึ่งเช่าจาก อ๊อดคาร์เร้นท์ ในเมือง มาหลายวันนั้น ..มุ่งตรงไปจอมทอง ขับไปคนเดียว เหมือนทุกครั้งที่อยู่กรุงเทพฯ เส้นทาง เชียงใหม่จอมทอง สวยงาม บ้าง แห้งแล้งบ้าง...ไปเรื่อยๆ...จนถึง..จนได้ เป็นบ่ายที่มีความสุขเหลือเกิน เข้าไปเยือนบ้านไม้สักหลังทาสีฝุ่นสีน้ำตาลเข้มทั้งหลัง ตามใต้เพดาน มีไม้ฉลุลาย แต่ครั้งรัชกาลที่ห้าโน้น นัยว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านข้าหลวงเดิม ซึ่ง เจ้าของใหม่นี้ได้ซื้อมาในสภาพเดิมแทบไม่เปลี่ยนแปลง ไปจนบ่ายจัดในวันนั้น.. สองแม่ลูก..ออกมาต้อนรับ หญิงสูงอายุ เกล้ามวย....แต่งกายด้วยซิ่นธรรมดา กับเสื้อขาวแขนล้ำศอก ผิวพรรณที่ค่อนข้าง ตึง นัยน์ตาสงบ ใต้ถุนบ้าน ระโยงระยาง ด้วยเส้นฝ้าย นานาชนิด หญิงแม่บ้านจากกลุ่มแม่บ้านต่างๆ นั่งกันอยู่หน้าเครื่องทอผ้า และกี่กระตุกหลายหลัง พวกเธอขะมักเขม้น ทำงานทอผ้าลายน้ำไหล กันอย่างสดชื่น ไม่เหน็ดเหนือย...แต่ทุกคนก็ยอมรับว่า ไม่มีใครสามารถทอได้เหมือน เจ้าของ ลายผ้างามนั้น... ป้าแสงดา... ป้าเจ้าของงาน ..ลายน้ำไหล...จากความทรงจำ จากความรื่นรมย์ ของศาลาริมน้ำปิง ภาพน้ำไหลเอื่อยไป เรื่อยเรื่อยคือชีวิตและงานของเธอ... หญิงสูงอายุผู้นั้น นำฉัน เดินไปนั่งริมน้ำ เธอค่อยๆเจรจาเสียงเนิบ.ๆบรรยายให้ฟังว่า การนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมของเธอนั้น เป็นความสงบเย็นในจิตใจของเธอปานใด....เราคุยไปจนถึงแม้กระทั่งเสื้อที่เธอสวมใส ซึ่งเธอชี้ให้เห็นว่าเธอเย็บด้วยมือเอง แม้กระทั่งเสื้อชั้นในที่มีกระเป๋าอยู่ด้านในของเธอ เราได้มีโอกาสถ่ายรูปร่วมกัน โดย คุณ ต้อม ลูกสาวของเธอ มาช่วยกด ชัตเตอร์กล้องให้...เจ้าของลายน้ำไหล พาไปดูผ้า โอบิ ทอไว้คาดเอวชุดกิโมโนญ๊ปุ่น และ ผ้าทอมืออื่นๆอีก มากมาย การพบ ๏ ป้าแสงดา ๚ ในวันนั้น ดูจะ สำคัญน้อยไปกว่าการได้พบผ้าฝ้ายหลากหลายอารมณ์.. .ฉันคงไป พบ ๏ ป้าแสงดา ๚ และคุณ ต้อมลูกสาว อีกสองสามครั้ง สั่งซื้อผ้าเธอมามากมาย ...บ้างก็ยังอยู่ บ้างก็ถูก หนูที่ห้องเก็บของบ้านคุณแม่ กัดเป็นรูพรุน บ้างก็เปลี่ยนผันไปเป็น ผ้าต่างๆซึ่งได้ตัดแจกจ่าย ท่านผู้ใหญ และ ญาติพี่น้องที่เคารพไปบ่อยๆ... ทิกิ_tiki
ภาพของ๏ ป้าแสงดา ในยามสุดท้ายของชีวิตที่ คุณหญิงจรัสศรี . ต้องการให้ฉันไปพบ ก็ได้พบจริง แต่ในวันนั้น ฉันคิดว่า วันหนึ่ง คงจะขึ้นไปอีก ทั้งๆที่รู้วาระสุดท้ายของ ๏ ป้าแสงดาอยู่ เพราะ รู้ว่าที่ต้องรีบขี้นไปพบนั้น เนื่องจาก ท่าน เป็นมะเร็ง...ระยะสุดท้าย อย่างที่คุณหญิงจรัสศรี กระซิบไว้แต่แรก...ว่ารีบไปพบ ป้าแสงดา เถิดนะคะ ก่อนจะไม่ได้พบอีก ผ้าลายน้ำไหล ยังอยู่กับฉันอีกหลายผืน ยังมีที่ระลึก ยังมีความทรงจำ .... ........บ้านไม้สักริมน้ำปิงไหลเอื่อย ความรู้สึก ของ คุณหญิงจรัสศรี กับ ป้าแสงดาในยามพูดถึง ธรรมะแห่งพระพุทธองค์ กับความสงบ ในงานศิลปกรรมของเธอต่างแบบ เป็นสิ่งซึ่งฉันระลึกถึงด้วยความเย็นใจ เย็นเหมือนสายน้ำไหล ที่ได้พบมา นึกถึงถ้อยความซึ่ง ป้าแสงดา พูดเสมอว่า สีธรรมชาติ ไม่ทำลาย สายน้ำ และสิ่งแวดล้อม สีวิทยาศาสตร์ ทำลายสายน้ำ ต้นน้ำแห่งแผ่นดิน...ถ้อยความนี้จับใจ... ข่าวคราวคนดังทั้งสอง ก็มาถึงจุดตัด ฝ่ายป้าแสงดา ศิลปินแห่งชาตินั้น จบชีวิตเรียบงามท่ามกลางสายน้ำไหลในปีถัดมา ........ ผ้าฝ้ายน้ำไหลของท่านก็เป็นศิลปกรรมที่ฉันได้ลูบคลำมันบ่อยๆ.. ช่าวคราว คุณหญิงจรัสศรี ....คงน่ายินดีสำหรับขีวิตเธอแต่เธอก็ น่าจะเศร้าหัวใจ...ด้วยเช่นกัน ด้วยนายแพทย์คนดังสามีผู้ที่ทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างยิ่งนั้นลาโลกไป จะด้วยเหตุใดฉันมิอาจจำได้ และในเวลาต่อมาก็ พบช่าวคราว คุณหญิงจรัสศรี .เธอ เปลี่ยนนามสกุลใหม่แล้ว ......กับคู่ใจคนใหม่ ท่าทางยั่วเย้ากระเซ้าแหย่กันให้สื่อมวลชนรับรู้ คนที่ชอบบทกวีร่วมกันกับเธอเสมอ.. น่าดีใจแทน..... ผ้าน้ำไหลของ ๏ ป้าแสงดา ยังอยู่ในใจของฉัน ...เช่นเดียวกับความงามเยือกเย็นนุ่มนวลของ คุณหญิงจรัสศรี ... และเพื่อนคนดีเช่น.คุณติ๋ม.......ผู้ยังคงมีรัก.....ผ่านไปราวสายน้ำไหล . จารจบหน้าจอ เมื่อ ๑๓.๕๐นาฬิกา เพลาบ่าย สยาม..ประเทศไทย วันที่สิบสี่...๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗ วันแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๗ ``*:-.ฤา,_,.-:*``ฝันนั้น*:-.,_,.-:*``มิใช่สิทธิ์ *:-.,_,.-:*``*:-ของฉัน ? ,.-: *``*:-.,_,.-::-.,_,.-:*``*:- สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติ Copy right....All right reserved ทิกิ_tiki
ทุกครั้งที่จรดมือ จรดดินสอ จรดปากกา... ใจระลึกยามได้อยู่เคียงค่ำ กับคนมีใจเพื่อความงามแห่งฝ้ายอย่างแท้จริง ท่าน ศิลปินแห่งชาติ ผู้นั้น..ผู้มีใจ อยู่กับน้ำ อยู่กับความงามแห่งแผ่นดิน ความงดงามแห่งใจซึ่งฉายประกายใสออกมา เสียงเอ่ยเอื้อนแม้นนานมา..ยังคงอยู่ในความทรงจำ แม้นเพียงช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ...ครั้งหลังๆ แม้นนำรถยนต์ส่วนตัว ขึ้นไปใช้เอง .. ป้าแสงดา ก็มิได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว คงได้พบ ลูกสาวของเธอเป็นบางขณะ ส่ง ส.ค.ส. ปีใหม่ ไปให้บางครั้ง เปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนงาน เปลี่ยนระบบชีวิตใหม่ ชื่อของ ป้าแสงดา และเรื่องของเธอก็เลือนหายไป แต่ผลงาน ผ้าลายน้ำไหล ของเธอยังอยู่ ๏ ชีวิต..เรา..สั้นนัก รัก...ศิลปะ..ยาวไกล ชีวิต..ซึ่งเลื่อนลอย...ไหลไป สิ่งใด..หนอเป็น..เช่นสรณะ งานเหล่าใด งานไหน...เป็นไปเพื่อชน งานหมู่เหล่า...ลำบากลำบน..ยลวาทะ ชนชาวบ้าน ร้านถิ่นไกล ได้ใช้เป็นสาระ คือสัจจะ...งานศิลปะกรรม..ทำเพื่อเชื้อชน ๚ กลอนน้ำไหล...ใจเพื่อผองชน.. ขอเขียนบทกลอนนี้เพื่อ ศิลปะชนพื้นบ้านแห่งล้านนาไทย ผู้สืบทอดศิลปะวิทยาการแห่งงานธรรมชาติ สานประสาทงานพื้นถิ่นแห่งใยฝ้าย สู่ศิลปะกรรมนำใจให้สงบงาม ทิกิ_tiki จารครั้งสุดท้ายเมื่อ ๑๐ : ๑๕ สายวันพระอังคาร ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗ วันแรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๗ ณ. เมืองฟ้าอมร กรุงเทพฯมหานคร
14 มิถุนายน 2547 13:23 น. - comment id 74682
ป้าแสงดาค่ะถ้าจำไม่ผิด
14 มิถุนายน 2547 13:29 น. - comment id 74683
เก่งค่ะ
15 มิถุนายน 2547 11:04 น. - comment id 74695
ทุกครั้งที่จรดมือ จรดดินสอ จรดปากกา... ใจระลึกยามได้อยู่เคียงค่ำ กับคนมีใจเพื่อความงามแห่งฝ้ายอย่างแท้จริง ท่าน ศิลปินแห่งชาติ ผู้นั้น..ผู้มีใจ อยู่กับน้ำ อยู่กับความงามแห่งแผ่นดิน ความงดงามแห่งใจซึ่งฉายประกายใสออกมา เสียงเอ่ยเอื้อนแม้นนานมา..ยังคงอยู่ในความทรงจำ แม้นเพียงช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ...ครั้งหลังๆ แม้นนำรถยนต์ส่วนตัว ขึ้นไปใช้เอง .. ป้าแสงดา ก็มิได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว คงได้พบ ลูกสาวของเธอเป็นบางขณะ ส่ง ส.ค.ส. ปีใหม่ ไปให้บางครั้ง เปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนงาน เปลี่ยนระบบชีวิตใหม่ ชื่อของ ป้าแสงดา และเรื่องของเธอก็เลือนหายไป แต่ผลงาน ผ้าลายน้ำไหล ของเธอยังอยู่ ๏ ชีวิต..เรา..สั้นนัก รัก...ศิลปะ..ยาวไกล ชีวิต..ซึ่งเลื่อนลอย...ไหลไป สิ่งใด..หนอเป็น..เช่นสรณะ งานเหล่าใด งานไหน...เป็นไปเพื่อชน งานหมู่เหล่า...ลำบากลำบน..ยลวาทะ ชนชาวบ้าน ร้านถิ่นไกล ได้ใช้เป็นสาระ คือสัจจะ...งานศิลปะกรรม..ทำเพื่อเชื้อชน ๚ กลอนน้ำไหล...ใจเพื่อผองชน.. ขอเขียนบทกลอนนี้เพื่อ ศิลปะชนพื้นบ้านแห่งล้านนาไทย ผู้สืบทอดศิลปะวิทยาการแห่งงานธรรมชาติ สานประสาทงานพื้นถิ่นแห่งใยฝ้าย สู่ศิลปะกรรมนำใจให้สงบงาม ทิกิ_tiki จารครั้งสุดท้ายเมื่อ ๑๐ : ๑๕ สายวันพระอังคาร ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗ วันแรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๗ ณ. เมืองฟ้าอมร กรุงเทพฯมหานคร
15 มิถุนายน 2547 11:24 น. - comment id 74697
นึกถึงถ้อยความซึ่งป้าแสงดาพูดเสมอว่า สีธรรมชาติ ไม่ทำลาย สายน้ำ และสิ่งแวดล้อม สีวิทยาศาสตร์ ทำลายสายน้ำ ต้นน้ำแห่งแผ่นดิน...ถ้อยความนี้จับใจ... .......... เจ้าของ ๏ น้ำไหล ๚ .อันแท้จริง ทิกิ_tiki จาก : รหัสสมาชิก : 4895 - tiki รหัส - วัน เวลา : 289277 - 15 มิ.ย. 47 - 11:14
18 มิถุนายน 2547 09:06 น. - comment id 74725
..@..,_,.-:*``*:-.,_ฝันนั้น:-.,_,.-:*` ผิดกฎหมายด้วยฤา?.-:*`*``*:-.,_,...@ .-: .ชีวิต เกิดขึ้น แล้วดับไป ไม่เหลืออะไร เป็นเพียงความฝัน ใจเธอเท่านั้น ระลึกถึงทุกสิ่งซึ่งผ่านไปนั้นทุกเวลา ``*:-.ฤา,_,.-:*``ฝันนั้น*:-.,_,.-:*``มิใช่สิทธิ์ *:-.,_,.-:*``*:-ของฉัน ? ,.-: *``*:-.,_,.-::-.,_,.-:*``*:- ทิกิ_tiki