เคยคิดบ้างไหมว่า ทำไมการที่เรารักใครสักคน ทำไมคน ๆ นั้นถึงไม่รักเราแบบที่เรารักเขาเล่า เป็นเพราะเหตุใด ความรักไม่จำเป็นต้องสมหวังเสมอไป แต่ส่วนลึก ๆ ทุกคนก็แอบหวังว่าอยากให้ได้รักที่สมหวัง เมื่อเรารักใคร เราก็เต็มใจรักมิใช่หรือ ไม่ได้ถูกบังคับ ขืนใจให้รักเขา มันเป็นความต้องการ ความปราถนาของเราเอง และการที่เขาคนนั้นจะมีรักตอบแทนให้เราก็จะดีมิใช่น้อย แต่ทว่าก็ยังมีอยู่อีกมากที่รักนั้นกลับกลายเป็นรักข้างเดียว ที่รักเขาแต่เขาไม่รักตอบ หรือรักเขาแต่เขาไม่เคยจะรู้ คนเราทุกคนต้องการความรักมาหล่อเลี้ยงหัวใจ ให้คงอยู่ต่อไปได้ หลายคนพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รักมา อาจจะวิธีใดก็ตาม แต่อยากให้รู้ไว้ การได้มาซึ่งความรักที่บริสุทธิ์ใจ หมายถึงว่ารักกันอย่างแท้จริง เป็นเพื่อนคู่ทุกข์-คู่สุข รักที่ให้ความรักซึ่งกันและกัน ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน นั่นย่อมประเสริฐแล้วแน่แท้ บางคนอาจจะมองข้ามใครบางคนที่กำลังเฝ้ามองเราอยู่ด้วยความรักก็ได้ โดยที่ไม่รู้ตัว ในขณะที่คุณอาจกำลังมองหาความรักที่เลิศเลอสำหรับคุณ คุณจึงมองข้ามเขาคนนั้นไป ลองหันไปมองหรือใส่ใจรอบ ๆ ตัวคุณหน่อยไหม ว่าอาจมีใครแอบรัก แอบชอบเราอยู่หรือเปล่าแล้วเราจะให้โอกาสเขาคนนั้นบ้างไหม และสำหรับคนที่มีความรักที่สมหวังอยู่แล้ว ก็รักษาความรักของคุณไว้ให้ดี
2 เมษายน 2547 15:09 น. - comment id 72436
หุหุหุ คนรอบข้างมะมีสักคน แล้วจาให้เรามองใครอ่ะ แต่งต่อไปเรื่องๆนะ .... เราจะคอยอ่าน
3 เมษายน 2547 08:32 น. - comment id 72467
.......คุณเคยใช้คำพูดที่พูดออกไปด้วยอารมณ์ ความคะนอง แต่แล้วคำพูดที่พูดออกไป ทำร้ายความรู้สึกดี ๆ ของอีกฝ่าย ผู้ฟังฟังแล้วเสียความรู้สึกดี ๆ ไป.... จะเป็นด้วยความตั้งใจที่จะพูดออกไปหรือไม่ก็ตามแต่ สุดท้ายคนที่รับฟังประโยคเหล่านั้นรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินอย่างนั้น ....คุณอาจจะรู้สึกดีที่ได้พูดอย่างนั้นออกไป ได้ระบายความรู้สึก แต่ภายหลัง...คุณกลับมานั่งขบคิดในสิ่งที่คุณทำลงไป คุณกำลังทำลายความรู้สึกดี ๆ ระหว่างกันลงไป คุณเริ่มรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่ทำลงไป ....คำพูดที่หลุดออกจากปากไปแล้ว มันคืออดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย มีแต่สติเท่านั้นที่ควบคุมคำพูดที่จะออกจากปากไม่ให้พลั้งเผลอพูดในสิ่ง ไม่สมควร เพียงแต่เราขาดสติควบคุม คำพูดที่หลุดออกไปก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งทันที ....บางครั้งคุณอยากจะเป็นฝ่ายกล่าวขอโทษในสิ่งที่คุณกล่าวซึ่งทำร้าย ความรู้สึก ดี ๆ ของอีกฝ่าย เพียงแต่คุณไม่กล้า ..คุณมีทิฐิ คุณเป็นฝ่ายลังเลที่จะกล่าว อยากให้อีกฝ่ายยกโทษให้คุณ แต่ในใจคุณ...ความมีทิฐิ กลัวเสียหน้า ข่มความกล้าที่จะทำให้คุณเป็นฝ่ายเริ่มต้นกล่าวก่อน คุณกลับรอเวลาให้ผ่านไปด้วยหวังว่าเวลาที่ผ่านไป...ทุกอย่างก็จะดีเอง ....คุณเคยคิดบ้างไหมว่า เวลาที่ผ่านไปยิ่งทำให้ทุกอย่างไม่ดีขึ้นเลย อีกฝ่ายที่รับฟังคำพูดของคุณ ถึงแม้ว่าคำพูดที่ผ่านไปมันกลายเป็นอดีต แต่ความรู้สึกมันยังคงค้างอยู่ในใจ ....ถ้าทิฐิมันทำลายความรู้สึกที่ดีระหว่างกัน มีประโยชน์อะไรที่คุณจะถือทิฐิเอาไว้กับตัว คุณควรจะปล่อยทิฐิตรงนั้นไป การกล่าวขอโทษดูเหมือนจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ และยากในยามที่ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างกันเกิดรอยร้าวขึ้น ความรู้สึกดี ๆ จะกลับมาก็เพียงแต่... คุณกล้าที่จะเริ่มต้นกล่าวคำขอโทษออกไป ....ถามใจตัวคุณเองว่า คุณยังให้ความสำคัญกับคนๆนั้นอยู่ไหม ไม่ต้องกลัวเสียหน้าถ้าคุณจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นกล่าวก่อน หลังจากกล่าวออกไป คุณจะรู้สึกว่าจิตใจคุณบางเบา อีกฝ่ายคงรู้สึกดีที่ได้ยินอย่างนั้นและยินดีจะให้อภัยคุณ ....การมีทิฐิและไม่ยอมที่จะลดละความมีทิฐิ สุดท้ายจะพบว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรจากการทำแบบนั้น แล้วกลับมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแทน ....ถ้าความรักหมายถึง การไม่โกรธ และให้อภัย คนที่คุณรักเขาคงยินดีและไม่โกรธเมื่อได้ยินคำขอโทษจากคุณ และเขาก็ยินดีที่จะให้อภัยคุณตราบเท่าที่เขายังรักคุณอยู่ ฉันขอโทษ จะยกโทษให้ฉันไหม
8 เมษายน 2547 14:03 น. - comment id 72611
คนข้างเคียงมักถูกมองข้าม เพราะอยู่ใกล้ตัวเกินไป สิ่งที่เห็นจำเจ จึงเป็นของธรรมดาไป ถึงเวลาความรักคงวิ่งมาตำเองนะแหละครับ