+-มา..ในฝัน...ฉากหนึ่ง .สงกรานต์ใจ..+- +

อาภาภัส

วันนี้ก็เช่นกัน ฉันหลับๆตื่นๆ และแต่ละคราวจะมีภาพและคำปรากฎขึ้น หากฉันไม่จดสักครู่จะลืมและเลือนหายไป
คำที่ฉันได้ใหม่ก่อนที่คืนวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗ จะผ่านไป นั่นคือคำว่า บรรลุ...ศักราช ฉันต้องลุกไปดูปฏิทิน
      แต่ฉันก็หารายละเอียดไม่ได้ แค่มันบอกว่าเป็นแรม ๙ คำเดือน ๕ วันสงกรานต์ 
สิ่งที่ฉันคิดย้อนคือ ณ วันนี้ในอดีต     คนโบราณ  เขาทำอะไร   อย่างไร 
      ฉันคงจำอะไรไม่ได้ไปกว่า ภาพวันสงกรานต์ในอดีตวัยเยาว์ ที่ ฉัน นั่งพับเพียบ เรียบแต้ สองมือประนมฟังพระท่านเทศน์ อยู่ที่ศาลาด้านล่าง จำได้ว่าความรู้สึกที่ภูมิใจที่สุด น่าจะเป็นการนั่งมองมือตนเอง นิ้วเรียงชิดติดกัน หรือบางที  ก็แยกนิ้วออก ถ้าทำอย่างนั้น ฉันจำได้ว่าฉันคิดอะไร ฉันเคยคิดว่า สวดแปลว่าอะไร แล้วถ้ายิ่งคนแก่ๆทำ ฉันทำตาม
      ฉันต้องบรรลุมรรคผลแบบผู้ใหญ่แน่ ตอนใดที่นิ้วมือฉันห่าง ก็ด้วยฉันไปเลียนแบบผู้ใหญ่ยิ่งแก่มากมือท่านจะไม่สามารถประนมได้ ฉันยิ่งรืบทำตามใหญ่เลย   อีกเช่นเดียวกัน ฉันใช้สมองกรองเองว่า ยิ่งแก่มากยิ่งมากบุญ
    
     ยามเวลาที่ท่านนั่งนานไม่ได้ ท่านจะนั่งพิงเสา หรือสัปหงก นั่นเลย เปรี้ยวจี๋ทำตามท่านเลย 
     น่าขำนะหากเราคิดถึงภาพวัยเยาว์ที่เป็นความเข้าใจของเด็กๆที่ออกจะช่างคิด    ยังมีอีกนะ    ตอนบ่ายๆของวันสงกรานต์ที่จำได้ ณ เหตุการณ์ตอนนั้น
     ขันเงินหิน ขันเงินโบราณใบหนึ่งที่คุณย่าหยิบออกมาจากตู้เอามาสำหรับใส่นำเพื่อสรงนำพระ นั้น 
ใครจะเป็นคนไปเอานำล่ะ แล้วเดี๋ยวเอานำอบใส่ 
หนูเองค่ะ     ท่าทางของเด็กหญิงเปรี้ยวเวลานั้นกระหยิ่มยิ้มย่อง
     ก็การเป็นเด็กดี คือ ต้องรู้จักอาสาทำหน้าที่ อะ อะ แค่ ๖ ขวบ คิดจะช่วยไง 
     ตรงปรี่รีบไปหยิบขันเงินใบนั้น โอโฮ หนัก หนักมาก แต่ก็ยังยิ้มอยู่ เดินไปรอเข้าแถวเพื่อนำนำใส่ขัน รออยู่สักครู่ ถึงรอบที่จะได้นำ ขันหินใบใหญ่ 
บัดนี้มีนำเต็มเอ่อ เริ่มลื่นสำหรับเด็กเล็กๆเสียแล้ว ไม่มีที่จะจับยึดนอกจากมือทั้งสองที่พยายามบีบจับตรงส่วนบนของขันให้แน่น
      ต้องค่อยๆประคองเดินไป โอย มันหนักอะไรอย่างนี้ เมื่อไหร่จะถึงศาลาที่ย่านั่งเสียที จะปล่อยลงให้ร่วงหล่นก็ไม่ได้ เดี๋ยวขันจะแตก
       สีหน้าของเด็กหญิงเปรี้ยวยามนี้ เป็นรอยยิ้มที่ค่อยจางลง จางลงทีละนิด จนถึงเป็นความกังวลอันหนักหน่วง ทำอย่างไรถึงจะต้องถึงตรงที่ย่าอยู่ โดยขันต้องไม่ตก มีนำอยู่เต็มอีกด้วย
       บัดนี้ หนูน้อยเรียนรู้การทำอะไรที่เกินกำลังและต้องไปถึงฝั่ง ถึงเป้าหมายมันใช้ความอดทนสูงมาก ย่างก้าวที่ค่อยก้าวทีละนิด โอ..ในที่สุดก็ถึงจนได้
      ขณะวางขันลง โล่งใจ ทุกสิ่งผ่านไปได้ด้วยดี เอ๋ะ แต่เราทำยากขนาดนี้ ยังไม่มีคำชมหรือ สายตาเริ่มมองไปจับทุกใบหน้า สลับไปมา ยิ้มแหยๆปรากฏให้เห็น ไม่มีใครชม ไม่มีจริงๆ      
     ความดีอันใหญ่ยิ่งตามวัย ความยากที่สุดชิ้นหนึ่งเช่นกันที่ได้ทำ แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่ เขาผ่านวัยนั้นมาแล้ว กำลังเขามีพอตัวอยู่แล้ว เขาคงนึกไม่ถึง 
         ในที่สุด หนูน้อยลืมเรื่องเดิมแล้ว เสียงหนุ่มสาวสาดนำใส่กันหยอกเอินทักทาย กลบความคิดแห่งการอยากได้คำชมเสียสิ้น....
จากคุณ อาภาภัส อรุโณทัย เมื่อวันที่ 13 เมษายน 47  
  
  
 
 
 
   
     
 
 
 
 :				
comments powered by Disqus
  • jata

    13 เมษายน 2547 13:41 น. - comment id 72898

    อืมน่ารักจังค่ะ
    บอกตรงๆๆนะค่ะ
    ว่าน่ารักมาก
    เป็นอะไรที่อ่านเเล้วรู้สึกสบายใจจังค่ะ
  • ชัยชนะ

    14 เมษายน 2547 06:09 น. - comment id 72968

    ความทรงจำในวัยเด็ก
    มีหลายหลากเรื่องราว ให้เราคิดถึง
    
    ความสามารถของเรา บางทีเราคิดว่าเราเก่งสุดสุดแล้ว
    แต่เมื่อผู้เชี่ยวชาญท่านดู ก็อาจมองเห็นเป็นเรื่องที่ห่วยสิ้นดี
    
    ขอเพียงเรามีความตั้งใจที่จะทำ ไม่ขอไหวหวั่นต่อคำติหรือคำชม
    ขอเพียงมีกำลังใจ  สร้างสะสมผลงานสืบต่อไป..
    
    สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ
    
  • กัลปพฤกษ์

    15 เมษายน 2547 08:23 น. - comment id 73040

    ทำตามคนเฒ่าคนแก่บอก ไม่เสียหายอะไรหรอกครับ
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน