ทั้งสามยืนหอบหายใจชั่วครู่ ก่อนมองเข้าไปในถ้ำ ที่นี่เป็นถ้ำที่หลวงปู่มักจะมาปฏิบัติธรรมทุกคืน ท่านไม่ได้อยู่ที่กุฏิด้านล่าง และ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตให้มาหาอย่างวันนี้ ทั้งสามก็จะไม่กล้าเข้าไปในถ้ำเด็ดขาด เพราะจำได้ว่าเคยลองดีแอบขึ้นมาแล้วเกือบช๊อคตาย เสียงหลวงปู่ดังออกมาจากในถ้ำ พวกเอ็งเข้ามาได้แล้ว ทั้งสามฟังแล้วอดขนลุกเกลียวไม่ได้ หากก็เดินเข้าไปช้า ๆ ในถ้ำกว้างอย่างยิ่งและมีแท่นหินสามแท่นตั้งอยู่กลางถ้ำราวกับจัดไว้เป็นที่สำหรับรับแขก เสียงน้ำหยดจากหินย้อยกระทบกับพื้นดังติงตังระรื่นหู อากาศในถ้ำเย็นสบาย เมื่อไม่เห็นสิ่งที่วิตกกังวลทั้งสาม รีบวิ่งแจ้นไปกราบหลวงปู่ประหลก ๆ เจ้าตัวเล็กกล่าวเสียงใส วันนี้พี่งูไม่อยู่หรือเจ้าค่ะ หลวงปู่มองดูหน้าน้อย ๆ ที่กึ่งกล้ากึ่งกลัวของทินกร ต้องหัวเราะ หึ ๆ พวกเอ็งยังไม่เข็ดหลาบรึ เดี๋ยวข้าเรียกให้ ไม่เอาเจ้าค่ะ เวคินกับกวินรีบปฏิเสธเสียงหลง ยังจำเหตุการณ์ที่แอบเข้ามาในถ้ำได้ดี ขณะที่จะเข้าถ้ำพลันปรากฏงูเผือกตัวใหญ่มหึมา ตาสีแดงจัด บนหัวมีหงอนสีแดงฉานราวเปลวเพลิง ชูคอแผ่แม่เบี้ยดุจจะกินเลือดกินเนื้อพวกเขาทั้งสามไหนเลยมีอารมณ์คิดจะสอดรู้สอดเห็นอีก ต่างคนต่างปลุกอาจารย์โกย วิ่งแนบชนิดไม่เห็นฝุ่น คิดทีไรทั้งสามขนลุกทุกที เป็นไงวันนี้เจออาจารย์ของเจ้าแล้วอึ้งเลยรึ อาจารย์! ทั้งสามอุทานอย่างงุนงง เออ ซิวะ นอกจากข้าจะสอนเองแล้ว บรรดาอาจารย์ผี ๆ ทั้งหลายที่จะมาสอนพวกเอ็งมีอีกเพียบ เวคินถามขึ้น ผี คือ อะไรเจ้าค่ะหลวงปู่ ผีก็คือ จิตของคนที่ออกจากร่างกายเวลาตายไปแล้ว คนมักเรียกว่า ผีมั่ง วิญญาณมั่ง แต่ในภาษาธรรมเขาเรียกกันว่า จิต หรือ อทิสมานกาย อทิสแปลว่า ไม่เห็น คือ กายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แล้วผีมีกี่ประเภทเจ้าค่ะหลวงปู่ ทินกรถามอย่างสงสัย สรุปง่าย ๆ ก็มีทั้งผีดีและผีไม่ดีโว้ย ผีดีก็ผีที่ชอบช่วยเหลือคน สงเคราะห์คน ที่ปฏิบัติดี มีคุณธรรม ผีดีก็มี ผีเทพ ผีพรหม ผีพระอริยะ เหล่านี้ย่อมมีภูมิธรรมแตกต่างกันไป และมักสงเคราะห์ผู้ที่เกี่ยวเนื่อง ส่วนผีไม่ดีนี่ มันเป็นผีที่น่าสงสารพวกมันตายไปแล้วยังต้องได้ไปรับผลกรรมที่ทำไว้ตอนเป็นมนุษย์ หรือไม่ก็พวกที่ตายก่อนอายุขัย มักถูกพวกหมอผีอวิชชาจับไปเป็นทาสแล้วบังคับให้มันไปทำร้ายคน จริง ๆ มันไม่อยากทำดอก แต่มันสู้อำนาจพวกมิจฉาเหล่านี้ไม่ได้ อีกหน่อยถ้าพวกเองไปเจออย่าได้ทำร้ายพวกมันนะ อุทิศส่วนกุศลและแผ่เมตตาให้ซะ ที่พวกมันต้องเจอแบบนี้ก็เป็นกรรม ไว้วันหลังข้าจะเล่าให้ฟัง หลวงปู่หยุดนิดหนึ่ง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด จริงจัง เออแล้วพวกเอ็งนี่ฝึกเข้าฌานจนคล่องแล้วซิ ที่ปู่บอกว่าฌาน1 ฌาน2 ฌาน3 ฌาน4 นี่มันต้องคล่อง ชนิดที่เรียกว่า คิดเข้าฌานไหนมันก็เข้าได้ทันที ไม่ใช่มานั่งหลับตานานสองนานอย่างนี้ใช้ไม่ได้ ดีที่พวกเอ็งไม่เกียจคร้าน จะเดิน ยืน นั่ง นอน ก็ทรงฌานตลอด อย่างเวลาปกติ ๆ พวกเอ็งทรงให้อยู่ในระดับปฐมฌานก็ถือว่าใช้ได้ เวลาปู่ชมก็อย่าเหลิง อย่าคิดว่าได้แค่นี้มันวิเศษวิโสอะไร จำไว้นะ สิ่งที่ปู่สอนให้ไว้ ไม่ใช่เอาไว้ไปอวดคน ไม่ใช่ให้เอาไปรังแกคน แต่เอาไว้เป็นกำลังในการตัดกิเลส ด้วยวิสัยของพวกเอ็งมันต้องฝึกอย่างแบบนี้ แบบที่เขาเรียกว่า อภิญญา ตอนนี้ยังเด็กไม่จำเป็นต้องเข้าใจความหมายอะไรมากนัก เอาเป็นว่าถ้าอยากเรียนกับปู่ก็ต้องเรียนแบบโง่ ๆ คือ ไม่ออกนอกลู่นอกทางผิดคำสั่ง ปู่บอกให้ทำก็ทำ ถ้าขืนเอ็งทั้งสามไม่เชื่อฟัง ต่อไปก็อย่าคิดที่จะได้เจอกับปู่อีก ทั้งสามยังไม่เคยเห็นหลวงปู่พูดจริงจังแบบนี้มาก่อน จึงรับฟังอย่างว่าง่าย พร้อมกับรับปากท่าน แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก หากสรุปก็คือ ถ้าหลวงปู่บอกให้ทำอะไร ก็อย่าขัดคำสั่ง หลวงปู่ยิ้มอย่างการุณ ท่านลูบหัวทั้งสามด้วยความเมตตา แล้วกล่าวว่า ต้องว่าง่าย ๆ อย่างนี้ ก่อนที่ปู่จะสอนกสิณ ปู่ต้องบอกไว้ก่อนว่าพวกเจ้ายังเป็นฌานโลกีย์ คือ ทำแล้วเสื่อมง่าย หายง่าย ดังนั้น ตั้งแต่พวกเอ็งพอรู้ความปู่จึงสอนให้รักษาศีลห้า จำได้ไหมมีอะไรบ้างห๋าเจ้าทินกร ทินกรพนมมือแต้พลางกล่าวว่า หลวงปู่บอกว่า ห้ามฆ่าหรือรังแกคนและสัตว์ ห้ามพูดปด ห้ามมีชู้ลูกเมียบุคคลอื่น ห้ามลักขโมย ห้ามดื่มของมึนเมา เออ.เอ็งนะมันชอบเข้าไปรื้อหาสมบัติข้าเรื่อย ข้าไม่ถือ ที่เอ็งและพี่ของเอ็งสอดรู้สอดเห็นไปทั่ว แล้วปู่พูดถึงการรักษาศีลห้ายังไงอีก เจ้ากวิน หลวงปู่บอกว่า นอกจากเราจะไม่ทำลายศีลด้วยตนเองแล้ว เราจะไม่ยุยงให้บุคคลอื่นทำลายศีล และไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีล เวคิน..เจ้ารู้ไหม ว่าทำไมปู่จึงสอนให้พวกเอ็งรักษาศีลมาตั้งแต่เล็ก ๆ เวคินครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนตอบว่า หลานคิดว่า ที่หลวงปู่สอนคงจะมีผลต่อการที่พวกหลานจะฝึกอะไรต่อมิอะไรที่หลวงปู่บอกเจ้าค่ะ เออเอ็งมันฉลาดตอบ ปู่จะบอกให้นะ ที่ปู่ให้พวกเจ้ารักษาศีลนั้น ก็เพราะศีลเป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ รู้ไหมมนุษย์นี่เขาแปลว่า ผู้มีจิตใจสูง คนที่จะเป็นมนุษย์ได้น่ะต้องมีศีลครบ และที่เจ้าเวคินมันพูดก็ถูกเพราะมันมีผลต่อสิ่งต่าง ๆ ที่ปู่จะสอน ศีลจะเป็นตัวเชื่อมให้สมาธิและปัญญาเกิด การฝึกกสิณต้องอาศัยกำลังของสมาธิ ถ้าศีลขาดเมื่อไหร่ ที่เอ็งฝึกมาก็พังเข้าใจไหม ดังนั้นคนที่คิดจะฝึกอย่างพวกเอ็งนี่ไม่ใช่ฝึกก็ฝึกเลย ศีลมันก็ต้องพร้อม ต้องครบ ถ้าศีลครบ สมาธิคล่อง โดยเฉพาะการเข้าฌานสลับฌานคล่อง แป๊บเดียวเอ็งฝึกได้สบายมาก พวกเอ็งแต่ละคนที่ฝึกกสิณกองเริ่มต้นต่างกัน เพราะของเก่ามันถนัดกองไหนก็ฝึกกองนั้นก่อน แล้วค่อยฝึกกองที่เหลือ ถ้าฝึกกองแรก ๆ ได้ชำนาญ กองอื่น ๆก็ตามมาเอง ไม่ต้องฝึกเหมือนกองแรก อย่างน้อยสามเดือนพวกเอ็งฝึกกสินทั้งสิบกองได้หมด ปู่จะอธิบายเรื่องกสินให้พวกเอ็งก่อนแล้วค่อยฝึก คำว่ากสิณนี่ แปลว่า เพ่ง กสิณมีทั้งหมดสิบกอง คือ ปฐวีกสิณ เพ่งดิน อาโปกสิณ เพ่งน้ำ เตโชกสิณ เพ่งไฟ วาโยกสิณ เพ่งลม ปีตกกสิณ เพ่งสีเหลือง นิลกสิณ เพ่งสีเขียว โลหิตกสิณ เพ่งสีแดง โอทากสิณ เพ่งสีขาว อาโลกสิณ เพ่งแสงสว่าง อากาศกสิณ เพ่งอากาศ แต่ในส่วนมากคนจะเว้นไม่ฝึกสองกองคือ อาโลกสิณและอากาศกสิณ แต่ปู่ก็ฝึกทั้งสิบกองจนครบ สำหรับหลักปฎิบัติถ้าจะให้อธิบายแบบตำรามันมาก ปู่จะให้ปฏิบัติเลยจะได้ไม่เสียเวลา พวกเอ็งตามปู่ออกไปนอกถ้ำ พระภิกษุชราเดินนำออกไปก่อน เด็ก ๆทั้งสามจึงทะยอยกันออกไปนอกถ้ำ .................จบตอนที่ 2.............
6 พฤษภาคม 2547 16:43 น. - comment id 73928
จากที่อ่านมาทั้งหมด ทราบแล้วนะคะว่าอะไรมาก่อนมาหลัง แต่คนอย่างเรา ๆ คงเข้าถึงระดับนั้นยาก แค่รักษาศีล ฝึกณาญในระดับต้น ๆ นี่ก็ยากแล้ว อ่านจบแล้วค่ะสนุกจริง ๆ ว่าแต่ว่า นิยายเรื่อง ณาญ เนี่ย คุณวสุนทรา แต่งป่าวคะ
6 พฤษภาคม 2547 16:49 น. - comment id 73930
ฌาณ นะคะคุณวสุนทรา หาตัว ฌ อยู่ตั้งนานสองนานค่ะ ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ
7 พฤษภาคม 2547 01:22 น. - comment id 73933
....รอติดตามตอนต่อไป มีอีกไหมนะ วสุนทรา.....
7 พฤษภาคม 2547 08:04 น. - comment id 73937
คุณsun strom แค่รักษาศีล ฝึกณาญในระดับต้น ๆ นี่ก็ยากแล้ว เพียงนึกจะทำรักษาศีลบุญก็เกิดแล้วจ้ะ (ความสุขใจเกิด) สู้ๆๆๆๆๆต่อไปนะ เป็นกำลังใจให้จ้ะ เรื่องฌาน เป็นงานเขียนของคุณทมยันตีจ้ะ คนละคนจ้ะ จริงๆเรื่องที่มาของเรื่อง ตั้งใจเขียนว่าจะเอาคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็นคำสอนเบื้องต้น เช่น ศีล พรหมวิหาร 4 มาทำยังให้สนุก ก็นึกได้ว่า ต้องเขียนออกแนวหวือหวาหน่อย..ขนมล่อเด็ก....อิอิ อยากให้เด็กๆสมัยนี้ได้อ่าน เพราะว่า ส่วนมาก ถ้าให้อ่านหนังสือธรรมะ ก็วางกันเป็นแถว ๆ ชวนไปวัด ....ไปห้างดีกว่า อย่างน้อยถ้ามีสักคนสองคนได้รับประโยชน์ตรงนี้ ก็ชื่นใจแล้วจ้ะ จุดหลักคือ คำสอนพื้นฐานที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จ้ะ เรื่องอื่นๆ เขียนให้เพลิดเพลินเท่านั้นเอง ......................................................... อารัน..........รักเขียนไว้ทั้งหมด 10 ตอนจ้ะ
7 พฤษภาคม 2547 15:53 น. - comment id 73947
เก่งจริงค่ะ
7 พฤษภาคม 2547 21:52 น. - comment id 73956
ขอบคุณนะคะ มัทชอบอ่านเรื่องทำนองนี้ เพราะสนใจ เรื่องจิตใจคนเป็นเรื่องที่น่าศึกษามากค่ะ หากเราลองเข้าไปสัมผัสแล้ว มีอะไรหลายอย่างที่ต้องการคำตอบ
8 พฤษภาคม 2547 11:38 น. - comment id 73965
พี่ทิกิ คุณมัดหมี่ ขอบคุณมาก ๆค่ะ