Detective_Girls->สืบสายเลือด
Nonmin
ระยะเวลาที่ข้าพเจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่กรุง นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ข้าพเจ้าทำงานเป็นทนายมา 2 ปีกว่าแล้ว ชีวิตของข้าพเจ้าก็มีความเป็นอยู่ซ้ำไปซ้ำมา ได้แต่ เข้า ๆ ออก ๆ ศาลอยู่อย่างนี้ มีหลายครั้งที่ข้าพเจ้ารู้สึกเบื่อหน่าย แต่พอใจที่ได้มีชีวิตอยู่เรียบง่ายอย่างนี้
จนกระทั่งเข้าวันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 ข้าพเจ้าตื่นตั้งแต่ 8 โมง มานั่งจิบกาแฟดำ และนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เช้าวันนี้ มีข่าวคราวการตายของ นายเจสัน มาเบิล ทนายความที่มีชื่อเสียงใน กรุง บอสตัน หนังสือพิมพ์ได้ระบุว่า นายเจสันฆ่าตัวตาย โดยการยิงศีรษะตัวเอง โดยหนังสือพิมพ์ให้เหตุผลว่า เขาคงเครียดจากงาน แล้วข้าพเจ้าก็สำลักกาแฟขึ้นมาทันที เป็นเวลาที่มีเสียงออดดังขึ้น อยู่ที่หน้าประตู ข้าพเจ้าจึงเดินออกไปเปิดประตูด้วยความรำคาญใจ เพราะคิดในใจว่า วันนี้เป็นวันอาทิตย์จะมีงานอะไรหนักหนา แต่เมื่อได้เห็นหน้าของผู้กดออดข้าพเจ้าก็ต้องตกใจ
"ชเชอร์รี่เธอมาได้อย่างไรนี่ !?!" ข้าพเจ้าร้องถามเธอ เชอร์รี่ยิ้มเล็กน้อย แต่แววตาแสดงความเศร้าอย่างปิดไม่มิด เธอไม่พูดอะไร แล้วเดินนำข้าพเจ้ามาที่โต๊ะรับแขก
เชอร์รี่มีชื่อจริงว่า เชอร์รี่ มาเบิล เธอเคยเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลาย ข้าพเจ้าทราบมาว่าเธอทำงานเป็นครูสอนอยู่ที่ชิคาโก้ แต่บ้านเกิดของเธออยู่ที่บอสตัน รูปร่างของเชอร์รี่ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไรนัก เธอมีผิวขาว ตัวเล็ก ผมสีน้ำตาล จะผิดกันที่ตอนนี้เธอไว้ผมสั้นเท่าไหล่เท่านั้นเอง
"ที่ฉันมาวันนี้ เพราะฉันรู้มาว่าเธอเป็นทนาย" เชอร์รี่พูด ข้าพเจ้าไม่เข้าใจในคำพูดของเธอเลย "เธอคงอ่านหนังสือพิมพ์แล้วสินะ เรื่องข่าวของนายมาเบิล" เธอพูดต่อ พลางมองหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ข้าพเจ้าพยักหน้า และคิดขึ้นได้ว่าเชอร์รี่มีนามสกุลเดียวกันกับนายเจสัน มาเบิล
"อย่าบอกนะว่า เขาเป็น" ข้าพเจ้าร้องออกมา ก่อนที่เชอร์รี่จะพยักหน้า
"ใช่เขาเป็นพ่อของฉันเอง ฟังนะ เช็น ที่ฉันมาที่นี่เพราะฉันอยากให้เธอช่วยสืบเรื่องของพ่อฉัน ได้โปรดเถอะนะ เห็นแก่ที่เรา เคยเป็นเพื่อนกันเถอะ" เธอพูดจบก็ร้องไห้อยู่ที่เก้าอี้นั้น
"จะให้สืบอะไรล่ะ ก็ในหนังสือพิมพ์ก็บอกมาหมดแล้วนี่นาว่าพ่อของเธอฆ่าตัวตาย" ข้าพเจ้าบอกไป ทั้งที่ในใจก็รู้สึกสงสารเชอร์รี่อยู่ไม่น้อย
"ไม่จริง พ่อไม่ฆ่าตัวตายเด็ดขาด เมื่อ 3 วันก่อน พ่อบอกว่าเดือนหน้าจะพาฉันไปฉลองวันเกิดที่ลอสแองเจอลิสด้วยรถคันใหม่ บ้านของคุณลุง พ่อพ่อต้องไม่ฆ่าตัวตายแน่" เชอร์รี่พูด ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
คำพูดคำนั้นของเชอร์รี่ ทำให้ข้าพเจ้าคิดหนัก ข้าพเจ้าอดสงสารเชอร์รี่ไม่ได้จริง ๆ
"ก็ได้ กลางวันนี้ เราไปสืบกัน" ข้าพเจ้ารับปากไปงั้น ๆ เพราะรู้อยู่แล้วไม่ว่าจะยังไง คดีของนายเจสันก็เป็นการฆ่าตัวตายอยู่ดี แต่ที่ข้าพเจ้ารับปากไปเพราะ สงสารเชอร์รี่ แต่ก็พยายามจะทำให้เธอเห็นว่า มันเป็นการฆ่าตัวตาย
เวลา 12.00 น. ข้าพเจ้าและเชอร์รี่มาที่สถานที่ การตายของ นายเจสัน มาเบิล ที่ กรุงบอสตัน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมากมาย กำลังจะจัดการกับศพของนายเจสัน เมื่อเชอร์รี่เห็นดังนั้น จึงออกมาห้ามทันที
"คุณเชอร์รี่ คุณอย่ามาเกะกะเจ้าหน้าที่ตำรวจนะ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีน่า" สารวัตรโดนัลกล่าวกับเชอร์รี่
"คุณพ่อไม่ได้ฆ่าตัวตายนะ คุณพ่อให้สัญญากับฉันว่าท่านจะพาฉันไปฉลองวันเกิดที่ลอสแองเจอลิสในเดือนหน้า คุณไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอ?" เชอร์รี่พูด แล้วก็ร้องไห้ สารวัตรได้ฟังดังนั้น จึงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
"คุณมีหลักฐานอะไร ว่าคุณมาเบิลไม่ได้ฆ่าตัวตาย" สารวัตรถาม คำถามนี้ทำให้เชอร์รี่นิ่งเงียบไป ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเธอไม่มีหลักฐานที่จะมาพูด
"งั้นก็ไปกันเถอะนะ เชอร์รี่ หลักฐานมันก็เห็นชัดเจนว่าคุณพ่อเธอฆ่าตัวตาย" ข้าพเจ้าพูดและจับแขนเธอไว้ เชอร์รี่สะบัดแขน แล้ววิ่งมากอดศพพ่อเธอซึ่งตายอยู่ ในท่าที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ หน้าซบกับโต๊ะ มีข้างขวาถือปืนไว้ มีเลือดกระเซ็นเต็มไปหมด เชอร์รี่ร้องไห้อยู่ตรงนั้น เจ้าหน้าที่พยายามห้ามเธอ แต่เธอก็ไม่ฟัง การกระทำของเธอ ทำให้ข้าพเจ้าสงสารเธอจับใจ เชอร์รี่มองหน้าพ่อ และเธอก็ทำสีหน้าแปลกๆ
"คุณแน่ใจแล้วเหรอ ว่าคุณพ่อฆ่าตัวตาย" เชอร์รี่ถาม ทำให้เจ้าหน้าตำรวจและข้าพเจ้าแปลกใจ
"อะไรทำให้คุณสงสัย?" สารวัตรถาม
"ก็คุณลองดูรอยกระสุนปืนตรงหน้าผากนี่สิ ทำไมมันถึงไม่มีรอยเขม่าดินปืนอยู่ล่ะ" เชอร์รี่กล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจเงียบ แล้วเชอร์รี่ก็พูดขึ้นมาอีกว่า
"ปกติ ถ้าคนเราจะฆ่าตัวตายด้วยการจ่อศีรษะ รูของกระบอกปืนจะติดอยู่ที่หน้าผาก ทำให้มีรอยเขม่าดินปืน แต่ในกรณีของคุณพ่อไม่มี"
"เข้าใจแล้ว แสดงว่ามีคนมาฆ่าคุณมาเบิลสินะ" ข้าพเจ้าพูด ก่อนที่เชอร์รี่จะพยักหน้าช้าๆ
"ลแล้วเรื่องปืนที่คุณมาเบิลจับอยู่นั่นล่ะ จะว่ายังไง แล้วคนร้ายยิงคุณมาเบิลด้วยวิธีไหนล่ะ" สารวัตรโดนัลเถียง คำถามนี้ทำให้เชอร์รี่นิ่งอีกที
"เอาเป็นว่าหลักฐานของคุณยังไม่เพียงพอสินะ สรุปว่าคุณมาเบิลฆ่าตัวตายนั่นแหละ" สารวัตรพูด เขาทำให้เชอร์รี่คอตก ข้าพเจ้าจึงรีบพูดว่า
"สารวัตรพูดอย่างนี้ ทำอย่างกับว่าสารวัตรเป็นคนฆ่านายมาเบิลเองเลยนะ" คำพูดนี้ทำให้สารวัตรโดนัลปฏิเสธเป็นพัลวัน ก่อนจะพูดว่า
"ก็ได้ ผมจะให้พวกคุณสองคนหาหลักฐานมาว่าคุณมาเบิลไม่ได้ฆ่าตัวตายจริงๆ เชิญ!" แล้วสารวัตรก็ไปพักผ่อนที่ห้องชั้นล่าง
นายเจสัน มาเบิลนับได้ว่าเป็นทนายที่เก่งกาจ น่านับถือ ไม่ว่าคดีจะเล็กน้อย หรือใหญ่โตแค่ไหน เขาก็สามารถคลี่คลายคดีมาได้แล้วทั้งนั้น
"ถ้าฉันเป็นลูกพ่อ ฉันจะต้องคลี่คลายคดีนี้ให้ได้" เชอร์รี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ท่าทางดูเธอช่างอ่อนแอ ไม่สามารถทำงานอย่างนี้ได้แน่ ข้าพเจ้าได้ฟังคำนั้นของเชอร์รี่ ก็รู้สึกสงสารจึงอาสาจะเป็นผู้ช่วยเธอ
เชอร์รี่พบของบางอย่างในลิ้นชัก โต๊ะของนายมาเบิล มันเป็นเอกสารประกอบการนัดพบของลูกความ เชอร์รี่ได้ตรวจดูว่า เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ มีใครมานัดพบกับนายมาเบิลบ้าง ซึ่งผู้ที่มานัดพบกับนายมาเบิลเมื่อวานมีอยู่ด้วยกันสามคน คนแรก เป็นชาย อายุ 48 ปี ชื่อ นาย จอห์น เทเยอร์ มานัดพบเวลา 10.30 น. คนที่สองเป็น หญิง อายุ 44 ปี ชื่อ นาง เทเรซ่า บราวน์ มานัดพบ เวลา 14.00 น. และคนสุดท้ายเป็นชายแก่ อายุ 56 ปี ชื่อนายทิมโมที่ สกินนี่ มานัดพบเวลา 18.30 น.
"เป็นไปได้ไหม ว่า ฆาตกรจะเป็นสามคนนี้" เชอร์รี่ถามข้าพเจ้า
"ก็อาจจะนะ" ข้าพเจ้าตอบไป คิดในใจว่า สามคนนี้จะเป็นฆาตกรได้อย่างไร ก็เห็นชัด ๆ อยู่แล้วว่านายมาเบิลฆ่าตัวตาย
เชอร์รี่ลงไปโทรศัพท์หาสามคนนั้นให้มาที่นี่ทันที เมื่อมาแล้ว เชอร์รี่จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
"พระเจ้า!" นางบราวน์ร้อง "คุณมาเบิลฆ่าตัวตายหรือ? ฉันไม่อยากเชื่อ"
"ผมก็เหมือนกัน เมื่อวานมาคุยกันก็ดีดี อยู่นี่นา" นาย สกินนี่กล่าว
"แล้วไม่ทราบว่าคุณเรียกเรามาทำไม?" นายจอห์นถาม เชอร์รี่จึงตอบไปทันที
"ฉันสงสัยว่าคนใดคนหนึ่งในพวกคุณทั้งสามคนเป็นฆาตกร!" เมื่อกล่าวจบ ทั้งสามคนนั้นสะดุ้งขึ้นมาทันที
"จจะฆ่าบ้าอะไรล่ะ? ก็เห็นอยู่แล้วว่า คุณมาเบิลฆ่าตัวตาย" นางบราวน์เถียง
"งั้นก็ลองดูบริเวณศีรษะสิคะ ทำไมมันถึงไม่มีรอยเขม่าดินปืนล่ะ" เชอร์รี่กล่าว
ทั้งสามคนมองหน้าผากของนายมาเบิล ซึ่งเป็นไปตามที่เชอร์รี่พูด
"ก็ได้ ถ้าคุณสงสัยพวกเรานักล่ะก็ เชิญสอบปากคำได้สบายเลย คุณตำรวจหญิง" นายจอห์นพูด
"ฉันไม่ใช่ตำรวจ เป็นแค่ครูประถม และเป็นลูกสาวของนายเจสัน มาเบิลด้วย!" เชอร์รี่พูดเสียงหนักแน่น ทำให้ทั้งสามคนตกใจ ก่อนที่นายสกินนี่จะพูดขึ้นมาว่า
"เข้าใจแล้ว เธอคงจะแก้แค้นให้พ่อสินะ" คำพูดนั้น ทำให้เชอร์รี่หน้าซีด
ข้าพเจ้าได้ตามเชอร์รี่ และคนทั้งสามเข้าไปในห้องรับแขก
"ผมมาคุยกับคุณมาเบิล ตอน 10 โมงครึ่งพอดี เรื่องที่ผมถูกโกง เรื่องการซื้อรถที่ผมเป็นเจ้าของกิจการ เราคุยกันถึง 2 โมง" นายจอห์นกล่าว เชอร์รี่นั่งคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง จึงเรียก นางบราวน์มาบ้าง
"ฉันมาจ่ายเงินเรื่องที่คุณมาเบิลไปช่วยฉันไปพูดในชั้นศาล ตอนนั้นฉันถูกกล่าวหาว่าขโมยแหวนไปตอน สองโมงครึ่ง เพราะช่วงนั้น ฉันติดธุระทำให้มาช้าไปครึ่งชั่วโมง" เชอร์รี่ได้ฟังดังนั้นจึงคิดหนักเข้าไปใหญ่
"ผมมาขอนาฬิกาข้อมือเงินที่คุณมาเบิลเอาไปมาคืน" นายสกินนี่พูดพิกล เชอร์รี่ได้ฟังจึงแปลกใจ "มาขอคืน?" เชอร์รี่ถาม "ครับคุณมาเบิลเอานาฬิกาไปโดยไม่บอกสักคำ ผมจึงต้องมาทวง" เขาตอบ "แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกคะ?" เชอร์รี่ถามต่อ "คุณมาเบิลบอกว่า จะเอานาฬิกานี้ไปจำนำ แล้วถ้ามีเงินเมื่อไร จะเอามาคืนให้ครึ่งหนึ่ง" เชอร์รี่ได้ฟังจึงทำหน้าไม่สบายใจ แล้วสามคนนั้นก็เดินออกไปพักผ่อนกันที่ระเบียง
"ถ้าคุณเจสันฆ่าตัวตายจริง ๆ ฉันว่าคุณสกินนี่นี่แหละที่น่าสงสัยที่สุด เพราะการที่พ่อเธอเอานาฬิกาของเขาไปจำนำ อาจทำให้นายสกินนี่โกรธ จึงฆ่าเขา อีกอย่างก็คือนายสกินนี่เป็นคนมาคุยคนสุดท้ายด้วย" ข้าพเจ้าพูด
"ใช่ ฉันก็คิดอย่างนั้น คุณพ่อเป็นคนมีเงิน แต่งก ฉันจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ฉันจะเอาตุ๊กตา แต่พ่อไม่ซื้อให้ โดยอ้างว่า ตุ๊กตาไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย" เชอร์รี่เงียบไปพักหนึ่ง
"เธอกำลังคิดอยู่ว่าคุณพ่อเธอเป็นคนขี้โกงงั้นเหรอ?" ข้าพเจ้าถาม
"ตอนแรกฉันก็คิดอย่างนั้น แต่ไม่เข้าใจว่าคุณสกินนี่จะบอกทำไม เพราะถ้าหากเขาเป็นคนร้ายจริง เจาก็น่าจะปิดเรื่องนี้ไว้ เพื่อไม่ให้ใครรู้" เชอร์รี่ว่า ไม่นานนักสารวัตรโดนัลก็เข้ามา
"ว่าไง สืบไปถึงไหนแล้วคุณเชอร์รี่?" เชอร์รี่เห็นสารวัตรเข้ามาจึงรีบถามทันที
"ไม่ทราบว่าคุณพ่อเสียชีวิตช่วงไหนคะ?"
"19.30 น. โดยประมาณ" สารวัตรตอบ แล้วพูดอีกว่า "อีกสองชั่วโมง นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทม์ในอังกฤษจะมาทำข่าวของนายมาเบิล ระวังตัวไว้ให้ดีนะ คุณเชอร์รี่ คุณอาจจะถูกพวกนักข่าวลุมก็ได้"
"ค่ะขอบคุณที่เตือน" เชอร์รี่พูดเสร็จก็เดินออกมาในที่ที่พ่อตายทันที
ข้าพเจ้าเห็นว่าแววตาของเชอร์รี่มีน้ำตาคลออยู่เมื่อได้มองหน้าพ่อ ข้าพเจ้ารู้มาว่าคุณพ่อ และคุณแม่ของเชอร์รี่ได้หย่ากัน เมื่อเชอร์รี่อายุ 12 ปี เชอร์รี่ไม่พอใจ จึงไปอยู่กับป้าที่ชิคาโก้
"เมื่อสามวันก่อนที่ฉันเล่าให้ฟัง พ่อโทรมาหาฉัน ฉันดีใจที่ได้ยินเสียงพ่ออีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้พบกันมา 11 ปี และไม่นึกว่าฉันได้มาพบหน้าพ่อในสภาพของคนไร้ลมหายใจ!" เชอร์รี่พูด และร้องไห้
"ฉันต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้!" เธอพูด แล้วยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ในขณะที่เชอร์รี่อยู่ในสภาพที่เฉยชา ข้าพเจ้าได้เดินมาที่นายมาเบิลซึ่งนั่งตายอยู่ หน้าซบโต๊ะ เขามีเลือดออกศีรษะมากทีเดียว เลือดที่ไหลออกมาแข็งตัวแล้ว มือข้างขวาถือปืนไว้ ส่วนมือข้างซ้าย
"เชอร์รี่ มือซ้ายของพ่อเธอ อยู่ในกระเป๋ากางเกง" ข้าพเจ้าร้อง "มันอาจเป็นอะไรบางอย่างที่พ่อเธอต้องการจะบอกก็ได้นะ เชอร์รี่" เชอร์รี่ได้ฟังดังนั้นจึงรีบเดินมาทันที เธอนำมือข้างซ้ายของพ่อเธอออกมา ตอนนี้มือของพ่อเธอแข็งตัว ตายมามากกว่า 7 ชั่วโมงแล้ว
"นนี่มันนาฬิกา!" เชอร์รี่ร้องเสียงดัง ทำให้ผู้ต้องสงสัยทั้งสามคนของพวกเรา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ วิ่งมาถามทันที
"เกิดอะไรขึ้นหรือ?" นางบราวน์ถาม
"นั่นมันนาฬิกาของผมนี่นา!" นายสกินนี่ร้อง
"อ้อ! นี่คงจะเป็นหลักฐานยืนยันก่อนตายสินะว่าคุณเป็นฆาตกร คุณสกินนี่" สารวัตรโดนัลพูดพลางหันไปมอง ทำให้นายสกินนี่ปฏิเสธ ก่อนที่เชอร์รี่จะถามว่า
"ไม่ทราบว่าคุณพ่อนัดกับคุณไว้หรือเปล่าว่าท่านจะนำเงินมาจ่ายในวันไหน?"
"เขาบอกว่าวันที่ 16 กรกฎาคม วันนี้แหละ" นายสกินนี่พูด "แล้วเขาก็เซ็นใบเสร็จให้ผมด้วย" เขานำใบเสร็จให้ดู "ผมนึกว่าที่คุณเรียกมาก็เพื่อจะให้ผมมารับเงิน แต่ที่ไหนได้" นายสกินนี่ก้มหน้า แล้วเชอร์รี่ก็คว้าใบเสร็จนั้นมา
"1,000 ดอลล่า?" เชอร์รี่ร้อง
"แล้วไม่ทราบว่าคุณมาเบิลได้จดรายรับ-รายจ่ายไว้หรือเปล่าครับ?" ข้าพเจ้าถามบ้าง
"โธ่เอ๊ยคุณ มันก็ต้องเก็บอยู่แล้วหละ อยู่ในลิ้นชักข้างซ้ายนั่นแหละ" นายจอห์นพูด
เชอร์รี่ไปหาดู แต่ไม่พบเลย
"งั้นคุณก็เป็นฆาตกรล่ะสิ คุณสกินนี่?" นางบราวน์กล่าว ก่อนที่นายสกินนี่จะปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง แล้วเชอร์รี่ก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
"คุณสกินนี่ไม่ใช่ฆาตกรหรอกค่ะ" เชอร์รี่พูด "ลายมือในใบเสร็จนั่นเป็นลายมือของคุณพ่อจริง ๆ ตอนที่ฉันอยู่ที่ชิคาโก้ตอนมัธยมต้น คุณพ่อชอบเขียนมาฉันเป็นประจำทำให้ฉันจำลายมือของคุณพ่อได้"
"งั้นก็ตัดคุณสกินนี่ออกไปได้เลยสินะ" ข้าพเจ้าพูด เชอร์รี่พยักหน้า
"แล้วเธอมีหลักฐานแล้วเหรอ ว่าคุณมาเบิลไม่ได้ตัวตาย" สารวัตรโดนัลแทรกขึ้นมา เชอร์รี่จึงรีบพูดทันที
"ใช่ค่ะ มือขวาของคุณพ่อถือปืน แต่มือซ้ายล้วงเข้าไปในกระเป๋า ทำให้เราพบกับนาฬิกานี่ วันคงเป็นเม็จเซสชี้ตัวคนร้าย" เชอร์รี่พูด นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้ข้าพเจ้าสังเกตว่าเชอร์รี่ได้รับสายเลือดพ่อมาร้อยเปอร์เซ็นต์
"งั้นเราก็ต้องตรวจลายนิ้วมือที่ปืนนั่น นอกจากมือของคุณมาเบิลแล้วหละ" สารวัตรพูด
"ไม่ต้องหรอกค่ะ คนร้ายคงไม่โง่ ใช้มือเปล่า ๆ ยิงคุณพ่อหรอก คนร้ายน่าจะใส่ถุงมือยิงตอนที่คุณพ่อง่วนอยู่กับงานอยู่ พ่อฆ่าได้แล้วก็นำมือข้างขวาจัดในท่าถือปืน" เชอร์รี่พูด "ฉันขอตัวไปพักผ่อนสักครู่นะคะ" เชอร์รี่พูด แล้วมานั่งเงียบอยู่บนโซฟา ข้าพเจ้าคิดว่าเชอร์รี่คงยังเศร้าอยู่ จึงไม่พูดอะไร
เวลา 2.00 น. ตำรวจนายหนึ่งมาบอกว่าตอนนี้นักข่าวหนังสือพิมพ์ไทม์มาแล้ว เชอร์รี่จึงเดินลงไปช้าๆ ระหว่างลงมาเชอร์รี่มองนาฬิกาข้อมือเรือนนั้น เมื่อเธอเห็นนักข่าวกำลังซักไซ้ถามสารวัตรและผู้ต้องสงสัยของเรา เกี่ยวกับเรื่องนี้ เชอร์รี่ยิ้มและรีบวิ่งลงมา ทำให้ข้าพเจ้าแปลกใจมาก
"นั่นไงคุณเชอร์รี่ คุณเป็นลูกสาวของนายมาเบิลใช่ไหมครับ? แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไปครับ? เมื่อขาดคุณพ่อ" นักข่าวชาวอังกฤษหลายคนของหนังสือพิมพ์ไทม์ถามเชอร์รี่มากมายก่อนที่เชอร์รี่จะพูดมาว่า
"ยังไม่มีการสัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น" เธอพูด "ขอให้ฉันได้คลี่คลายคดีนี้ออกมาก่อนเถอะ"
เธอทำให้ทุกคนตกใจ สารวัตรโดนัลยิ้มอย่างพอใจ เมื่อรู้ว่าเชอร์รี่คลี่คลายคดีออกมาได้แล้ว
"งั้นก็บอกมาเลยสิ ว่าใคร" สารวัตรพูด
"ก็ได้ค่ะ คนร้ายก็คือ คุณนั่นแหละ คุณ จอห์น เทเยอร์ !" เชอร์รี่ร้อง ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
"คุณได้มาคุยกับคุณพ่อเรื่องที่คุณถูกโกงเรื่องที่คุณขายรถให้กับคุณพ่อใช่ไหมคะ? ที่คุณไม่พูดออกมาเพราะกลัวว่าฉันจะจับคุณได้ คุณพ่ออาจจะจ่ายเงินไม่ครบ อาจเป็นเพราะว่าคุณพ่อต้องจ่ายเงินค่านาฬิกาเงินให้กับคุณสกินนี่ ทำให้คุณโกรธ ตอนนั้นคุณยังไม่ฆ่าคุณพ่อ แล้วออกไปก่อน รอจนกระทั่ง คุณพ่อได้คุยกับคุณบราวน์และคุณสกินนี่เสร็จ แล้วคุณก็สวมถุงมือ ถือปืน เข้ามาหาคุณพ่อซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะ ตอนนั้นคุณพ่อคงรู้อยู่แล้วว่าจะถูกฆ่าจึงนำนาฬิกาเงินใส่กระเป๋าเพื่อให้เป็นเม็จเซสโดยที่คุณไม่รู้ตัว แล้วคุณก็ยิงศีรษะคุณพ่อ จากนั้นก็นำมือขวาของคุณพ่อมาจัดในท่าถือปืนเหมือนฆ่าตัวตาย เผอิญตอนนั้นคุณไปหาเอกสารที่คุณพ่อซื้อรถของคุณมา แต่ไปเจอรายรับ-รายจ่าย จึงทำลายมันซะ ทำให้คนอื่นๆ พุ่งความสงสัยไปที่คุณสกินนี่อยู่คนเดียว"
"ววิธีนี้ ใคร ๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะ?" นายจอห์นถาม
"ก็ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าใบเสร็จที่คุณสกินนี่มีอยู่ เป็นลายมือของคุณพ่อ และเรื่องที่คุณบราวน์มาจ่ายเงินให้ ก็เพราะคุณพ่อได้ช่วยคุณบราวน์ไว้ แล้วคุณบราวน์มีเหตุผลอะไรจะฆ่าคุณพ่อล่ะ?" เชอร์รี่พูด
"แล้วมีหลักฐานไหมล่ะ?" นายจอห์นถามอีก
"หลักฐานเหรอ? มีสิ นาฬิกานี่ยังไงล่ะ ตอนแรกฉันเข้าใจว่าคุณพ่อหมายถึงเจ้าของนาฬิกา ก็คือคุณสกินนี่ แต่พอได้เห็นใบเสร็จที่มีลายมือคุณพ่อจึงรู้ว่าไม่ใช่ และเมื่อฉันได้เห็นนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทม์มาจึงรู้ทันที คุณพ่อเป็นทนายที่โด่งดังในอังกฤษ จึงถูกสัมภาษณ์บ่อยครั้งจากหนังสือพิมพ์ไทม์ และคำว่า "ไทม์" ในหนังสือพิมพ์ก็คือเวลา คุณพ่อจึงใช้นาฬิกาซึ่งเป็นเครื่องหมายบอกเวลามาใช้เป็นเม็จเซส คือ เจ้าของหนังสือพิมพ์ไทม์ หรือคุณ จอห์น วอลเทอร์ คุณพ่อคงหมายถึง คนที่มีชื่อเหมือนเจ้าของหนังสือพิมพ์ไทม์ หรือนั่นก็คือ คุณนั่นแหละ คุณจอห์น เทเยอร์" เชอร์รี่พูด ทำให้นายจอห์นล้มตัวลง
"คคุณรู้ได้อย่างไร คุณเริ่มจับผิดผมตอนไหน?" เขาถาม
"ตอนที่คุณบอกว่า รายรับ-รายจ่าย ของคุณพ่ออยู่ในลิ้นชักข้างซ้าย ตอนนั้นคุณไปหาเอกสารทั่วโต๊ะ แล้วไปเจอ บัญชีรายรับ-รายจ่าย ในลิ้นชักข้างซ้าย ฉันจึงสงสัยว่าตอนที่เช็นถามคุณ คุณรู้ได้อย่างไรว่ามันอยู่ในลิ้นชักข้างซ้าย!" เชอร์รี่พูด
นายจอห์นรับสารภาพแต่โดยดี ข้าพเจ้าและเชอร์รี่เดินออกมา
"แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป" ข้าพเจ้าถามเธอ
"ฉันฉันจะออกจากการเป็นครูแล้วมาทำงานที่นิวยอร์ก เป็นนักสืบ ฉันจะเดินรอยตามคุณพ่อ ฉันคิดว่าฉันทำได้" เชอร์รี่ มาเบิลพูดก่อนที่จะเข้าไปในรถ