ฉันนั่งอยู่ที่ริมทะเล บ่ายค่อนเย็น ท้องฟ้าใส เมฆขาวบางๆ เป็นหย่อมๆ แต่อยู่คนละซีกฟ้ากับดวงอาทิตย์ แดดจึงดูจัดจ้า.. ข้างกาย นกนางนวลตัวหนึ่ง ยืนอยู่บนขาเพียงข้างเดียว เมื่อฉันมองอย่างพินิจ จึงเห็นว่าขาอีกข้างของมันถูกรัดไว้ด้วยเชือก ส่วนที่อยู่ใต้เชือกลงไป ดูบวมเป่งและสีค่อนข้างคล้ำ มันไม่สามารถยืนด้วยขาข้างนั้นได้ ใครบางคนคงผูกขามันไว้ เมื่อยามที่มันหลุดมา เงื่อนยังคงคาอยู่ที่เท้า ทำให้มันเป็นนกขาพิการ.. สายลมพัดแรง เจ้านกตัวนั้นยืนอยู่อย่างสงบ มองไปที่ดวงตา ดวงตาของมันดูเศร้า เศร้ากว่านกนางนวลตัวอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด บางทีมันคงทนทุกข์ทรมานกับเงื่อนที่ขามันมานาน กว่าที่จะยอมรับมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นมันใช้ขาข้างที่บวมเป่งนั้นเกาหัว แทนที่จะใช้ข้างดี แต่ก็ขำตัวเองทีหลัง เพราะถ้าใช้ขาข้างดีที่ยืนอยู่ไปเกา หัวมันคงทิ่มไปกองกับดินกันพอดี.. คลื่นม้วนตัวโถมเข้าใส่ฝั่ง เป็นการเคลื่อนไหว เป็นการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาโดยไม่เคยหยุดนิ่ง เปลี่ยนแปลงอยู่อย่างนั้น โดยไม่เคยเปลี่ยนแปลง.. ผืนทรายร่วน ค่อนข้างเรียบ เรียบจนเห็นรอยเท้านกนางนวลที่เดินไปมา แต่รอยนั้นไม่นานก็เลือนด้วยลมกลบ อาจกลบเอาความตั้งใจของนกนางนวลบางตัว ที่อยากทิ้งรอยเท้าไว้บนผืนทราย ในฐานะผู้ผ่านทาง.. เสียงผู้คนหัวเราะ พูดคุย หยอกเย้า บ้างเป็นคู่รัก บ้างมาเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก บ้างมากันกับกลุ่มเพื่อน ฉันมาเพียงคนเดียว ดังนั้นความคิดฉันจึงพูดอะไรเพ้อเจ้อได้มากมายกว่าใครๆ.. ไม่บ่อยนักที่ฉันมาที่นี่ ทั้งที่มันไม่ได้ไกลนักจากที่พัก ชีวิตฉันมีแต่งาน กับงาน ฉันทำงาน และปล่อยให้กาลเวลาลบเลือนในสิ่งที่ฉันทำ.. เจ้านกขาเดียวตัวนั้นกระพือปีกขึ้นบินไปบนฟ้า ฉันมองตาม มันดูไม่ต่างอะไรเลยจากนกนางนวลตัวอื่นๆในยามที่มันอยู่บนฟ้า บางทีถ้าเลือกได้ มันคงไม่อยากลงมาอยู่บนดินนัก บินไปเรื่อยๆ บิน.. เท่าที่แรงจะพอมีพอไหว เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดในยามที่ลงยืนผ่อนพัก.. ฉันลุกขึ้นจากที่ที่นั่งอยู่ ใกล้ได้เวลากลับบ้าน ทำงานที่คั่งค้างอยู่ บางทีไม่ใช่ว่ามันเป็นงานที่กินเวลา แต่คล้ายกับว่าฉันใช้มันเพื่อค่อยกินค่อยผลาญเวลาฉันให้หมดไปเสียมากกว่า แต่มันก็เป็นความภาคภูมิใจ อย่างน้อยฉันก็มีงาน งานที่ฉันทำมันได้ดี.. เสียงดนตรีแว่วจากลำโพงบริเวณชายหาดด้านข้างๆ เงี่ยหูฟังจำได้ว่าเป็นเพลง Sweet home Alabama ของ Lynerd Skynerd หยุดฟังจึงได้เห็นว่ามีผู้ชายสองคนเล่นดนตรีอยู่ คนหนึ่งร้อง อีกคนหนึ่งเล่นกีตาร์ เครื่องดนตรีที่เหลือคงใช้โปรแกรมช่วย.. คนร้องร้องเพลงแนวนี้ได้ดีมาก เป็นฝรั่งท้วมๆตัวใหญ่ๆ ส่วนมือกีตาร์ก็ฝีมือดีทีเดียว ทั้งสองคนอายุน่าจะเลย 35 ไปแล้วทั้งคู่ จากหยุดยืนฟัง พอหลายเพลงเข้าก็เริ่มนั่ง ฝรั่งหลายคนรอบๆก็นั่งฟังกลางแสงแดดตอนเย็นๆเหมือนกัน.. เพลงเล่นไปเรื่อยๆ คนหยุดฟังหลายคนขึ้น บางคนจับคู่เต้นรำ มีฉากหลังเป็นหาดทรายและผืนทะเล เสียงปรบมือเป่าปาก เมื่อยามโน้ตตัวสุดท้ายแต่ละเพลงจบลง ฉันลืมงาน ลืมทุกอย่าง ดูผู้คนหัวเราะ เต้นรำ ใครต่อใครที่มาหยุดฟังบทเพลงและตบมือ เท้าฉันค่อยๆขยับเข้าจังหวะ แดดอ่อนลงเล็กน้อย ลมทะเลพัด ทุกอย่างรอบตัวดูกลมกลืน ไร้พิธีรีตองใดๆ.. และจู่ๆความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้น รู้สึกอย่างไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีเหตุผล เหมือนอย่างละนิดละหน่อยจากสิ่งละอันพันละน้อยรอบกาย ค่อยก่อตัวเป็นรูปที่ชัดเจน.. ..อิสระ.. บางครั้งอิสระของนกขาเดียว คือการเลือกและร่าเริงที่จะบิน.. เลือกที่จะยอมสูญเสียขาไปข้างหนึ่ง เพื่อให้ปีกทั้งสองนั้นเป็นอิสระ.. บางครั้งบางที อิสระ อาจไม่ได้มาด้วยการร้องขอ หากแต่ได้มาด้วยการยอมแลก.. เหล่าผู้มีอิสระ ยอมจ่ายบางสิ่งบางอย่างออกไปเพื่อแลกกับมันมา อิสระที่ได้จากการร้องขอให้ผู้อื่นหยิบยื่นจะเรียกว่าเป็นอิสระได้อย่างนั้นหรือ.. น้ำทะเลสีเทาเจือฟ้า พระอาทิตย์เริ่มตก ต่ำลงใกล้ขอบคลื่นที่ไกลโพ้น เสียงดนตรียังคงเริงร่า หญิงสาวสองคนกำลังจับคู่เต้นรำเท้าเปล่าอย่างสนุกสนาน ปมเชือกที่ขาฉันเริ่มคลาย หูแว่วยินเสียงปลายปีกที่ขยับไกว.. เพิ่งสัมผัสได้ถึงความง่ายดายที่จะบิน เพียงความกล้าที่น้อยกว่าการแลกด้วยขาหนึ่งข้างของเจ้านกนั่น
23 กุมภาพันธ์ 2547 13:46 น. - comment id 71154
วันนี้ว่าง ๆ เลยแวะมาอ่านเรื่องสั้นดู เขียนได้ประทับใจ และให้ข้อเป็นคิดอย่างดีครับ เป็นเราที่หาเชือกมามัดขาหรือแขนของเราไว้เอง ปมเชือกต้องแก้ด้วยตนเอง ผมคงปาดเชือกไม่ปาดขาตัวเอง(ล้อเล่นนะครับ)
23 กุมภาพันธ์ 2547 13:47 น. - comment id 71156
เขียนได้ดีนะ ได้บรรยากาศ เป็นปรัชญาชีวิตดี ชอบค่ะ
23 กุมภาพันธ์ 2547 14:43 น. - comment id 71157
ขอบคุณมากๆครับ พี่ชัยชนะ แล้วก็ เฌอย์.. เขียนเองแล้วมาทวนอ่าน ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันดูลอยๆไปไหม.. แต่ก็อารมณ์นั้นหละนะ.. นี่ก็นั่งเถือเชือกตัวเองอยู่เหมือนกันครับ (พอดีมีดไม่คม 55 :)
23 กุมภาพันธ์ 2547 14:57 น. - comment id 71158
@o..v..o@
23 กุมภาพันธ์ 2547 17:28 น. - comment id 71165
: )
1 มีนาคม 2547 10:43 น. - comment id 71314
'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'\'ดีเเล้ว
4 มีนาคม 2547 10:15 น. - comment id 71417
ให้ข้อคิดในอีกหลายๆ แง่มุมดีนะคะ ^__________________^
8 มีนาคม 2547 17:56 น. - comment id 71557
มีแง่คิดดีค่ะ มีมุมมองที่ดีมาก
19 มีนาคม 2547 13:54 น. - comment id 71910
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาที่แสนดีน่ะ ทำให้เราได้แง่คิดต่าง ๆ มากมาย หวังว่าคงมีโอกาสได้อ่านเรื่องของคุณอีกค่ะ
26 มิถุนายน 2547 14:58 น. - comment id 74928
ชอบๆๆ นี่แหละ. . .หมอกจางล่ะ ยังเป็นฮีโร่เรื่องสั้นของแม่มดน้อยไม่เปลี่ยนเลยนะ =^______^=
29 มิถุนายน 2548 13:29 น. - comment id 76470
มาแสดงความเห็นช้าไปหน่อยคงไม่ว่า เผอิญเห็นเรื่องอื่นๆเขียนได้ดีก็เลยย้อยกลับมาดูอันเก่า เข
29 มิถุนายน 2548 13:33 น. - comment id 76471
ขออภัย ผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย จะบอกว่าเขียนได้ดีมากค่ะ แต่บางครั้งเราก็เป็นคนที่ผูกตัวเอง ไว้มากกว่านะคะไม่ใช่คนอื่นมาผูกเรา เพราะฉะนั้นเราก็สามารถจะแก้เชือกได้ มันอยู่ที่ตัวเองว่าอยากจะแก้หรือไม่เท่านั้น