อยากฟังนิทานของพ่อ (ขอโทษครับ ผมจั่วหัวไว้เหมือนคนกิเลสหนา และกำลังยั่วกิเลสใครอยู่ คุณคงพอจะอภัยให้ผมได้แหละน่า ถ้าเทียบกับชื่อหัวหนังสือที่เขาโปรยคำไว้ว่า คุณเลวกว่าหมาและไม่ได้มาจากดาวอังคาร -ha ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ --------------------------------------- ไม่อยากเชื่อปาก แต่ก็ต้องเชื่อหูตัวเอง วันนั้นผมเป็นคนเสนอให้กินข้าวหน้าจอทีวี เพราะอะไร ไม่รู้ ผมทนแทบไม่ได้เลย ( แต่ก็ทนมานานแล้ว ) ที่เห็นลูก ๆ กินข้าวอย่างคนไม่มีสติ มือที่หยิบจับช้อน ตักอาหาร หรือจับอาหารเข้าปาก มันเหมือนการไหวเคลื่อนของสิ่งไม่มีชีวิต(หุ่นกล) เพราะความสนใจของเขาไม่ได้อยู่ที่การกิน แต่อยู่ที่ตัวละครทีวี ซึ่งกำลังสาดคำผรุสวาท(ผะรุดสะวาด)ใส่กัน ลูกจ้องทีวี ผมก้มหน้า ( หันหลังให้ทีวี) กินข้าว อย่างขมขื่น จนวันหนึ่ง ผมถามว่า มีใครรักพ่อไหม เขาตอบว่ารักมาก ผมจึงว่า งั้นวันอื่น เราลองกินข้าวที่ข้างล่างดีไหม ไม่ต้องดูทีวี ลูกไม่ถามว่าทำไม แต่ตอบทันใจ ว่า ได้ครับ ไม่เห็นจะยากอะไร ผมเต็มตื้นในความหวัง เหมือนชาวนาที่กำลังมองทุ่งทองของตน เรากินข้าวโดยไม่ดูทีวีอยู่หลายวัน จนวันหนึ่งนั้น ผมเสนอให้กินข้าวหน้าจอทีวี ทุกคนทำตามข้อเสนอ ยกข้าว กับข้าว ของกิน ขึ้นไปข้างบน นั่งลงในที่เคยนั่ง กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย พูดคุย เรื่องโน้นเรื่องนี้ แม่เล่านิทานสั้น ลูกก็ผลัดเล่าบ้าง ผมฟังอย่างมีความสุข ครับ เราลืมเสียบปลั๊กทีวี และไม่ได้กดปุ่มTurn on ด้วย พอผมบอกว่า เราลืมอะไรไปไหม ลูก เมีย ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน แล้วชี้มือไปที่ทีวี ก๊าก ๆ เราลืมมันสนิทเลย ลูกคนเล็กว่า พ่อนั่นแหละลืม........... ลืมเล่านิทาน นานแล้วด้วย !
20 เมษายน 2547 08:47 น. - comment id 73289
คุณมัทมองผมเป็นนักอนุรักษ์ ผมมองตัวเองเป็นนักสะสมความสุข ดูไปเรื่อยๆ นะครับ สรุปเป็นพัก ๆ ก็ได้
20 เมษายน 2547 16:48 น. - comment id 73309
อืมม ไม่แสดงความคิดเห็นค่ะ กำลังมองให้ทะลุอะพี่ก่อพงษ์
20 เมษายน 2547 20:12 น. - comment id 73317
สวัสดีครับคุณมัดหมี่ ทุกวันนี้ผมเบาใจมาเรื่องรายการทีวี เพราะอะไร ไม่ใช่เขาทำรายการดี ก็มีบ้างที่ดี ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเรื่องแย่งผัว แย่งเมีย หรือไม่ก็ผิดเพศจนเกินเหตุ เบาใจตรงไหน ตรงที่ลูกเริ่มรู้จักวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ดู นี่แหละครับ คือสิ่งที่พ่ออย่างผมต้องการ ผมได้ฟังความคิดของเขา มันเพลินครับ บางอย่าง เราคิดไม่ถึง
20 เมษายน 2547 22:11 น. - comment id 73324
จริงด้วยค่ะ เด็กสมัยนี้ ความคิดกว้างไกล ที่บ้านมัทมีเด็ก ๆ 2 คน คนหนึ่งเรียมมหาลัย อีกคนอยู่สาธิต ทุกอย่างหากเป็นตำราเขาสามารถอ่านแล้วทำได้ โดยไม่ต้องมีใครมาแนะนำโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้อง กับคอมพิวเตอร์ ปะป๋าอยากเรียกพ่อตั้งหลายครั้งอะ ไม่ทำอะไรเลย อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ ทีวีไม่สนใจค่ะ วัน ๆ ขลุกอยุ่กับคอม เหมือนมัทอะพี่พ่อพงศ์ ผิดกันตรงที่ มัทน่ะแก่แล้วไม่ใช่เด็ก ๆ ค่ะ ความคิดเห็นบางอย่างมัทก็รับไม่ได้ เหมือนกันนะคะพี่ คาดไม่ถึงค่ะ
20 เมษายน 2547 22:24 น. - comment id 73328
หมายถึงความคิดของผมหรือครับคุณมัท หรือเด็กในบ้าน
21 เมษายน 2547 08:19 น. - comment id 73349
ความคิดเด็ก ๆ บ้านมัทค่ะ กรุณาอย่าเข้าใจผิดนะคะ มัทติดตามอ่านงานของพี่มาตลอด ถึงแม้จะไม่ต่อเนื่องนัก สนใจชีวิตเรียบง่ายแบบนั้น อยากไปใช้ชีวิตในชนบทบ้าง มีความรัก มีความผูกพันธ์ มีครอบครัวที่อบอุ่น มัทไม่มีในสิ่งเหล่านี้ แม่อยู่ทาง ปะป๋าอยู่ทาง มัทต้องปกครองน้อง ๆ เอง ดีอยู่หน่อยตรงที่เรา ไม่มีปัญหาเรื่องเงินทอง แต่ความเดียวดายมันเกาะกินเราอะพี่ก่อพงษ์ สังคมเมืองหลวงเป็นอย่างไรพี่ก็คงจะทราบ จากใจค่ะ
21 เมษายน 2547 11:30 น. - comment id 73367
ทราบครับ คุณมัทมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่แล้ว ผมชื่นชม บางทีสิ่งที่ผมพูดดูใหญ่ยิ่ง แต่สิ่งที่ผมทำเล็กจ้อย เล็กน้อย มากๆ เมื่อเทียบกับคุณมัท ขอบคุณมากๆครับ
24 เมษายน 2547 14:37 น. - comment id 73538
เป็นครอบครัวที่รักใคร่ปรองดองกันดีครับ
24 เมษายน 2547 22:35 น. - comment id 73578
ครับผม อยู่ตามมีตามเกิดกันครับ