วันนั้น(3)
เลขคี่
วันนั้นหลังจากเขาโทรมาหา ชั้นก็นั่งจมกับความเงียบที่แสนจะคุ้นเคยอยู่อีกสักพัก สมองยังคงทำงานอย่างหนัก กับคำถามที่ว่า "เรากลับมาคบกันใหม่ได้ไหม" แม้ปากจะตอบไปแล้วว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ใจส่วนหนึ่งก็ยังพยายามปฏิเสธอยู่ว่า ชั้นยังมีเยื่อใยกับเขา ใยบางๆที่ยังคงเกาะแน่นที่หัวใจ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้มันเปื่อยขาดไปได้เลย กาลเวลาไม่สามารถลบเลือนอะไรบางอย่างได้เหมือนกัน ชั้นคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิท กรอกคำพูดเล่าเรื่องราวให้เพื่อนฟัง คำตอบที่ได้รับทำเอาหัวใจพองโตเนื่องจากพอใจในคำตอบ แต่ก็มีส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของหัวใจที่ดูจะห่อเหี่ยวไปในทันที คำตอบที่ว่า "เจ็บแล้วต้องจำ"
วันนั้นหลังจากผมโทรหาเธอ คำปฏิเสธที่ได้รับยิ่งตอกย้ำในความผิดของผม ผมผิดที่ทิ้งเธอไป แม้ผมอยากจะแก้ตัวโอกาสก็กลับปิดลง ความผิดหวังประดังกันเข้ามาเต็มห้องจนบรรยากาศดูอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก ผมไม่ได้โทษเธอเลย ได้แต่โทษในความโง่เง่าของตัวเองที่ทอดทิ้งเธอ ไอ้โง่ ไอ้โง่ ผมตะโกนด่าทอตนเองจนลั่นหัวใจ ผมคว้าโทรศัพท์ไปปรับทุกข์กับเพื่อน คำตอบที่ได้รับก็มีแค่ "กูว่าแล้ว" ผมคงจะไม่มีสิทธิ์ได้รับความเห็นใจเลยใช่ไหม ความเงียบถาโถมเข้ามาเป็นระลอก นำพาเอาความเศร้ามาด้วย ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวันจนสมองโง่ๆเริ่มทำงานอีกครั้ง แค่นี้มึงก็ฝ่อแล้วเหรอว่ะ พึ่งคุยกับเธอแค่ครั้งเดียวเอง พยายามต่อไปอีกเซ่ ตื๊อเข้าไปอีก เธอต้องใจอ่อนแน่ เชื่อมั่นเข้าไว้ ไวเท่าความคิดผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากำไนมือ กดหมายเลขที่คุ้นเคยลงไปอย่างเด็ดเดี่ยว สัญญาณดังอยู่ไม่กี่ครั้งโทรศัพท์ก็ถูกยกขึ้น "สวัสดีค่ะ" เสียงเธอดังกังวานขึ้น ผมกรอกคำพูดเท่าที่คิดได้ตอนนั้นออกไปทันทีราวกับห่าฝน โดยไม่ได้เกี่ยวกับการขอให้เธอกลับมาคบกันใหม่เลย ส่วนใหญ่จะเป็นมุขตุ่นๆที่ผมคิดว่ามันขำที่สุดในโลก คิดว่เธอจะต้องขำจนหลุดโลก คิดว่าเธอจะมีความสุข แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมากลับเป็นความเงียบที่ชวนอึดอัด และคำพูดที่ซ้ำไปซ้ำมาว่า "อือ" จนเมื่อผมวางโทรศัพท์ความผิดหวังก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนผมอีกครั้ง
เขาโทรมาหาชั้นอีกแล้ว คราวนี้เขาพยายามชวนคุยในเรื่องที่เขาคิดว่าตลกที่สุด และไม่พูดถึงเรื่องที่เขาจะให้ชั้นกลับไปคบกับเขาเลย แต่ชั้นพอจะรู้นิสัยเขาดี เขาเป็นคนอย่างนี้มานานแล้วล่ะ ทำอะไรก็ชอบทำให้สุดๆ มุทะลุ ดื้อดึงอย่างโง่ๆ คิดอะไรได้ก็จะทำเลยไม่ยอมคิดทบทวนถึงเหตุผลหรือผลได้ผลเสีย เขาคงยังไม่ยอมลดละที่จะมาคบกับชั้นเป็นแน่ ไม่มีทาง เสียงหัวใจร้องสั่งดังกึกก้อง โดยชั้นพยายามมองข้ามเสียงน้อยๆที่มุมหนึ่งของหัวใจ ที่ที่ยังคงมีเขานั่งอยู่ คำตอบที่ชั้นจะให้เขาได้ก็คงมีแต่ "อือ" เท่านั้น ชั้นอยากจะแสดงให้รู้ว่าชั้นไม่เล่นด้วย เขาก็คงจะพอรู้เหมือนกันเพราะไม่นานเขาก็กล่าวคำอำลาด้วยเสียงเศร้าๆแล้วจึงวางไปอย่างแผ่วเบา มันดีแล้วล่ะ เขาไม่ดีพอสำหรับชั้นหรอก เขาไม่ดีพอ เขาไม่ดีพอ ชั้นพยายามย้ำกับตนเอง แล้วพยายามนึกถึงข้อเสียต่างๆนานาของเขา ไม่ค่อยสนใจความรู้สึก ลืมแม้กระทั่งวันเกิดเรา ไม่สนใจเรียน ดื้อ เชื่อแต่ตัวเอง ไม่มีความเป็นผู้นำและจิตใจโลเล เห็นไหมล่ะว่าเขาแย่ขนาดไหน เขาไม่เหมาะกับชั้นหรอก เขาไม่ใช่คนที่ชั้นจะให้จูงชีวิตของชั้นได้ เขายังคงไม่ละความพยายามในแบบฉบับของเขา ยังคงโทรมาหาบ่อยๆ หลายครั้งที่ชั้นให้น้องบอกว่าชั้นไม่อยู่ แม้ใจจะอยากคุยกับเขาบ้างเหมือนกัน และมีหลายครั้งเหมือนกันที่เขามาหาชั้นบอกว่าจะรอที่ปากซอย แต่ชั้นก็ไม่ได้ออกไปพบเขา เพราะอะไรนะเหรอ ชั้นกลัวว่าชั้นจะใจอ่อน ชั้นไม่อยากกลับไปหาเขาอีก ชั้นเกือบจะแน่ใจอย่างนั้น เมื่อใดที่จิตใจชั้นเริ่มสั่นคลอนชั้นก็จะโทรปรึกษาเพื่อนเพื่อเสริมความเข้มแข็งของหัวใจ "ผู้ชายมันก็ไอ้สิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ได้ด้วยฮอร์โมนเพศเท่านั้นแหละ มันคิดว่าแกเป็นของๆมันที่จะหยิบจับเมื่อไหร่ก็ได้ แกอย่าใจอ่อนเชียวนะ" เป็นคำพูดที่เสริมใยเหล็กให้หัวใจชั้นได้มากทีเดียว
ผมพยายามโทรหาเธออีกหลายครั้งแต่ทุกอย่างมันกลับดูแย่ลงเรื่อยๆ ผมได้คุยกับเธอน้อยลง และดูเหมือนเธอจะบังเอิญไม่อยู่บ้านเมื่อผมโทรไป ผมตัดสินใจไปรอเธออยู่ที่หน้าปากซอย ผมได้แต่ทำอย่างนั้นเพราะไม่รู้ที่อยู่ที่แน่นอนของเธอ ผมได้แต่รอเธอครั้งละหลายๆชั่วโมง เธอไม่ปรากฏกายให้เห็นแม้แต่เงา ความครียดเริ่มถามหาผม เหล้าและเพื่อนเป็นสองสิ่งที่สามารถทำลายมันลงได้ เช้าผมโทรหาเธอ เย็นก็ดวดเหล้ากับเพื่อนแก้กลุ้ม การเรียนผมเริ่มไม่สนใจ คิดแต่เพียงว่าโลกนี้มีแค่เธอ เธอ และเธอ คิดแค่ว่าผมไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อไม่มีเธอ แต่ก่อนผมเคยถามเธอว่าอนาคตอยากเป็นอะไร เธอกลับตอบว่าอยากเป็นแม่ให้กับลูกของผม ผมได้แต่หัวเราะขำขันกับความคิดนั้น ความคิดของเด็กสาว ม.4 แต่ตอนนี้ผมกลับคิดเหมือนเธอแล้วว่าอยากให้เธอเป็นแม่ของลูกผม อยากได้เธอเป็นคู่ชีวิตของผม "ผู้หญิงมันก็สิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยอารมณ์แหละว่ะ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวดี เดี๋ยวเค้าก็ต้องเห็นใจเอ็งบ้างแหละ" เพื่อนมันยังคงคอยให้กำลังใจผม จนมาวันหนึ่ง หลังจากผมตื่นขึ้นมาสู้กับแดดตอนสาย หัวปวดตุบๆด้วยฤทธิ์เหล้าที่ซดไปเมื่อคืนอย่างหนัก เดินข้ามร่างเพื่อนที่ยังคงนอนคุดคู้อยู่บนพื้นตรงเข้าห้องน้ำ กระจกในห้องน้ำสะท้อนเอาภาพของชายหนุ่มวัย 22 ปีคนหนึ่งที่หน้าตอบ ขอบตาดำคล้ำ ผมยาวสกปรก กลิ่นเหล้าผสมอ้วกลอยคละคลุ้งขึ้นมาจากตัว นี่นะเหรอตัวผม ผมแย่ขนาดนี้เชียวเหรอ ผมหัวเราะดังลั่นให้กับตัวเอง สภาพมึงอย่างนี้นะเหรอจะให้ใครมารัก หมามันยังเมินหน้าหนีเลย โครม ผมเซล้มกระแทกเข้ากับชักโครก ผมพึ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้ผมยังไม่เหมะสม ไม่ดีพอสำหรับเธอ ผมตั้งปณิธานอย่งแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ขอคืนดีกับเธออีก จนกว่า จนกว่าตนเองจะดีพอกับคนดีๆอย่างเธอ(ขอบคุณที่อ่านอีกครั้ง ติชมกันเยอะๆนะติดตามต่อภาค 4)