ฤทธิ์อภิญญา.........3

วสุนทรา

ทั้งหมดเมื่ออกมายืนอยู่บริเวณหน้าปากถ้ำซึ่งเป็นลักษณะชะง่อนผายื่นออกมา 
พระภิกษุชรากล่าวว่า 
ปู่จะสอนเจ้ากวินก่อน การฝึกวาโยกสิณนั้น เอ็งมองไปที่ยอดไม้ เห็นไหมว่า ยอดไม้มันจะมีอาการเคลื่อนไหวโบกพัดไปตามกระแสลม เองกำหนดลมที่พัดใบไม้ไหวเป็นตัวอารมณ์ แล้วเพ่งพิจารณา แล้วจงภาวนาว่า วาโยกสิณัง ๆๆๆๆๆๆ 
หลวงปู่หันหน้าไปทางเวคิน แล้วพูดกับเขาว่า 
เอ็งตามปู่มา เจ้าทินกรรอข้าอยู่ที่นี่เดี๋ยวข้าจะมา 
หลวงปู่จูงมือเวคินกลับเข้าไปในถ้ำ ขณะที่ทั้งสองก้าวเข้าไปในถ้ำ ภาพเบื้องหน้าของเวคินถึงกลับกลายสภาพจากถ้ำเป็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า เวคินมองจนตาค้างไม่เข้าใจว่าไฉนจึงมาอยู่ที่นี่ มันไม่ใช่ความฝัน เพราะเขาได้ยินเสียงน้ำตกชัดเจน ละอองน้ำน้อย ๆ กระเซ็นมากระทบหน้าเขาจนชื้น 
ฉับพลันกึ่งกลางน้ำตกปากฎกระแสน้ำพวยพุ่งขึ้นมาเป็นลำโต จากนั้นค่อย ๆ หมุนวนและรวมตัวกลายเป็นวงกลมใสประหนึ่งดวงแก้วขนาดใหญ่ ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา เวคินเอื้อมมือน้อย ๆ ไปแตะ มันยังคงเป็นน้ำมือเขาก็เปียก หากแต่ไฉนน้ำมันไม่ยักไหล กลับคงสภาพเป็นวงกลมใสขนาดใหญ่ลอยอยู่ตรงหน้าเขา 
เอาละ เวคินเอ็งจำภาพวงน้ำขนาดใหญ่นี้ไว้ ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา ก็ต้องจำภาพนี้ให้ชัดเจนแจ่มใส พร้อมกับภาวนาว่า อาโปกสิณัง ๆๆๆๆ เอ็งฝึกอยู่ตงนี้นะปู่จะไปสอนเจ้าทินกรมันก่อน 
ทินกรผงกศีรษะเบา ๆ สายตาของเขายังคงฉานแววฉงนต่อเหตุการณ์เบื้องหน้า หากเมื่อสิ้นเสียงหลวงปู่เขาหันไปมองท่าน หลวงปู่ได้หายไปจนไร้ร่องรอยแล้ว 
หลวงปู่เดินส่ายอาด ๆๆๆ อกมาจากถ้ำช้า ๆ ทินกรน้องน้อยยังนั่งรออยู่อย่างสงบเสงี่ยมผิดวิสัยความซุกซน 
เจ้าทินกรเอ็งนั่งตรงนี้แหละ ฟังปู่ให้ดีนะ 
ทินกรนั่งขัดสมาธิบนลานหน้าถ้ำ เขาหันหน้าไปทางหลวงปู่ ปรากฎการณ์ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆ ที่เบื้องหน้าทินกรมีกองไปขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมา หากแต่ไม่ร้อน เปลวไฟสีเหลืองนวลไม่แสบตา 
เอ็งอย่าได้สนใจเปลวไฟที่ไหวไปไหวมา เอ็งจงดูบริเวณที่มีแสงหนาทึบนั้น แล้ว ภาวนาว่า เตโชกสิณัง ๆๆๆ ไปเรื่อย ๆ นะ หลวงปู่พูดจบท่านก็กลับเข้าไปในถ้ำตามเดิม 
....................................................................................................
เวลาบ่ายคล้อยเงาของพระอาทิตย์ได้เลยผ่านกึ่งกลางศีรษะไปนานแล้ว หากแต่สายลมยังโชยพัด เสียงเสียดสีของกิ่งไม้ยามต้องลมดังเอี๊อดอ๊าดๆ เป็นระยะ แสงแดดส่องจ้า หากกวินและทินกรดูเหมือนจะไม่รับรู้เรื่องราวต่าง ๆภายนอก คนหนึ่งนั่งอยู่หน้ากองไฟไม่ไหวติง อีกคนยืนเหมอมองการเคลื่อนไหวของใบไม้ นับว่าเป็นภาพที่ประหลาดอยู่มากโข 
พวกเอ็งทั้งสองฝึกแค่นี้ก่อน เข้ามาหาปู่ในถ้ำ 
กระแสเสียงนุ่มนวลกังวาล แววมาตามสายลม 
กวินเดินมาหาทินกร ซึ่งเขากำลังลุกขึ้น น่าแปลกที่กองไฟได้หายไปแล้ว เด็กน้อยทั้งสองเดินเข้าไปในถ้ำ ก็เห็นเวคิน นั่งสำรวมอยู่ 
หลวงปู่รอให้ทั้งสองนั่งเรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวขึ้น 
เอ็งฝึกไปถึงไหนแล้วกวิน 
กวินตอบเสียงใส 
หลังจากที่หลายภาวนาไปกำหนดภาพไปชั่วครู่ หลานมองเห็นการไหวตัวของลมที่กระทบกับใบไม้ มีลักษณะคล้ายไอของการหุงต้มอาหาร มากระทบกับตา ไอนี้มีลักษณะคล้ายไอที่น้ำต้มเดือดๆเจ้าค่ะ จากนั้นเจ้าไอนี้มันก็ลอยขึ้น แต่ไม่เคลื่อนไหวคล้ายกับเมฆก้อนบาง ๆลอยอยู่อย่างนั้นเจ้าค่ะ  
เจ้าเวคินเอ็งละ 
หลานมองดูน้ำวงใหญ่นั่นและภาวนาไปเรื่อย ๆ น้ำในวงนั้นมีลักษณะของการกระเพื่อมไหวเวลาถูกลมพัดเจ้าค่ะ แล้วค่อย ๆมีประกายระยิบระยับสวยมากเหมือนกับน้ำเวลาต้องแดด แต่สว่างกว่า ระยิบระยับมากกว่าเจ้าค่ะ 
แล้วเอ็งล่ะทินกร 
เมื่อหลานเพ่งดูตรงส่วนทึบของกองไฟและภาวนาไป ปรากฎว่ามันมีลักษณะคล้ายดวงกลม ๆ สีแดง เมื่อภาวนาไปเรื่อย ๆ สีแดงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองคำเจ้าค่ะ 
หลวงปู่ผงกศีรษะแล้วพูดว่า 
เออ..ถือว่าใช้ได้ วันนี้ฝึกแค่นี้ก่อนนะ แต่อย่าลืมกลับไปห้ามทิ้งให้กำหนดนิมิตกสิณให้ติดตาติดใจ ไม่ว่าจะทำอะไรให้นึกเห็น นึกเมื่อไหร่ก็เห็นภาพใสแจ๋ว พวกเอ็งต้องจำอารมณ์และนิมิตเดิมไว้จากนั้น เข้าฌาน 1,2,3,4 หรือ 4,3,2,1 จากนั้นสลับ 3,1,2,4 สลับไปสลับมา คิดจะเข้าฌานระดับใดเมื่อใดก็ได้ ฝึกให้ดวงกสิณขยายขนาดเล็ก ใหญ่ สูง ตามชอบใจ ที่ปู่บอกปู่ให้เวลาสองวันนะ แล้วต่อไปปู่จะสอนวิธีอธิษฐานฤทธิ์  
ก่อนจะกลับปู่แถมอีกนิดนะ ต่อไปนี้ก่อนนอให้พวกเอ็งภาวนาคาถา โสตัตตะ อภิญญา เป็นคาถารวมอภิญญา มีผลเร็วในด้านการรวบรวมของเก่า อย่าลืมเรื่องศีลนี่พวกเอ็งต้องบริสุทธิ์ ที่นี้ปู่จะให้ข้อปฏิบัติเพิ่มอีกอย่างที่พวกเอ็งต้องทำก่อนตื่นนอน และก่อนหลับ ให้เอ็งกำหนดลมหายใจเข้าออก พอมีอารมณ์สบาย ๆ แล้วคิดว่า ถ้าหากว่ายังมีลมหายใจเพียงใด ขึ้นชื่อว่าความชั่งทุกอย่างจะไม่กระทำ จะรักบุคคลอื่นในโลกนี้ไม่ว่าหรือสัตว์ เท่า ๆกับรักตัวเอง พรหมวิหารสี่ ที่ปู่สอน ทำให้มันมาก ๆ โดยเฉพาะเจ้าทินกร มันขี้ใจร้อน เอ็งนะต้องวางอุเบกขา หัดไว้ ใหม่ ๆ ก็อาจทำได้บ้างไม่ได้บ้าง อีกหน่อยก็ชิน ชินแล้วมันก็เป็นฌาน เพราะฌานนี่ เขาแปลว่า ชิน เจ้าด้วยนะกวินและเวคินที่ต้องปฏิบัติ 
จากนั้นให้พิจารณาใคร่ครวญ ถึงความตายของคนเราว่ามันมีจริง มันเป็นของเที่ยงแท้ที่คนเราจะต้องตาย แต่ว่ามันไม่รู้เวลา พวกเอ็งเข้าใจไหม ปู่หมายถึง คนเราก็ดี สัตว์ป่าที่พวกเอ็งเจอก็ดี มันย่อมมีความตายเป็นเรื่องปกติของชีวิต แต่ความตายนี่เราไม่รู้ว่ามันจะมาถึงตอนไหน มันไม่ได้ตะโกนบอกเอ็งว่า พรุ่งนี้ มะรื้นนี้เอ็งจะตายแล้วนะโว้ย ไม่มี มันไม่ได้บอกอย่างนี้ ดังนั้นขอให้เอ็งทั้งสามอย่าประมาท อย่าคิดว่ามีฤทธิ์แล้วจะอยู่เป็นอมตะไม่ตาย นี่ยังไม่ใช่ความดีสูงสุดในพระพุทธศาสนา 
แม้กระทั่งปู่เองก็หนีความตายไม่พ้น คิดอย่างนี้นะทุกวัน ว่าเราจะต้องตาย ตายแล้วกายนี้มันก็พัง ถ้าพังเมื่อไหร่ขอไปนิพพาน เอาแค่นี้ก่อน คิดแค่นี้ก่อนนะ เอ็งต้องเรียนแบบโง่ ๆ ก่อน ฉลาดมาทีหลัง 
เวคินถามขึ้น 
หลวงปู่เจ้าขา แล้วคำว่า ร่างกายมันพัง หลานจะต้องทำอย่างไรถึงจะแจ้งเจ้าค่ะ 
หลวงปู่มองหน้าเวคินนิดหนึ่ง ท่านยิ้มน้อย ๆ ก่อนกล่าวว่า 
เรื่องนี้ จะมีอาจารย์มาสอนพวกเอ็ง เอาให้เห็นแบบจะจะ ไม่งั้นพวกเอ็งมันขี้สงสัย ตอนนี้แค่เริ่มต้นดอก ถึงตอนนั้นนอกจากพวกเอ็งจะสนุกแล้ว ยังซีทรู โว้ย 
ทินกรพูดขึ้น 
เดี๋ยวนี้หลวงปู่พูดภาษาปกิตด้วย.ทันสมั๊ยทันสมัย 
หลวงปู่พูดพลางขำพลาง 
หน๋อยอย่าคิดว่าข้าอยู่ป่าอยู่ดอย นะเอ็ง ปู่พูดได้ทุกภาษา อีกอย่างอาจารย์ผี ๆ ของพวกเอ็งก็นิยมใช้ ข้าเคยได้ยิน ปู่ของเอ็งพูดว่า โลกนี้ระรี้ระริก signal ต่ำ แล้วอีกสองวันอย่าลืมขึ้นมาหาปู่บนถ้ำนะ 
ทินกรพนมมือถามขึ้น 
หลวงปู่ไม่มีคาถาเพิ่มหรือเจ้าค่ะ 
 เอ็งนี่ ได้หนึ่งจะเอาสอง เอาละปู่จะบอกพระคาถาของพระพุทธองค์ไว้ บทหนึ่งเพื่อเอาไว้ช่วยคน คาถานี้คือ นะโมพุทธายะ เป็นพระนามขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ห้า พระองค์ 
นะ หมายถึง พระพุทธเจ้ากกุสันโธ 
โม หมายถึง พระพุทธเจ้าโกนาคม 
พุท หมายถึง พระพุทธเจ้ากัสสป 
ธา หมายถึง พระพุทธเจ้าสมณโคดม 
ยะ หมายถึง พระศรีอาริยเมตตรัย 
เวลาเรานึกถึงพระพุทธเจ้าไม่ว่าจะองค์ไหนก็ตามนะ เอ็งเจริญในพุทธานุสสติกรรมฐานแล้ว
คาถานี้นอกจากใช้ภาวนาเป็นพุทธานุสสติแล้ว ยังช่วยระงับความทุกขเวทนาของร่างกาย อย่างเวลาที่เอ็งเจ็บนู้นเจ็บนี่ให้นึกถึงพระพุทะเจ้าทั้งห้าพระองค์ แล้วภาวนา จะหาปวด หรือถ้าเอ็งไปเจอคนที่เจ็บหนัก ก็ให้อยู่เหนือศีรษะเขา แตะไปที่ตัวเขาเบา ๆ แล้วภาวนาว่า นะโทพุทธายะ เขาก็จะหายเจ็บ ถ้ากำลังสมาธิมาก จิตสะอาดมาก ยิ่งมีผลมาก   ทุกอย่างที่อยู่จิตตัวเดียว  คาถาเดียวกันแต่การใช้ของแต่ละคนไม่ได้ผลเสมอกัน  ก็เหมือนอย่างคนมีศีล กับคนไม่มีศีลนั่นแหละ  ความดีเสมอกันที่ไหนล่ะ 
ถูกใจละซิ จะเอาคาถาจากพระสาวกอื่น ๆ อีกไหมหึ 
ทินกรยิ้มแก้มปริ กล่าวว่า 
ไม่เอาเจ้าค่ะ ได้ของหัวหน้าแล้ว ลูกน้องไม่อาว 
ทีของข้าเอ็งยังเอา 
แห๋ม ก็หลวงปู่รูปหล่อนี่เจ้าค่ะ 
เดี๋ยวเถอะ..เอ็ง 
ทั้งสามรีบเพ่นก่อนที่จะถูกคนละโป๊กสองโป๊ก คิดว่าออกมาอยู่ในรัศมีที่ปลอดภัยแล้ว จึงกราบหลวงปู่งาม ๆ สามครั้ง ก่อนวิ่งหนีสุดชีวิต 
ในถ้ำได้ยินเสียงหลวงปู่หัวเราะชอบใจแว่วออกมา 
(จบตอนที่ 3)				
comments powered by Disqus
  • ทิกิ _tiki ไม่ลงทะเบียน

    7 พฤษภาคม 2547 15:47 น. - comment id 73945

    สนุกมากค่ะ
    อ่านแล้วเบา
    ด้วยลมหายใจเดินสมาธิไปเลย
    ขอบคุณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เจ้าค่ะ
  • มัดหมี่ค่ะ sun strom

    7 พฤษภาคม 2547 21:55 น. - comment id 73957

    เข้ามาอ่านได้ 1 รอบ
    ยังไม่ละเอียดค่ะ
    มีธุระต้องไปทำ 2 วัน
    แล้วมัทจะมาอ่านต่อนะคะ
    วันจันทร์จะมาคอมเมนท์ค่ะ
  • วสุนทรา

    8 พฤษภาคม 2547 11:41 น. - comment id 73966

    พี่ทิกิ
    มาฝากยิ้มค่ะ^___^
    
    คุณมัดหมี่  ขอให้เดินทางโดยสวัสดีภาพนะคะ
  • sun strom

    10 พฤษภาคม 2547 13:59 น. - comment id 74033

    กลับมาทำงานแล้วตามสัญญา
    แต่ยังไม่มีเวลาอ่านอยู่ดีค่ะ
    มัทเข้าประชุมตั้งแต่เช้า จนป่านนี้
    ยังไม่เสร็จ 
    พักทานข้าวกลางวันแป๊บหนึ่ง
    รีบเข้ามาบอกกล่าว
    เกรงจะผิดสัญญาค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน