กระดาษลายชีวิต ((ตอน3))
เสือยิ้มมุมปาก
บทที่ [3] เช้าวันใหม่
แดดอ่อนๆทอแสงเป็นประกาย รับกับอากาศสบายๆยามเช้า เวดค่อยๆลืมตาขึ้น หันไปรอบๆไม่เห็นเถื่อนในห้องเสียแล้ว เขาจึงเดินออกไปหน้าบ้าน เห็นเถื่อนก้มๆเงยๆเก็บก้อนหินใส่ถุงก๊อบแก๊บ จึงมิได้สนใจอะไรนัก เดินวกไปที่ริมลำธารข้างบ้าน วักน้ำใสเย็นขึ้นลูบหน้า รู้สึกโล่งโปร่งขึ้นมาทันที มองเห็นปลาหลากชนิดแหวกว่ายทวนไปตามกระแสน้ำ เขาจับจ้องอยู่นาน แต่ก็สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงของเถื่อนเรียกให้ไปทานข้าวด้วยกัน อีกครั้งที่เขาเดินตามเถื่อนไปอย่างว่าง่าย แล้วเถื่อนก็พาเพื่อนต่างถิ่นซ้อนท้ายจักรยานไปยังฝายน้ำตกท้ายหมู่บ้าน ระหว่างทางก็ชี้นกชมไม้กันไปเรื่อย สำหรับเถื่อนแล้ว ภาพบรรยากาศเหล่านี้ เขาชินตาแล้วล่ะ แต่สำหรับเวดแล้ว มันดูแปลกตาและน่าสนใจไปเสียหมด ขณะที่เถื่อนบังคับหัวจักรยานไม่ให้ลดเลี้ยวอยู่นั้น ฝูงสุนัขราวสี่ห้าตัววิ่งกระโจนพรวดพราดเต็มถนน เวดตกใจแทบจะกระโดดลงจากรถ แต่แล้วเถื่อนก็นึกขึ้นได้ว่าเขาพกหน้าไม้มาด้วย จึงจัดการง้างมือยิงซะเต็มแรง .... แล้วปั่นจักรยานต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต เวดเหลียวดูหลังเมื่อไม่เห็นวี่แววของฝูงสุนัขแล้ว จึงพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหันมายิ้มให้กัน ก่อนจะบึ่งรถไปยังจุดหมายปลายทางเบื้องหน้า ....
ลัดเลาะไปตามทางสายเล็กๆ ซึ่งเถื่อนบอกว่าเป็นทางลัดเข้าน้ำตก สถานที่ท่องเที่ยวหลักประจำหมู่บ้าน เวดรู้สึกแปลกที่เมื่อได้ซ้อนท้ายจักรยานของเถื่อน เขารู้สึกอบอุ่น..ไม่หวั่นต่อสิ่งใดๆเลย ดูเถื่อนจะเป็นผู้ใหญ่ มีความคิดความอ่านที่กว้างไกล ผิดกับวัยของเขามาก เถื่อนชอบพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับสัจธรรมของชีวิตให้เวดฟัง .. ไปตลอดทาง เอ้อ!เถื่อน ขันธ์ 5 นี่คืออะไรน่ะเพื่อน
เถื่อนยิ้มน้อยๆพลางตอบว่า เพื่อนเรานี่ก็อีกคน เป็นชาวพุทธตามทะเบียนบ้าน...เวดลองมองดูที่จักรยานที่เราขี่มาคันนี้สิ เวดเห็นอะไร...ใช่ถูกต้องเห็นเป็นจักรยาน แล้วสมมติว่าถ้าเราถอยล้อ ถอดอาน ถอดเพลา ดึงโซ่ออก แยกส่วนหมดแล้วนี่ นายจะยังเห็นเป็นจักรยานอีกหรือไม่...ก็ไม่ นายก็ต้องเห็นเป็นส่วนต่างๆที่ตั้งเรียงรายอยู่ นี่แหละคือ ขันธ์ 5 ..... เวดได้แต่ยิ้มเจื่อนๆกับความไม่รู้ของตน
สายน้ำไหลเอื่อยๆมองเห็นฝูงปลาแหวกว่ายตะเกียกตะกาย เสียงน้ำกระเซ็นกระทบโขดหินดังซัดซ่า ลมเฉื่อยฉิวๆพัดผ่านตัวพวกเขาไป รู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกจับจิต ทั้งเวดและเถื่อนต่างตกอยู่ในภวังค์ราวกับความฝันอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ต้องสะดุ้งจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของผู้ใหญ่บ้านดังกึกก้องไปทั่ว
แขบๆ เข้าหิดตะ หวันโด่งโม่งทึ้งแล้ว ไม่พักเสร็จกันแหละเดี๋ยว ... น้ำเสียงของผู้ใหญ่นุ้ย แม้อาจจะฟังดูโหดไปนิด แต่ก็เจือด้วยความเป็นกันเอง เด็กชายทั้งสองมองลงไปยังเบื้องล่างเห็นภาพการทำงานอย่างแข็งขันของชาวบ้าน พวกเขาช่วยกันสร้างฝายน้ำหมู่บ้าน เนื่องจากในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อถึงหน้าร้อน หมู่บ้านจะไม่มีน้ำกินน้ำใช้ เดือดร้อนไปถ้วนทั่ว เคยมีชาวบ้านคนหนึ่งส่งเรื่องร้องเรียนไปยังอบต.แต่ก็ไร้วี่แวว ผู้ใหญ่นุ้ย จึงคิดจะแก้ปัญหาให้กับลูกบ้านด้วยวิธีพึ่งตนเอง นับว่าดีมาก ที่ชาวบ้านทุกคนให้ความร่วมมือ ... เด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเกือบ 10 คน กำลังดำผุดดำว่ายอยู่อย่างสนุกสนาน เถื่อนจึงลากข้อมือเวดลงไปยังแผ่นน้ำเบื้องล่าง เร็วเท่าความคิดเถื่อนจัดแจงถอดเสื้อผ้าของตน เหลือไว้เพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว แล้วกระโจนลงน้ำ ... ..ตู้มม..!! แต่เวดยังยืนหันรีหันขวางเหมือนจะไม่แน่ใจนักว่าจะลงไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆดีหรือไม่ เขาเริ่มนึกถึงสภาพการณ์คืนนี้
....ถ้าชุดเปียกแล้วคืนนี้ชั้นจะใส่อะไร มีอยู่แค่ชุดเดียวด้วย จะนอนที่ไหนยังไม่รู้เลย พ่อจะมาตามหรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย เฮ้อ ..
เวดจึงปฏิเสธคำเชิญชวนของเพื่อนๆ เขาเดินขึ้นไปทางน้ำตกข้างบน สอดส่ายสายตาหาซอกหลืบที่จะใช้เป็นที่พักพิงในคืนนี้ .... ตรงนี้แหละว่ะ ดีที่สุดแล้ว พื้นหินก็ราบเรียบ มีโขดหินด้วย จะได้ใช้ผูกเต้นท์.. เขาพร่ำพึมพำกับตัวเองคนเดียว
แล้วจึงผละจากนิวังคสถานซึ่งหมายปองไว้ว่าคืนนี้จะเป็นที่พักพิงชั้นเยี่ยมของเขา ... ปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ ลืมเรื่องราวทุกข์ร้อนทุกสิ่งแล้วลงไปหาเถื่อนตรงสุดทางของน้ำตก ตะวันสายมากแล้ว ผู้คนทยอยหอบเสื่อม ตะกร้าอาหาร จับจองหาที่ปิกนิก บ้างก็มากันเป็นกลุ่มเพื่อนส่งเสียงสรวญเสเฮฮา หรือมากันแบบคู่รัก แต่ที่มาแบบครอบครัวนี่นะสิ เมื่อเวดเห็นแล้ว ความน้อยเนื้อต่ำใจก็เกิดขึ้น พลันน้ำตาก็ค่อยๆไหลรินลงมา .. อย่างช้าๆ ........
แหะๆ ภาพข้างบนส่งผิดนะ ขอโทษ