เมื่อพ่อทราบเรื่อง พ่อสั่งให้ช่างมาเปลี่ยนประตูหลังบ้านซึ่งผุมากจนทำให้ขโมยใช้แรงดึงเบาๆกลอน ก็หลุดออกมา รวมถึงกลอนประตูทุกบานในบ้าน พ่อสั่งเปลี่ยนใหม่หมด กลอนและประตูใหม่ทั้งหมดทำให้ออนรู้สึก ปลอดภัยขึ้นมาได้นิดนึง แต่ในความรู้สึกส่วนลึก แล้วออน ก็ยังคงหวาดผวาเวลา ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ ขับวน ไปวนมาผ่านหน้าบ้านตอนดึก ๆ พ่อจะรู้ไหมว่า เวลานี้ออนโหยหา พ่อมากที่สุด ถ้ามีพ่ออยู่กับเรา ออนคงจะหลับตานอนได้อย่างเป็นสุข และอุ่นใจ แต่ในชีวิตคงไม่มีวันนั้น ทางด้านลูกส้มฉุน น้องชายคนเล็กของบ้าน ก็ทำท่าเซื่องซึมอยู่หลายวัน หมาคงมีสัญชาติญานในการรับสู้ความรู้สึก "ลูกฉุน มากินข้าวมา วันนี้มีเนื้อของโปรดด้วยน่ะ " เสียงพี่แอนเรียก พร้อมทั้งวางจานข้าวไว้บน หนังสือพิมพ์ที่ปูอยู่มุมบ้าน บนหนังสือพิมพ์ มีอาหารเม็ด 1 โคม และน้ำสะอาดใส่อ่างเล็กวางไว้ ที่ห้องนั่งเล่น หมาหัวฟู หางสั้นกลมละม้ายหางกระต่าย ยังคงนอนไม่กระดิกตัว มันกางขาสั้นๆ แผ่ออก4 มุม ดูราว หมูหันที่เค้าขายกันตามเหลา มันเอาหน้าที่มีจุด 3 จุด (ตา 2 จมูก1 ) ซุกลงระหว่าง ขาหน้า 2 ขา และใช้ตาเหลือบมองเจ้าของ ออนนอนเล่นอยู่ที่พื้นบ้าน ออนเอื้อมมือไปดึงตึว ส้มฉุนมานอนในอ้อมแขน ส้มฉุนเปลี่ยนท่านอนเป็นท่าทะแคงธรรมดา " ส้มฉุน พี่ออนไม่ว่าอะไรลูกหรอก เรารู้ว่าเราไม่ได้เลี้ยงฉุนมาให้เป็นหมา พี่ๆเข้าใจส้มฉุนน่ะลูก" ออนพูดพลางเอามือลูบ ขนฟูๆ ที่หัวอย่างเบามือ ออนรู้ดีว่าส้มฉุนจะสามารถฟังทำนองเสียงและเข้าใจได้ ตั้งแต่วันนั้น วันที่เราตัดสินใจว่าจะเลี้ยงหมา พูดเดิ้ล เรา 3 คนแม่ลูกได้ประชุมและลงมติแล้ว ว่าเราจะช่วยกันดูแล การรับเลี้ยง หมาสักตัว บางคนอาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่แท้จริงแล้ว มันหมายถึงภาระความรับผิดชอบ ต้องมีการวางแผน ให้ดี ฟังเหมือนวางแผนครอบครัว แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ การมีหมา สักตัวในบ้าน มันมีภาระมากมายนัก สำหรับ สุนัขพันธ์ พูดเดิ้ล ซึ่งเป็นหมาที่มีอุปนิสันพื้นฐาน ขี้งอน ขี้เหงา และต้องการให้คนเอาใจนั้น ภาระยิ่งมากขึ้น อาทิเช่น ทุกวันตอนเย็น ต้องหาอาหารให้มันกิน และพามันไปห้องน้ำ แวลาจะนอน ก็ต้องให้มันมานอนที่ปลายเตียง ( หากคุณจะไปท่องราตรี จงรู้ไว้เถิด จะมี เจ้า 4 ขา นั่งรอคุณกลับบ้าน) ทุกวันอาทิตย์ จะต้องอาบน้ำ เป่าขน หวีขน ให้ไม่ติดกัน ทุก 3 เด้อนจะต้องพามันไปตัดขนให้เป็นทรง เป็นต้น เมื่อเราตกลงกันได้ว่าจะเลี้ยงหมา และเราก็จะขอหมาจากบ้านคุณยาย เรื่องต่อไปก็เรื่องการตั้งชื่อ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีการหารือกันพักใหญ่ โดยส่วนตัวแล้ว ออนชอบชื่อไทย เพราะว่า มันเป็นหมาฝรั่ง ต้องให้ชื่อไทย ชื่อมากมาย ถูกน้ำมาเลือกไม่ว่าจะเป็น ขนุน ตับหวาน เฉาก๋วย มะนาว มะยม เถิดเทิง และอีกมากมาย และสุดท้ายก็ได้ มาลงที่ชื่อ ส้มฉุน ของหวาน แบบไทยๆ ที่มีมานาน หากแต่หาทาน ยากเต็มที เมื่อแรกส้มฉุนยังเป็นหมาเด็ก ก็เหมือนเด็กอ่อนคนหนึ่ง เรา 3 คนช่วยกันเลี้ยงป้อนข้าว ป้อนนม เราเลี้ยง ส้มฉุนในบ้าน มันไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้เดือนแรกๆ เราจึงต้องคอยตามเก็บกวาด ฉี่ และ อึ ของลูกฉุน เวลาที่ ต้องทิ้ให้อยู่ตัวเดียว ส้มฉุนก็จะร้อง หงิง หงิง เมื่อมีใครสักคนกลับมาบ้าน ส้มฉุนก็จะดีใจ มาตะกุย ตะกาย เอาลิ้นมาเลีย หน้า เลีย ตา หากว่ามันพูดได้มันคงจะบอกว่า " เย้ เย้ พี่ๆ กลับ มาแล้ว ผมดีใจจัง ผมอยู่บ้านตัวเดียว ผมเหงา " หงึง หงึง บ๊อก บ๊อก วันที่ส้มฉุนเริ่มโต ออนจำได้ วันนั้น ส้มฉุนไม่สามารถขึ้นบันได ลงบันได ได้ ต้องให้คนอุ้ม ออนตัดสินใจ อุ้มส้มฉุนมาที่บันได ชั้นล่าง แล้ว เริ่มสอน ให้ มันขึ้นบันไดเอง เริ่มตั้งแต่ เอาขาหน้า ของมันวางบนบันได ขั้นที่ 1 และเอาขาหลังด้านช้ายยกขึ้นตาม ตามมาด้วยขาหลังด้านขวา ส้มฉุนมี ที่ท่าหายกลัว จากนั้นออนก็สอนซ้ำอยู่สัก 3 ครั้ง จากนั้น ส้มฉุนก็เริ่มที่จะ ตะกายขึ้นบันไดได้ ออนดีใจมากที่หมา มีพัฒนาการ อย่างน้อยหมา เราก็ไม่ปัญญาอ่อน บางวันส้มฉุน ไม่ยอมกินข้าว พี่ๆ ก็ต้องเอาลูกชิ้นเนื้อ มาป้อน พร้อมทำท่า กินให้ดูด้วยว่าอร่อย แล้วส้มฉุนถึงจะกินตาม จะเห็นว่า เราเลี้ยง หมาเหมือนไม่ใช่ หมา ส้มฉุน อาจไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ ว่ามันเป็นหมา ดังนั้น จึงไม่ผิดอะไร ถ้าส้มฉุน จะมัวแต่นอน หลับอุตุ โดยไม่ได้ยินเสียง ขโมยที่เข้ามาขนของไปในคืนนั้น จริงๆส้มฉุน มีประโยชน์อย่าอื่นมากกว่าเฝ้า บ้านนั้น ก็คือ มันจะอยู่เป็นเพื่อนได้ยามที่เรา ต้องการใครสักคน ที่นั่ง ฟังเรา คุยได้ โดยไม่ขัดจังหวะ มันจะเป็นเพื่อนที่ไม่มีมารยา ตรงไปตรงมา หากมันดีใจมันก็จะกระโดด โลดเต้น หากมันเศร้ามันก็จะซุกตัวอยู่ใต้ เก้าอี้ ยามที่เรา กินข้าวคนเดียว เพียงแต่เรายกจานข้าวมานั่งที่พิ้น มันก็จะมานั่งข้างๆ เราก็ให้เนื่อมันกินสักชิ้น เท่านี้ เราก็มีเพื่อนกินข้าวแล้ว ในยาม ที่เราต้องการร้องไห้ กับใครสักคน แต่ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นเราอ่อนแอ เราก็สามารถร้องไห้กับหมาได้( ขอเลียนแบบคำพูดของ คนแถวนั้หน่อย) หมาไม่สามารถเอาเรื่องเราไปพูดต่อได้ ว่า วันนั้นเห็นเราอ่อนแอ ร้องไห้ หมาไม่เคยนินทาว่าร้ายใคร ไม่เหมือนมนุษย์ ปากหวาน ก้นเปรี้ยว หมาปากเหม็นก้นก็เหม็น ในเมื่อออนไม่สามารถพึ่งพา ส้มฉุน ในด้าน เฝ้าบ้านไม่ได้ ออนจึงบอกแม่ว่า " แม่ ออนอยากได้หมา มาเฝ้าบ้าน เอาดุ ดุ น่ะ เอาแบบเลี้ยงง่ายๆด้วย " ออนบอกแม่พร้อมยกเหตุ ผลประกอบมากมาย ว่ามันจะได้เฝ้าบ้านขโมยจะได้ เห็นว่ามีหมาอยู่ กลางคืนมันจะได้เห่าด้วย " ไม่เอา หรอก เป็นภาระจะ ตาย ก็อาศัย ปิดบ้านให้ดีๆ สิลูก " แม่บอกอย่างจริงจัง " จริงๆ มันก็ เป็นภาระ ล่ะค่ะ ส้มฉุน ตัวเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว " ออนล้มเลิกความตั้งใจไป ด้วยความที่ตัวเองก็ต้องทำงาน กลับบ้านก็ค่ำ หากเลี้ยงหมาอีกตัว จะเป็นการเพิ่มภาระอีกมาก เวลาผ่านไป ออนลืมเรื่อง ที่ต้องการจะมีหมาดุ ดุ ไปแล้ว แม่ก็มาบอกออนว่า เพื่อนแม่จะยกหมาให้ เป็นหมาที่เค้าใช้ พ่อแม่มันเฝ้าสวน ที่ต่างจังหวัด แม่มาถาม ว่าออนจะเอาไหม เป็นคำถามที่ออนต้องขอเวลาคิด ไตร่ตรอง อย่างหนัก เอ จะเอาดีไหมน่ะ หมาอีกตัว มาเฝ้าบ้าน โปรดติดตามตอน 3 ต่อไปได้เร็วๆๆนี้
3 กันยายน 2545 17:08 น. - comment id 66262
ซาหนุกดีฮับ ว่าแต่ตอนแรกล่ะฮับ นิสัยเจ้าโฮ่งเค้าเปงสัตว์สังคมอ่ะฮับ ไปเลี้ยงเค้าไว้นอกบ้านเค้าก้อเหงาอ่ะจิ่... (ยกจากที่อ่านตอนที่3 มาตอบ)...
4 กันยายน 2545 12:30 น. - comment id 66277
มาอ่านจ้า........ ตองจ๋า มันส์ดีจัง.........
9 กันยายน 2545 22:07 น. - comment id 66328
อาาา อ่านจบอีกตอนละ .... ดูท่าพี่ตองจะเข้าใจการเลี้ยงหมาและหมาดีนะคะ