เช้าวันใหม่ ตื่นตีสี่ อาบน้ำด้วยเวลาเพียง 5 นาที เคยเป็นอยู่สะดวกสบาย เคยเลือกที่อาบน้ำอุ่น น้ำเย็น แบบสบาย ๆ ที่บ้าน เคยอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายแบบหมดจดทุกครั้ง วันนี้ต้องตัดใจ อาบน้ำในตุ่ม โดยนุ่งผ้าถุงที่ตัวเองไม่ชำนาญ มันจะหลุดป่าวว้า ตัดใจยากจริง ๆ นะคะ สำหรับคนที่ไม่เคย เก็บกรดเรียบร้อย แต่งตัวเสร็จเข้าไปรวมกลุ่มในศาลา รับบททำวัตรเช้ามาถือไว้ในมือ พระท่านก็เริ่มสวด มันยาวจังนะคะ จำไม่ได้ซักบท ก็ท่องไปเรื่อย ๆ ตามพระท่านมีความรู้สึกแปลกใหม่แทรกขึ้นมาในขณะที่ทำวัตรเช้า รู้สึกตัวว่า เราชอบแบบนี้ เสียงนี้ ฟังแล้วเหมือนเราเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยความสงบ จังหวะของเสียงทำวัตรเช้า นุ่ม กังวาน เย็นใจ 1 ชั่วโมงที่นั่งทำวัตรเช้า ไม่เบื่อเลย ไม่เหนื่อย ไม่ง่วง พระท่านสอนว่า การทำอะไร หากเราไม่ทำตัวให้ว่าง เราไม่สามารถจะเติมอะไรลงไปได้ เหมือนน้ำในตุ่มที่เต็มแล้วค่ะ เสร็จจากทำวัตรเช้าเสร็จก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติธรรม เช้าวันนี้หลวงพ่อท่านมาให้ความรู้ สอนวิธีนั่งวิปัสนา สอนวิธีเดินจงกลม ต่อจากเมื่อวานนี้ หกโมงเช้า เรากลับไปที่กรด เราเลือกวิธีที่จะนั่งก่อน ในใจกะว่าจะนั่งติดต่อกันซักสองชั่วโมง หลังจากนั้นจะลุกเดิน มองที่เสื่อ ที่ทางวัดจัดหาให้ มองแล้วก็ปลงว่า เราอยู่กับคนหมู่มากจะให้สะดวกสบายเหมือนบ้านเราไม่ได้ (เมื่อก่อนนี้เราเป็นคนติดความสะดวกสบายมาก) ในเมื่อคนอื่นเขาอยู่ได้เราก็ต้องอยู่ได้ซิ เกิดทิฐิมานะที่จะเอาชนะสิ่งเหล่านี้ (เกิดกิเลสขึ้นในใจแล้วค่ะ) นั่งพับเพียบวางมือบนหัวเข่า เรียบร้อยก็เริ่มพลิกมือขวาขึ้นให้ตั้งฉากกับหัวเข่า เสร็จแล้วยกมือขึ้นให้เสมอศีรษะ วาดมือมาวางไว้ที่หน้าอก เอามือลงไปตั้งฉากกับหัวเข่า แล้วคว่ำมือลงบนหัวเข่า หลังจากนั้น ก็เป็นมือด้านซ้ายบ้าง ทำแบบนี้สลับกันไปเรื่อย ๆ แรก ๆ เราไม่ชำนาญก้อจะเกิดการเสียจังหวะ ทำไม่ถูก ความคิดจะวนเวียน จับจ้องอยู่กับท่าทางการทำสมาธิจนไม่ไปไหน เพราะหากคิดไปที่อื่น ท่าทางก็จะผิด วันแรกของเราเป็นวันที่ทรมานมาก ความคิดจะวนเวียนอยู่แบบนี้ เกิดการง่วงนอน เบื่อ ไม่อยากทำ ปวดศีรษะ ใจเริ่มท้อทอยแล้ว จะทำไปทำไมแบบนี้ ไหนบอกว่ามาปฏิบัติธรรมแล้วจะสบายใจ ทำไมมันเบื่อแบบนี้ ความคิดที่กะไว้ในใจว่าจะนั่ง 2 ชั่วโมงติดต่อกัน นั้น ผ่านมายังไม่ถึงชั่วโมง มันเบื่อแล้ว ใจเจ้ากรรมคิดถึงเตียงนุ่ม ๆ น้ำอุ่นสบาย ๆ ขึ้นมาทันทีทันใด โอ้ย ปะป๋าไปไหน ทำไมไม่มารับเรากลับบ้านเสียทีน๊ะ 1 ชั่วโมงผ่านไป เราคิดว่าเราจะไม่ไหวแล้ว ง่วงนอนเหลือเกิน เราจะหยุดนั่งสมาธิแล้วหละ จะนอนพักดีกว่า ให้ดีขึ้นซักหน่อยค่อยทำต่อ แต่ ...แว็บที่เราคิดจะนอน พระพี่เลี้ยง ท่านเดินมาหา แล้วบอกว่า โยมลองเดินดูน๊ะ เดินไปเรื่อย ๆ อยากจะคิดอะไรก็คิดไป ไม่ต้องกังวลว่าจะเดินผิดหรือเดินถูกก็ขอให้เราเดิน เราก็อายพระท่าน เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่เอาไหน ก็เปลี่ยนเป็นเดินจงกลม ก้าวแรกที่เดินเรานับหนึ่ง สอง สาม ไปเรื่อย 12 ก้าวเราก็วกกลับ เอ้า...ความคิดเราก็มาจับจ้องที่การเดินอีกแล้ว โอ้ย ทำไมต้องนับการเดินด้วยหละ พระท่านไม่ได้สอนให้นับนะคะ แต่ความที่เรากลัวจะขาดจะเกิน เวลาที่เราเดินก็เลยต้องนับ เดินไปซักหน่อย เบื่ออีกแหละ อาการปวดขามารุมล้อมอีกแล้ว นั่งทำให้ปวดศีรษะ แต่การเดินทำให้ปวดขา ทำไมมันทรมานแบบนี้ กว่าจะผ่านช่วงเช้า ไปได้ เราต้องเปลี่ยนทั้งนั่ง และเดิน ไม่รู้กี่รอบ แล้วอย่างนี้ เราจะไปถึงไหนหรือ 11.30 น. รับประทานอาหาร มีอาหารแต่ละอย่างวางให้เป็นถาด ๆ มีผลไม้ เวลารับประทานจะต้องตักใส่ชามเดียวกัน ให้ตักแต่น้อย ให้ทานให้หมด แล้วหากไม่อิ่มค่อยตักเพิ่ม ให้ทุกคนทานให้อิ่ม เพราะวันหนึ่งทานแค่มื้อเดียวเท่านั้น ทานเสร็จต้องล้างจานเก็บให้เรียบร้อย ตกบ่าย ความที่เราทานอาหารมากเกินไป ทำให้เราง่วงมาก เดินไม่ถึง15 นาทีก็ง่วงแล้ว นั่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ง่วงแล้ว อาการต่าง ๆ ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง เป็นบ่ายที่ทรมาน เบื่อเสียนี่กระไร เราภาวนาให้ถึงตอนเย็นเร็ว ๆ เพราะจะได้เข้าทำวัตรเย็น จะได้สวดมนต์ จะได้รู้สึกดีดี นี่เราติดทำวัตรเช้าเย็นแล้วหรือ ก็ผ่านไปวันหนึ่งแล้วนะคะ ยังไม่ได้อะไรขึ้นมาซักนิด.......
27 เมษายน 2547 18:29 น. - comment id 73689
ใจเย็นๆซิคะพี่มัดเดี๋ยวก็ได้ผลค่ะ
27 เมษายน 2547 22:20 น. - comment id 73693
เรื่องดีดีแบบนี้คนเข้ามาอ่านน้อยจัง การตั้งชื่อเรื่องก็น่าสำคัญ ก็ตั้งไว้ว่า ปฏิบัติธรรม ฟังแต่ชือก็น่าเบื่อซะแล้ว แต่เนื้อในอ่านสนุกนสนานดีนะครับ ถ้าเราต้องการเอาชนะสิ่งไม่ดีคงไม่ใช่ทิฐิมานะ พี่ก็เคยได้ยินคำพระท่านพูดเหมือกันมารไม่มีบารมีไม่เกิด ดูท่าฝึกยากกว่าฝึกทหารอีกนะครับ เขาว่าผู้หญิงมีความอดทดมากว่าผู้ชาย เห็นจะเป็นจริง คนเข้าวัดจำศีล เห็นแต่ผู้หญิงส่วนมากเป็นคนแก่ ดีใจครับที่มีคนหนุ่มสาวให้ความสนใจ ในการปฏิบัติธรรม ได้หลวมตัวมาอ่าน คงได้ติดตามตลอด อ่านเพลิดเพลินดีครับ