ดวงจันทร์หลังคืนวันพระ มันยังคงงามเด่นกลมโตและใสกระจ่าง สีเหลืองนวลตาของแสงจันทร์ ยามที่ฉันช้อนสายตาเงยมอง มันทำให้ฉันอมยิ้ม เธอมาในความมืดแห่งรัตติกาล เธอ มักถามฉันว่า ทำอะไรอยู่ ไม่ไปไหนเหรอ ทำไมไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ไปคุยกับใคร คำที่ฉันตอบเสมอ ก็ไม่มีใคร .......................... เรามักคุยกันหลายอย่างจิปาถะ ในระยะแรกฉันรูว่าเธอพูดน้อยเธอพูดอะไรทุกครั้งฉันต้องตลก เธอมักถามว่าอะไรตลก ตลกตรงไหน ฉันตอบไม่ถูกหรอกนะ ฉันอยากจะบอกกับเธอว่ากับคนธรรมดาอย่างฉันผู้หญิงคนนึงไม่ได้มีความสวยเป็นอาภรณ์ ฉันมีเพียง หัวใจดวงหนึ่ง หัวใจที่เหมือนหลายคนอาจจะมองข้าม และ บอกว่า อ่อนไหว หรือมักคิดอะไรแปลกๆ แต่ฉันอยากได้แต่ความรู้สึกที่จริง เธอเป็นหนึ่งคนที่แม้เราจะไม่เคยเห็นหน้ากัน ฉันอยากบอกไว้ตรงนี้ว่า ขณะที่คุยกัน แค่ตัวอักษรแต่ฉันสื่อได้ถึงความรู้สึกห่วงและไม่ห่วง และคนอย่างฉันคลื่นวัดความรู้สึกมันเป็นหัวใจ และเป็นหัวใจที่ฉันบอกกับตัวเองว่าฉันเคารพมัน. ไม่น่าเชื่อเลยแค่จะเขียนเล่าเรื่องถึงเธอฉันหลับไปสามตลบแล้ว.. ข้ามวันข้ามคืนเขียวนะสำหรับเรื่องนี้ ....เอางี้ดีกว่านะ เวลาตอนนี้หกโมงกว่าพอดี ไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่มีแสงจันทร์ มองผ่านม่านลายฉลุออกไป คงเห็นแต่ท้องฟ้าสีขาว บรรยากาศข้างนอกเมื่อมองจากภายในบ้านมันก็มองดูได้แค่เห็น ต้นชมพู่หน้าบ้าน แต่ตอนนี้ผลมันเหลือน้อยลงเพราะลมพัดหล่นตอนสุกมาหลายราตรีแล้ว แล้วยังต้นมะม่วงอีกสามสี่ต้นที่บางต้นผลถูกเก็บกินจนเกือบหมด และบางต้น ผลก็ยังสุกไม่หมด ให้พูดจากใจเลยนะถ้ามีเธออยู่ตรงนี้ฉันคงอยากให้เธอเป็นคนเก็บผลไม้ แล้วฉันก็คงยืนมองดูเธอแล้วก็หัวเราะ จะถามไหมว่าทำไม ตอบชัดเลย ฉันคนบ้านนอก เธอคนเมืองกรุง ขี่เครื่องบินเป็นการพักผ่อน เธอคงทำแต่งาน งาน แล้วก็งาน ก็ยังดีนะ ที่เธอมาคุยกับฉันด้วยความเมตตา ฉันซาบซึ้ง ให้เธอเก็บมะม่วงก็เป็นการขอบคุณไง ลองดูบ้างสิชีวิตธรรมดาแต่อยู่ในธรรมชาตินะ ตอนนี้สิ่งที่ฉันได้ยินคงเป็นเสียงนกที่ต่างตะโกนกู่บอกกันว่าใกล้มืดแล้ว ฉันนั่งฟังเสียงจนอดใจไม่ไหว ต้องลุกออกไปนอกบ้าน ลมเย็นพัดมาพอที่จะทำให้ระฆังแขวนรูปปลาหน้าบ้านดังกรุ๋งกริ๋ง อยากบอกเธอว่าบรรยากาศยามเย็นยามนี้ดูสบายๆ ความเป็นธรรมชาติเป็นสิ่งที่ฉันชื่นชมและชื่นชอบจนเป็นแรงบันดาลใจในความรู้สึกของฉัน ที่ฉันจะบวกกับจินตนาการและใช้ความรูสึกเติมลงที่จะเขียนหนังสือเก็บไว้อ่าน หรือสื่อให้ผู้อื่นมีใจที่สร้างความสุขได้เช่นกัน ฉันชอบในธรรมชาติของเด็ก เด็กมักบริสุทธิ์ อย่างมีอยู่วันหนึ่งตอนเย็น วันนั้นฉันมีกล้องถ่ายรูปอยู่ในมือ ฉันเห็นเด็กห้าคนเดินคุยกันมา เด็กผู้ชายตัวเล็กสุด ส่วนผู้หญิงที่เหลืออีกสี่คนก็รูปร่างสูงอ้วนผอมแตกต่างกันไป ความเป็นธรรมชาติของพวกเขา กระตุ้นหัวใจฉันในยามที่มองเห็น รอยยิ้มของเด็กคำพูดที่ใสๆ ฉันจำได้ว่าฉันยิ้มกับพวกเขาแล้วทักทายว่า สวัสดีค่ะเด็กๆ รู้ไหมเขาตอบพร้อมกันเลย สวัสดีค่ะครับ รอยยิ้มบนใบหน้า และกิริยาที่เป็นธรรมชาติกระตุ้นหัวใจให้ฉันเติมยิ้ม และหัวใจก็อ่อนโยนลง ฉันเอ่ยถามพวกเขาว่า เล่นกันสนุกไหมคะ ตอบพร้อมกันอีกแล้ว สนุกค่ะ เสื้อผ้าที่มิใช่ตามแฟชั่น แต่แต่งตามฐานะที่มีดูสมน่ารักกับความเป็นเด็กเสริมให้ค่าความเป็นเด็กมีราคาที่เราผู้ใหญ่ต้องพึงเอาใจใส่ในความรู้สึก ถ่ายรูปให้เอามั้ยคะ เอาค่ะ ยิ้มหวานหมดทุกคนเลย ไม่มีกั๊กอารมณ์ว่าจะต้องวางท่า เธอทักฉันก่อน และที่ฉันประทับใจสุดๆก็คือ เด็กๆไปยืนเรียงอยู่ริมสนาม เรียงจากสูงไปต่ำที่มันพิเศษสำหรับฉันคือพวกเขายกแขนพาดบ่าเชื่อมต่อกันทั้งห้าคน เรียงจากสูงตัวอ้วนสุด ผมหน้าม้าสวมเสื้อยืดสีเหลืองกางเกงขาสั้นสีครืม คนที่สองผอมหน่อย คนที่สามมีเปียสองข้างอ้วนบั่กท่าทางเอาเรื่อง เจ้าหล่อนนุ่งกางเกงขายาวที่รัดตัวเจ้าหล่อนเลยละ คนที่ยังจำติดตาก็เห็นเป็นคนที่สี่ ก็ทรงผมน่ะสิ ผมทรงน้ำพุแขนบางๆลำตัวบางๆยืนเหมือนจะล้มให้ได้นั่นละ ฉันเลยตอนเด็กๆทรงน้ำพุที่บานเหมือนดอกพู่ระหง หนูน้อยหนุ่มเดียวผมสั้นเกรียน ผอมก่อกก๋อยดูจะตื่นกว่าเพื่อนยืนเบียดชิดแม่ทรงน้ำพุเหมือนเรียกหาความมั่นใจ สวมเสื้อกล้ามไม่มีแขนสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน แต่ดูเหมือนกางเกงมันยาวใหญ่เกินตัว ทุกคนยิ้มหวานแจ่มใส พร้อมใจกันยิ้มรับกล้องถ่ายรูป ฉันกดไปหลายรูป แล้วฉันจึงเดินตรงเข้าไปหาพวกเขา นื่จ้ะรางวัลเด็กดี ฉันหอมแก้มพวกเขาทีละคน ทุกคนเอียงแก้มด้วยความยินดี ไม่มีใครจะโชคดีเท่าฉันแล้วในเวลานี้ ไมตรีที่จริงใจ จากเด็กๆที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักมาก่อน เด็กๆหยิบยื่นให้ผู้ใหญ่ด้วยความรู้สึกเต็มหัวใจและความจริงใจ แล้วเราจะพบกันได้ยังไงอีกล่ะคะ จะได้เอารูปให้ ไม่เป็นไรค่ะ หนูมาที่นี่บ่อยมาก ยายตัวโตสุดพูด จ้ะ งั้นเราคงได้เจอกันอีก สวัสดีนะคะ สวัสดีค่ะ พร้อมกันอีกแล้ว แต่คราวนี้เสียงดังฟังชัด ฉันเล่าให้คุณฟังเพราะฉันนึกถึงส่วนดีของคุณเช่นกัน ในยามที่ฉันนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ฉันนั่งพิมพ์งาน และในวันที่ใครๆเขาไปเที่ยวในวันแห่งความรัก ฉันก็ยังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ไม่มีใคร แต่จำได้ไหม ฉันมีคุณ คุณคุยเป็นเพื่อนฉันเป็นระยะ ฉันไม่รู้หรอกนะ เรื่องที่ฉันเขียนถึงคุณ คุณจะได้อ่านหรือไม่ แต่ฉันก็เขียนและเล่าถึงเรื่องนี้เพื่อคุณนะ.คุณบิ๊กยักษ์ ....
8 เมษายน 2547 21:59 น. - comment id 72648
ช่วยกันอ่านนะคะ ผู้ใหญ่หรือเด็กก็เหมือนกันแหละค่ะ ตรงหัวใจที่ต้องมีไว้ แล้วบอกให้รู้ว่ามี ชีวิต แล้วอย่าลืมทำอะไรเพื่อเด็กๆเยอะๆนะ
8 เมษายน 2547 23:01 น. - comment id 72655
เหมือนมาเจอเพื่อน ที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ผมชอบแนวที่คุณเขียน ไม่หักมุมมากจนสงสัยว่าจะมาไม้ไหน ไม่ใช่ไม่ชอบแบบนั้นนะ งานของคุณวินทร์ เรียววาริณ ทั้งแบบหักมุมรุนแรง แบบทดลอง ผมก็สะสมไว้เยอะ ผมชอบอ่านนะครับ ส่วนเขียนนี่ทำได้ นาน ๆครั้ง หวังว่าคุณจะทำงานร้อยแก้วแบบนี้อีก อ่านมันครับ ร้อยกรองผมก็ชอบ แต่ดูเหมือนมันบีบอารมณ์มากไป ยินดีที่ได้รู้จักผลงานของคุณครับ
8 เมษายน 2547 23:33 น. - comment id 72657
......เรียนคุณก่อพงษ์ คุณพูดเสียฉันอาย แล้วก็ต้องกลับมาอ่านเรื่องอีกครั้ง ดิฉันไม่ใช่นักเขียน แต่ใช้อารมฌ์และความรู้สึก กลั่นเวลาสติไม่ง่วงนะคะ ลองเปิดดูเรืองอื่นๆว่าใช้ไดมั้ยคะ บางเรื่องเขียนง่วงนอนมากก็ไม่ได้เรื่องแต่ปรกติเขียนให้คนรอบข้างในที่ทำงานอ่าน ขอบคุณอีกครั้งคะ
9 เมษายน 2547 05:09 น. - comment id 72660
เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกได้อบอุ่น - - แล้วก็มองเห็นภาพได้ชัดเจน - -ดีค่ะ
9 เมษายน 2547 06:12 น. - comment id 72666
อยากจะกลับชาติไปเกิดเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ก็คงได้เกิดยากเพราะเขาคุมกำเนิดไว้เยอะ ดูเหมือนจะมีสองอารมณ์ที่แตกต่างกัน นำมาร่วมกันลงได้สอดคล้องกันดี การมอบความรักปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ใจ คงเป็นความสุขใจอีกประการหนึ่ง
9 เมษายน 2547 11:18 น. - comment id 72672
เป็นเรื่องที่ดีคะ ถ่ายทอดได้ดีมากๆ คะ ให้รับรู้ความรู้สึกได้จริงๆ ชอบมากคะ
11 เมษายน 2547 09:14 น. - comment id 72752
บางทีการมีคอมพิวเตอร์เป็นเพื่อนก็มีข้อดีประการหนึ่ง ที่จะไม่ต้องถูกบ่นให้รำคาญใจ
19 เมษายน 2547 20:56 น. - comment id 73271
ตอบขอบคุณคุณนางสาวใบไม้ ขอบคุณมกที่ให้กำลังใจ
19 เมษายน 2547 20:57 น. - comment id 73272
ตอบขอบคุณ คุณชัยชนะ ติดตามเสมอขอบคุณค่ะ
19 เมษายน 2547 20:59 น. - comment id 73273
ตอบขอบคุณคุณอาละดิน ขอบคุณมากที่มาอ่านค่ะ อรุโณทัย อาภาภัส
19 เมษายน 2547 21:00 น. - comment id 73274
ตอบขอบคุณคุณกัลปพฤกษ์ ยังกะเราอยู่ที่ทำงานเดียวกันแน่ะ ฟังบ่อยค่ะ