เสียงจั๊กจั่น เรไร ร้องเป็นจังหวะ รับกับเสียงซู่ซ่า ของกิ่งไม้ไหวยามต้องลม วันนี้แดดลงจัด ท้องฟ้าเปิดกว้างเป็นสีครามแทบไม่มีหมู่เมฆลอยผ่าน กสิณทั้ง 10 กองถูกเด็กน้อยทั้งสามฝึกจนเรียบไม่เหลือหรอ รอแต่หลวงปู่กลับมาเท่านั้นจะได้รู้ว่ากสิณกองที่เหลือใช้ทำอะไรได้มั่ง สามวันแล้วที่หลวงปู่ยังไม่กลับมา กวิน เวคิน ทินกร นอนเกลือกกลิ้งอยู่ที่ชานหน้ากุฏิ ฟังเสียงดนตรีจากป่า ทินกรน้องน้อยคล้ายเบื่อหน่ายยิ่งนัก เขาชันตัวลุกขึ้นนั่งท้าวค้างมองดูพี่ๆ ทั้งสอง ก่อนส่งเสียงสดใส น้องว่า พวกเราว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ น่าจะออกไปยืดเส้นยืดสายบ้าง พี่ก็ว่าหยั่งงั้น.แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกันดี กวินเห็นด้วยกับความคิดเจ้าตัวน้อย น้องว่าพวกเราไปเที่ยวเล่นในป่านั่นดีไหม แต่ที่ป่านั่น หลวงปู่ห้ามเด็ดขาดน่ะ.มันอันตราย เวคินพูดขึ้นบ้าง โธ่..ท่านพี่ก็ ตอนนี้เราเหาะเป็นแล้ว เรียกฝน เรียกลม เรียกไฟก็เป็นแล้ว จะไปกลัวอาร๊าย ถ้าจะมีอันตรายพวกเราก็เผ่นนะซี ถ้าพวกพี่ ไม่ไปน้องไปคนเดียวก็ได้ กล่าวพลางปากน้อย ๆ ก็รั้นขึ้นด้วยความแง่งอน เวคินกับกวินได้แต่มองหน้ากันไปมา ต่างก็รู้อยู่ว่า เจ้านี่ถ้ามันจะดื้อก็ดื้อแบบฉุดไม่อยู่ ทั้งสองก็เลยต้องจำใจไปกับเจ้าตัวเล็ก ตกลงไปก็ได้ ใครให้พี่มีน้องอย่างเจ้าเล่า เวคินพูดขึ้น เจ้าทินกรก็เลยยิ้มออก รีบฉุดมือพี่ ๆ ทั้งสองให้ลุกขึ้น ไปกันเถอะ สิ้นเสียงเด็กทั้งสามก็ไปโผล่ในป่านั่นแล้ว กวิน เวคิน ทินกร หันไปมองบรรยากาศรอบ ๆ ต้นไม้ที่นี่ช่างสูงใหญ่มหึมาหรืออภิมหาก็ว่าได้ แต่ละต้นสูงสุดเสียดฟ้า แถมลำต้นก็ใหญ่ชนิดที่ว่า ให้ผู้ใหญ่ห้าหกคนมาโอบยังไม่รอบเลย เถาวัลย์ขนาดเท่าแขนหรือใหญ่กว่านั้น เกาะเกี่ยวเลี้ยวลดไปตามกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่แต่ละต้น บรรยากาศเยือกเย็น ลี้ลับพิศดาร นอกจากนี้ยังมีเสียงแปลก ๆดังอยู่ไกล ๆ ขณะที่ทั้งสามถูกภาพเบื้องหน้าดึงดูดสายตาอยู่นั้น พลันมีเสียง โฮก ! ดังสนั่นหวั่นไหว เด็กน้อยทั้งสามสะดุ้งเฮือก รีบหันขวับไปด้านหลังทันที กวิน เวคิน และทินกร ยืนตัวแข็งทื่อ ไม่อยากจะเชื่อสายตา นี่พวกเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าเสือลายพาดกลอน สามตัว ไม่ไกลนัก มันจ้องทั้งสามด้วยตาเขียวปัด แต่ละตัวใหญ่กว่าเสือของหลวงปู่ตั้งหลายเท่า กวินสะกิดเวคิน ทะ..ทำไม มันใหญ่อย่างงี้ นี่พวกเราจะกลายเป็นอาหารกลางวันของพวกมันหรือเปล่าท่านพี่ ทินกรส่งเสียงแผ่ว กติกาห้ามเหาะ แต่ให้วิ่ง เวคินบอกเบา ๆ เจ้าทินกรเริ่มคึกคักเพราะวิสัยซุกซนที่ติดมาทุกชาติ เจ้านี่ก็เลยยกมือท้าวสะเอว กล่าววาจาอวดดีอย่างคนมีดีจะอวดว่า พี่เสือจ๊ะพี่เสือจ๋าถ้าพี่แน่จริงก็วิ่งให้ทันน้องนะจ๊ะ พี่เสืออย่ามาเอะอะ ส่งเสียง หง่าว หง่าว ไม่น่าฟัง เสือลายพลาดกลอนทั้งสามตัวดูเหมือนเข้าใจที่ทินกรพูด มันไม่พูดพล่ามทำเพลงก็กระโจนใส่ทันที ไปโลดเลย ท่านเพ่พ่พ่พ่พ่. เจ้าทินกรแหกปาก ทั้งสามก็เลยยิ่งด้วยความเร็วที่เรียกว่าเหนือเสียง พริบตาเดียวทั้งสามวิ่งมาหยุดในที่ใหม่ ที่แห่งนี้นอกจากจะแปลกตากว่าที่เคยเห็นแล้ว ยังมีความเย็นชัดจนทั้งสามสั่นสะท้าน ทั้งสามรีบใช่เตโชกสิณชั่วทันที มองดูรอบ ๆ เบื้องหาขาวสล้างที่ไกลตาออกไปมีภูเขาสีขาวสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน น้องว่าเจ้าลูกเหมียวนั่นคงตามมาไม่ทันหร๊อก เวคินกับกวิน อยากจะเตะเจ้านี่สักป้าบ ทั้งสองช่วยกันหิ้วปีกเจ้าทินกรให้หันไปดูด้านหลัง เจ้าลูกเหมียวทั้งสามกำลังนั่งมองทั้งสามอยู่ แถมขยับหนวดไปมาราวกับจะบอกว่า นึกว่าจะหนีพ้นเหรอเจ้าลูกไก่ในมือเสือ เหอะๆๆๆ กวินส่งซิกโดยชี้นิ้วขึ้นข้างบนส่งเป็นสัญญาณว่า ถ้าไม่เหาะขึ้นข้างบนมีหวัง ตกไปอยู่ในท้องเสือแน่ ๆ ทั้งสามไม่รีรอเหาะขึ้นไปในอากาศทันที เจ้าเสือทั้งสามได้แต่แหงนหน้ามอง แต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ พวกเราจะไปที่ไหนต่อ ทินกรถามขึ้น จะไปอีกเหรอ ไม่เข็ดหรือไง กวินพูดปราม ก็ไหน ๆ มาแล้ว น้องก็อยากจะสำรวจให้ทั่วเลย ทินกรกล่าวพลางยักไหล่ ช่างน่าหมั่นไส้นักเชียว ขณะที่ทั้งสามปรึกษาหารือกันอยู่บนอากาศ พลันมีเสียงแหลมสูง ดังมาเป็นระยะ ๆ ที่ไกลตาออกไปมีจุดดำเล็ก ๆ จุดหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหาพวกเขา แต่ด้วยอำนาจของกสินทำให้สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ได้ชัดเจน ตายละหว่า นี่มันพญาครุฑ นี่ เวคินพูดขึ้น หลวงปู่บอกว่า พวกเราจะเจอได้แต่ในป่าหิมพานต์ หรือว่า ใช่แล้ว นี่คือป่าหิมพานต์ ทั้งสามพูดพร้อมกันด้วยความรู้สึกที่ออกจะเหลือเชื่อ ไม่หนีตอนนี้ แล้วจะหนีตอนไหน ทั้งสามรีบเผ่น แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อหันไปมองด้านหลัง พญาครุฑกลับไล่มาติด ๆ ทั้งที่ด้วยระดับความเร็วนี้คือมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแล้ว ทำไมพญาครุฑถึงบินเร็วอย่างนี้ น้องว่าเขาจะตามเราทันแล้ว พี่เวคินรีบหาวิธี พี่ว่า ลองเรียกท่านพ่อดีกว่า หลวงปู่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เวคินออกความคิดเห็น คนตัวใสเป็นแก้วนั่นหนะหรือ กวินถามขึ้น แต่พวกเราพึ่งเคยเจอท่านพ่อแค่ครั้งเดียวเอง นะ ทินกรไม่ค่อยมั่นใจนักว่าวิธีนี้จะได้ผลหรือเปล่า เวคิน เลยพูดตัดบท นี่ ถ้าไม่เรียก ก็จะกลายเป็นอาหารครุฑแทนเสือ พี่ไม่รับผิดชอบนะ เวคินพูดจบเขาหุบปากทันที นี่เป็นแบบฉบับของเวคินที่ ทินกร และกวินรู้ว่า เขาจะไม่พูดหรืออกความคิดเห็นใด ๆ อีก ทั้งสองคนไหนเลยจะมีเวลาคิดนู้นคิดนี่ ต่างพากันตะโกนเสียงก้อง ท่านพ่อเจ้าขาช่วยลูกด้วย ทั้งสามหายใจเข้ายังไม่ทันที่จะหายใจออก คนแก้วใสก็ปรากฎตัวอยู่ต่อหน้าพวกเขาทันที พร้อมกับเสียงดนตรีดังกระหึ่มเฉกเช่นตอนพบกันครั้งแรก ท่านพ่อช่วยลูกด้วยเถิดเจ้าข้า ทั้งสามพูดพร้อมกัน คนตัวใสร่างกายแพรวพราวมีรัศมีเหลืองนวลจับตาจับใจ มองดูเด็กน้อยทั้งสามด้วยความเอ็นดู พร้อมกับส่งเสียงสำเนียงหวานไพเราะ ซึ่งดังอยู่ที่ข้างหูพวกเขาว่า ไม่ต้องกลัวลูกรัก ขึ้นชื่อว่าอันตรายใด ๆ ที่จักพึงบังเกิดแก่ลูกในที่แห่งนี้นั้นย่อมไม่มี พญาครุฑ เมื่อมองเห็นคนตัวใส ก็หุบปีกลง พร้อมกับขุกเข่ากลางอากาศ และกราบคนตัวใจด้วยความเคารพยำเกรง ทั้งสามมองดูด้วยความประหลาดใจ ครุฑราช ท่านและสหายล้อเล่นกับลูกของเราทั้งสามจนตกใจ เมื่อครุฑราชเงยหน้าขึ้น ปรากฎเหตุประหลาดมหัศจรรย์ นั่นคือ รูปร่างพญาครุฑที่กึ่งคนกึ่งวิหก ได้กลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามไปแล้ว (จบตอนที่ 5)
9 พฤษภาคม 2547 22:44 น. - comment id 74005
มาอ่านต่ออีกที่นี่สนุกดีค่ะ สวัสดีค่ะคุณวสุนทรา
10 พฤษภาคม 2547 00:51 น. - comment id 74016
งานงามมาก
10 พฤษภาคม 2547 08:55 น. - comment id 74024
พี่ดอกแก้ว สวัสดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ พุด ดีใจมากเลยละที่เห็นงานพุดอีก จะรออ่านเรื่อย ๆนะ